ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Crisis

    ลำดับตอนที่ #2 : ราชันแห่งรัตติกาล

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 49


    ณ ดินแดนแห่งปิศาจดาร์คแลนด์ [ Darkland ] ผู้ครองดินแดนนี้คือ อนาคิน โทรเอโน่ ชายผู้ถูกขนานนามว่าราชาแห่งรัตติกาล กล่าวกันว่าชายผู้นี้มีอายุถึง 500 ปี และมีชิวิตอมตะ ไม่ว่าผ่านไปกี่ร้อยกี่สิบปีร่างนั้นยังคงหนุ่มแน่น ใบหน้าคมสันปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำดังปีกกาที่ยาวถึงข้อเท้า และมีดวงตาสีโลหิตคู่งามที่เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก

    อนาคินถืออาณัติแห่งความมืด และปกครองเผ่าปิศาจมานับร้อย ๆ ปีต่อจากราชินีองค์ก่อนที่ทรงนามว่า “เฟย์” ราชินีผู้งดงาม พระนางปกครองแว่นแคว้นแห่งปิศาจหลังจากจบสิ้นสงครามแยกแผ่นดินจนถูกขนานนามว่าดินแดนต้องห้าม อนาคินสืบทอดเจตนาแห่งพระนางมาโดยตลอด จนบัดนี้ดินแดนนั้นยังคงนำความน่ากลัวมาสู่ผู้ที่จะย่างกรายเข้าไป แต่มีคำกล่าวของทูตเผ่าแสงผู้เดินทางไปส่งบรรณาการแด่ราชาครั้งสุดท้าย ความว่า “ดินแดนต้องห้าม ที่สถิตแห่งปิศาจทั้งปวง กลับสวยงามกว่าที่จักจินตนาการนัก ล้ำค่ากว่าจักครอบครอง ปรากฏปราสาทท่ามกลางธรรมชาติที่ยากจะพรรณนา งดงาม น่าอยู่แต่กลับแฝงความน่ากลัว ที่สถิตแห่งราชานั้นข้าให้นามว่า วังโทรเอ”

    นับแต่นั้นปราสาทหลังโตท่ามกลางป่าต้องห้ามศูนย์กลางแห่งเกาะนาลีเนียก็ถูกขนานนามว่าวังโทรเอ ตามคำบอกกล่าวนั้นทำให้มีผู้กล้าเผ่าต่าง ๆ ย่างก้าวเข้าสู่ความมืดเพื่อค้นหาความงามที่ยากจักพรรณนามากมายกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า คนแล้วคนเล่า ……

    -----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    วังโทรเอ ปราสาทหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ ณ ดินแดนแห่งนาลีเนีย ท่ามกลางความมืดมิดนั้น บังเกิดพิธีกรรมแห่งปิศาจขึ้น พิธีกรรมที่จดบันทึกไว้ในบันทึกต้องห้าม ถึงแม้จะไม่มีผู้ใดเห็นด้วย ถึงแม้จะไม่มีผู้ใดชื่นชมต่อการกระทำนั้น แต่ถ้ามันเป็นความต้องการของราชาผู้มืดมิดล่ะก็ มีรึผู้ใดจะกล้าขัดขืน ผู้น้อยทุกผู้จำต้องปฏิบัติตามความประสงค์แห่งความมืดมิดนี้แต่โดยดี

    ร่างบริสุทธิ์ทั้งสองถูกนำมาในสถานที่แห่งพิธีกรรม ลานโล่งชั้นบนสุดของปราสาทที่ถูกสลักวงแหวนไสยเวทย์หกแฉกวงใหญ่ไว้ ร่างเด็กสองร่างสลบไสลอยู่ภายในวงไสยเวทย์นั้น คนหนึ่งคือเด็กหญิงวัยน่ารัก ผู้มีผมสีทองวาววับ อีกคนหนึ่งเด็กชายวัยพอ ๆ กับเด็กหญิง ผู้มีผมสีดำสนิทดูไม่ต่างกับความมืดมิดยามราตรีกาล ไม่นานก็ปรากฏร่างของผู้ดำเนินพิธีกรรมจากทางเดิน จะเป็นใครไปได้เล่า นอกจากผู้รู้ดี ผู้ต้องการให้บรรลุตามประสงค์ เค้าคนนั้นคืออนาคิน

