คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 00 ก่อนดวงดาราจะดับสูญ
[*อย่าลืมอ่านข้อมูลเบื้องต้นกันนะ]
ทุกคนเคยคิดกันรึเปล่า ?
คิดเกี่ยวกับโลกใบนี้
ความคิดที่ว่าบางที ...
เรามันก็ไม่ต่างอะไรจากของเล่นแก้เบื่อของตัวตนที่สูงกว่า
“ทุกคน ... ” เสียงของฉันถูกเปล่งออกมาอย่างแผ่วเบา
ฉันไม่เคยคาดหวังเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้เลย ย้อนกลับไปหลังจากที่กลับมาจากการประชุมของเหล่าจอมมารที่เรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงน้ำชาเสียมากกว่าอย่างวัลพัวร์กิสฉันก็เดินทางกับมาที่ประเทศที่ตนรักพร้อมกับงานกองโตเพราะต่อจากนี้ก็คงจะมีประชุมยาวเหยียดเลยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
เรื่องของผู้กล้าก็เคลียร์แล้วแถมก็ได้จอมมารอย่างลูมินัส วาเลนไทน์ช่วยเอาไว้ด้วยซ้ำเนื่องจากเจ้าหล่อนเล่นเป็นเทพีลูมินัสที่ฝ่ายนั้นบูชานักบูชาหนานี่นะ ถึงจะแลกกับการที่เวลโดร่าโดนทารุณกรรมยับเพราะไปก่อวีรกรรมเนื่องด้วยความคึกคะนองก็เพราะ แต่ไม่เกี่ยวกันน้า เวลโดร่าเอ๋ยผู้ใดก่อกรรมผู้นั้นก็ต้องรับมัน
เสียงงานเลี้ยงครื้นเครง ผู้คนกินดื่มกันร่วมกับเหล่ามอนสเตอร์เป็นภาพที่ฉันอยากจะเห็นมันต่อไปนาน ๆ เหลือเกิน
‘แต่จะว่าไปดีจังเลยนะะะ ไม่ได้เมาแบบนี้มานานแล้ว’ ฉันรู้สึกอภิรมย์เหลือเกิน
ไม่ได้เมามาเป็นหนึ่งถึงสองปีก็รู้สึกตื้นตันใจเหลือเกิน ต้องขอบคุณท่านเทพีลูมินัสที่ให้ข้าพเจ้าผู้นี้ได้เสพสมสุราแล้วเมานะขอรับ ขอขอบคุณจากใจจริงในฐานะอดีตพนักงานบริษัทที่หลงรักรสแอลกอฮอล์
ไม่รู้ทำไมวันนี้ฉันถึงได้ลุกขึ้น ไม่ได้อยู่ในงานเลี้ยงงานฉลองแล้วเลือกที่จะปลีกตัวมาอยู่คนเดียว
เห้อ เจ้าพวกนี้ไม่มีฉันก็ทำงานกันได้เองแล้วสินะ เห็นเหล่าลูกน้องใต้บัญชาสามารถตัดสินใจประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมมันก็ดี
ถึงจะแอบเหงาก็เถอะ
ใบหน้าเงยมองไปยังท้องนภายามรัตติกาล ดวงดาราที่ทอแสงเปล่งประกายนั้นทำให้นัยน์ตาสีอำพันไม่อาจละสายตาได้ ใบหน้ามีริ้วแดงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ หมับ แขนแกร่งของสหายอันเป็นมิตรแท้ดังคำกล่าวของเขาโอบไหล่ของฉันด้วยความมั่นคงจนฉันที่เมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์จะทำตัวให้อ่อนยวบเพื่อหนีแล้ว
