ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] For In Dreams (Gradence)

    ลำดับตอนที่ #2 : I Don't Know (Gradence)

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ย. 59






    I DON'T KNOW

    Author: Serenitea
    Pairing: Percival Graves x Credence Barebone

    คำชี้แจง: เนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นจินตนาการของผู้แต่งนะคะ ไม่เกี่ยวเนื่องกับตอนที่แล้วด้วยค่ะ




                   แสงสว่างวาบขึ้นตรงหน้าอย่างฉับพลันทำให้เขาต้องหรี่ตาลง เงาของกลุ่มคนมากมายกรูเข้ามาใกล้ เพอร์ซิวาล เกรฟส์สะบัดหัวขับไล่ความพร่ามัวที่เกิดขึ้น ความเจ็บแสบที่ตามมาทำให้เขานิ่วหน้า รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่เขาแยกไม่ออกว่าเป็นเหงื่อหรือหยดเลือดไหลลงมาตามกรอบหน้า กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งทุกครั้งที่หายใจเข้าออก ข้อมือถูกจับมัดไพล่หลังติดเก้าอี้มาเป็นเวลานานออกอาการประท้วง ความปวดร้าวตามร่างกายทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้มากนัก


                   เขาจำไม่ได้ว่าอยู่ในท่านี้มานานเท่าไหร่พอๆกับที่บอกไม่ได้ว่าหน้าปัดนาฬิกาเตือนภัยสถานการณ์ความรุนแรงที่ห้อยอยู่กลางระเบียงของมาคูซาเข้าสู่ระดับ 6 ไปแล้วกี่ครั้ง


                   เสียงโหวกเหวกมายมายยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ภาพเบื้องหน้ายังคงเลือนรางและโคลงเคลง มีเสียงคุ้นเคยสองสามเสียงที่จับใจความไม่ได้ดังอยู่ใกล้ๆพร้อมกับแรงฉุดดึงให้เขาลุกขึ้น เสียงอื้ออึงในหูพลันเงียบลงก่อนที่ความมืดมิดจะถาโถมเข้าใส่เขาอีกครั้ง—ใช่ เพอร์ซิวาล เกรฟส์หมดสติลงหลังจากที่ถูกช่วยเหลือไว้จากการจับขังของกรินเดลวัลด์


                   เขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบกับกองเอกสารปึกใหญ่ข้างหัวเตียง ในนั้นเขียนรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงเวลาที่เขาถูกจับตัวไป หน้ากระดาษถูกพลิกผ่านไปอย่างรวดเร็ว เรื่องราวมากมายถูกถ่ายทอดผ่านทางตัวอักษร งานเลี้ยงฉลองตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาถูกยกเลิกกลางคันเนื่องจากการเสียชีวิตของเฮนรี่ ชอว์ จูเนียร์ ความเสียหายของสวนสัตว์เซ็นทรัลปาร์ค ประกาศจับนิวท์ สคามันเดอร์และพอร์เพนตินา โกลด์สตีน  การตายของแมรี่ ลู แบร์โบนผู้นำของกลุ่มเซเล็มรุ่นที่2 เหตุการณ์ที่สถานีรถไฟใต้ดินซิตี้ฮอลล์ การปรากฏตัวของกรินเดลวัลด์ แต่ในบรรดาตัวอักษรลายตาทั้งหลายข้อความที่สะดุดตาเขามากที่สุดคือ 'ตัวจริงของออบสคูรัสและบทสรุปโทษ' 


                   เด็กผู้ชายผิวขาวซีดมองจ้องตอบกลับมาจากภาพถ่ายในมือ—เครเดนซ์ แบร์โบน


                   เพราะตำแหน่งหน้าที่ของเขาคือรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงของโลกเวทมนตร์ เขาต้องคอยสอดส่องเรื่องราวต่างๆที่อาจจะเป็นภัยแก่ผู้วิเศษ จากการลงพื้นที่และฟังคำบอกเล่าของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น เขาพบว่าในนิวยอร์คมีออบสคูรัสแต่เขายังไม่ได้แจ้งเรื่องนี้กับเซราฟิน่าเพราะต้องการความแน่ใจ และจากการตามดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มเซเล็มรุ่นที่2 เขารู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลจากคนในกลุ่มนั้น และนั่นทำให้ได้พบกับเครเดนซ์ แบร์โบน เด็กหนุ่มท่าทางประหลาดที่ทำให้เขาต้องลอบมองทุกครั้งที่พบ 


