ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The force of magical

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มต้นตำนานแห่งหายนะ 100%

    • อัปเดตล่าสุด 26 ส.ค. 48


            กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในทวีปอันไกลโพ้นซึ่งอยู่นอกเหนือการค้นพบของผู้ใด มันเป็นสถานที่ซึ่งมีความหลังอันยาวนาน ครั้งหนึ่ง...มันเคยเป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยการนองเลือด สงครามที่ไม่รู้วันสิ้นสุด ทั่วทั้งแผ่นดินเต็มไปด้วยความวุ่นวาย เหตุเพราะการแก่งแย่งสิ่งที่ไม่จีรังเพียงสองสิ่ง หนึ่ง...คืออำนาจ อำนาจอันล้นฟ้าของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ที่มาตรแม้นผู้ใดได้ครอง ผู้นั้นจักบัญชาได้ทั่วหล้า สิ่งที่สองนั้น...คือพลัง พลังอันเป็นสิ่งสูงสุดของเหล่าผู้วิเศษที่ต่างก็ใฝ่หา พลังที่สามารถทำลายได้ทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่สันติภาพ...แต่มันกลับเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยังไม่มีนักปราชญ์ผู้ใดในแผ่นดินรู้แจ้งว่า...แท้จริงแล้วมันคืออะไร? มันเป็นมหาสงครามแห่งการทำลายล้างอันยาวนาน เลือดของผู้คนมากมายไหลนองทั่วแผ่นดิน บางร่างก็ถูกเปลวเพลิงคลอกจนตาย บางร่างถูกผนึกไว้ด้วยเวทมนตร์ไปตลอดกาล คล้ายกับว่าวัฒจักรนั้นจะไม่มีวันสิ้นสุด ทว่าในกาลต่อมาในหน้าประวัติศาสตร์ได้ปรากฏการมาของบุคคลผู้หนึ่ง บุคคลที่ยิ่งใหญ่ เขาอยู่เหนือกว่าพลังและอำนาจทั้งมวล บุคคลผู้นี้มิได้พิชิตผู้ใดเพื่อรวมจักรวรรดิให้เป็นหนึ่งอีกครั้งด้วยอำนาจ...หรือการฆ่าฟัน แต่เขากลับสามารถนำพาสันติสุขกลับคืนสู่จักรวรรดิแห่งทวีปอันห่างไกลด้วยพลังแห่งจิตใจ จิตอันเข้มแข็งที่อยู่เหนือทุกสิ่ง ในทุกสมรภูมิมาตรแม้นว่าสงครามจะรุนแรงเพียงใดก็สามารถยุติสิ้นเพียงเพราะการปรากฏตัวพร้อมกับเอ่ยวาจาเพียงไม่กี่คำของชายผู้นี้ เพียงไม่กี่คำ...แต่กลับเปี่ยมไปด้วยเวทมนตร์แห่งสันติภาพอันยิ่งใหญ่ เขาชนะใจผู้คนทั่วทั้งแผ่นดิน ทั้งยังได้ทำการชำระบาปในจิตใจมนุษย์ให้เสียจนสิ้น ศัตรูแลกองรบทั่วหล้าต่างยอมวางอาวุธและหันมาปรองดองกัน สันติสุขจึงกลับคืนอีกครั้งเป็นเวลายาวนาน ชาวบ้านต่างโห่ร้องอย่างยินดีและสรรเสริญเขาผู้นั้นฐานะ\'ผู้พิชิต\'



            เมื่อวันเวลาผันผ่าน ตั้งแต่เมล็ดสู่ความเป็นต้นไม้อันสูงใหญ่ หมู่แมกไม้ต่างผลิใบครั้งและเหี่ยวแห้งไปครั้งแล้วครั้งเล่า...จากประวัติศาสตร์ สู่ เรื่องเล่า.... จากเรื่องเล่า สู่ นิทาน จากนิทาน สู่ ตำนาน…จนบัดนี้มันเหลือแต่เพียงตำนานที่ผู้คนต่างขับขานเป็นบทกวีในนิยามแห่งมหากาฬภายใต้ชื่อของ \'สงครามและการปลอดปล่อย\' ทว่า...ชนวนแห่งสงครามกลับไม่เคยเลือนหายไป มันยังคงมีอยู่ตลอดเวลาในนามของตัณหาอันไร้ที่สิ้นสุด.....แห่งมวลมนุษย์        



