ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : The Gift (Colezra)
THE GIFT
Author: Serenitea
Pairing: Colin Farrell x Ezra Miller
คำชี้แจง: ฟิคคริสต์มาสที่มาหลังคริสต์มาสไปหลายวัน เนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งนะคะ
เสียงหวีดร้องของกาน้ำร้อนดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ ก่อนกลิ่นหอมของกาแฟจะคละคลุ้งไปทั่วห้องครัว กาแฟสีเข้มในแก้วเนื้อดีถูกยกขึ้นจิบ รสชาติเข้มข้นและความอุ่นร้อนไหลผ่านลำคอทำให้เขารู้สึกดี โคลินพิงตัวกับเค้าท์เตอร์ครัวทิ้งสายตามองด้านนอกหน้าต่าง แสงแดดอ่อนๆยามเช้าตกกระทบกองหิมะที่ติดค้างอยู่บนยอดไม้ออกสีเหลืองทองจางๆ แมวตัวอ้วนกลมเดินตัดสนามหญ้าสีขาวอย่างเกียจคร้านและมุดหายไปตรงหน้าประตูบ้านหลังข้างๆ รถยนต์สีขาวของเพื่อนบ้านที่จอดทิ้งไว้ไม่ไกลแทบจะกลืนไปกับสีของหิมะ ทางเท้าริมถนนมีสภาพไม่ต่างไปจากสีของรถคันนั้น บนถนนไม่ค่อยมีรถวิ่งผ่าน
มันเป็นเช้าที่เงียบสงบไม่ต่างไปจากทุกวัน ไม่สิ—ไม่เชิงเหมือนทุกวันเสียทีเดียว เขาละสายตาออกจากบานหน้าต่าง เปิดตู้เย็นหยิบช็อกโกแลตสองสามแท่งมาไว้ในมือ ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวผ่านโถงทางเดินเล็กๆตรงไปยังห้องนั่งเล่น หยุดลงหน้าเตาผิงที่ถูกตกแต่งด้วยกิ่งต้นสนและผลสีแดงของต้นฮอลลี่
เป็นปกติที่โคลินจะตื่นขึ้นมาเป็นคนแรกของบ้าน ถ้าไม่นับเจมส์ที่ตื่นก่อนเขาในบางครั้งเพราะด้วยอาการของคนที่เป็นแองเกลแมนซินโดรมทำให้เด็กน้อยของเขานอนได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ตอนนี้เขาเลยมีเวลามากพอจะหย่อนช็อกโกแลตที่ถือมาลงในถุงเท้าสีแดงสดสองคู่ที่ถูกแขวงอยู่บนเตาผิง และเดินไปหยิบขนมบางส่วนออกมาจากที่ซ่อนบนหลังตู้ในมุมที่เด็กๆไม่ทันสังเกตเห็น เขาแอบเตรียมมันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ขนมของเฮนรี่ไม่ต่างจากของเจมส์มากนัก โคลินต้องระวังเรื่องของกินกับเจมส์เป็นพิเศษ เขาเลยพยายามเลือกขนมที่ทานได้ง่ายและคล้ายๆกันให้กับทั้งคู่ เพราะมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดศึกแย่งชิงขนมกันกลางบ้านถึงแม้ผลสุดท้ายมันจะจบลงที่เสียงหัวเราะและการผลัดกันป้อนขนมของสองพี่น้องฟาร์เรลก็ตาม
กาแฟในมือพร่องลงไปเรื่อยๆระหว่างที่เขาพยายามยัดทุกอย่างลงไปในถุงเท้าจนมันอวบอ้วนผิดรูปร่าง โคลินผละออกมามองดูผลงานอย่างพึงพอใจ ใกล้กันนั้นมีต้นคริสต์มาสสูงพอๆกับตัวเขา หลายคืนก่อนพวกเขาช่วยกันขนมันออกมาจากห้องเก็บของ เจมส์และเฮนรี่ดูสนุกสนานที่ได้แขวนของต่างๆบนต้นไม้นั่น ส่วนเขาปวดแขนไปหลายวันจากการสลับจับอุ้มเด็กชายทั้งสองคนขึ้นแขวนของตกแต่งบนยอดไม้ ทั้งๆที่ยังเหลือพื้นที่ว่างมากมายตามกิ่งไม้ด้านล่างนั่น เฮนรี่ชมมันไม่หยุดปากหลังจากตกแต่งเสร็จ ส่วนเจมส์มองมันตาวาวหัวเราะชอบใจยกใหญ่ ในขณะที่โคลินได้แต่ลงความเห็นกับตัวเองเงียบๆว่ามันเป็นต้นคริสต์มาสที่ดูยุ่งเหยิงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา
