Winter Sorrow
เรื่องสั้นเรื่องแรกครับ ฝากติชมด้วยน้า~
ผู้เข้าชมรวม
245
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เอซาเรถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อชายหนุ่มร่างสูง อย่างน้อยก็สูงกว่าเธอแน่ๆซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเจ็บใจเอามากๆ เดินลับไปจาขอบเขตการมองเห็น ตอนนี้ศรีษะของรูปปั้นเทพธิดาคงกลับคืนรูปตามเดิมแล้ว สีหน้าของเคนตอนเห็นหัวรูปปันขยับได้ดูตลกดี แล้วเธอก็ชอบเขาแบบตลกๆนั้นมากกว่าตอนที่เขาใช้เสียงราบเรียบและท่าทีสงบนิ่งแบบนั้น มันทำให้เธอคาดเดาเขาไม่ได้หมือนเคย
เคนไม่เคยรู้ว่าตัวเขาในแบบนั้นเป็นประเภทที่เธอแพ้ทางมากที่สุด และแน่นอนว่าเอซาเรไม่มีทางบอกเขาเรื่องนี้นอกเสียจากว่าเธออยากจะหัวปั่นเพราะถูกเขาเอาคืน
เอซาเรเบือนหน้าไปยังหน้าต่าง มีเรียวขาวซีดดังหิมะที่ตกอยู่ข้างนอกทาบบนผิวกระจกเย็นๆ
ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองไปไกล แม้จะมองไม่เห็นแต่เธอก็มั่นใจว่าข้างนอกปราสาท ท่ามกลางหิมะที่โหรยปรายลงมามีร่างของหญิงสาว งามระหง และเต็มไปด้วยความสง่าของนางพญา ยืนอย่างอ้างว้าง
5ปีแล้วนะไอรายา เธอก็ยังจมอยู่ในหิมะสีเทาที่ทับถถมอยู่ในความทรงจำอยู่อย่างนั้นหรือ?
.............................................................................................................................................................
ประมาณ 6 ปีก่อนหน้านี้
ฉัวะ
เสียงดาบฟาดฟันเลือดเนื้อมนุษย์ด้วยกันดังขึ้นเบาๆแหวกความเงียบงันยามราตรี ไร้ซึ่งเสียงดิ้นรนร้องขอชีวิต การสังหารเต็มไปด้วยความเรียบง่าย สงบ และเยือกเย็น เหมือนดวงตาสีฟ้าซีดของมือสังหารที่มองเหยื่อ
ไร้ซึ่งความรู้สึกหรือร่องรอยของอารมณ์ใดๆสะท้อนในแววตาคู่นั้น
จตุรเทพาทั้งสี่ เป็นตัวแทนธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ขึ้นตรงกับกีอาซึ่งเปรียบดังธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ ผู้ที่เป็นทั้งมารดาและผู้ที่คอยปกปักษ์โลกใบนี้
นั่นคือสิ่งที่ตำนานเล่าขาน แล้วในความเป็นจริงเล่า? ความจริงนั้นเป็นเช่นไร
ความเป็นจริงข้อแรก เทพาแห่งวารี ซึ่งจะเรียกว่าเทพาก็ไม่ถูก พราะเธอสมควรถูกเรียกว่าเทพีมากกว่า ดวงตาสีฟ้าซีดอมเทา เส้นผมสีน้ำเงินเข้ม สีของน้ำทะเลลึก ปลิวสยายตัดกับดวงจันทร์กลมโตบนท้องนภา ของเหลวสีแดงสดยังเปื้อนใบดาบ แต่กลับไปหยดลงสู่พื้นดิน ราวกับว่าดาบนั้นกำลังดูดซับเลือดนั้นเอาไว้ เลือดจากการปฏิบัติงานที่เพิ่งผ่านไปอย่างสดๆร้อนๆ
นี่เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ผู้ที่ได้ตำแหน่งเทพาแห่งวารีมีหน้าที่รับจ้างฆ่าเป็นวิชาชีพ ถึงจะไม่ค่อยมีใครรู้จักต่ำแหน่งแรกนัก เพราะถ้าชาวประชารู้เรื่องกันทั่วว่าเทวาแห่งน้ำผู้อ่อนโยนเป็นนักฆ่าคงจะเลิกเชื่อตำนาน ไม่ก็คนที่เขียนบันทึกตำนานนั่นอย่างถาวรแน่ๆ หรือไม่ก็คงมีการประชาทัณฑ์หมู่ข้อหาเผยแพร่เรื่องเท็จจนกลายเป็นความเชื่อฝั่งหัวทุกชนชาติบนโลกใบนี้
ยังมีเทวาอีก 4 ที่มีความจริงอีกมากมายที่ยังเป็นความลับ แต่นั่นยังเป็นอีกเนื้อเรื่องหนึ่งที่ยังห่างไกลจากเรื่องราวนี้