            \"ลอร์ดเฟเนเรียส\" ชายผู้หนึ่งเอ่ยนามของบุรุษผู้มาหาตนในยามวิกาลถึงห้องนอน \"คทาแห่งมนตราอยู่ที่ไหน\" เขาเอ่ยถามเสียงเย็น ถึงแม้ว่าเขาจะสวมอาภรหรูหราอย่างผู้ดี ทว่าคำกล่าวแต่ละคำของเขาก็สามารถบ่งบอกถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาได้ดีเช่นกัน



            \"พลาดขอรับ\" ผู้มาใหม่กล่าวตอบด้วยเสียงเย็นไม่แพ้กันหากแต่...ดูเหมือนว่ามันจะแฝงความหวาดกลัวอยู่ภายในเล็กน้อย สังเกตได้จากแววตาของเขาที่สั่นไหวไปมาผิดกับน้ำเสียง \"ข้าพบวุฒิสภาเซเรียลแห่งเทือกเขาเวส (West )เข้าระหว่างทาง ดูเหมือนว่านางจะรู้ความลับของเราเป็นอย่างดีทีเดียว นางส่งกองพันคริมสันเข้าขัดขวางฝูงมังกรเขียวของข้า\" เขาเว้นเล็กน้อยเป็นเชิงสื่อประโยคต่อมา ก่อนจะเอ่ยวาจาขึ้นมาอีกครั้ง \"หากแต่...ข้าได้ดาบวิเศษของนางมาแทน นี่ขอรับ\"  เขาว่าพลางยื่นสิ่งที่ตนเหน็บอยู่ข้างเอวของตนไปให้นายเหนือ        



            \"ดาบวิเศษอาร์เซน\" ชายผู้รับดาบพึมพำอย่างครุ่นคิด \"ไม่คิดว่านางจะมีของแบบนี้ ดาบวิเศษแห่งหุบเขาเวส...ของดีแต่....\" เขาถอนหายใจเล็กน้อย \"เอาเป็นว่าข้ายกให้ท่านก็แล้วกัน.....ถ้าท่านต้องการมัน\" ผู้ฟังขมวดคิ้วลงอย่างสงสัย เมื่อเห็นท่าทีดังนั้นผู้พูดจึงเอ่ยปากอธิบายเหตุผล \"ดาบวิเศษอาร์เซน ว่ากันว่าเต็มไปด้วยอาถรรพ์ มันเป็นดาบอันตราย ในอดีตมีผู้คนมากมายที่ริอาจใช้มันต่อสู้ในการประลองต่างๆแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชนะอย่างง่ายดายด้วยพลังวิเศษของมันแต่...\" น้ำเสียงของเขาเริ่มแผ่วเบาลงราวเสียงกระซิบ \"สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครไหนเลยที่หนีรอดไปจากความตาย\" เสียงของเขาเย็นลง อากาศรอบข้างเริ่มหนาวเย็นราวกับหิมะตก ในขณะที่ผู้ฟังเริ่มเอะใจอะไรได้บางอย่างผู้พูดก็เริ่มกล่าวต่ออีกครั้งอย่างไม่ใส่ใจต่อสภาพแวดล้อมรอบข้างตน \"ทุกๆคน ล้วนสิ้นชีพในขณะที่มีพลังฝีมือสูงส่ง\" สายลมเริ่มกรรโชกอย่างรุนแรง รุนแรงจนกระทั่งบานหน้าต่างยังถูกพัดหายไปในพริบตา ลอร์ดเฟเนเรียสเริ่มตื่นตระหนก ในขณะที่ผู้เป็นนายยังคงสงบนิ่งราวกับไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์รุนแรงเมื่อครู่ \"พวกเขาต้องคำสาปอาถรรพ์ อาถรรพ์ที่ไม่มีใครสามารถแก้ได้ เพราะมัน...คือดาบแห่งการแก้แค้น\" เมื่อจบประโยคอากาศที่หนาวเย็นก็อบอุ่นขึ้นมาโดยพลัน สายลมที่พัดกระหน่ำรอบคฤหาสน์ก็สงบลง ทั้งเสียงของชายคนนั้นกลับมาเป็นปรกติอีกครั้งราวกับไม่มีสิ่งใดที่ผิดปรกติเกิดขึ้นก่อนหน้านี้