    ร่างสูงในชุดทำพิธีสีดำสนิทยาวระพื้นจนน่าเกรงขามเดินเข้ามาในลานพิธีอย่างช้า ๆ ย่างก้าวไปรอบ ๆ วงแหวนไสยเวทย์นั้น ดวงตาเจ้าเล่ห์จ้องเขม็งที่ร่างเล็กทั้งสอง ริมฝีปากขยับไม่หยุดนิ่ง มนตราต้องห้ามพลันถูกปลุกขึ้น ทันใดรอยสลักบนพื้นหินนั้นก็เปล่งแสงวาบ แสงสีทองส่องไสวไปทั่วลานพิธี ดวงจันทร์กลมโตบนท้องนภาสุกสกาวยิ่งกว่าทุกคืน ไร้เมฆ ไร้หมอก ไร้เสียงใด ๆ แสงสีทองนั้นค่อย ๆ ลดความสว่างไสวลงทีละน้อย จนมอดดับลง “ไร้ปัญหา” เสียงทุ้มลึกเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ จากริมฝีปากของผู้ทำพิธี ที่หยุดยืนอยู่กับที่

    ครู่เดียวเท่านั้นก็ปรากฏแสงสีขาวสะอาดขึ้นที่ลอยสลักอีกครา แสงนั้นสว่างไสวเกินกว่าที่อนาคินจะจ้องมองมือข้างขวาถูกยกขึ้นมาป้องดวงตาสีโลหิตคู่นั้นจากแสงที่ไม่พึงประสงค์ ไม่นานนักปลายผมของเด็กหญิงที่นอนสลบไหลอยู่นั้นกลับเปลี่ยนจากสีทองเป็นสีดำ ค่อย ๆ กินเนื้อที่ไปเรื่อย ๆ จนหมดทั้งเกศา เช่นเดียวกับเด็กชายที่เส้นผมสีดำสนิทนั้นกลับกลายเป็นสีทอง และแสงสีขาวนั้นก็ค่อยหายไป ราชาผู้บรรลุประสงค์ฉีกยิ้มด้วยความพอใจพลางพลิกกลายกลับไปที่ทางเดินพร้อมกลับรอยยิ้มนั้น แต่ดวงตาสีโลหิตคู่งามนั้นไปสะดุดตาร่างหนึ่งที่ยืนแฝงกายอยู่ในความมืด

    “เซลเซีย” เสียงที่ถูกเอื้อนเอ่ยเรียกร่างของหญิงสาวผมสีทองสลวยยาวระพื้น ในชุดสีขาวบริสุทธิ์เดินเข้ามาในลานพิธี อนาคินรีบเร่งเดินเข้าไปหาร่างของหญิงสาวนั้น “ข้าทำสำเร็จแล้ว” วงแขนถูกยกขึ้นโอบไหล่ของหญิงสาวที่ไม่ยินดีต่อการกระทำนัก “เป็นอะไรไป เจ้าไม่ชอบใจรึราชินีของข้า” สิ้นเสียงทุ้มนั้น กลับไม่มีเสียงตอบใบหน้าหญิงสาวยังคงเรียบเฉย ไร้อารมณ์ ไร้ความรู้สึก

    ร่างสูงก้มหัวประกบริมฝีปากสีแดงจัดของตนกับริมฝีปากนุ่มสวยของหญิงสาว ด้วยความตกใจ นางผู้ถูกเรียกว่าเซลเซียรีบผลักร่างสูงนั้นออกไปให้ไกลจากร่างของตน “อนาคิน” เสียงแผ่วเบาเอื้อนเอ่ย เชิงอุทาน น่าตาดูขุ่นใจไม่น้อยกับการกระทำนั้น

    “เจ้าเป็นอะไรไปน่ะวันนี้ดูแปลก ๆ ชอบกลนะ … แต่เอาเถอะเจ้ารีบไปดูแลเซเลสตินดีกว่า” ร่างสูงเดินผ่านไปหางตาเหลือบมองร่างบางของหญิงสาวอย่างชอบใจยิ่ง ผิดกับหญิงสาวที่ได้เพียงยืนงงมือขาวซีดแต่ดูน่าจับต้องนั้นลูบไล้ริมฝีปากเนียนนุ่มสีชมพูอ่อนอย่างเหม่อลอย ถึงแม้นางจะไม่ชอบในสิ่งที่เขากระทำแต่จะให้นางทำเช่นไรกับราชาผู้ทะเยอทะยานผู้นี้ล่ะ ในเมื่อดวงใจของนางเป็นของเค้าแล้ว

