ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blood Rush

    ลำดับตอนที่ #11 : คุมขัง

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 51


    Chapter 10

    : คุมขัง

     

    เอเฟียยืนสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทรงงานอันแน่นขนัดด้วยพระราชกรณียกิจหลากหลายอย่างจนสูงเป็นกองพะเนิน ในขณะที่องค์เหนือหัวประทับประสานหัตถ์ทอดพระเนตรนางนิ่งพอๆกัน

    ไม่ได้เจอกันนานเลยสินะเอเฟีย เจ้าสบายดีหรือไม่?”

    หม่อมฉันสบายดีเพคะ ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง

     พระพักตร์คมและเนตรดั่งพญาเหยี่ยวยังคงมิผิดจากวันที่นางมาขออนุญาตอกจากวัง หากจะมีที่เปลี่ยนแปลงไปในวันนี้ก็คือความเครียดขรึมที่แผ่ออกจากพระวรกายองอาจที่นางไม่เข้าใจความหมายนั้น

    ข้าให้สิทธิที่จะทำทุกอย่างแก่เจ้า แต่มิได้หมายความว่าจะให้เจ้าฆ่าคนได้ตามใจชอบ

    ประโยคตรงๆมิอาจทำให้นางผงะตกใจ นอกจากหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นชนกันและคลายออกอย่างรวดเร็ว ด้วยตระหนักดีว่าข่าวคราวทุกสิ่งของนางไม่อาจรอดพ้นพระเนตรพระกรรณของเหนือหัวได้ เอเฟียปิดปากเงียบเฝ้ารอสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างใจเย็น

     พระอัสสาสะ-ปัสสาสะหนักระบายออก ก่อนพระหัตถ์ใหญ่จะหยิบ รายงาน ที่มีหัวเรื่องว่า เอเฟีย มาเปิด

    ฆ่าคนห้าคนและเกือบลงมือทำร้ายผู้หญิงอีกคนหนึ่งซึ่งบังเอิญมีผู้มาพบเห็น ทำให้เอเฟียหลบหนีไป แต่การกระทำดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้หญิงคนนั้นเสียสุขภาพจิต ต้องเข้ารับการบำบัด สาเหตุเพียงเพราะหนึ่งในห้าผู้ตายพูดจาดูหมิ่น...

    ดวงตาสีน้ำตาลลุกวาว ต้นเหตุของเรื่องนี้ไม่แคล้วคือยายซินาร่า!

    พระเนตรสีดำสนิทหรี่ลึก สังเกตอาการเดือดดาลของหญิงสาวตรงหน้าได้อย่างง่ายดาย

    เจ้าเป็นถึงอัศวินแท้ๆ แต่กลับทำการสิ้นคิดเช่นนี้ มีอะไรจะแก้ตัวไหม?”

    ไม่มีเพคะ

    คำตอบนั่นราบเรียบต่างจากดวงตาที่ก้มต่ำเพื่อซ่อนแววอาฆาต

    ดี แล้วรู้หรือไม่ว่าโทษคือการขังคุกตลอดชีวิต แต่เจ้ายอมรับโดยดีข้าจะลดโทษให้เหลือสามสิบปี

    เอเฟียเงียบไปพักใหญ่ ก่อนคำตอบของนางจะเบาหวิวแต่กลับหนักแน่น

    รู้... หม่อมฉันรู้เพคะ!”

    ก่นจะเงยหน้าขึ้นเพื่อสบตากับพระเนตรคมกริบ

    อาการนั้นของนางทำให้ราชองครักษ์ทั้งสองคนที่เห็นนางมาแต่เด็ก รีบเข้าคุมตัวนางและกดหญิงสาวให้คุกเข่าลงกับพื้นในทันที ใจเย็นๆเอเฟีย! อย่าคิดทำอะไรบ้าๆเชียวนะ!”