            แม้จะรับรู้ถึงอาถรรพ์ของมันอย่างดีเยี่ยมแล้ว หากแต่…ความโลภก็ยังคงไม่หดหาย ทว่ามันกลับแสดงออกมาอย่างเด่นชัดเมื่อบ่าวเอ่ยปากขอดาบเล่มนั้นอย่างยินดีว่า “หากท่านไม่ต้องการดาบวิเศษเช่นนี้ ขอมันให้ข้าน้อย ข้าน้อยจักใช้มันสนองคุณท่านอย่างดีเยี่ยม” มันเป็นประโยคที่ฟังดูโง่เง่า แต่กลับแฝงไปด้วยความต้องการอันมหาศาลของผู้พูดที่กล่าวออกมาราวกับไร้ปัญญา ผู้ฟังที่ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มกริ่มอย่างยินดีก่อนจะเอ่ยปากให้ไปอย่างไม่เสียดายพลางคิดว่า



            \'จะเสียดายไปใย ในเมื่อข้ามีของวิเศษมากมายที่ไร้อาถรรพ์.....หนึ่งชีวิตแลกกับอำนาจจากของวิเศษ....ฟังอย่างไรก็ไม่คุ้ม ผู้ที่ต้องการมันก็ประหนึ่งเหมือนเสือหลงเชื่อพญาจิ้งจอก สักวัน....มันจักหันมาทำลายเจ้าจนพินาศสิ้น\'



            รุ่งเช้าในอีกสามวันต่อมา ข่าวการหายตัวไปของวุฒิเซเรียลก็แพร่สะพัดออกมาราวกับไฟลามทุ่ง การเรียกประชุมอย่างกะทันหันโดยประธานสภากลางผู้ตรวจตรางานบริหารทั่วแผ่นดินจึงบังเกิดขึ้นในเช้าอันสดใส เหล่าวุฒิสมาชิกจึงมารวมตัวกัน ณ สภาประชุมพร้อมกับเสียงซุบซิบแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปมาอย่างมิหยุดหย่อนจนกระทั่ง…. ประธาน

    สภาก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ขนาบข้างด้วยสองรองประธานที่แม้เวลานั่งก็ยังคงกระนาบประธานราวกับผู้คุ้มกันก็มิปาน



           \"อันดับแรกข้าคงจะต้องกล่าวขออภัยต่อวุฒิสมาชิกสภาทุกท่านในที่นี้ที่ข้ารบกวนเวลาอันแสนสุขของพวกท่านทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านวุฒิเซนท์ปีเตอร์แห่งแคว้นรูฮ์เวนที่เพิ่งยืนใบลาพักร้อนไปเมื่อวาน\" ประธานเกริ่นพลางเหลือบไปมองวุฒิเซนท์ปีเตอร์และค้อมหัวให้น้อยๆเป็นในเชิงขออภัย \"แต่เหตุการณ์ในวันนี้สำคัญยิ่งจนข้าต้องขอให้ทุกท่านลืมความขี้เกียจไว้ที่บ้านของท่านเสีย\" เขาว่า \"การหายตัวไปอย่างลึกลับของวุฒิเซเรียลสร้างความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวงให้กับเรา นางเป็นทั้งวุฒิสภาผู้กล้าหาญและขุนพลแห่งผองเรา นางเป็นสตรีผู้หนึ่งที่มีความกล้ามากที่สุดในยุคสมัย ทั้งการคอรัปชั่น การปฏิวัติ และการลอบสังหารทั้งหลายทั้งปวงในยุคสมัยนี้จำนวนมาก มายล้วนยุติลงด้วยฝีมือนาง การหายตัวไปครั้งนี้จึงเป็นประเด็นใหญ่ นางมิใช่สตรีผู้รักสบายหรือหลงใหลในตัณหา แต่นางเป็นสตรีผู้กล้าและซื่อสัตย์ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่นางคิดจะหลบซ่อนตัวเพื่อวางมือจากการงาน  และนั่นทำให้ข้าเหลือความสงสัยในการหายตัวไปครั้งนี้เพียงสองความคิด\" เขาเว้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่ออย่างพยายามแฝงนัย \"โดนลอบสังหาร....หรือโดนจับตัว\"