กล่องของขวัญหลากสีวางอยู่ใต้สิ่งที่เกือบจะเรียกได้ว่าต้นคริสต์มาส บางส่วนนั้นมาจากเขา อีกส่วนถูกส่งมาจากป้าๆและคุณปู่ คุณย่าของเด็กทั้งสองคนหลังจากที่โคลินปฏิเสธคำชวนของพี่สาวที่เรียกร้องให้พาเด็กๆไปร่วมฉลองคริสต์มาสด้วยกัน เขายืนนิ่งมองพวกมันวางนอนอยู่เกลื่อนพื้น
โคลินเคยเข้าใจว่าของขวัญมันจะต้องเป็นสิ่งของที่จับต้องได้ เป็นของที่มีค่า มีราคา แต่เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งต่างๆที่เขาได้พบเจอมันทำให้เขาได้เรียนรู้มากขึ้น และโคลินก็ได้รู้ว่าของขวัญที่เขาเคยได้มาทั้งหมดนั้นมันไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของสัมผัสอุ่นๆจากมือเล็กๆที่คว้าจับมือของเขาเอาไว้ ตากลมใสจ้องมองมากับเสียงอ้อแอ้ที่ฟังไม่ได้ศัพท์—และนั่นคือครั้งแรกที่เขาได้พบกับเจมส์ ฟาร์เรล
เขารู้สึกแบบนั้นอีกครั้งเมื่อตอนที่เฮนรี่เกิด และการได้เห็นพวกเขาเติบโตขึ้นในแต่ละวันมันทำให้โคลินรู้สึกเหมือนได้รับของขวัญแสนวิเศษในทุกๆวัน ถึงแม้เจมส์จะพิเศษกว่าเด็กคนอื่นๆแต่เขาเห็นความพยายามในการใช้ชีวิตของลูก เห็นความสุขอันเรียบง่าย และในบางครั้งเขารู้สึกได้ว่าเจมส์เข้มแข็งกว่าเขาเสียอีก อีกฝ่ายจึงเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาอยากเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นพ่อที่ดีให้กับลูกชายทั้งสองคนของเขา
กาแฟในมือหมดลงพร้อมกับเสียงกุกกักที่ดังมาจากด้านหลัง เขาหันกลับไปมอง รอยยิ้มสดใสคือสิ่งแรกที่เขามองเห็น เจมส์นั่งอยู่บนบันไดขั้นบนส่งรอยยิ้มกว้างๆผ่านซี่ช่องว่างระหว่างราวบันไดมาให้เขา—ของขวัญชิ้นแรกสำหรับเช้าวันนี้
โคลินวางแก้วกาแฟที่ว่างเปล่าลงบนโต๊ะหน้าโซฟา เหลือบมองนาฬิกาบนผนังก่อนจะเดินเข้าไปหาเจมส์ มันยังเช้าอยู่มาก
"นอนต่ออีกสักหน่อยไหม เดี๋ยวพ่อขึ้นไปนอนด้วย"
เจมส์ส่ายหัวจนผมยุ่ง นิ่งไปสักพักก่อนจะค่อยๆพูดออกมา
"ไม่...ง่วงแล้ว...ฮะ"
เจมส์มีพัฒนาการช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกัน ลูกชายคนโตของเขามักจะชอบแสดงท่าทางตอบรับมากกว่าการพูดคุย จนบางทีต้องขอให้ลูกพูดออกมาบ้าง ถึงแม้มันจะช้าและติดขัดไปบ้างแต่เขาก็พร้อมจะฟัง ผิดกับเฮนรี่ที่รายนั้นพูดจ้อจนเขาฟังแทบไม่ทัน
"โอเค แต่ถ้าง่วงให้รีบบอกพ่อนะเด็กดี"