    ไม่นานนักนางรู้สึกตัว ร่างบางเดินมายังลานพิธี หยุดตรงหน้าร่างทั้งสอง พลางทรุดนั่ง มือขาวซีดเอื้อมไปจับต้องกายเด็กหญิง “เซเลสติน” เสียงแผ่วเบาดังขึ้น มือขาวซีดนั่นพลางเขย่าร่างของเด็กน้อย ไม่นานร่างเล็กก็เริ่มรู้สึกตัว ดวงตากลมโตค่อย ๆ เบิกกว้างขึ้น ร่างของเด็กหญิงขยับ มือและลำแขนเรียวเล็กดันร่างของตนลุกขึ้นนั่ง เธอสั่นศรีษะเล็กไปมาอย่างช้า ๆ เพื่อขจัดความมึนงงออกไปจากสติสัมปชัญญะ มือขาวอีกข้างเสยผมยาวสลวยของเด็กหญิงขึ้น

    “ไม่เป็นอะไรใช่ไหมจ๊ะ” เสียงแผ่วเบานั้นเอ่ยกับเด็กหญิง สีหน้าดูเป็นห่วง “ข้าไม่เป็นอะไรหรอกค่ะท่านแม่” เสียงหวานของเด็กหญิงเอ่ย ใบหน้าดูยิ้มแย้ม “แล้วเค้าล่ะคะ” เซเลสตินพูดพลางหันไปมองร่างเด็กชายข้าง ๆ

    “ไคตื่นเถอะจ้ะ” เซลเซียเอ่ยอีกครั้ง แต่ไม่เป็นผลดูเหมือนเสียงนั้นจะเบาเกินกว่าจะปลุกร่างนั้นให้ตื่นจากการหลับไหลได้

    เปรี้ยง!! เสียงดังสนั่นเกิดจากทางตะวันออก ทั้งสองร่างรีบหันไปมอง ก้อนพลังก้อนใหญ่เกิดขึ้น ณ ดินแดนไกลพ้น ค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นและใหญ่ขึ้น “อูย~~ เสียงครวญครางของเด็กชายดังขึ้นและค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง

    “ไม่เป็นอะไรใช่ไหมจ๊ะ” คำถามเดิมถูกถามขึ้นอีก จากร่างหญิงสาวเบื้องหน้าเด็กชาย

    “ครับ” เด็กชายตอบด้วยหน้าตางัวเงีย “ท่านแม่ล่ะครับ…..” เด็กชายถามต่อแต่ไม่ทันสิ้นเสียงร่างหญิงสาวอายุราว ๆ เซลเซียเดินตรงมาหาทั้งสามอย่างรีบเร่ง ในมือถือไม่เท้าที่สลักสัญลักษณ์ประหลาดไว้

    “เมื่อครู่อะไรน่ะไรร่า” เซลเซียรีบถาม ร่างบางรี่เข้ามาหาทันที “หมู่บ้านถูกโจมตีเพคะ” เสียงหญิงสาวกล่าวอย่างเรียบเฉย และยังคงกล่าวต่อไป “ข้าคงต้องรีบพาไคกลับไปแล้ว ทางนั้นคงต้องการความช่วยเหลือ” ไรร่าพูดพลางเดินมาพยุงตัวเด็กชายให้ลุกขึ้น แล้วฉุดตัวเด็กชายเดินกลับไป

    “เดี๋ยวฮะท่านแม่” เด็กชายเอ่ยร่างที่ฉุดรั้งพลันหยุดนิ่งแล้วหันมามองหน้าผู้เป็นบุตรชายอย่างร้อนรน "มีอะไรรึ ไค?"