    สาวผมแดงขืนมือที่กดศีรษะของนางลงต่ำ เพื่อจะให้เงยหน้ามององค์เหนือหัวเต็มสองตา

    แต่หม่อมฉันมีคำถามจะถามพระองค์เพคะ! หน้าที่ของทหารคือป้องกันบ้านเมือง แล้วคนที่ค้าขายชีวิตของประชาชนของพระองค์เพื่อให้ตัวเองอยูอย่างเป็นสุขนับเป็นภัยต่อบ้านเมืองหรือไม่? แล้วหากการที่หม่อมฉันตามหาคนของหม่อมฉันที่ถูกลักพาตัวไปโดนกลุ่มคนพวกนี้จะผิดหรือไม่? และข้อสุดท้าย หากพวกมันชักดาบออกมาก่อนและวิ่งเข้ามาทำร้ายหม่อมฉันโดยที่จับคนของหม่อมฉันไว้เป็นตัวประกัน หม่อมฉันสมควรยืนนิ่งให้พวกมันฆ่าก่อนใช่ไหมเพคะ? พอกลายเป็นผีจึงค่อยกลับมาหลอกหลอนพวกมันและเฝ้ามองริอาที่ถูกขายให้กับเศรษฐีสันดานหยาบช้า!”

    ไม่มีคำตอบจากองค์เหนือหัว นอกจากการตรัสว่า นำนางไปขังไว้ เพียงแค่นั้น

    เอเฟียกระชากกายขึ้นโดยไม่รอราชองครักษ์ ร่างบางถอนสายบัวเร็วๆก่อนก้าวนำออกจากห้องอย่างทะนงตน ทิ้งไว้เพียงองค์ราชาผู้ทอดพระเนตรมองตามต้นเหตุแห่งความหนักพระทัยของพระองค์เงียบๆ...

     

    รอสยังคงนั่งเฝ้าริอาในห้องของเอเฟียต่อไป แม้ว่าหลังจากที่บรรดาอดีตแม่ทัพอาวุโสจะจากไปนานแล้วและไคลน์จะออกตามไปก็ตาม

    เขานั่งพิจารณาแม่สาวน้อยผู้หลับใหลบนเตียงนุ่ม เพ่งพิศมองโครงหน้ารูปหัวใจซึ่งมีเรือนผมสีรัตติกาลเงาสวยเป็นกรอบหลัง และมีเครื่องหน้าได้รูปลงตัว รวมถึงรูปร่างโปร่งบางผอมเพรียวราวกับจะปลิวลมทำให้นางแลดูน่าทะนุถนอม ไม่แปลกเลยว่าทำไมเอเฟียจะรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้ขนาดลงทุนกลับมาที่วังและขายสร้อยอัญมณีเพลิงที่นางแสนจะหวงได้ลงคอ

    แต่แม่สาวน้อยคนนี้ก็น่าสงสารเหมือนกันแฮะ ดันมาเป็นโรคไข้เจ็ดวัน... ว่าแต่เอเฟียไปเจอกับแม่เด็กสาวคนนี้ได้ไงนะ ทั้งๆที่ข่าวล่าสุดของเขานั้นเอเฟียยังเดินทางกับไรเด็นแค่หนึ่งตัวหนึ่งคนอยู่เลย...

    เสียงเปิดประตูดังขึ้นในความเงียบ แม่ทัพหนุ่มหันไปมองที่มาเสียงและกำลังเตรียมตัวจะยิ้มให้กับคนที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของห้อง

    แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นก็หุบลงเมื่อพบว่าอีกฝ่ายคือ ศัตรูหัวใจ

    มีอะไรหรือ?”

    รอสถามไป ยิ่งเห็นสีหน้าเครียดขรึมของอีกฝ่ายก็ยิ่งประหลาดใจ

    รอส... พี่ชายเรียกชื่อ คิ้วขมวดอย่างคนกำลังวิตก เอเฟียถูกขังคุกข้อหาฆ่าคนตาย

    แม่ทัพหนุ่มสะดุ้งลุกจากเก้าอี้ราวโดนเข็มทิ่ม ดวงตาเบิกกว้างตื่นตระหนก

    ว่าไงนะ!??”

     

    รอสแทบไม่เชื่อสายตา เขามองดูเอเฟียที่นั่งกับพื้นหินเย็นเฉียบพิงกายกับกำแพงคุกใต้ดินแล้วมองตรงไปด้วยสายตาว่างเปล่า

    เอเฟีย...ทำไมเจ้า...ข้าไม่อยากเชื่อเลย...