                   เพอร์ซิวาลสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยว อ้างว้างจากตัวของเด็กหนุ่มก่อนที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นสควิบเสียอีก เขามีโอกาสได้เข้าไปพูดคุยกับเด็กคนนั้นครั้งสองครั้งก่อนจะถูกจับตัว ใบหน้าที่ก้มต่ำ ไหล่ที่งองุ้มกับการหลบเลี่ยงสายตาทุกครั้งที่พูดคุย คนตรงหน้าดูจะแตกสลายลงได้ทุกเมื่อหากเขาเอื้อมมือไปสัมผัสโดน 


                   เขาไล้สัมผัสดวงตาสีเข้มในภาพถ่ายอย่างแผ่วเบา ความคิดในหัววิ่งวนเกี่ยวพันกันยุ่งเหยิง เขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แต่ความเจ็บเสียดบริเวณช่องอกทำให้เขาต้องยกมือขึ้นนวดเบาๆ


                   ทีน่ามาเยี่ยมเขาในบางครั้ง และครั้งหนึ่งเขาเคยถามเธอถึงเหตุการณ์ซิตี้ฮอลล์ เธอทำหน้าสงสัยแต่ก็ยอมเล่าออกมา แม้รายงานจากมาคูซาจะลงรายละเอียดได้ดีขนาดไหน แต่จริงๆแล้วเขาก็แค่อยากรู้เรื่องของเด็กคนนั้นจากมุมของทีน่า และเขาก็พบว่าเรื่องที่เธอเล่าไม่ต่างจากในรายงานเท่าไหร่นัก เราสบตากันสักพักก่อนที่เธอจะพูดต่อ


                   "เขาดูเจ็บปวดในวินาทีสุดท้ายของเขาก็ยังคงเจ็บปวด พวกเราทำอะไรไม่ได้เลยและฉันรู้สึกเสียใจทุกครั้งที่คิดถึงมัน" ทีน่าร้องไห้ และเป็นอีกครั้งที่เพอร์ซิวาลยกมือขึ้นนวดบริเวณอก ความเจ็บร้าวที่บอกสาเหตุไม่ได้ทำให้เขารู้สึกรำคาญใจ


                   "ฉันจะไม่โทษคุณเพราะจริงๆแล้วนั่นไม่ใช่คุณ แม้ตอนแรกฉันจะรู้สึกโมโหคุณแทบบ้าก็ตามตอนคิดว่าคุณหลอกใช้เครเดนซ์" เธอพูดติดหัวเราะ เขาไม่รู้จะพูดโต้ตอบอะไรกับเธอ เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราชั่วขณะ


                   "เป็นอะไรหรือเปล่า ให้ฉันไปตามหมอไหม"  เธอสังเกตเห็นมือของเขา 

                   

                   "ไม่—ไม่เป็นไรทีน่า ขอบคุณที่เสียเวลาเล่าให้ฟัง"


                   ทีน่านิ่งไป เธอยังคงไม่ละสายตาจากมือของเขา ก่อนทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดชะงัก เพอร์ซิวาลเลิกคิ้วให้เล็กน้อยกับการกระทำเหล่านั้น ไม่ได้เร่งเร้าให้เธอพูดอะไรแต่ทีน่ากลับขยับตัวเข้ามาใกล้ เธอพูดเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ


                   "อันที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ฉันไม่ควรบอกคุณ จริงๆก็ไม่ควรบอกใครทั้งนั้น ตั้งแต่คุณไม่อยู่งานในกองก็วุ่นวายขึ้นมาก ฉันต้องไปขอให้กนาร์ลัคช่วยหลายครั้ง กอบลินจอมเจ้าเล่ห์!" เธอดูโมโหตอนพูดถึงกอบลินเจ้าของร้านเหล้าเดอะไบลนด์พิก 