แม้ในปีนี้อีกฝ่ายอายุสิบสามแล้ว สูงขึ้นจากปีก่อนสองสามเซนฯ แต่เจมส์ก็ยังคงเป็นเด็กน้อยสำหรับเขาอยู่ดี เจมส์เดินได้ไม่ค่อยดีนัก โคลินส่งมือให้เด็กน้อยของเขาได้จับยึดเป็นหลักเพื่อก้าวลงบันไดและพาเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น เขาเหมือนเห็นประกายระยิบระยับออกมาจากดวงตาของลูกเมื่อเจมส์เห็นถุงเท้าที่แขวนอยู่หน้าเตาผิง โคลินพาเจ้าตัวเดินเข้าไปใกล้มัน เจมส์ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันทีที่ถุงเท้าอวบอ้วนสีแดงสดมาอยู่ในมือ ลูกพยายามหยิบขนมในถุงเท้าออกมาอย่างทุลักทุเล ตอนนั้นเองเขาเพิ่งสังเกตเห็นตุ๊กตาในอ้อมแขนของอีกฝ่าย
ตุ๊กตาสล็อธใส่เสื้อสีเขียวผูกเนคไทสีส้มหน้าตากวนๆนั่นทำให้เขานึกถึงคนให้—เอซรา มิลเลอร์ อีกฝ่ายเคยมาบ้านเขาบ่อยครั้งในช่วงที่เรายังถ่ายหนังด้วยกันอยู่ เอซราเข้ากันได้ดีกับลูกๆของเขาจนเข้าขั้นน่ากลัวเลยทีเดียว พอรู้ว่าเด็กๆชอบหนังการ์ตูนเรื่องนี้ก็สรรหาตุ๊กตามาให้คนละตัว เจมส์ชอบตัวสล็อธ เจ้าตัวบอกว่าตัวเองพูดช้าเหมือนมันแต่เขากลับคิดว่าท่าทางมีความสุขแม้แต่กับเรื่องเล็กน้อยนั่นต่างหากที่เหมือนกัน ส่วนเฮนรี่ได้สุนัขจิ้งจอกผูกเนคไทน้ำเงินเขาก็คิดว่ามันเหมาะกับเจ้าตัวเล็กจอมแสบดี โคลินไม่ได้เจอเอซราเลยตั้งแต่จบการโปรโมทหนังซึ่งก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน ล่าสุดที่เขาได้ยินข่าวเด็กนั่นอยู่ที่นอร์ธดาโกต้า เข้าร่วมคัดค้านโครงการสร้างท่อส่งน้ำที่เพิ่งถูกระงับไปเมื่อเร็วๆนี้
เสียงออดหน้าบ้านทำให้เจมส์ชะงักเงยหน้าขึ้นมามอง เขาลูบหัวลูกบอกให้นั่งเล่นอยู่ตรงนี้ ก่อนจะผละออกไปเปิดประตู เขาไม่ได้นัดใครไว้ในวันนี้และไม่มีใครบอกว่าจะมาหา แถมยังเช้าเสียขนาดนี้แต่ทันทีที่บานประตูเปิดอ้าออกกว้างความสงสัยทั้งหมดก็ถูกชะล้างให้หายไปกับรอยยิ้มกว้างๆที่เขามักจะได้รับมันอยู่เสมอเวลาเขาอยู่กับอีกฝ่าย
เอซรา มิลเลอร์ยืนยิ้มอยู่เบื้องหน้าเขา ปุยสีขาวเล็กๆตามตัวอีกฝ่ายทำให้โคลินรู้ว่าหิมะตกลงมาอีกครั้ง ใบหน้าขาวแดงจัดเล็กน้อยเพราะอากาศหนาวเย็นด้านนอกนั่น ผมด้านหน้าของเอซราดูยาวขึ้นจากที่ได้เห็นครั้งล่าสุด ในมือมีกล่องของขวัญขนาดใหญ่สองสามกล่องและกล่องพลากสติกสีขาวขุ่นอีกสองกล่อง
"อรุณสวัสดิ์ โคลิน" เด็กหนุ่มทักทายอย่างกระตือรือร้น แต่เขายืนนิ่งมองอีกฝ่ายอย่างงุนงน "จะไม่เชิญผมเข้าบ้านหน่อยเหรอ ได้โปรดเถอะข้างนอกนี่หนาวจนจะแข็งตายอยู่แล้ว"
"อ่า—เข้ามาก่อน" เขาหลีกทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาได้อย่างสะดวกและรับของบางอย่างมาช่วยถือ เอซราถอดโค้ทส่งให้เขาแขวนบนราวใกล้กับประตู "เธอมาที่นี่ได้ยังไง ฉันไม่ได้หมายความในทางที่ไม่ดีนะแต่ฉันคิดว่าเธออยู่ที่นอร์ธดาโกต้า"
อีกฝ่ายเลิกคิ้วทำหน้าประหลาดใจใส่เขาทันทีที่จบประโยค เขาเองก็ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเหมือนกันแหล่ะน่า
"ผมกลับมาได้หลายอาทิตย์แล้ว มีงานที่บรูคลิน ตอนแรกกะว่าจะอยู่ฉลองคริสต์มาสกับที่บ้านแต่นึกขึ้นได้ว่าเคยสัญญากับเฮนรี่เอาไว้ว่าจะมาฉลองด้วยกัน สุดท้ายก็เป็นอย่างที่คุณเห็น—"