“ไฉนสหายข้าจึงมานั่งสันโดษเช่นนี้กัน ! ไปกินดื่มกันต่อเถอะน่า !” ว่าแล้วเขาก็ชนแก้วกับฉัน เวลโดร่าก็เมาแอ๋นั่นแหละแต่ก็รีบเพิ่มประสิทธิภาพสกิลต้านทานพิษในทันใด
“ก็แค่อยากนั่งตรงนี้เอง – อย่าเขย่ามากเดี๋ยวก็อ้วกใส่ซะเลย” ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดีกรีของโลกนี้มันสูงหรืออะไรฉันถึงได้เมาง่ายเช่นนี้
“คิดอะไรของเจ้าอยู่กัน ? สีหน้าเครียดเชียว” เวลโดร่าเอ่ยถาม
“เอิ่ก – ” ฉันเกือบเรอเสียแล้วจึงรีบเก็บอากัปกิริยาเล็กน้อย
เวลโดร่าแอบสับสนเล็กน้อยเพราะริมุรุนั้นมีสกิลการต้านทานอยู่แล้วไม่น่าจะเมาง่าย ๆ แต่เขาก็ลองนึกโดยอ้างอิงจากความทรงจำที่เขาเคยแอบดูนิด ๆ หน่อย ๆ แก้เบื่อก็พอจะเดาได้ว่าคงจะอยากจะเมา อย่างนี้นี่เอง นั่นสินะ ดื่มแล้วไม่เมาก็ไม่สนุกสินะ
ฉันในตอนแรกก็แอบทำตัวเหมือนเด็กหน่อยเพราะเป็นเจ้าเมืองเป็นราชามานานก็เครียด ๆ หาอะไรทำให้ผ่อนคลาย หรือว่าปรับสกิลต้านทานพิษเอาไว้ต่ำเกินไปเลยคออ่อนงั้นหรอ ? ถึงจะคิดแบบนั้นก็ไม่อยากจะเพิ่มมันเลยจึงไม่ขออะไรกับราฟาเอล
อยากเมาต่อไปไม่ต้องคิดอะไรน่าปวดหัวต่อไปจัง …
“นี่ … ” พอเมาแล้วปากคนเรามันก็เริ่มจะพล่อยขึ้น
“ถ้าไม่มีฉันอยู่สักคนจะเป็นอะไรมั้ยนะ ?”
ปากก็พล่อย มือไม้ก็อ่อนยวบจนเวลโดร่าเป็นคนรับแก้วมาวางเอาไว้ปล่อยให้เพื่อนของตนนอนแผ่อยู่ที่พื้นหญ้าต่อไป
“ทุกอย่างมันก็จะแย่ยังไงล่ะ” เวลโดร่าสามารถสรุปออกมาได้อย่างง่ายดาย
แต่เดิมที่ทุกอย่างมันดีมากขนาดนี้เป็นเพราะมีตัวสไลม์ที่นอนเมาแอ๋อยู่ตรงนี้ ทั้งคลายพันธนาการที่ผนึกตัวเขามาเป็นเวลาหลายร้อยปี ช่วยเหลือเหล่าก็อบลินและสร้างหมู่บ้านขนาดเล็ก เผยแพร่วัฒนธรรม องค์ความรู้จากโลกเก่า ผูกสัมพันธมิตรกับอาณาจักรมากมายจนเติบใหญ่เป็นสหพันธ์จูร่าเทมเพสต์ในทุกวันนี้
“ตัดพ้ออะไรของเจ้าอยู่กันล่ะนั่น” เขานั่งลงพลางก้มมองใบหน้าของสไลม์ที่ยิ้มแป้นเช่นนี้อยู่
ร่างกายที่ถูกจำแลงเป็นร่างมนุษย์ได้รับความช่วยเหลือจากราฟาเอลทำให้ควบคุมได้เสถียรตลอดเวลาเพราะถ้าไม่มีเธอฉันลงละลายกลายเป็นสไลม์เหลวแล้ว ฉันหัวเราะออกมาก่อนจะตบแขนของมังกรร่างคนที่นั่งจ้องหน้าฉันอยู่เบา ๆ สื่อว่าเป็นเพียงการหยอกเล่นขำขัน
“ตัดพงตัดพ้ออะไรกัน ไม่นึกเลยนะว่าจะพูดอะไรแบบนั้นออกมา ฮ่าๆๆๆ” พอเห็นเพื่อนรุ่นคุณปู่คุณทวดพูดจาเช่นนั้น จะว่าไงดีล่ะโลกนี้ไม่ค่อยมีศัพท์แบบนี้เท่าไหร่
“ติดมังงะเกินไปแล้วนะ — ”
“เฮ้ย ริมุรุ”
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า ?”
