ตอนที่ 12 : บทที่ 6 - 1
ชาลส์ไม่ได้นัดบุหงาเอาไว้ก่อน เขาตรงดิ่งมายังบ้านที่ปล่อยให้เธอเช่าหลังจากจัดการธุระในตอนเช้าเสร็จ เขาค่อนข้างสับสน เขาทึกทักเอาเองว่าบุหงาคงจะเป็นลูกคุณหนูอยากมาเรียนภาษาและเที่ยวเล่นตามประสาคนมีเงินหยิบโหย่งทั่วไป ที่เขามักเจอยามกลับเมืองไทยบางครั้งบางคราว แม้จะดูออกว่าอรรถเป็นห่วงบุหงาเป็นพิเศษ แต่เขาค่อนข้างอคติกับคนอย่างนี้
ภาษาไทยเขาเรียกว่าอะไรนะ ไม่เป็นโล้เป็นพาย
ชายหนุ่มตบไฟเลี้ยวเข้ามาในซอยมีบ้านเรียงรายเป็นแถว เขาเข้าไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย ชาลส์เคยมาบ้านหลังนี้หลายครั้งเพื่อซ่อมแซมบ้าน อะไรเล็กๆ น้อยที่เขาทำเองได้ ทั้งตอนได้มา บ้านก็อยู่ในสภาพดีมาก จึงแก้ไขอะไรเพียงเล็กๆ น้อยเท่านั้น
รถยนต์สี่ประตูเคลื่อนมาจอดหน้าบ้านหลังน้อยที่เขาจำได้ขึ้นใจ ชาลส์เกิดอาการลังเล สบถด่าตัวเองในรถ อะไรทำให้เขามาหาบุหงาโดยไม่ได้นัดก่อนอย่างนี้กันนะ เขาเสยผมขึ้นไปอย่างหงุดหงิดตัวเอง เขาเปิดประตูลงจากรถ ไม่ลืมจะหยิบถุงเบอร์เกอร์เจ้าดังติดมือลงไปด้วย นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เขาหวังว่าเธอจะยังไม่ได้กินข้าว
ถ้าเธออยู่บ้านน่ะนะ
ชาลส์กดกริ่งหน้าประตูบ้าน สั่นขาระหว่างรอ บริเวณรอบบ้านนั้นยังคงมีสภาพคงเดิม ต้นไม้บริเวณหน้าบ้านแผ่กิ่งก้านสาขา รวมถึงบรรดาต้นไม้ในกระถางที่ตั้งเรียงรายจากจ้างประตูไปจนถึงหน้าต่างบ้าน พวกมันเป็นมรดกตกทอดมาจากเจ้าของเก่า
“สวัสดีค่ะ”
เขามัวแต่สนใจบรรดากระถางต้นจนไม่รู้ตัวเลยว่าบุหงาเปิดประตูบ้านและกำลังจ้องเขาด้วยสายตาประหลาดใจ
“สวัสดีครับ”
“คุณคนที่ร้านอาหาร” บุหงาจำเขาได้ในทันที
“ใช่ครับ ที่ร้านอาหาร”
เธอมองเขาอย่างไม่แน่ใจ จนเกือบจะไม่ไว้ใจด้วยซ้ำ นั่นทำให้ชาลส์นึกขึ้นได้ เขายังไม่ได้แนะนำตัวเลยสักนิด
“ผมชาลส์ คาเทอร์ญาติอรรถครับ” เขายื่นมือไปตรงหน้า ตอนแรกดวงหน้าของเธอเต็มไปด้วยความระแวง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจและสุดท้ายตื่นเต้น!
เธอสามารถเปลี่ยนสีหน้าภายในไม่กี่วินาทีด้วยซ้ำ
ให้ตาย
ผู้หญิงคนนี้ประหลาดจริง
“คุณชาลส์!” เธอร้องเรียกชื่อเขาราวกับจะให้แน่ใจ “เชิญเข้ามาข้างในเลยค่ะ”
เธอรีบเชื้อเชิญเขาเข้าไปข้างในบ้าน ซึ่งเขาไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว
ชาลส์คาดการณ์ว่าบ้านอาจจะรกนิดหน่อย หญิงสาวตรงหน้าเขาอาจจะทำความสะอาดบ้านไม่เป็นด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นเป็นข้อผิดพลาดอย่างที่สุด แค่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ
“หอมใช่ไหมคะ ฉันจุดเทียนหอมค่ะ ไล่กลิ่นเวลาทำอาหารไทย” เธอหันมายิ้มให้เขาอย่างสดใส พาเขาไปนั่งบังโซฟาตัวใหญ่
“คุณทำอาหารเป็น” ถามอย่างไม่แน่ใจและดูเป็นการเสียมารยาท แต่บุหงาดูจะไม่ใส่ใจในเรื่องนั้น
“ค่ะ” เธอพยักหน้ารับ ระหว่างเดินไปรินน้ำใส่แก้วมาให้เขา
“ผมคิดว่าคุณทำไม่เป็นเสียอีก”
“พี่อรรถบอกอย่างนั้นเหรอคะ”
“เปล่า ผมทึกทักเอาเอง” ยกมือขึ้นจับศีรษะอย่างขัดเขิน
“แต่วันก่อนฉันก็ส่งรูปอาหารไปให้คุณดูนะคะ” เธอลงนั่งบนโซฟาเดี่ยวที่เขาเลือกสีมาให้เข้าคู่กับบ้าน
นั่นสิ เขาโง่เองแหละ
ชาลส์ไม่มีอะไรจะแก้ตัว เธอถ่ายรูปให้เขาดูขนาดนั้นแล้วยังจะโง่คิดว่าบุหงาทำกับข้าวไม่เป็นอีก โง่บัดซบเลย โทษการทำงานอย่างหนักหน่วงตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมาก็แล้วกัน
“เมื่อคืนคุณจำฉันได้ทันทีเลยเหรอคะ” บุหงาเปลี่ยนเรื่อง ซึ่งชาลส์ไม่รีรอที่จะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาตามเธอ
“คุ้นๆ ครับ”
“ค่ะ ถึงว่าทำไมมองฉันขนาดนั้น” บุหงาอมยิ้ม เธออารมณ์ดี ไม่คาดคิดว่าจะมีคนมาหาในวันเสาร์ กำลังคิดอยู่เชียว วันหยุดอาจจะออกไปเดินเล่นสวนสาธารณะใกล้บ้าน
“ขอโทษด้วยครับ ผมดูเสียมารยาทมาก คุณคงกลัว ไหนจะเจอผมที่ข้างร้านอีก”
“ไม่ถึงกับกลัวหรอกค่ะ ก็แค่รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย” บุหงาไม่กล้าบอกเขาว่าเธอสะดุดตาเขาจากความมีเสน่ห์ของตัวเขาเอง
“ผมว่าจะทักคุณ แต่เห็นคุณเดินมากับเพื่อนเลยว่าจะมาหาวันนี้แทน”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

5 ความคิดเห็น
-
#4 ondara (จากตอนที่ 12)วันที่ 23 มีนาคม 2563 / 17:42ชีวิตรันทด สู้ๆ#40