เอซาเร แห่งวารี เทพีผู้เป็นเจ้าของสายธารทั้งปวงและมหาสมุทรเอเซียสอันกว้างใหญ่ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปและผู้ที่หลบเร้นในโลกมืดว่า เรเซีย ไอซ์ นักฆ่าผู้ซึ่งไม่เคยมีเหยื่อคนไหนรอดมือไปได้ การลงมือสังหารทุกครั้งเป็นไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ ดวงตาสีฟ้าซีดที่ผู้ไดสบตาเข้าก็ราวกับถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ
เรเซียมองผลงานในคราวนี้ด้วยดวงตาเย็นชาอันเป็นเอกลักษณ์ เหยื่อคราวนี้เป็นชายร่างอ้วน ผมเกือบล้านทั้งศรีษะ แต่ที่เธอสนใจไม่ใช่รูปร่างลักษณะ เธอเดินไปใกล้ร่างนั้น ตรวจดูชีพจรอย่างใจเย็น ถึงจะมั่นใจในฝีมือ แต่ก็ต้องตรวจสอบเพื่อความแน่นอน นี่แหละเทพีแห่งวารีผู้รอบคอบเสมอต้นเสมอปปลาย
เมื่อตรวจจนพอใจ หล่อนก้ดินจากไปแล้วชายคนนี้ก็จะเลือนหายไปในความทรงจำ เหยื่อที่ถูกจัดการไปแล้วไม่มีคุณค่าอะไรรต่อการจดจำให้เปลืองสมอง
ร่างระหงเดินห่างออกไป จนความมืดยามราตรีครอบคลุมร่างทั้งหมดปล่อยให้จันทราเฝ้ามองทุกสิ่งอย่างเดียวดาย
แอ้ด
ประตูไม้ส่งเสียงดังรำคาญหูทุกครั้งที่เธอเปิดมัน ห้องพักเล็กๆแถบชานเมืองไม่ได้ดีเด่อะไรนัก มีเพียงเตียงนอนขนาดนอนสองคนทำจากไม้ผุๆ ปูด้วยผ้าฝ้ายขาวสะอาด ในห้องน้ำมีถังอาบรองรับน้ำที่ต่อเข้ามาด้วยท่อไม้ไผ่ มุมเล็กด้านหนึ่งของห้องมีฉากกันกับกระจกบานไม่ใหญ่มากนักสำหรับแป็นที่แต่งตัว มีเก้าอี้และโต๊ะวางเล็กๆที่ระเบียงด้านนอก อาณาบริเวณออกจะกว้างไปสักหน่อยสำหรับผู้หญิงตัวเล็กคนเดียว แต่เรเซียก้ไม่ได้เรื่องมากอยู่แล้ว ขอแค่มีที่นอนที่อาบน้ำ และที่สำคัญ สงบเงียบไร้ผู้คนผลุกผล่านและเสียงอึกทึกเธอก็อยู่ได้ทั้งนั้น
“กลับมาแล้วหรือไอรายา”
เสียงหนึ่งดังแทรกความเงียบ แต่เธอทำเพียงชำเลืองมองต้นเสียงเล็กน้อยแล้วเปลื้องอาภรณ์จากร่าง โดยไม่ใส่ใจผิดวิสัยนักฆ่าที่ควรระแวดระวังทุกฝีก้าว เรเซียได้ยินเสียงผู้บุกรุกถอนหายใจพรืด
“นี่ถ้าเป็นผู้ชายบุกรุกเข้ามามีหวังไอรายาไปเป็นเจ้าสาวให้ใครที่ไหนไม่ได้แน่” ทั่วห้องสว่างพรึ่บด้วยดวงไฟเวท ที่ค่อยๆลอยไปติดตะเกียงตามมุมต่างๆของห้อง เกิดเป็นแสงที่ไม่เจิดจ้าเท่าตอนแรก แต่ก็เป็นแสงอ่อนนวลตา
เผยร่างงามไร้อาภรณ์ใดปิดบัง ผิวขาวเนียนสวย สีเสมอกันทั่วทั้งร่าง ส่วนเว้าส่วนโค้งนุ่มนวล และแต่งตึงตามวัยสาว ที่เป็นนิรันดร์ ใบหน้าล้อมกรอบด้วยเส้นผมเส้นเล็กนุ่มดังเส้นไหมสีน้ำเงินเข้มยาวสยายทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วง เส้นผมบางปอยคลอเคลียบนไหล่ลาดมนและบดบังทรวงอก เอาไว้ ขนตายาวงอนกระพริบถี่ปรับสายตาตามแสงที่เกิดขึ้นกระทันหัน ดวงตาสีฟ้าซีดมีริ้วรอยของอารมณ์บางๆ อารมณ์ที่เรียกว่าความคิดถึง ความรู้สึกที่เรียกว่าความผูกพันธ์ แต่ทั้งหมดที่เทพีแห่งวารี นักฑาแห่งฟารีเซียทำแค่พูดออกไปว่า
“มาทำไม เอซาเร”