คำพูดของเวลโดร่าทำให้ฉันชะงักใบหน้านั้นนิ่งค้างไปครู่หนึ่ง ฉันชี้ขึ้นไปยังท้องนภาทำให้เวลโดร่าเงยมองตาม
“ฉันนึกขึ้นได้น่ะ พอมานึกถึงชื่อของจอมมารที่ตัวเองตั้ง”
ดวงดาราแปดดวงที่ทอแสงสว่างเป็นประกายและเชื่อมต่อกันเป็นรูปแปดแฉก ‘ออคตาแกรม’ ดวงดารานั้นคือเหล่าจอมมาร
“มันเคยมีนะ ดวงดาวที่เคยส่องสว่างกว่าใคร … ผู้คนต่างก็จดจำมัน”
“แต่วินาทีที่มันดับลงผู้คนก็จะลืมเลือน”
ยังไงซะฉันก็เป็นแค่สไลม์ที่พึ่งพาคุณราฟาเอลจนตัวเองได้ดิบได้ดี ถ้าวันไหนไม่มีราฟาเอลฉันก็คงจะไม่รอดเพราะว่าโลกใบนี้มันกว้างใหญ่มีเรื่องอีกมากมายที่ฉันไม่อาจทราบ คุณราฟาเอลก็อาจจะมีเรื่องที่ไม่ทราบเช่นกัน
ขนาดวิธีหลีกเลี่ยงอาหารของชิออนยังหาไม่ได้เลย อื้ม ๆ
[ฉันได้ยินนะคะ] ราฟาเอลเอ่ยขึ้นทำให้ฉันยิ้มแห้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น ถูกจับได้แล้วแฮะ ราฟาเอลนั้นเห็นว่าฉันเมาหนักเกินไปก็เปิดคำสั่งยุติการลดสกิลต้านทานพิษในทันที
ใบหน้าที่เป็นริ้วแดงจากฤทธิ์แอลกอฮอล์กลับเป็นดังเดิม สีหน้าเมาแอ๋เมื่อครู่หายไปอย่างรวดเร็วจนอดไม่ได้ที่จะผงะสองมือยันตัวเองเพื่อลุกขึ้น
“โอ้ หายเมาแล้วหรอ ?” เวลโดร่าเอ่ยขึ้น
“ … หายแล้ว ๆ … ” ฉันเอามือกุมอกราวกับหัวใจกำลังจะระเบิด
ไอ้เหตุการณ์ที่เหมือนฉากมังงะโชโจนี่มันอะไรกัน ?! โดยปกติฉันเป็นผู้ชายทั้งแท่งที่ไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นสักหน่อยแต่เหมือนจะโดนหน้าหล่อ ๆ ที่น่าหมั่นไส้นั่นเล่นเข้าให้ ก็ภูมิใจแหละที่คุณชิสุสวยแต่ว่าพอมาใช้ร่างนี้ทั้งที่เป็นผู้ชายทั้งแท่งมันก็ …
ทำไมมังกรพออยู่ในร่างคนถึงได้ออกมาหน้าตาดีชะมัด อิจฉาเว๊ยยยย
“อย่าตัดพ้ออะไรแบบนั้นออกมาอีกล่ะ” เวลโดร่าเอ่ยขึ้นรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย (?)
“ตัดพ้ออะไรของนาย ? คนเมามันก็พูดไปเรื่อยนั่นแหละ” ฉันลุกขึ้นแล้วเดินกลับเข้างาน
ดันพูดอะไรที่ไม่สมควรออกไปซะแล้วสิ ฉันก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมตัวเองถึงได้อยู่ ๆ มากังวลเช่นนั้นแต่ว่าที่น่าเศร้ากว่า … คุณราฟาเอลลลล ผมจะไม่เมาแอ๋แล้วลดทอนประสิทธิภาพสกิลหน่อยค้าบบบ
[ไม่ได้ค่ะ] ราฟาเอลปฏิเสธทันควันทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหดหู่
“เจ้าไม่ดื่มแล้วรึ ?” เวลโดร่าเอ่ยถาม
“ไม่ดื่มแล้วล่ะ .. ” น้ำตามันตกในเป็นที่เรียบร้อย
“ฮ่า ๆๆๆ งั้นข้าจะไปเอาขวดใหม่แล้วนะ !” เขาลุกขึ้นจะเดินไปหยิบเครื่องดื่มมึนเมาเพิ่มแต่ก็หยุดชะงัก
มือวางไว้บนไหล่ของฉันก่อนที่จะทำหน้าครุ่นคิดราวกับกำลังสรรหาคำจะกล่าวแบบเท่ ๆ ราวกับตนเป็นพระเอกมังงะแนวโชเน็นจัมพ์ไปได้
“ไม่ต้องห่วงหรอก คราใดที่ดาราสูญเสียแสงสว่าง”
“เจ้ายังมีข้าอยู่” เพียงเท่านั้นเขาก็ชักมือกลับแล้วรีบไปขอสุรากับอาหารเพิ่ม ฉันมองด้วยสายตาว่างเปล่าในทันที
มันอาจจะเป็นประโยคซึ้ง ๆ ดีนั่นแหละ …
“ใช้คำอย่างเก่า” อย่างกับเลียนแบบมังงะที่ทำเป็นคำกลอนภาษาสวยแล้วอยากจะทำตามไปได้
[ยังมีฉันด้วยนะคะ] ราฟาเอลไม่วายที่จะมาร่วมแจมด้วย ฉันได้ยินก็ยิ้มออกมา
“แต่ช่วงนี้คุณราฟาเอลไม่ค่อยจะมีประโยชน์เลยนะ … จะว่าไปช่วงนี้ก็ไม่ค่อยจะตอบข้อความด้วยนี่ ระบบรวนหรอ ?”