    เจ้าของเรือนผมสีแดงค่อยๆหันหน้ามาช้าๆ วูบหนึ่งที่วงตาของนางดูแห้งแล้ง... แต่ก็แค่วูบเดียวเท่านั้น เพราะหลังจากนั้น เมื่อนางเลิกคิ้วข้างหนึ่งสูงขึ้นน้ำเสียงห้วนของนางก็ตามมาอย่างปกติ

    มองอะไรยะ ไม่เคยเห็นคนสวยโดนจับขังหรือไง!?”

    เขาทั้งอึ้งและสับสนปนกัน เบลอจนถึงกับตอบไปว่า ก็ไม่เคยเห็นคนสวยถูกจับน่ะสิ...

    คนที่คิดว่าจะได้แกล้งกับกลายเป็นคนที่หน้าระเรื่อขึ้นมาแทน นางเงียบไปครู่หนึ่ง เช่นเดียวกับที่รอสดูจะพึ่งรู้ตัว พอเอเฟียอ้าปากจะพูด เขาก็รีบแย้งขึ้น

    ก็หมายถึง คนสวยเขาไม่ถูกจับกันน่ะ ถ้าเจ้าถูกจับก็แสดงว่าเจ้า...

    เพราะข้าไม่ใช่ผู้หญิงสวยแต่ไร้เหตุผลไงล่ะ

    นางแย้งเสียงเรียบ ดวงตาวาววาม

    เพราะถ้าข้าเป็นผู้หญิงโง่ๆคนนึงล่ะก็ ข้าคงจะปล่อยให้เจ้าพวกลูกน้องของนางซินนั่นเอาดาบมาแทงเล่นแล้ว

    แม่ทัพหนุ่มเงียบ รอดูปฏิกิริยาของเอเฟียที่กำลังค่อยๆเดือดปุดๆขึ้นเรื่อยๆ พอแน่ใจว่านางจะไม่กัดหากเขาถามเรื่องราวออกไป ชายหนุ่มเลยลองแกล้งถามที่มาของเรื่องทั้งหมด

    มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ?”

    เพียงแค่นั้นล่ะ

    อย่าให้ข้าเล่าเลยรอส!...

    แต่สามสิบนาทีหลังจากนั้น เรื่องราวดุเดือดเผ็ดมันก็ถูกถ่ายทอดผ่านซี่ลูกกรง และจบลงที่ว่า

    เพราะงั้น ข้าเลยมานั่งอยู่ในนี้ไง

    รอสที่บัดนี้นั่งลงกับพื้น กอดอกและตั้งใจฟังเรื่องราวของเอเฟีย พร้อมๆกับสังเกตท่าทางของนาง แต่นอกจากอาการขุ่นเคืองหงุดหงิดแล้ว นางก็ไม่มีอาการอื่นใดอีก ราวกับว่านางปลงแล้วกับการที่ต้องใช้ชีวิตในห้องมืดและคับแคบนี้ตลอดกาล

    สามสิบปี...พอพ้นโทษก็แก่กันพอดี

    เอเฟียแบะปาก เมื่อนึกสภาพตัวเองเป็นป้าวัยห้าสิบที่พึ่งออกจากคุก

    ฮ่าฮ่าฮ่า ออกมาตอนนั้นเจ้าก็หัวหงอกล่ะ

    หญิงสาวส่งค้อนวงใหญ่ให้หนหนึ่ง ก่อนตวัดตากลับ เจ้าเองก็แก่พอๆกับข้าน่ะแหละ พอข้าออกจากคุก เจ้าก็คงมีหลานมีเหลนไปแล้ว

    ไม่หรอกรอสปฏิเสธ โคลงหน้าช้าๆ ข้าจะ...

    เอเฟียเอียงคอให้กับประโยคที่อยู่ๆก็ขาดหายไปของรอส จะอะไร

    ชายหนุ่มมองหน้าอีกฝ่าย นึกไปถึงวันข้างหน้าที่นางต้องใช้ชีวิตในคุก...ชีวิตที่ขัดกับสัญชาติญาณของนาง...สามสิบปีไม่ใช่เวลาสั้นๆเลย แล้วเอเฟียที่รักอิสระยิ่งกว่าชีวิตของนางจะทนอยู่ได้อย่างไร... ยิ่งกว่านั้น เขาสมควรบอกนางหรือเปล่า ว่าไม่ว่านานเท่าไหร่เขาก็จะรอนาง...