    “เอ่อ…เธอชื่ออะไรฮะ” ไคชี้มาที่ร่างเด็กหญิง ที่ทำใบหน้างงงวยกับการกระทำของเด็กชาย แล้วหันไปมองหน้าผู้เป็นแม่ของตน เซลเซียพยักหน้าเป็นการตอบรับ ครั้นเมื่อเด็กหญิงแน่ใจในการกระทำที่ไตร่ตรองแล้วเสียงเล็กจึงถูกเอ่ยขึ้น “ข้าชื่อเซเลสติน โทรเอโน่” เธอขานตอบด้วยรอยยิ้ม บังเกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กชายด้วย “ข้าจะจำไว้เซเลสติน ข้าชื่อไค โวลเกอร์ และนี่ข้าให้เจ้า” เด็กชายกระตุกสร้อยคอที่มีจี้ไม้สลักสัญลักษณ์ประหลาด แล้วโยนให้เด็กหญิง แววตาส่องประกายกับแสงจันทร์เป็นสีฟ้าสดใส

    “ข้าก็จะจำไว้เช่นกัน” เสียงเล็กตอบกลับ ก่อนที่ร่างเล็กของเด็กชายจะถูกผู้เป็นแม่ฉุดรั้งให้เข้ามาไกล้ ๆ ไรร่าท่องมนตร์และเกิดวงแหวนไสยเวทย์ดาวห้าแฉกขึ้นที่เท้า นางหันมายิ้มให้เซลเซียเป็นการบอกลา และเอ่ย “วาร์ป” ร่างทั้งสองก็หายไปกับสายลม ……..

    “ไม่เป็นอะไรใช่ไหมจ๊ะ” คำถามเดิมถูกถามขึ้นอีก จากร่างหญิงสาวเบื้องหน้าเด็กชาย

    “ครับ” เด็กชายตอบด้วยหน้าตางัวเงีย “ท่านแม่ล่ะครับ…..” เด็กชายถามต่อแต่ไม่ทันสิ้นเสียงร่างหญิงสาวอายุราว ๆ เซลเซียเดินตรงมาหาทั้งสามอย่างรีบเร่ง ในมือถือไม่เท้าที่สลักสัญลักษณ์ประหลาดไว้

    “เมื่อครู่อะไรน่ะไรร่า” เซลเซียรีบถาม ร่างบางรี่เข้ามาหาทันที “หมู่บ้านถูกโจมตีเพคะ” เสียงหญิงสาวกล่าวอย่างเรียบเฉย และยังคงกล่าวต่อไป “ข้าคงต้องรีบพาไคกลับไปแล้ว ทางนั้นคงต้องการความช่วยเหลือ” ไรร่าพูดพลางเดินมาพยุงตัวเด็กชายให้ลุกขึ้น แล้วฉุดตัวเด็กชายเดินกลับไป

    “เดี๋ยวฮะท่านแม่” เด็กชายเอ่ยร่างที่ฉุดรั้งพลันหยุดนิ่งแล้วหันมามองหน้าผู้เป็นบุตรชายอย่างร้อนรน "มีอะไรรึ ไค?"

    “เอ่อ…เธอชื่ออะไรฮะ” ไคชี้มาที่ร่างเด็กหญิง ที่ทำใบหน้างงงวยกับการกระทำของเด็กชาย แล้วหันไปมองหน้าผู้เป็นแม่ของตน เซลเซียพยักหน้าเป็นการตอบรับ ครั้นเมื่อเด็กหญิงแน่ใจในการกระทำที่ไตร่ตรองแล้วเสียงเล็กจึงถูกเอ่ยขึ้น “ข้าชื่อเซเลสติน โทรเอโน่” เธอขานตอบด้วยรอยยิ้ม บังเกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กชายด้วย “ข้าจะจำไว้เซเลสติน ข้าชื่อไค โวลเกอร์ และนี่ข้าให้เจ้า” เด็กชายกระตุกสร้อยคอที่มีจี้ไม้สลักสัญลักษณ์ประหลาด แล้วโยนให้เด็กหญิง แววตาส่องประกายกับแสงจันทร์เป็นสีฟ้าสดใส

    “ข้าก็จะจำไว้เช่นกัน” เสียงเล็กตอบกลับ ก่อนที่ร่างเล็กของเด็กชายจะถูกผู้เป็นแม่ฉุดรั้งให้เข้ามาไกล้ ๆ ไรร่าท่องมนตร์และเกิดวงแหวนไสยเวทย์ดาวห้าแฉกขึ้นที่เท้า นางหันมายิ้มให้เซลเซียเป็นการบอกลา และเอ่ย “วาร์ป” ร่างทั้งสองก็หายไปกับสายลม ……..

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×