[ … ยุติการลดทอนประสิทธิภาพสกิลต้านทานพิษถาวร]
‘ผมขอโทษค้าบบบบ’ น้ำตาตกในยิ่งกว่าเดิมเลยเมื่อได้ยินเช่นนั้น
-
เมื่อจบงานเฉลิมฉลอง นัยน์ตาสีอำพันก็มองไปยังกองเอกสารด้วยสายตาที่ดูจะเหน็ดเหนื่อยเหลือหลาย พอเมาเสร็จงานก็มาแล้วแฮะ ถึงแม้ว่าเหล่าลูกน้องจะมีความสามารถมากพอที่จะทำงานได้เองโดยไม่ต้องได้รับคำสั่งจากฉันแต่ฉันก็ต้องเป็นคนทำเรื่องอนุมัติและเป็นเรื่องความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบสหพันธ์จูร่าเทมเพสต์ของพวกเราให้ออกมาเป็นประเทศในความปรารถนา
แต่ช่วงนี้มันแปลกซะเหลือเกิน
“เอ๋ ? พวกพืชเฉาตายกันหมดเลยหรอ … ”
เมื่อได้รับรายงานจากดรายแอดผู้เป็นผู้พิทักษ์ของป่าจูร่าก็ทำให้ทราบว่าเกิดเหตุแสนประหลาดเมื่อป่าจูร่าร้อยละสี่สิบเฉาตายโดยไม่ทราบสาเหตุแม้แต่ดรายแอดก็ยังไม่ทราบเลย
เมื่อลงมาในจุดเกิดเหตุก็ชวนให้สับสนยิ่งขึ้น ต้นไม้มากมายเหี่ยวเฉาใบไม้โรยร่วงจนหมด ลำต้นเน่า ไม่เพียงเท่านั้น ทะเลสาบอันสวยงามที่ฉันเคยมาเที่ยวและเล่นกลับมีซากศพของเหล่าสัตว์อสูรลอยอยู่เหนือน้ำ น้ำที่เคยใสสะอาดกลับขุ่นมัวและสกปรก
ยิ่งตรวจสอบค่าสถานะก็พบว่ามันเป็นพิษ แม้แต่คุณราฟาเอลก็ไม่สามารถวิเคราะห์ได้
“แปลกจังเลยนะ เป็นโรคระบาดหรือมี … ” ฝีมือของใครสักคนหนึ่งกำลังรบกวนการพัฒนาของประเทศพวกเรา ?
“เอาเป็นว่าเราตรวจสอบกันสักหน่อยแล้วกันนะ”
หากเป็นฝีมือบุคคลปริศนาทำจริง ๆ มันคงจะไม่ดีแน่ ๆ
พวกเราตรวจสอบป่าและพยายามหาต้นตอของมันแต่กลับไม่ได้คำตอบใด ๆ เลยและที่น่าแปลกกว่านั้น …
[แจ้งเตือน คุณได้รับอัลติเมทสกิล ‘ — ’] เสียงแจ้งเตือนของคุณราฟาเอลทำให้ผมประหลาดใจเหลือเกินเพราะยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็ได้สกิลมาแล้วแถมยังเป็นอัลติเมลสกิลแสนหายากมิหนำซ้ำยังน่าสงสัยอีก
‘คุณราฟาเอล มันเป็นสกิลอะไรหรอ ?’