    แล้ว...ไรเด็นล่ะ

    รอสบ่ายเบี่ยงประเด็น แล้วย้อนถามกลับด้วยคำถามเดียวแต่ทำให้คนที่เคยปลงตกเงียบกริบ...

    เอเฟียก้มหน้าลง สายตาทอดมองพื้นหิน บอกมันว่า... นางเงียบอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาขอร้อง บอกมันว่า ให้มันไปหานายคนใหม่ ข้าจะยกเลิกพันธะกับมัน หรือ... หากมันไม่มีที่ไป ข้าขอให้เจ้าช่วยดูแลมันแทนข้าด้วยได้หรือไม่?”

    เขาถึงกับพูดไม่ออก ไม่ใช่ว่าการรับเลี้ยงไรเด็นน้อยจะเป็นปัญหา แต่... เขาไม่คิดว่าเอเฟียจะถอดใจเร็วขนาดนี้

    ได้สิ ไม่มีปัญหาหรอก...แต่ เจ้าไม่คิดว่าเจ้าไม่ผิดเลยหรือ? เจ้าแค่ป้องกันตัวเอง

    คิ้วเรียวขมวดกึก

    ถ้าองค์เหนือหัวดำริเช่นนั้น ข้าก็ไม่เข้ามาอยู่ในนี้หรอก

    คำพูดของนางยิ่งทำให้เขาจนตรอก ลององค์เหนือหัวตรัสแล้วย่อมไม่คืนคำ แต่หวังว่าพระองค์จะลดโทษให้นะ

    ชายหนุ่มถอนใจหนักๆ ก่อนผุดลุกขึ้นยืน เอาล่ะ ข้าจะลองไปคุยกับพระองค์ดู เจ้ารอหน่อยแล้วกัน

    เอเฟียมองเขาด้วยแววตาอ่านไม่ออก นางเพียงขยับกายถอยกลับไปนั่งเอนพิงกำแพงตรงที่เดิม ตวัดมือกอดสองขาที่ชันเข่าขึ้นมาเพื่อเกยคาง

    โชคดีละกัน

    นางว่าเสียงเอื่อยเฉื่อย ดวงตายังคงไม่ละจากเขาไป

    รอสได้แต่พยักหน้า... เขาก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน

    ไปล่ะ

    เดี๋ยว! รอส

    เขาชะงักฝีเท้า หันขวับกลับมาและได้เห็นแววตาของนาง

    ได้โปรด... นางกล้ำกลืนความรู้สึกลงไป อย่าให้ไรเด็นกับริอารู้ว่าข้าถูกจับ อย่าให้นางกับมันรู้ว่าข้าอยู่ที่นี่

    ผู้ถูกอ้อนวอนได้แต่พยักหน้า ก่อนเดินจากไปเงียบๆ ด้วยเข้าใจความรู้สึกของเอเฟียดี...

     

    ฝ่าบาทได้โปรดพิจารณาด้วยพะย่ะค่ะ...

    แม่ทัพหนุ่มคุกเข่าลงเบื้องหน้าองค์ราชาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนยืดกายขึ้นแล้วก้าวถอยหลังออกจากห้องทรงงานขององค์เหนือหัวด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง...

    ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนบทลงโทษเลยสักนิด... หรือเอเฟียจะต้องอยู่ในสามสิบปี?...

    แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็จะรอนางตลอดไป

    ร่างสูงก้าวเข้าไปในห้องของเอเฟีย และผลักประตูปิด เพราะมัวแต่ก้มหน้าจึงไม่ได้เห็นผู้มาเยือน

    เฮ้ เอเฟียล่ะ?”

    รอสชะงักขา เงยหน้าขึ้นอีกนิดเพื่อมองไรเด็นน้อยที่นอนหมอบบนเตียง

    ทำอย่างไรดี?