                   "และเมื่อเร็วๆนี้ฉันได้ข่าวจากกนาร์ลัค มีคนเห็นเด็กที่มีลักษณะใกล้เคียงกับออบสคูรัสที่ทำลายเมืองไปครึ่งแถบอยู่แถวๆท่าเรือ เดากันว่าเขาน่าจะขึ้นเรือสักลำที่นั่น แต่ฉันยังไม่ได้รายงานเรื่องนี้กับท่านประธาน และคิดว่าจะไม่รายงานด้วย" เธอพูดทั้งหมดเร็วปรื๋อจนฟังเกือบไม่ทัน 


                   "คุณหมายความว่ายังไง"


                   "เครเดนซ์อาจจะยังมีชีวิตอยู่และขึ้นเรือออกไปจากประเทศนี้!"


                   "ไม่—ผมหมายถึงที่คุณจะไม่รายงานเรื่องนี้"


                   "เกรฟส์ ฉันคิดว่าเขาเจอเรื่องเลวร้ายมามากพอแล้ว แม้มันจะอันตรายและดูไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ไปบ้างแต่ฉันก็อยากให้เขามีความสุข" เธอขยับตัวอย่างอึดอัด "อีกอย่างเขาออกจากประเทศนี้ไปแล้ว การจะหาตัวเขาตอนนี้เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก  กฏหมายของประเทศเราก็ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงประเทศอื่นๆ"


                   "แต่มันเป็นเรื่องที่ผิด—"


                   เธอมองมาด้วยสายตาที่เพอร์ซิวาลเองก็จำกัดความไม่ได้ แต่มันไม่ใช่ตาที่ทำให้เขารู้สึกดี เธอลุกขึ้นเดินไปทางประตู


                   ความจริงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าสิ่งไหนถูกหรือสิ่งไหนผิด อิสระของเด็กคนหนึ่งกับความเสี่ยงของชีวิตผู้คนอีกเป็นล้าน ทั้งที่มันดูเป็นตัวเลือกที่ง่ายดายแต่พอนึกถึงความอ่อนแอและความเจ็บปวดที่เด็กนั่นแสดงออกมาตลอดทุกครั้งที่พบกันทำให้เขาต้องทบทวนเรื่องต่างๆอีกครั้ง


                   "ฉันหวังว่าคุณจะไม่รายงานเรื่องนี้" เสียงของทีน่าฟังดูเหมือนมาจากที่ห่างไกล "เขาเป็นเด็กที่น่าสงสาร เกรฟส์"และนั่นก็เป็นเรื่องที่เพอร์ซิวาลเองก็รู้ดี


                   บาดแผลจากคำสาปกรีดแทงไม่ใช่สิ่งที่รักษาให้หายได้ง่ายๆ เขาใช้เวลาพักฟื้นในโรงพยาบาลเกือบเดือน—แน่นอนว่าต้องเป็นโรงพยาบาลของผู้วิเศษในตัวเมืองนิวยอร์ค 


                   และทันทีที่แข็งแรงดี เขาก็ได้รับคำสั่งโดยตรงจากเซราฟิน่าให้เตรียมตัวเดินทางไปปารีส เนื่องจากเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นที่นั่นมีลักษณะคล้ายคลึงกับเหตุการณ์เมื่อเร็วๆนี้ที่นิวยอร์ค ทางปารีสจึงขอความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆจากเราในฐานะคนที่มีประสบการณ์มากกว่า และเซราฟิน่าเล็งเห็นว่าเป็นสัญญาณอันดีที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


                   เหตุผลนั้นทำให้เพอร์ซิวาลมายืนอยู่ในกรุงปารีส บนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย บ้างก็จับกลุ่มดูการแสดงโชว์ บ้างก็นั่งทานอาหารจากร้านอาหารที่ต้องตั้งโต๊ะออกมาถึงบริเวณพื้นที่ด้านนอก เขายืนพิงเสาไฟคอยสังเกตการณ์ เรียกว่าสังเกตการณ์ก็คงไม่ถูกเพราะเขาไม่ได้สนใจสิ่งต่างๆตรงหน้าเท่าไหร่นัก ภายในหัวเขายังคงคิดไม่ตกกับเรื่องที่เขาทำลงไป—เขาตัดสินใจไม่รายงานเรื่องที่ได้ฟังจากทีน่า