            \'ใครกันที่สามารถเอาชนะนาง ใครกันที่สามารถหาตัวนางได้กลางป่าเขา ใครกันที่ต้องการสร้างความวุ่นวายให้แก่จักรวรรดิแห่งแผ่นดินมิดเดิลเอิร์ธ\' มันเป็นความคิดของเหล่าวุฒิสภามากมายที่พากันตกอยู่ในอำนาจแห่งความน่าพรั่นพรึงของเหล่าศัตรูที่ไม่รู้จักกระทั่งตัวตน



            ความเงียบเข้าครอบงำสภาครู่หนึ่งก่อนจะมีวุฒิใจกล้าผู้หนึ่งเสนอความคิดเห็นของตนออกมา “ที่ท่านประธานว่ามาก็มีเหตุผลอยู่ ....แต่ข้าไม่เห็นด้วย\" สิ้นเสียงของวุฒิผู้นั้นทั้งสภาต่างก็เพ่งความสนใจมายังเขาและพร้อมใจกันรับฟังหนึ่งเสียงน้อยๆอันมีความคิดที่แปลกแยกนี้ \"วุฒิเซเรียลแม้จะเป็นผู้ขยันและซื่อสัตย์ แต่ไร้ฝีมือ…ถ้าพวกท่านเคยสังเกตจะเห็นว่าในแต่ละคราที่นางต่อสู้ นางไม่เคยต่อสู้ด้วยเวทมนตร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว นางมักจะใช้แต่วิชาดาบ ทั้งดาบของนางนั้นก็มิใช่ดาบธรรมดา ข้าเชื่อว่าทุกท่านคงจะรู้ดีอยู่เพราะเห็นกันจะๆอยู่ทุกครั้งไปจนเกือบจะเรียกได้ว่า นางเหมือนนักรบ มากกว่าผู้วิเศษ ดังนั้นการกำจัดนางจึงไม่ใช่เรื่องยาก\" เขาว่าอย่างมั่นใจ ในขณะที่หลายคนเริ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็น  \"ดังนั้นตามความคิดของข้า การตายของนางจึงมิใช่สิ่งที่บ่งบอกถึงหายนะของจักรวรรดิตามคำทำนายเก่าๆที่ท่านประธานใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะแฝงนัยมาให้เราเชื่อแต่อย่างใด\" คำของวุฒิสภาผู้นี้มาพร้อมเหตุผลอันน่าเชื่อถือและสถานการณ์อันตึงเครียดในสภา เหล่าวุฒิต่างกระอักกระอ่วนในการจะยุติความตึงเครียดนี้เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลที่ดีด้วยกันทั้งคู่ ทั้งฝ่ายที่ค้านออกมายังทำหน้าที่ได้สมกับชื่อในสภาเสียจริง พลันร่างของหนึ่งในสองรองประธานสภาก็ยืนขึ้นแลมองไปรอบๆสภาก่อนจะเดินออกมา ณ โถงกลางสภาแล้วเอื้อนเอ่ยคำกลอนที่แฝงนัยออกมาให้ทุกคนได้รับฟัง

          

    แวววาวหาใช่เนื้อทองทั่วนา

    คนจรหาใช่ผู้หลงทางไม่

    มอมแมมมิใช่ความอันเลวร้าย

    เก่งกาจหาใช่คุณธรรมไม่

    การกระทำจักเป็นสิ่งชี้แนะ

    แยกแยะ ผิด ถูก พินิจ ดี ร้าย

    คิดให้มั่นแล้วจงตัดสินใจ



            \"รู็ไหมเซนท์ปีเตอร์...วาจาของท่านนั้นส่อความหมายได้มากมายเชียวล่ะ\" เขาว่าอย่างพยายามมองเข้าไปสู่เบี้องลกแห่งจิตใจ

