ตอนที่ 26 : ทางเลือก 30%
ข้าขมวดคิ้วมุ่น รีบชะโงกกายออกไปดูเบื้องนอก
ลมร้อนวูบหนึ่งกระทบเข้ามาบนใบหน้า ทำเอาหน้าอกร้อนวูบวาบ เบื้องนอกไร้ซึ่งเงาคน บนม้ามีคราบเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด
รถม้ายังคงสั่นโคลงไม่หยุด เสียงล้อรถกระทบก้อนหินสะท้อนก้องประสานกับเสียงฝีเท้าม้า ภาพเบื้องนอกเคลื่อนไหวผ่านไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งก็มีกิ่งไม้ปะทะเข้ากับตัวรถ ในขณะที่เจ้าม้าผู้ถูกเพลิงไฟทำเอาตกใจ เอาแต้ก้มหน้าวิ่งสะเปะสะปะอย่างไร้ทิศทาง
ด้านหน้าดูคล้ายกับเป็นหน้าผา
ข้ากัดฟันแน่นพยายามที่จะคว้าบังเหียนม้าที่ถูกแรงลมพัดโหมไปมาอยู่เบื้องหน้า อีกแค่เพียงเอื้อมมือก็จะถึงมันอยู่แล้ว
ทันใดนั้น รถม้าด้านหนึ่งกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง ทั้งรถม้าเอียงไปทางด้านซ้าย ดูราวกับว่ากำลังจะแยกออกเป็นสองส่วน
ตาข้าเบิกโพลง
ให้ตายซิ แม้แต่รถม้าก็ถูกใครบางคนทำอะไรบางอย่างเอาไว้
“เสาเอ่อ ดูเหมือนข้าจะรู้สึกว่ารถม้านี้ไม่ค่อยปกติ” ใครบางคนเอ่ยออกมาจากในรถม้า
“ถูก รถม้าใกล้จะพังแล้ว”
ม้าไม่มีคนบังคับ แถมด้านซ้ายยังแกว่งไปมาอีก ฝีเท้าม้าเร่งเร็วขึ้นยามพุ่งทะยานลงสู่หน้าผาสูงชัน
ข้ารีบหันกายเข้าไปในรถม้า คว้าร่างที่กำลังนั่งอย่างมั่นคงของหานจึชวนดึงให้ออกมา
“พวกเราจะไปไหนกัน” เขาหรี่ตาปรือยามเอ่ยถาม ลมพัดเส้นผมเขายุ่งเหยิงไปหมด ในขณะที่ไหล่ถูกข้ายึดไว้
ข้าไม่สนใจเขา ลุกขึ้นไปยืนอย่างมั่นคงบนรถม้า ดูคล้ายเขายังอยากถามอะไรขึ้นอีก แต่ก็เงียบเสียงลงทันใด สองแขนรัดร่างข้าไว้แน่น เมื่อรู้สึกได้ว่ารถม้ากำลังอยู่ที่ใด
คนผู้นี้ หนักจริงๆ
จริงๆแล้วจังหวะที่ข้าพุ่งกายเหาะขึ้นมาจากรถม้าจังหวะนั้น ข้ากลับรู้สึกเสียใจนัก
คิดดูซิกำลังภายในข้าเดิมทีก็เหลืออยู่ไม่เยอะอยู่แล้ว ข้าจะยังพยายามอยู่ทำไมกันนี่
ยังขึ้นไปไม่ถึงขอบผา ข้าก็หมดแรงเสียก่อนแล้ว
เท้าข้าลื่นไถลลงเล็กน้อย ยามเงื้อมมือคว้าโขดหินก้อนหนึ่งเอาไว้แน่นจนมือขาวไร้ซึ่งสีเลือด แถมข้ายังต้องรับน้ำหนักของคนอีกคนหนึ่งเบื้องล่างเอาไว้ ข้าหันกลับมามองเบื้องหลัง รถม้าคันนั้นตกลงไปเบื้องล่างแตกละเอียดไม่เหลือซาก
เรี่ยวแรงเริ่มลดลงเรื่อยๆ แขนราวกับจะฉีกออกมาให้ได้
“เสาเอ่อ…” เขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองข้า คลี่ยิ้มขึ้น “ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมปล่อยข้า”
ข้าพูดไม่ออก มือยึดก้อนหินนั้นไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ข้าก็อยากจะปล่อยอยู่หรอกนะ แต่เพื่อฟางฮวา ข้าไม่อาจจะทิ้งเจ้าโดยไม่ดูดำดูดีได้
ด้านล่างเป็นหุบเขาลึก แววตาคู่นั้นของหานจึชวนคลี่ยิ้มบางอย่างขึ้น แต่ทว่ารอยยิ้มนั้นทกลับทำให้ข้ารู้สึกใจไม่ดี
คล้ายกับว่า เขาได้ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างลงไป
มือข้าออกแรงรัดเขาแน่นขึ้น “เจ้าอย่าขยับไปมา ข้าไม่มีแรงตามลงไปงมเจ้าขึ้นมาหรอกนะ”
เขาคลี่ยิ้มขึ้น เงื้อมมือขึ้นมา รัดร่างข้าไว้แน่น ดวงตาคู่นั้นของเขางดงามราวกับสะเก็ดดาวพร่างพราย
ให้ตายเถอะ ข้ายังนึกว่าเขาจะปล่อยมือเสียสละตนเองเพื่อข้า ที่ไหนได้ เขากลับยิ่งรัดแน่นขึ้นมามากขึ้น นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันนี่ ข้าใกล้จะหมดแรงเต็มทนแล้วจริงๆนะ
มือทั้งมือทั้งปวดร้าวทั้งชาไปหมด หยาดเลือดพร้อมกับกลิ่นคละคลุ้งไหลรินลงมาจากข้อมือที่ถูกหินบาด