                   เขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ตัดสินใจแบบนั้น ทั้งๆที่เขาผ่านการรายงานเรื่องต่างๆมามากมายไม่นับถ้วน แต่พอเป็นเรื่องเด็กคนนั้นมันกลับกลายเป็นเรื่องยาก มีอะไรบางอย่างมาหยุดเขาไว้เสมอเวลาที่จะเดินเข้าไปคุยเรื่องนี้กับเซราฟิน่า ซึ่งตัวเขาก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองดีนัก แต่ทีน่ามักส่งรอยยิ้มขอบคุณมาให้เสมอเวลาเจอกัน


                   เพอร์ซิวาลถอนหายใจ ยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างเหนื่อยล้า ก้มมองพื้นถนนที่มีน้ำขัง นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่เขาจ้องมองแอ่งน้ำเล็กๆนั่นก่อนที่ปลายรองเท้าหนังสีดำมันเงาของใครอีกคนจะปรากฏเข้าสู่สายตา เหยียบมันจนหยดน้ำกระจายตัวออกแต่เจ้าของรองเท้าไม่ได้ขยับหนีไปไหน หยุดนิ่งอยู่ตรงหน้าจนเขาต้องเงยหน้าขึ้นมอง


                   เสียงรอบตัวเหมือนถูกจับเขย่าจนฟังไม่ได้ศัพท์ อากาศรอบตัวดูบางเบาจนหายใจลำบาก ทั้งที่เป็นเด็กตัวสูงแต่ลักษณะการยืนที่ดูไม่มั่นใจนั้นทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาดูตัวเล็กลงไปถนัดตา ผิวขาวซีดนั่นก็ทำให้ดูเหมือนคนเป็นโรค 


                   คนตรงหน้าดูไม่แตกต่างไปจากที่เคยเห็นแต่สีหน้าเจ็บปวดของอีกฝ่ายทำให้เขาชะงัก


                   —เราสบตากัน


                   "ขะ—ขอโทษครับ" คนตรงหน้าละล่ำละลักบอกและผงะถอยหลังทันที ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เด็กหนุ่มก็หมุนตัวกลับเดินหนีเข้าไปในกลุ่มคน 


                   เพอร์ซิวาลไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเขาก็ก้าวเท้าเดินออกมาจากจุดที่เคยยืนอยู่ ความวูบโหวงในอกทำให้ต้องเร่งฝีเท้า


                   เพอร์ซิวาลยังไม่รู้ว่าถ้าเด็กคนนั้นมาอยู่ตรงหน้าเขาควรจะพูดอะไร แต่ทั้งหมดที่เขารู้คือท่ามกลางผู้คนที่เดินสวนกันไปมานั่น เขามั่นใจว่าจะต้องได้เจออีกฝ่ายอย่างแน่นอน






                   "เฮ้! เดี๋ยวก่อน เครเดนซ์"









    - End -

    จริงๆแล้วเราคิดว่าถ้าเล่าจากมุมมองของน้องเครเดนซ์จะสัมผัสความเจ็บปวดของการพบกันอีกครั้งได้มากกว่า แต่แหม่เราอยากให้คุณอาเขาวิ่งตามบ้างอ่ะ เลยออกมาเป็นแบบนี้

    เข้ามาพูดคุยได้นะคะ อยากรู้ว่าภาษาเป็นยังไง บรรยายเยอะไปหรือน่าเบื่อไปไหม ; - ; พยายามจะเพิ่มบทพูดแล้วจริงๆค่ะ แต่ก็กลายเป็นบทพูดของทีน่า ฮรือออออ ครั้งหน้าหน้าสัญญาว่าจะให้เขาคุยกันเยอะๆค่ะ 

    (ลองคิดภาพคุณอาโดนจับมัดในตอนแรกนะคะ ผมที่เคยเซตมาอย่างดีหลุดรุ่ย หางคิ้วแตก ปากแตก ตามตัวมีบาดแผล นั่งก้มหน้าโงนเงน หูย ฮอตอย่าบอกใคร อีกนึงเหตุผลที่แต่งมุมคุณอา)




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×