[ไม่อาจทราบได้ค่ะ ไม่พบข้อมูล] ราฟาเอลนั้นไม่ว่าจะวิเคราะห์กี่ครั้งก็ไม่อาจทราบได้ จะว่าไปถ้าเป็นคอมพิวเตอร์นี่คุณราฟาเอลน่าจะโดนไวรัสเล่นงานแล้วล่ะ ฉันคิดในใจเพราะช่วงนี้คุณราฟาเอลค่อนข้างจะรวนหน่อยอย่างเรื่องภาษาที่เริ่มวกวนไปมาราวกับเว็บไซต์แปลภาษาในโลกเก่า
น่าสงสัย …
-
“แอ่กกกก” ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนสูบพลังงานไป
เพราะเป็นผู้นำก็จะต้องมีงานมากมายเพราะประเทศสัตว์อสูรก็ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่ ย่อมมีพวกที่ไม่ชอบ มีเรื่องเหล่าผู้อพยพ การก่อสร้าง การสร้างสายสัมพันธ์หรือไมตรีกับประเทศอื่น ๆ การเคลียร์ปัญหามากมาย
ปัญหาอื่น ๆ มันก็แก้ไขได้นั่นแหละแต่ … ไอ้ปัญหาเรื่องพืชเฉา น้ำเสียนี่มันแก้ไม่ได้สักที ต่อให้ตัดต้นไม้หรือถอนพืชทิ้งเพื่อปรับดินและสร้างใหม่ก็กลับเป็นเหมือนเดิม บำบัดน้ำเสียสุดท้ายก็เป็นเหมือนเดิมเช่นกัน
“ท่านริมุรุ มีผู้อยากพบท่านค่ะ”
“เอ๋ ? โอเคพาไปที่ห้องรับแขกเลย” มันอาจจะชวนฉงนแต่ก็ต้องไปดูก่อนว่าเป็นใคร
ร่างกายแปรเปลี่ยนเป็นสไลม์เพื่อผ่อนคลายเสียหน่อย ก้อนน้ำสีฟ้าเด้งตัวไปมาราวกับลูกโป่งน้ำจนมาถึงห้องรับแขกจึงแปลงกายเป็นรูปลักษณ์มนุษย์เช่นเดิมมือเอื้อมไปจับประตูเพื่อเปิด น่าเสียดายหน่อยที่ฉันส่งชิออนไปทำงานอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างการฝึกคนในสังกัดของเธอ
เมื่อเปิดเข้ามาก็พบกับบุรุษผู้หนึ่ง เรือนผมสีแดงฉานและนัยน์ตาสีอำพันแต่งกายด้วยชุดผู้ดีที่อาจจะใกล้เคียงกับขุนนางแต่แลดูจะเป็นยศต่ำเสียหน่อยอาจจะมียศบารอน
“ทิวาสวัสดิ์ครับ” อีกฝ่ายเอ่ยทักทายอย่างเป็นมารยาท
“ครับ … ไม่ทราบว่าคุณคือ ?” ฉันรับคำทักทายของเขาก่อนจะเอ่ยถามอย่างเรียบง่าย
“อ๋า … ผมเป็นนักกวีพเนจรเพียงเท่านั้นเองครับ ได้ยินมาว่าป่าจูร่ามีประเทศที่ก่อตั้งใหม่ก็เลยมาเยี่ยมเยียนน่ะครับ” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มก่อนจะหยิบของในกระเป๋าออกมา
ของที่เขาเอามานั้นเป็นหนังสือจำนวนหนึ่งและเมื่อเปิดออกก็พบว่าเป็นของกวีที่เขาประพันธ์ขึ้นและมีประเภทอย่างนิยายหรือนวนิยายด้วย ภาษาก็สมบูรณ์ เนื้อหาก็สมบูรณ์ เป็นนักกวีพเนจรจริง ๆ หรอเนี่ย ? จะว่าไปแล้วมีของแบบนี้เป็นสื่อความบันเทิงก็น่าสนใจเหมือนกันนะ
ชวนมาอยู่ด้วยดีมั้ยนะ ? คนที่มีความสามารถแบบนี้จะปล่อยทิ้งเอาไว้คงไม่ดีแต่ก็พึ่งจะพบกันเองนี่สิ …
ขณะที่คิดอยู่นั้นก็ต้องชะงักกับหนังสือเล่มหนึ่ง ‘ณ ยุคมิคสัญญี’ เป็นชื่อที่ค่อนข้างจะแปลกดี มิคสัญญีนี่หมายถึง …
[จากการค้นหาเป็นชื่อยุคที่ผู้คนฆ่าฟันกันเพราะต่างฝ่ายต่างมองว่าผู้อื่นเป็นสัตว์ซึ่งต้องล่าไม่เห็นว่าผู้อื่นเป็นคน เมื่อต่างฝ่ายต่างมองแบบเดียวกันจึงเกิดการฆ่าฟันโดยไม่ปรานีต่อกัน ผู้คนจึงล้มตายเป็นจำนวนมากค่ะ] เป็นราฟาเอลผู้ให้ความรู้แก่รู้โง่เขลาแบบผ๊ม