    \"เท่าที่ข้าสังเกตท่านมา ดูเหมือนว่าท่านมีความพยายามอย่างมากมายทีเดียวในการปกปิดหรือลบเลือนเหตุการณ์สำคัญต่างๆอันอาจจะนำไปสู่ความล่มสลายของระบอบปกครองนี้ หรือว่า....ท่านจะเกี่ยว ข้องกับการหายตัวไปของวุฒิสมาชิกเซเรียล\" คำถามเรียบๆถูกส่งออกมาพร้อมกับนัยน์ตาคมกริบของวุฒิสภาหลายๆคนที่สงสัยชายผู้นี้มาก่อนแล้ว หากแต่วุฒิเซนท์ปีเตอร์เหมือนจะไม่ทุกข์ร้อนราวกับคาดการณ์ได้ก่อนหน้าจึงเอ่ยปากตอบโต้ออกไปว่า



            \"เกี่ยวข้องงั้นรึ....อาจจะใช่ถ้าข้าไปมีความแค้นเคืองเซเรียล ท่านต่างหากที่น่าสงสัย ข้าสังเกตว่านางไปมีเรื่องราวกับท่านอยู่เหมือนกันนี่\" เมื่อได้ยินดังนั้นวุฒิทั้งหลายจงหันไปให้ความสนใจรองประธานที่ถูกปรักปรำแทนในขณะที่วุฒิเซนท์ปีเตอร์กำลังปั้นสีหน้าเคร่งขรึมพลางคิดยิ้มเยาะในสถานการณ์อันไม่สู้ดีของฝ่ายตรงข้าม



            \"อาจจะใช่....หรือไม่ใช่ก็แล้วแต่....ทว่า คำตอบนั้นท่านรู้ดีอยู่แก่ใจวุฒิแห่งรูฮ์เวน \"แต่เบื้องหลังใครไหนเลยจะรู้ อาจเป็นท่านก็ได้ที่วางแผนลอบสังหารวุฒิเซเรียลเหตุเพราะนางรู้เรื่องของท่านดีเกินไป พักนี้ท่านทำตัวลับๆล่อๆบ่อย บ่อยจนผิดสังเกตได้ง่ายมากทีเดียวเชียวล่ะท่านวุฒิเซนท์ปีเตอร\" ก่อนจะว่าข้อกล่าวหาอย่างมั่นใจในขณะที่วุฒิเซนท์ปีเตอร์เริ่มจนมุมต่อข้อกล่าวหานี้ หากแต่...อย่างไรเสียสัญชาติยานในการเอาตัวรอดก็ยังนำพาให้เขาหลุดรอดจากหายนะไปได้ขั้นหนึ่ง



            \"ข้าน่ะรึที่ทำตัวลับๆล่อๆ\" เขาว่าพลางลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินลงไปยังกลางสภาบ้างด้วยท่าทีไม่พอใจ \"ข้าน่ะรึไม่ซื่อสัตย์ ถ้าท่านกล่าว หาข้าเช่นนี้ท่านเห็นจะต้องกล่าวหาผู้คนทั่วหล้าด้วยเช่นกัน เฉกเช่นกันถ้าท่านเรียกบุคคลผู้ทำงาน สัตย์ตรงมาโดยตลอดว่าทุจริต เหล่าผู้คดโกงทั่วแผ่นดินนี้มิกลายเป็นซาตานหรอกหรือ จงรู้เอาไว้ ก่อนจะว่ากล่าวการอันใดโปรดพิจารณาให้รอบ คอบเสียก่อน มิเช่นนั้นผู้ที่ถูกสาปแช่งอาจจะไม่ใช่ข้า แต่เป็น....ท่าน....สิ้นคำกล่าว รองประธาน สภาก็ยิ้มกริ่มออกมาราวกับคาดการณ์คำตอบนี้ได้ก่อนแล้วจึงกล่าวต่อไปอย่างไม่ทุกข์ร้อนพร้อมแสดงหลักฐาน