บนเตียงนอนปูด้วยผ้าฝ้ายสีขาวมีกลุ่มไหมสีน้ำตาลหยักเป็นลอนคลื่นกระจายไปทั่ว ผ้าเนื้อเบาสีครีมบดบังเรือนร่างที่งดงามไม่แพ้เจ้าของห้อง ผิวของเธอผู้นั้นคล้ำกว่า ดวงตาสีเขียวพฤกษาเป็นประกายสดใส หากไอรายาเป็นฤดูเหมันต์ คนๆนี้ก็เป็นดังฤดูใบไม้ผลิที่ร่าเริง ใบหน้าที่มีเค้าโครงคล้ายกันตวัดค้อนอย่างเง้างอน
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานถามแค่มาทำไมเนี่ยนะ ช่วยแสดงอาการดีใจกว่านี้หน่อยสิ คนเขาอุตส่าห์คิดถึง”
“....”เจ้าหญิงเหมันต์ยังเงียบ แต่สีหน้ายุ่งยากใจ
ร่างบนเตียงเดินเข้ามาหา กอดร่างไร้อาภรณ์นั้นอย่างอ่อนโยน มือเรียวสีน้ำผึ้งลูบผมสีน้ำเงินเข้มเบาๆราวกับแม่กอดรับขวัญลูก
“เวลาแบบนี้นะ แค่ยิ้ม แล้วบอกว่ายินดีต้อนรับนะ”
"ยินดี แต่ไม่ค่อยอยากต้อนรับค่ะ"
บรรยากาศ(เกือบ)ดีๆพังครืน
ดวงตาสีเขียวกรอกตามองเพดาน พึมพำเนื้อความประมาณว่าแช่งชักหักกระดูกเทวดาฟ้าดิน
ลืมไปว่าในบรรดาพี่น้องทั้งหมดไอรายาเป็นคน "ตรง" ที่สุด แม้แต่แสแสร้งแกล้งดีใจรับมุกสักหน่อยก็ทำไม่เป็น
ไอรายา หรือเรเซีย ไอซ์ ไม่สนใจ เธอเดินเข้าห้องน้ำหน้าตาเฉย
ไอ้นิสัยไม่สนใจชาวบ้านแบบนี้ด้วย ให้ตายสิ ไปได้นิสัยแบบนี้มาจากใครที่ไหนกันนะ
..............................................................................................................................................................
"
"ตกลงว่า...มาหาทำไม"
คนพูดน้อยเอ่ยถาม
แต่คนที่ควรตอบคำถามหันหน้าหนีไปกอดหมอนข้างอย่างงอนๆ
สาเหตุนะเหรอ มันก็มาจาก...........
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ไฮรายาแต่งตัวด้วยชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาว แต่เมื่อทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนกลับได้ยินเสียงดังแอ้ก
ผ้าห่มถูกกระชากเต็มแรงของคนที่อยาจะนอนเต็มที เผยให้เห็นร่างของผู้มาเยือนนอนหลับตาพริ้ม กางแขนขา กินที่เตียงที่แต่เดิมก็ไม่ได้กว้างสักเท่าไหร่
หญิงสาวพยายามจะแงะ คนนอนกินที่ออกไป แต่ร่างนั้นก็ยังเกาะติดหนึบกับเตียง ได้ยินเสียงกรนเบาๆอีกต่างหากทั้งๆที่น่าจะจุกที่โดนเธอล้มทับไปตอนนั้นแท้ๆ
"......"
โครม!!!!!!
"ทำอะไรนะ ไอรายา!"
คนที่แกล้งหลับร้องโวยวายเมื่อโดนถีบลงจากเตียง
แต่คนถีบก้าวขึ้นเตียง คลี่ผ้าห่มคลุมร่างเรียบร้อยโดยไม่สนใจคนถูกถีบแม้แต่น่อย
"จะนอน"
"ไม่ให้นอน!"
"...."
"ตื่นๆๆๆๆๆ ตื่นเดี๋ยวนี้นะ ไอรายา" ไม่ว่าเปล่า มือยังเขย่าตัวคนอยากนอนจนน่ารำคาญ
จนท้ายที่สุดไอรายาก็ทนไม่ไหว ขอยอมแพ้มานั่งถ่างตาฟัง
ถ้าคนเล่าเลิกงอนแล้วยอมเล่าให้ฟังน่ะนะ
"ถ้าไม่เล่าจะนอนแล้วนะ"
"เล่าแล้วๆ"
เอซาเรยอมเลิกเล่น เมื่อหญิงสาวทำท่าจะคว้าผ้าห่มเตรียมนอน
"คือ...ที่มาเนี่ย...ก็เพราะว่า...."
"เราเพราะว่า........"
"พรุ่งนี้ไปเที่ยวกันนะ"
ไอรายาหันหลังให้คู้สนธนา ล้มตัวลงนอน แล้วไม่ตื่นเลยจนกระทั่งเช้าไม้ว่าคนข้างๆจะส่งเสียงหนวกหูยังไงก็ตาม
.............................................................................................................................................................
ผลงานอื่นๆ ของ Laeredis ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Laeredis
ความคิดเห็น