แต่จะว่าไปโลกเก่าก็เหมือนจะมีคำนี้แฮะ
“ผมขออ่านนะครับ” ฉันเอ่ยขออีกฝ่ายอย่างสุภาพ
“แน่นอนครับ” เมื่อเขาอนุมัติฉันก็เปิดอ่านเพราะความสนใจว่าเนื้อหาแบบนี้จะมีที่อื่นได้อีกหรอ (ก็ในยุคนี้ของแบบนี้คงโดนพวกศาสนจักรแบนแล้วล่ะ) เนื้อหาภายในก็มีการเกริ่นเป็นคำกลอนและเข้าเนื้อหาโดยเป็นประเภทนวนิยาย
ไม่ได้น่าเบื่อเกินไป ไม่เกินขอบเขตสามัญสำนึกของโลกนี้ มีการอ้างอิงศาสนาและหลักคำสอน และมีการอ้างอิงความจริงของโลกอย่างความโหดร้ายของผู้คน เป็นต้น
น่าสนใจเลยแฮะ … หลักความคิดที่ดูจะเหมือนไม่ใช่มนุษย์ทั้งที่รูปลักษณ์และแก่นพลังเวทก็บอกว่าเป็นมนุษย์แต่ความคิดและทัศนคติกับมุมมองราวกับไม่ใช้สิ่งมีชีวิตชนิดใดเลยทำให้เนื้อหาดูมีความเป็นกลาง (หมายถึง หากเป็นเผ่าพันธุ์ใดเผ่าพันธุ์หนึ่งก็จะต้องมีการเอียงไปทางเผ่าของตัวเองเพราะความภาคภูมิใจแท้ ๆ แต่อันนี้เขียนราวกับจะไม่ใช่ทุก ๆ เผ่าที่กล่าวในหนังสือ)
ไล่อ่านไปเรื่อย ๆ ก็ต้องสะดุดตากับประโยคท่อนหนึ่ง มันเป็นการบรรยายสถานการณ์ของระบบนิเวศที่ถูกทำลายอย่างปริศนา
‘เมื่อความมืดที่ปกคลุม ความบริสุทธิ์ถูกปนเปื้อน เหล่าธรรมชาติต่างก็กรีดร้องกล่าวอ้อนวอนเหล่ามัจจุราชว่าอย่าได้พาพวกเขาไปโดยเร็ว เนื้อไม้ที่เหี่ยวเฉาและเน่าเฟะ ใบไม้สีนิลกาฬโรยราและสลายไปโดยมิทันได้แตะผืนปฐพี ผืนแผ่นดินที่แตกแยก และคงคาที่ถูกชะโลมด้วยมลทิน’
‘ผู้ทำลายได้มาเยือนแล้ว’
“อืม … ” ฉันพิจารณาก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่ทราบเนื้อหาพวกนี้มีอะไรอ้างอิงรึเปล่าครับ ?” หากได้สถานที่อ้างอิงมาช่วยสักหน่อยก็ดี
“มันเป็นเรื่องราวในสมัยก่อนเมื่อตอนที่โลกมีสงครามน่ะครับ ผมเอาส่วนนั้นมาอ้างอิงและมองเหล่าธรรมชาติของมนุษย์จนได้เรื่องนี้ขึ้นมา”
“อ๋า … ” หนทางยังอีกยาวไกลสินะ
“จริงสิ สนใจจะพักแรมที่นี่รึเปล่าครับ ?” ฉันถามเขาเพราะหากต้องการก็จะจัดเตรียมให้และก็คุยกันเรื่องงานเขียนนี้นิดหน่อย
“อ๋า … ยากเลยนะครับ พอดีว่าเวลาของผมมีจำกัดนี่” เขาปฏิเสธทำให้ฉันหดหู่ไปเลยเพราะใจก็อยากจะได้สื่อความบันเทิงเสียหน่อยแถมเป็นการฝึกภาษาหรือการอ่านที่ดีอย่างหนึ่งด้วย
“ผมทำให้คุณลำบากใจรึเปล่าครับ ?”
“อะ อ๋อ ! เปล่าหรอก ผมก็แค่สนใจงานเขียนของคุณน่ะ แต่คุณเป็นนักกวีพเนจรนี่ครับจะได้เจออีกครั้งก็คงจะนานเลย … ” ยิ่งช่วงนี้งานมันถาโถมมามากด้วยนี่สิ
“อ๋า … ดีใจจังเลยนะครับที่มีคนชมงานเขียนแบบนี้เขินแย่เลย” เขายิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นผมจะให้หนังสือคุณสักเล่มหนึ่ง เลือกได้เลยนะครับ ไม่คิดเงิน (>.0” เขาเอ่ยเสนอพลางขยิบตาให้
ฉันมองก่อนจะขอยืมหนังสือที่อ่านเมื่อครู่นี่แหละ เขาก็ดูจะยินดีมากและกำลังจะออกไป
“เดี๋ยวสิ – !” ฉันเรียกเขาเอาไว้ก่อน
“ครับ ?”