    ราชันน้อยสังเกตท่าทางอึดอัดใจของอีกฝ่ายได้ มีบางอย่างแปลกไปทั้งในสายตาและท่าทาง รวมถึงกลิ่นไอของความรู้สึกลำบากใจ... ไรเด็นขยับกายขึ้นนั่ง หรี่ดวงตาสีอำพันเป็นเส้นลง

    เกิดอะไรขึ้นกับนาง?” เสียงของมันต่ำลง เป็นสัญญาณว่าพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้รับรู้ความจริง

    รอสยิ่งกว่าลำบากใจกับปวดหัวเสียอีก... จะให้เขาบอกไงล่ะ? เอเฟียออกเดินทางต่อแล้วโดยไม่รอมัน แต่ข้าวของของนางรวมถึงดาบคู่ชีพก็ยังอยู่ในห้อง หรือจะบอกว่าเอเฟียหายสาบสูญ แต่ใครจะกล้ามาลักพาตัวในวัง? แล้วคนอย่างเอเฟียคงยอมให้ลักพาตัวง่ายๆหรอกนะ

    ประตูเปิดผัวะเข้ามา กระแทกแผ่นหลังของเขาจนแทบหน้าคะมำ!

    เฮ้ย รอส! เอเฟียถูกจับเรอะ!?”

    เสียงของหนึ่งในบรรดาแม่ทัพอาวุโสที่พึ่งผลักประตูเข้ามาลั่นห้อง รอสรู้สึกเหมือนถูกสาป ในขณะที่ไรเด็นน้อยผุดยืนขึ้นถลึงตา ตะโกนออกมาเหมือนที่เขาเคยพูดไม่ผิด

    ว่าไงนะ!?”

     

    เอเฟียนั่งนิ่งเหมือนรูปปั้น ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตเบิกค้างมองไรเด็นน้อยที่สุดท้ายแล้วมันก็บังคับให้รอสพามาจนได้

    แล้วดวงตาคู่เดิมก็ตวัดหารอสที่ยืนทำหน้าลำบากใจด้วยแววเอาเรื่อง

    ไหนเจ้าสัญญากับข้าแล้ว!!”

    ชายหนุ่มก้มหน้าลง ด้วยอาการของคนพูดไม่ออก

    ไรเด็นน้อยปรายตามองรอส แต่ปากกลับพูดกับนายสาว

    ข้ารู้ข่าวเอง แล้วบังคับให้รอสพามา เหอะ! ข้ารู้นะว่าที่เจ้าไม่อยากให้รอสพาข้ามาเพราะกลัวจะโดนข้าล้อน่ะ แต่เจ้าพลาดแล้วเอเฟีย เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีวันพลาดเรื่องงี่เง่าของเจ้าแน่ๆ! อีโธ่... เห็นมั้ย? ข้าบอกเจ้าแล้วว่าสักวันเจ้าจะต้องถูกจับเพราะความบ้าพลังของเจ้าแน่ๆ เป็นไงล่ะ สามสิบปี พอออกมาก็แก่หง่อมพอดี ฮ่าฮ่าฮ่า

    เอเฟียกระชากสายตากลับแทบไม่ทัน นางกระโจนมาเกาะซี่กรง ทั้งแยกเขี้ยวขาวใส่มันและยื่นมือข้างหนึ่งไขว่คว้าไรเด็นน้อยไว้

    หนอย!!! ไอ้เตี้ยเอ๊ย!!! อย่าให้ข้ารอดออกไปนะ ข้าจะต้องจับเจ้าถลกหนังแน่ๆ!”

    หากเจ้าตัวเล็กก็ก้าวถอยหลัง คลี่ยิ้มระรื่นของผู้มีชัยแล้วหัวเราะลั่น

    เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ยายบ้าพลัง ข้าล่ะชอบจริงๆเลยเวลาที่เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้แบบนี้ ยายงี่เง่าเอ๊ย! ข้าเฝ้าภาวนาให้เจ้าถูกขังคุกมานาน แล้วในที่สุดพระเจ้าก็เมตตาข้า ฮ่าฮ่าฮ่า

    ใครก็ได้ เอาดาบให้ข้าที! ถ้าวันนี้ข้าฆ่าไอ้เตี้ยปากหมานี่ไม่ได้ละก็ ข้าต้องตายตาไม่หลับแน่ๆ!!!”