            \"คงจะจริง แต่........อย่างน้อยๆมันก็เห็นจะไม่ใช่ในกรณีนี้  ขอบคุณท่านที่ให้คำเตือน\" เขาว่าพลางค้อมศีรษะให้น้อยๆก่อนจะโบกมือให้ทหารสองสามคนที่ประตูทางออกสภากลางแห่งนครหลวงหิ้วปีกร่างๆหนึ่งเข้ามา \"ว่าไง...พอจะจำคนๆนี้ได้ไหมวุฒิเซนท์ปีเตอร์\" เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะในขณะที่วุฒิสมาชิกคนอื่นๆพากันมองตรงไปยังร่างนั้นอย่างสงสัยสลับกับสีหน้าที่ออกจะซีดน้อยๆของเซนท์ปีเตอร์อย่างประหลาดใจ



            \"ใครไหนเลยจะไม่รู้จัก\" เซนท์ปีเตอร์ว่าอย่างพยายามกลบเกลื่อน \"ลอร์ดเฟเนรียสผู้นำกองทัพเวสการ์ดแห่งภาคตะวันตกของจักรวรรดิไบเซนไทน์แห่งชาวเรา ท่านนำตัวเขามาทำไมกัน\"



            \"เพื่อตัดสินโทษของท่าน\" คำตอบเรียบๆกิ่งชัยชนะที่ทำเอาเซนท์ปีเตอร์แข็งค้างกลางสภา พร้อมๆกับที่เหล่าวุฒิต่างเงียบกริบจ้องมองไปที่เซนท์ปีเตอร์เป็นสายตาเดียว \"ท่านทำผิดมหันต์เซนท์ปีเตอร์ ไม่ต้องมาแก้ตัว ข้าได้หลักฐานทั้งหมดมาแล้วจากการสอบปากคำสมุนผู้แสนจะซื่อสัตย์ของท่าน\" รองประธานสภาว่าก่อนจะหันไปกล่าวเร่งลอร์ดเฟเนเรียสผู้ใกล้แดนประหารเข้าไปทุกทีให้สารภาพความจริงออกมา เฟเนเรียสหันไปมองนายของตนอย่างสำนึกผิดชั่วแวบหนึ่งแล เห็นสายตาอาคาตจากเซนท์ปีเตอร์ผู้โดนหางเลขไปด้วยจากนั้นจึงเอ่ยคำสารภาพผิดที่ทำให้เซนท์ปีเตอร์ดิ้นไม่หลุดออกมาให้ทั้งสภาได้รับฟัง



    .....................



            \"เป็นอันว่าทุกอย่างจบลงด้วยดี\" ประธานสภาว่าอย่างสบายใจ \"คนผิดโดนจับ ลอร์ดเฟเนเรียสผู้สมรู้ร่วมคิดถูกคุมขัง ความสงบที่เราแสนจะคิดถึงคงจะมาเสียที\" ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก



            \"ยังหรอกท่าน\" หนึ่งในสองรองประธานค้านในทันใด เรียกสีหน้าสงสัยจากอีกสองคนในห้องได้โดยพลัน \"คนผิดอาจถูกจับ ผู้สมรู้อาจถูกคุมขัง แต่....รากเหง้าแห่งความชั่วร้ายยังไม่หมดไป ตราบใดที่มนุษย์ยังลุ่มหลงอยู่ในตัณหา ตาบนั้นภาระแห่งเราก็คงไม่อาจจบสิ้น\" \"รู้ไหมท่านประธาน บางทีข้าก็ยังคิดอยู่เหมือนกันว่า \"จะมีวันไหนบ้างไหมที่แผ่นดินนี้จะสงบสุขอย่างแท้จริง\" ,มันอาจฟังดูโง่เง่าแต่อย่างน้อยๆมันก็เป็นสิ่งที่ข้าเฝ้าหวังและรอคอย\"



            \"สักวัน.....สิ่งนั้นจะต้องมาถึง เมื่อมวลมนุษย์ปราศจากปีศาจในกายตน..........
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×