ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [IRC project 2.0] Call of duty : GOAT จารชนคนเกรียนแบ๊ะ

    ลำดับตอนที่ #10 : Episode 1-2 : Is this just fantasy?

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 57


    เดอะเกรทฮอไรซอน เป็นที่ราบสูงที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมโทรโปลิส อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองเอาท์โพสต์ และอยู่ไม่ไกลจากชายแดนของเมโทรโปลิสและแฟนตาเซียมากนัก หากลองค้นประวัติศาสตร์ช่วงก่อนสันติภาพมาสักหน่อย พบว่าที่นี่จัดเป็นสมรภูมิรบที่สำคัญแห่งหนึ่งเลยทีเดียว เนื่องจากชายแดนของทั้งสองประเทศนั้นถูกกั้นด้วยพรมแดนธรรมชาติอย่างภูเขาไออาร์ซี มีเพียงชายแดนทางใต้เท่านั้นที่เชื่อมต่อกันด้วยที่ราบสูงแห่งนี้นั่นเอง

    ที่นี่เคยเป็นสนามรบเก่ามาก่อน ที่นี่จึงมีซากปรักหักพังมากมาย แต่เนื่องจากสงครามครั้งก่อนยุติมากว่าห้าร้อยปีแล้ว เหล่าซากยานพาหนะอย่างซากรถถังหรือเครื่องบินนั้นต่างผุพังมีต้นไม้ปกคลุมจนสิ้นความน่าเกรงขามของมันไปแล้ว

    ลักษณะภูมิประเทศของที่นี่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งหญ้าแห้งๆ ที่อยู่บนเนินเขา มีต้นไม้เตี้ยขึ้นอยู่บ้างประปราย เนินผาที่ชันประมาณสี่สิบองศาคอยยกทุ่งหญ้านี้เหนือระดับน้ำทะเล แต่ทั้งสองฟากของที่ราบสูงนี้ได้มีเนินที่ความลาดชันไม่มาก ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เข้าถึงที่แห่งนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องปีนเขาให้เหนื่อย อธิบายง่ายๆ ก็คือที่ราบสูงแห่งนี้ขึ้นลงได้สองทางจากทั้งฝั่งแฟนตาเซียและเมโทรโปลิสนั่นเอง

     

    --- 6 พฤษภาคม, 1128 AM ---

    "จากโกสต์ถึงศูนย์บัญชาการ ถึงเช็คพอยท์ที่สองแล้ว กำลังจะถึงที่หมายในสิบสี่นาที ขอทราบข้อมูลพื้นที่เป้าหมาย"

    "เป้าหมายยังเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ ราว 4 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปทางทิศเหนือ ทางเราได้คำนวณตำแหน่งลงแผนที่ให้คุณแล้ว" เสียงของพันตรีหญิงคนเดิมคุณกับเขาผ่านเครื่องสื่อสารที่ติดอยู่บริเวณใบหู

    "ภาพถ่ายทางดาวเทียมยังคงแสดงผลเหมือนเดิม ส่วนโดรนสอดแนมกำลังจะถึงในสองนาที เปลี่ยน"

    โกสต์ที่นั่งอยู่บนหลังแพะที่กำลังควบไปเบื้องหน้าด้วยสี่เท้าอย่างรวดเร็ว เสียงกุบกับของเจ้าแกละฟังดูมีชีวิตชีวา เขายกมือซ้ายขึ้นมาสะบัดและโฮโลแกรมแผนที่ก็โชว์ขึ้นมา เขาเห็นจุดพิกัดแสดงตำแหน่งของเขาและจุดสีแดงกระพริบที่กำลังเคลื่อนที่ขึ้นอย่างข้าๆ อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งของเขามากนัก

    หลังจากที่เขาได้รับภารกิจ เขาก็กลับที่พักเพื่อไปตระเตรียมอุปกรณ์อย่างรวดเร็วและพาเจ้าแกละมาด้วย เขามุ่งหน้าไปยังสถานีวาร์ปเพื่อมาที่เอาท์โพสต์ตั้งแต่ตอนเก้าโมงครึ่ง และควบเจ้าแกละมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกอย่างรวดเร็ว เขาใส่ชุดสีน้ำตาลอ่อนทั้งตัวกลมกลืนไปกับพื้นหญ้าที่แห้งกรอบ ท่อนบนเป็นเสื้อยืดสีขาวที่มีเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำตาลอ่อนคลุมทับ มีอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อด้านใน กางเกงขายาวสีน้ำตาลอ่อนเช่นกัน เขาใส่หมวก

    ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว อากาศค่อนข้างร้อนทีเดียว ท้องฟ้าสดใสไร้เมฆแผดแสงแรงจ้าของยามเที่ยงที่ทำให้อากาศที่ถึงแม้จะอยู่ที่ราว 14 องศาก็ร้อนระอุขึ้นมาได้

     

    "อีกสี่นาทีจะถึงเป้าหมาย ขอภาพจากโดรนสอดแนมด้วย"

    "กำลังเชื่อมต่อภาพ"

    มีเครื่องบินขนาดเล็กไร้คนขับลำหนึ่งบินอยู่ไม่สูงมากจากเขา เขาเปิดดูภาพจากเครื่องบินลำนั้นผ่านชิปที่อยู่ในข้อมือซ้าย ภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้เขาอึ้งไปอยู่พักหนึ่ง

    มันเป็นภาพกลุ่มของสิ่งที่น่าจะมีชีวิตขนาดไม่ใหญ่นักที่เขาเองก็เห็นได้ไม่ชัดเจนนักกำลังเคลื่อนไปเบื้องหน้าด้วยก้าวที่หนักหน่วง มีบางสิ่งบางอย่างปกคลุมร่างของพวกมันไว้ คล้ายกับจะเป็นรอยแยกของมิติสีม่วงสะท้อนแสงระเรื่อที่อยู่รอบตัวมัน รอยแยกของมิติเหล่านั้นปกปิดตัวมันจนไม่เห็นร่างของมันนอกจากขาของพวกมัน ดูจากจังหวะก้าวแล้วมันน่าจะเดินด้วยสี่ขา เขาประมาณจำนวนของสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยแยกเหล่านั้น

    น่าจะเป็นหลักร้อย... ไม่ก็หลักพัน

    เขาใช้มือขวาควบคุมเครื่องบินลำนั้นให้บินมุ่งไปยังมอนสเตอร์ตัวนั้น รอยแยกของมิติที่ล้อมรอบตัวมันไว้ยังคงมีแสงสีม่วงกระพริบออกมาอยู่เรื่อยๆ เขาบังคับให้เครื่องบินไปใกล้รอยแยกสีม่วงเหล่านั้นที่สุด

     

    "ฟึ่บ !"

     

    สิ้นเสียงปริศนาที่ลอดผ่านมา ภาพที่เห็นก็แปรเปลี่ยนไปเป็นภาพที่เต็มไปด้วยสัญญาณรบกวน นอยส์สีม่วงกระจายอยู่เต็มภาพจนดูไม่ได้อีกต่อไป และมีข้อความขึ้นมาบนจอโฮโลแกรมนั้น

     

    [ Can't connect to drone. Estimate distance > 9,999,999,999,999,997 km]

     

    "นี่มันบ้าอะไรเนี่ย ! จากโกสต์ถึงศูนย์บัญชาการ คุณติดต่อโดรนได้ไหม"

    "คุณเห็นภาพเหมือนที่ทางเราเห็นใช่ไหม" ปลายสายตอบกลับมา "นี่มันตัวบ้าอะไรกันเนี่ย !"

    "ผมเองก็ไม่รู้ แล้วโดรนของเราหายไปไหนแล้ว" โกสต์ตอบด้วยท่าทีสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

    "โดรนหลุดระยะไปแล้ว ระยะทางไม่สามารถคำนวณได้" เสียงของพันตรีหญิงเริ่มซีเรียสขึ้น "ยังกับว่ามันหลุดไปอยู่มิติอื่นไปแล้ว"

    "....... " โกสต์ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงตอบกลับไป "เดี๋ยวผมเข้าไปดูเอง อีกสองนาทีจะถึงเป้าหมาย รบกวนส่งโดรนติดอาวุธมาอีกลำด้วย เปลี่ยน"

    "รับทราบ"

     

    โกสต์ควบเจ้าแกละเข้าไปจนถึงที่หมายตามพิกัดที่ระบุไว้จนสำเร็จ สิ่งที่เขาเห็นเบื้องหน้าทำให้เขาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก

     

    เพราะสิ่งที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้านั้น

    คือ ความว่างเปล่า 

     