ข้ามองไปรอบด้านอย่างมีความหวัง กัดฟันแน่นยามมองขึ้นไปยังขอบผาที่สว่างวิบวับเบื้องบน ออกแรงทั้งหมดปีนขึ้นไป ลมที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนแผ่ซ่านขึ้นมาในทรวงอก ทรมานยิ่งนัก ร่างทั้งร่างราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ภาพตรงหน้าพร่าเลือน
ภาพสุดท้ายที่เห็นกลายเป็นสีดำสนิท
ในความทรงจำข้าถูกหานจึชวนโอบกอดไว้
นึกไม่ถึงว่าข้าจะมีวันนี้ วันที่ตกต่ำถึงขั้นตกหน้าผา เสี่ยวซื่อพูดไว้ไม่ผิดจริงๆ การไปครั้งนี้ของข้าช่างอันตรายนัก
ข้าไม่อาจจะรู้ได้ว่าตัวเองสลบไปนานเพียงใด ความรู้สึกหนักอึ้งที่ปรากฏอยู่ในหัว ถูกเสียงอะไรบางอย่างที่แล่นผ่านอากาศปลุกให้ตื่นขึ้นมา
ข้ากระพริบตาไปมา ใจหายวูบเมื่อตระหนักได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบกายในขณะนี้ ข้ารีบหดเท้าเข้ามา เมื่อพบว่าเบื้องล่างเป็นหน้าผาสูงชัน ในขณะที่ด้านหลังเป็นเพียงผนังถ้ำเล็กๆ โดยร่างข้าถูกหานจึชวนรัดแน่นอยู่ในอ้อมแขน
มือหนึ่งเขารัแน่นตรงเอวข้า ในขณะที่อีกมือหนึ่งยกอะไรบางอย่างที่มีควันขาวขึ้นมา แสงสว่างเรืองรองของมันพุ่งทะยานขึ้นไปบนฝากฟ้าที่มืดสนิท กระจายออกเป็นหมอกสีขาวๆปกคลุมอยู่ทั่ว
ดูคล้ายกับกำลังส่งสัญญาณ
เขามีเจ้าของเล่นนี่ เหตุใดจึงไม่รีบเอาออกมาใช้เล่า ต้องรอให้ตกหน้าผาเสียก่อนถึงเอาออกมา
เดี๋ยวก่อนนะ ข้ายังไม่ตายหรือนี่
“เส่าเอ่อ ข้าขอโทษที่เสียงดังปลุกเจ้า” เขายกมือขึ้นแตะตรงหน้าผากข้า ดูคล้ายพูดกับตัวเอง “ไข้ดูเหมือนจะยังไม่ลด”
“เจ้าสลบไป ข้าเห็นว่าเจ้าเหนื่อยมาก พบว่ามีถ้ำอยู่ตรงนี้พอดี ก็เลยพาเจ้าเข้ามา”
เยี่ยมจริงๆ ช่างบังเอิญยิ่งนัก
ข้าอยากจะถามนักว่า เขาบังเอิญพาร่างที่สลบไสลของข้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร หรือว่าพาเข้ามาตอนที่กำลังตกเหว
“แท้จริงแล้ว วรยุทธิ์ข้าก็ได้ด้อย”
พรวด
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ มีตรงไหนไม่สบายอย่างนั้นรึ” เขาดูตกใจ
ข้ายกชายแขนเสื้อข้างหนึ่งขึ้นมาเช็ดตรงมุมปาก ค่อยๆหลับตาลง ถูกเขาทำให้โมโห จนกระอักเลือด
คนผู้นี้แท้จริงแล้วมีความสามารถที่จะเอาตัวรอดจากอันตรายได้ แต่กลับอาศัยข้า คราวนี้เป็นเช่นไรเล่า สองคนติดอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
ภายในถ้ำ ลมเย็นๆพัดโชยมา ทำเอาข้าต้องห่อกายเข้าหากัน
เขาคว้าเอวข้าไว้ รั้งกายข้าเข้าไปในอ้อมแขนของเขา ราวกับปลอบโยน “เจ้าสลบไปครึ่งค่อนวัน อย่าขยับเลย ยามค่ำคืนที่นี่จะหนาวมาก พวกเราใช้ความอบอุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายเถอะ”
— —||
ข้านิ่งเงียบไป ไม่ใช่เพราะคำพูดของเขา
แต่เป็นเพราะข้ารู้สึกได้ถึงร่างกายที่ดูเหมือนเริ่มจะไร้เรี่ยวแรงใดๆแม้แต่น้อยนิดของตนเอง
“เสาเอ่อ ทำไมตัวเจ้าถึงเย็นเพียงนี้เล่า”
**************************************************
ช่วงนี้เค้าไม่ค่อยมีเวลาแปลเลย มาสั้นๆสำหรับอัพนี้ก่อนเนอะ
ช่วงนี้ทนกะหานจึชวนไปก่อนนะ
รออีกไม่นานฟางฮวาก็จะปรากฏตัวแล้ว หุหุ
มาแบบสั้นๆ แต่ก็มาแล้วน้า
^______________^
สุ่ยจิง
10 OCT 2016
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ผ่านมา2ปีแล้วนะไรท์????????????
รอค่ะ
ขอให้ไรท์เฮงๆๆๆๆๆๆๆๆ รวยๆๆๆๆๆๆๆๆนะคร้าาาาาา
รอ ร๊อ รอ รอนานเป็นเดือนแล้ว เปิดเข้ามาดูทุกวัน ใจจิขาดแล้วเอย
iv iU
ฟางฮวา😘
ชอบเรื่องนี้มากกก😍
><