    สาวผมแดงแผดเสียงลั่น พยายามเบียดกายกับลูกกรงสุดชีวิตเพื่อให้คว้าเจ้าตัวแสบปากมอมของนางให้ได้ เสียงของนางดังลั่นจนผู้คุมที่อยู่นอกประตูไม้โผล่หน้ามามอง

    ไรเด็นน้อยยิ่งหัวเราะก๊ากชอบอกชอบใจจนน้ำตาไหลเมื่อเอเฟียไม่อาจทำอะไรมันได้ ท่าทางของนางเหมือนกับหมูป่าที่โกรธจัดและพยายามจะทำร้ายคนที่จับมันมาแต่กลับถูกล่ามกับโซ่เส้นใหญ่จนไม่อาจขยับได้

    เจ้าตัวเล็กกวนประสาทอย่างต่อเนื่องด้วยการวางอุ้งมือขวาบนหลังมือของเอเฟียแล้วส่ายหน้าประมาณว่า อย่าพยายามเลย แต่ผลกลับยิ่งตรงข้ามเมื่อนางแทบจะแหวกลูกกรงออกมา ไรเด็นก็ยิ่งสะใจที่ได้แกล้ง

    ไรเด็นน้อยแกล้งมองเอเฟียด้วยหางตา ก่อนจะเมินมองไปยังใบหน้าของรอสที่ยืนหดหู่อยู่ข้างๆ

    รอส ข้าขอช่วยให้เจ้าตามผู้คุมมาทีได้ไหม? บอกให้เขาเปิดห้องขังให้ที ข้าจะเข้าไปอยู่กับเอเฟีย

    คำพูดของมันมีผลให้คนที่เคยบ้าหยุดนิ่ง เจ้าว่าไงนะ?” แต่คนที่พูดคือแม่ทัพหนุ่ม

    ราชันพยักหน้าหงึกๆ เจ้าได้ยินไม่ผิดหรอก ข้าจะอยู่กับเอเฟียตลอดสามสิบปี่นี่แหละ

    รอสนิ่งไปอึดใจ เขาสบตากับไรเด็นน้อยที่หนักแน่นเกินกว่าจะล้อเล่นก็ได้แต่พยักหน้ารับ

    เข้าใจแล้ว

    ไม่อนุญาต!!!”

    สาวผมแดงวีน ดวงตาของนางฉายความไม่พอใจอย่างรุนแรง ข้าไม่ให้เจ้าอยู่ด้วย!!”

    เจ้าตัวเล็กถอนหายใจหนักๆ เจ้าไม่ใช่ผู้คุมนะเอเฟีย เจ้าไม่มีสิทธิตัดสินใจ แล้วอีกอย่างที่ข้าจะเข้าไปอยู่นั่นก็เป็นไปด้วยความเต็มใจ เจ้าย่อมไม่รู้หรอกว่า ข้าน่ะมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้เห็นเจ้านั่งจับเจ่าในคุก

    มันทิ้งประโยคกวน แต่เอเฟียไม่ได้เต้นไปตามบทที่มันกำหนด หญิงสาวขมวดคิ้วด้วยสีหน้าเครียดขรึม

    ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาอยู่ที่นี่กับข้า! ข้าไม่ต้องการให้มีใครมาลำบากไปกับข้า!”

    ไรเด็นพยักหน้ากับรอส ก่อนฝ่ายหลังจะเดินตรงไปที่ทางเข้า และราชันน้อยก็แย้งคำพูดของเอเฟีย

    ใครว่าข้าลำบากล่ะ? ข้ามีความสุขจะตายที่ได้เห็นเจ้านั่งทุกข์ ข้าล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าเจ้าจะทนอยู่ได้สักกี่น้ำ

    นั่นคือประโยคเด็ดสุดท้าย ก่อนที่รอสพร้อมกับผู้คุมจะเดินกลับมาอีกครั้ง เพื่อเปิดประตูกรงขังและให้ไรเด็นน้อยเดินเข้าไปนั่งข้างๆเอเฟียอย่างสงบเสงี่ยม แต่นายสาวกลับโวยวายสุดฤทธิ์

    ข้าไม่ให้มันเข้ามาอยู่ด้วย ได้ยินมั้ย!! เจ้าไม่กลัวหรือไงว่ามันจะกัดข้าจนตายหรือข้าจะสั่งให้มันฆ่าข้าเพื่อหนีความผิด!!”