    กลุ่มของสิ่งมีชีวิตลึกลับนั้นหายไปโดยที่ไม่มีร่องรอยของสิ่งเหล่านั้นอยู่ในสายตาเลย มีเพียงแต่รอยก้าวของสิ่งมีชีวิตปริศนาจำนวนมากที่ดูสับสนและไม่มีระเบียบ รอยก้าวเหล่านั้นยาวมาจากด้านหลังของเขาจนสุดขอบฟ้า แต่ด้านหน้าของเขาที่ควรจะมีรอยเท้ายาวต่อไปจนสุดขอบฟ้าเช่นกัน แต่มันกลับไม่มีเลย

     

    "จากโกสต์ถึงศูนย์บัญชาการ ขอยืนยันพิกัดของตัวเองกับโดรนที่หายไป"

    "คุณกำลังอยู่ที่พิกัดเดียวกับโดรนที่หายไปพอดี"

     

    ดูเหมือนว่าเครื่องบินไร้คนขับที่หายไปจะอยู่ตรงนี้จริงๆ กลุ่มของสิ่งมีชีวิตปริศนาเหล่านั้นผ่านมาที่จุดนี้ แล้วก็หายตัวไป

     

     "โกสต์ ! ตรวจพบวัตถุกำลังเดินทางมาที่พิกัดของคุณทิศทางมาจากฝั่งแฟนตาเซีย ! ดูจากความเร็วแล้วไม่น่าจะเป็นยานพาหนะ" เสียงปลายสายพูดมาอย่างร้อนรน

     

    โกสต์ตัดสินใจควบเจ้าแกละไปยังซากของส่วนท้ายของเครื่องบินยุคเก่าที่มีต้นไม้ขึ้นปกคลุมอยู่พอสมควร มันอยู่ห่างจากตำแหน่งที่เขาอยู่ไปประมาณสองร้อยเมตรเพื่อหลบซ่อนตัว เขานั่งลงและหยิบกล่องออกมาจากด้านในของเสื้อเชิ้ต กล่องนั้นบรรจุอุปกรณ์เล็กๆ สีดำขนาดปริมาณหนึ่งมิล เขานำไปแตะไว้ที่จมูกของเจ้าแกละ สิ่งนั้นคือกล้องสอดแนมที่เขาได้มาจากกองทัพ

    เขาสะบัดมือซ้ายขึ้นมาเปิดจอโฮโลแกรมอีกครั้ง ภาพที่ปรากฏขึ้นเป็นภาพที่เหมือนกับว่ามองมาจากเพื่อนแพะของเขานั่นเอง

    "รบกวนหน่อยนะ เจ้าแกละ"

     

    เจ้าแกละใช้สี่ขาของมันเดินออกแหวกกลุ่มต้นไม้จากซากหางเครื่องบินนั้นมาอยู่ที่ทุ่งหญ้าด้านนอก

     

    "หันซ้ายอีกนิดนึง" ชายหนุ่มครึ่งแพะพูด

     

    แพะสี่ขาตัวนั้นจึงหันตัวไปตามคำสั่ง ภาพบนจอแสดงให้เห็นถึงวัตถุที่เคลื่อนที่มาอย่างช้าๆ มันเป็นเกวียนที่ทำจากไม้ แต่มันกลับเคลื่อนที่ได้เองโดยปราศจากสัตว์ที่ควรจะเป็นสิ่งขับเคลื่อนของมัน มีมนุษย์หนึ่งคนอยู่บนนั้น มันกำลังมุ่งไปยังบริเวณรอยเท้าของสิ่งมีชีวิตประหลาดที่เขาเคยอยู่

     

    "คอยอยู่ตรงนั้นไว้นะเจ้าแกละ "

     

    เพื่อนแพะของเขาจึงก้มคอลงมาเคี้ยวหญ้าที่อยู่บนพื้น

     

    มนุษย์บนเกวียนไม้คนนั้นเองก็เห็นแพะตัวหนึ่งที่ดูท่าทางไม่มีพิษภัยกำลังเล็มหญ้าอยู่ใกล้ๆ กับซากของเรือบินที่มีต้นไม้ปกคลุม เขาดูท่าเหมือนไม่สนใจสิ่งมีชีวิตสี่ขาตัวนั้นและมุ่งไปยังรอยเท้าที่เป็นจุดหมายของเขา

     

    โดยที่ไม่รู้ว่ายังมีมนุษย์อีกคนอยู่ที่นี่

    ไม่สิ ยังมีมนุษย์อยู่ครึ่งคน แพะครึ่งตัวอยู่ที่นี่ต่างหาก

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×