“นายชื่ออะไรหรอ ?” คนที่ความสามารถแบบนี้ไปที่ไหนก็โดดเด่นทั้งนั้น ถามชื่อไว้สักหน่อยก็ไม่เสียหายส่วนชื่อของฉันเขาน่าจะรู้แล้วเพราะฉันเป็นผู้นำของสหพันธ์จูร่านี่
“ผมน่ะหรอครับ … ?”
“ผมชื่อ เร็น ครับ”
เมื่อแนะนำตัวเสร็จเขาไปก็ไปเสียแล้ว พลั่ก ก่อนจะไปก็เผลอไปชนกับเวลโดร่า เร็นก็รีบขอโทษและไปเลยแต่ดวงตาของเวลโดร่านั้นมองตาไม่วางเลย
“เจ้านั่นมันใครกันน่ะริมุรุ ?” เวลโดร่าลูบคางรู้สึกคุ้นหน้ากับชายคนนั้นเหลือเกิน
“อ๋อ เป็นนักกวีที่มาขายงานน่ะ เสียดายเหมือนจะมีธุระก็เลยขอตัวกลับก่อน”
“หรอ .. น่าสงสัย” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากกว่าเดิมเพราะความคุ้นหูคุ้นตา
“นายนี่ว่างมากเลยสินะ” ฉันมองด้วยสายตาว่างเปล่า
มือนั้นยังคงถือหนังสือเล่มดังกล่าวเอาไว้แน่นก่อนจะวางมันและกลับไปทำงานต่อ เวลโดร่าเห็นก็คว้ามาอ่านตามประสาคนชอบอ่านมังงะแต่เจอกระดาษที่มีรูปประกอบหน้าซ้ายเล็กน้อยก่อนจะยาวด้วยตัวอักษรก็สิ้นหวังมาก
แต่เมื่ออ่านได้สักพักหนึ่งก็เปลี่ยนจากโอตาคุมังกรชอบอ่านมังงะเป็นนักอ่านสายนิยายแทบจะเต็มตัว
“นี่มัน … ” เวลโดร่าอ่านไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกเอะใจมากมาย
“มีอะไรหรอ ?” ฉันเอ่ยถาม
“เนื้อหามันคุ้น ๆ นี่สิแต่ข้าจำไม่ได้เลย … อืมมมมมม”
“ก็คงจะคล้ายกับตอนที่นายซ่าไปทำลายเมืองก่อนจะถูกผนึกล่ะมั้ง” เพราะเนื้อหาก็คล้าย ๆ กันอยู่
“รอประเดี๋ยวววว ไม่ใช่สักหน่อย ! เนื้อหานี่มันโหดร้ายกว่าที่ฉันทำอีกนะ” เวลโดร่ารีบท้วงในทันที
“ก็ดูสิ เจ้าพวกผู้ทำลายในหนังสือมันมาทำลายโดยไม่มีจุดประสงค์ด้วยซ้ำ !! แถมเปรียบเทียบกับไอ้สิ่งที่เรียกว่าไวรัสแบบนี้หมายความเจ้าของคอมพิวเตอร์ไม่รู้จักล้างเครื่องไง !”
“ที่พูดเมื่อกี้มันย้อนแย้งมากเลยนะ … แล้วนี่นายแอบดูความทรงจำของฉันตอนเล่นคอมพิวเตอร์อย่างนั้นหรอ ?” ฉันหรี่ตามองในทันทีที่มีศัพท์สมัยโลกตัวเองออกมาจากปากของมังกรโอตาคุตรงหน้า
“ฉันบอกนายแล้วไงว่าอย่ามาดูความทรงจำคนอื่นตามใจชอบโดยเฉพาะกับคอมพิวเตอร์เนี่ย !” ให้ตายสิเจ้าบ้านี่รู้มั้ยว่าภายในคอมพิวเตอร์มันมีความลับอันดำมืดของพนักงานเงินเดือนโสดสนิทตลอดสามสิบเจ็ดปีอยู่
“เดี๋ยววววว สหายยยยย ข้าสาบานนะว่าไม่ได้แตะต้องความทรงจำส่วนนั้น !!” เขารีบค้านในทันที
“แล้วนายจะอธิบายเรื่องเมื่อกี้ได้ยังไง ?” ฉันเดินไปหาเขาในทันที ไม่นะะะ ความลับอันน่าอายของฉันนน
“ข้าอธิบายได้ ! มันอยู่ในหนังสือต่างหากถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าก็อ่านสิ !!” เวลโดร่าพยายามเรียกร้องความบริสุทธิ์ของตน
สองมือกางหน้ากระดาษของหนังสือและให้ฉันอ่านแบบเต็มตา ฉันมองก่อนจะคว้ามาอ่าน เจ้าเวลโดร่าทำหน้าดูจะไม่ชอบแบบมีแต่ตัวหนังสือแท้ ๆ แต่อ่านจะจบแล้ว ??? ฉันไล่อ่านโดยได้คุณราฟาเอลช่วยวิเคราะห์ประกอบ
จริง ๆ ด้วยแฮะ …
ทำไมหนังสือเล่มนี้มีคำศัพท์โลกเก่าล่ะ ?