    ผู้คุมเริ่มมีท่าทางลังเลเมื่อเขาไขกุญแจเสร็จ แต่รอสก็ผลักหลังผู้คุมเบาๆแล้วบอกกับเขาว่า ไม่ต้องสนใจนาง ผู้คุมวัยกลางคนจึงค่อยพยักหน้ายกมือทำความเคารพอีกฝ่ายซึ่งมียศสูงกว่าแล้วเดินกลับออกไปนอกห้องขัง

    ส่วนเอเฟียก็ได้แต่ร้องเรียกให้ผู้คุมกลับมา แต่ก็ไร้ผล...

    รอสเฝ้ามองนาง เขารู้ว่าเอเฟียไม่อยากให้ไรเด็นน้อยต้องมาลำบากกับนาง แต่ไรเด็นน้อยก็ไม่คิดจะอยู่อย่างมีความสุขถ้ามันไม่ได้อยู่กับเอเฟีย... เขาถอนใจ ก่อนบอกลานาง

    ข้าไปก่อนนะ พวกทหารมาตามข้าไปฝึกแล้ว

    แต่คำบอกลาของเขาดูจะไม่ได้รับความสนใจมากเท่าไหร่นัก เพราะเอเฟียมัวแต่วิ่งไล่ไรเด็นน้อยไปทั่วห้องขังพร้อมสบถยาวเหยียดสุดสารพัดอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งไม่ควรทำอย่างรุนแรง

    เฮ้ย ยายบ้าพลัง! รอสจะไปแล้วนะ ไม่สนใจเขาหน่อยเรอะ!?”

    ไรเด็นน้อยร้องขึ้น ก่อนกระโดดหลบรองเท้าข้างหนึ่งของเอเฟีย

    ไม่สน! ข้าสนแต่ว่าต้องจัดการเจ้าให้ได้!”

    รอสที่ยืนฟังถึงกับถอนใจออกมาอย่างห่อเหี่ยว... แต่ก็ช่างเถอะ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้ว่าความสัมพันธ์ของเอเฟียกับไรเด็นเหนียวแน่นเพียงใด...ผูกพัน (?) กันจนคนนอกอย่างเขาแทรกเข้าไปไม่ได้...ช่างเถอะๆ สักวันหนึ่งเขาหวังว่าจะผูกพันกับนางได้ขนาดนั้นบ้าง... ชายหนุ่มโบกมือลาให้กับทั้งคู่ก่อนเดินจากไปเงียบๆอย่างคนเจียมตัว...

    สุดท้ายเอเฟียก็ทิ้งตัวลงนั่งอย่างเหน็ดเหนื่อยแกมเบื่อหน่ายเมื่อนางประสบความล้มเหลวในการไล่ล่าไรเด็นน้อย หอบหนักๆเอนกายพิงผนัง ก้มหน้าไม่สนใจไรเด็นน้อยที่เดินมาใกล้ๆแต่ทิ้งระยะห่างให้พ้นระยะขาของนางแล้วนั่งลงบ้าง

    เอเฟีย เจ้าไม่รู้หรอกหรือว่าข้าจะไม่มีวันทิ้งเจ้าแน่ๆ

    ใบหน้าหวานหยาดเหงื่อเกาะพราว ค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆ ดวงตาของนางมีทั้งความอึ้งและซาบซึ้ง

    จริงหร...

    ล้อเล่นน่ะ เจ้าคิดหรือว่าข้าจะพูดอย่างนั้น อย่างเจ้าใครจะอยากอยู่ด้วย?”

    แค่นั้นล่ะ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อครู่ก็ราวกับปลิดปลิวหายไปในชั่วพริบตา ร่างระหงสะดุ้งลุกพรวด มือเรียวชี้หน้าไรเด็นน้อย

    เจ้า...!!! ไอ้เตี้ยบังอาจ!! วันนี้ข้าต้องถลกหนังเจ้าให้ได้!!!”

    ก่อนการไล่ ล่า จะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง...

    หากใบหน้าของเจ้าตัวเล็กกลับเหยียดยิ้มสมเพช น้ำเสียงระรื่นยามถ่ายทอดความจริงใจออกไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×