-
“เห้อออ” ร่างกายทิ้งตัวลงบนฟูก
“วันนี้มีแต่เรื่องน่าสงสัย”
นัยน์ตาสีอำพันมองไปยังกระปุกยาในมือ สาเหตุที่ไม่คืนร่างก็เพื่อการนี้ ไม่ได้ใช้ยานอนหลับนานแล้วแฮะ เมื่อเครียดก็ต้องผ่อนคลายด้วยการนอนหลับ ในฐานะที่นอนไม่ได้เพราะสไลม์ไม่ต้องกินต้องนอนก็ต้องมีของช่วย
ยาถูกทานก่อนที่ฉันจะพลิกตัวนอนหงายและฝากให้คุณราฟาเอลช่วย
“สง … สัย … ”
หวังว่าวันนี้จะฝันดีนะ
-
ภายในความฝันช่างแปลกประหลาด ความรู้สึกอึดอัด โกรธา เศร้าโศก ความทุกข์ได้กัดกินหัวใจ ความสุขที่ถูกทำให้พังทลาย เสียงกรีดร้อง เสียงร้องไห้ เสียงอาวุธที่เข้าปะทะกัน
ทั้งที่ไม่เคยนึกภาพทุกคนแพ้แท้ ๆ
แล้วกลิ่นเลือดพวกนี้มันอะไรกัน ?
ทั้งที่เป็นความฝันแต่ความสมจริงของมันราวกับเป็นความทรงจำที่เคยรับรู้มาแล้ว ภาพที่แปรผันเป็นทัศนียภาพโลกเก่า ตึกสูงระฟ้า ผู้คนที่แต่งกายด้วยเครื่องแบบแสนคุ้นเคย
ชายผมสีขาว ดวงตาสีเขียว
ชายผมขาวค่อนไปบลอนด์เหมือนสีไข่ ใบหน้าเลือนลาง
อะไรกันล่ะนั่น ? ชุดอย่างกับคอสเพลย์เป็นซุปเปอร์ฮีโร่
คราวนี้เป็นเด็กน้อยผมสีม่วง ? ให้ตายสิน่า ทั้งที่บรรยากาศมันต่างก็ดูสดใส
แต่มันเจ็บไปหมด
เอาซะอยากจะขอเลยล่ะ …
ขอให้เป็นความฝันหาใช่ลางบอกเหตุหรือเดจาวู
-
“เฮือก !!” เมื่อความฝันมาถึงจุดที่มีแต่กลิ่นเลือด เสียงกรีดร้อง ความโศก สังคมที่เน่าเฟะของโลกที่เป็นยุคสมัยในโลกเก่าฉันก็ต้องสะดุ้งตื่นจากความฝัน
“ … ” เช้าวันนี้ไม่ได้มีอากาศที่แจ่มใสเลย
อย่าครึ้มแบบนั้นสิ เจ้าสภาพอากาศ
มันเป็นลางบอกเหตุนะ
**********
เย้ ครบรอบ 3 ปีเลยเอามารีไรท์สักหน่อย เปลี่ยนพล็อตไปเยอะอยู่แต่ก็พยายามคงเวอร์ชั่นเก่าเอาไว้ ส่วนสาเหตุที่จุดเริ่มต้นแปลกไปมันมีสาเหตุนะ อาจจะเฉลยสักวันหนึ่ง แบบอย่างว่าทำไมริมุรุถึงมีฝันบอกเหตุ (คนอ่านเวอร์เก่าอาจจะเดาได้ ? ) ส่วนเร็นเป็นใคร ? คนอ่านเวอร์เก่าน่าจะรู้เหมือนกัน
แต่ความเดจาวูนี้แบบเวลโดร่าคุ้นกับเร็น ? อ่อ คนอ่านเก่าก็จะรู้เหมือนกัน 55555555
ความคิดเห็น