เขาดันให้อีกฝ่ายเดินนำหน้าไปตามโถงทางเดิน กลับเป็นโคลินเองที่ต้องประหลาดใจยิ่งกว่า เขาไม่รู้ว่าเอซราไปสัญญากับลูกชายของเขาตอนไหน ดูท่าว่าคริสต์มาสปีนี้คงจะถูกใจลูกชายของเขาไม่น้อยเลย
"จะมาทำไมไม่บอกกันก่อน ฉันไม่ได้เตรียมของขวัญให้เธอเลย"
"ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะที่จะร้องไห้งอแงเวลาไม่ได้ของขวัญจากคุณซานต้า" คนตรงหน้าพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะหยุดฝีเท้าลงตรงหน้าห้องนั่งเล่น หันกลับมามองหน้าเขาอย่างจริงจัง
"คุณไม่รังเกียจใช่ไหมที่ผมจะขอมาร่วมฉลองคริสต์มาสด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารนะผมเตรียมมาเผื่อคุณด้วยนิดหน่อยมันอาจจะไม่ได้มากมายอะไร แต่รับรองได้ว่าแม่ผมทำอร่อยกว่าคุณแน่นอน ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน อยากเซอร์ไพรส์ อย่าไล่ผมกลับเลยนะ" เอซราพูดรัวพลางชี้มาที่กล่องสีขาวขุ่นที่เขารับมาถือตั้งแต่หน้าประตู ส่งสายตาออดอ้อนมาจนเขาหลุดยิ้ม จัดการบีบต้นคอด้านหลังเป็นการลงโทษเด็กที่มันมาติฝีมือทำอาหารของเขา ก่อนเดินผ่านอีกฝ่ายมาหาเจมส์ที่ขยับขึ้นมานั่งเกาะโซฟามองพวกเขาสองคนคุยกัน
"ว่าไงครับเจมส์ อนุญาติให้เอซอยู่ฉลองกับพวกเราไหม" เขาถามความเห็นลูก แน่ล่ะว่าเอซรากลับไปไม่ได้ตั้งแต่เจมส์เห็นเขาแล้ว ลูกชายคนโตของเขาติดอีกฝ่ายไม่แพ้เฮนรี่เลย และเหมือนเอซราจะเพิ่งสังเกตเห็นเจมส์ เจ้าตัวหยุดมือที่ยกลูบต้นคอให้คลายความเจ็บ เดินเข้ามาคุกเข่าให้ใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกับเด็กน้อยบนโซฟา ส่งยิ้มให้ลูกชายเขาจนตาแทบปิด
"สะ...สวัสดี...ฮะเอซ"
"อรุณสวัสดิ์ครับเจมส์ วันนี้พี่ขออยู่กับเราทั้งวันเลยได้ไหมครับ"
"ได้...ฮะ"
เจมส์พยักหน้ารัวๆตั้งแต่เอซรายังพูดไม่ทันจบประโยคเสียด้วยซ้ำ อีกฝ่ายเงยหน้ามาส่งยิ้มกว้างให้เขาที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มลูกชายของเขาฟอดใหญ่แทนคำขอบคุณ และแทบจะกลายเป็นฟัดเมื่อเห็นตุ๊กตาที่เจมส์กอดอยู่
"เมอร์รี่คริสต์มาสครับสุดหล่อ นี่ของขวัญครับ เอาไว้แกะมันพร้อมเฮนรี่นะ"
เอซรายื่นกล่องของขวัญสีแดงอันใหญ่ให้เจมส์ ลูกชายเขาพึมพำขอบคุณรับมันมากอดไว้ โคลินหันไปคว้าแก้วกาแฟที่วางทิ้งไว้ก่อนเดินผละออกมาเอากล่องอาหารที่อีกฝ่ายนำมาเข้าตู้เย็น เริ่มเตรียมอาหารเช้าง่ายๆอย่างพวกซีเรียล ขนมปังปิ้งให้กับเด็กๆและเอซรา เขาเชื่อว่าเช้านี้ลูกๆของเขาคงไม่อยากอาหารกันเสียเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเฮนรี่คงอยากโดดไปเปิดกล่องของขวัญมากกว่าเสียเวลามานั่งกินมื้อเช้า
เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นที่หน้าครัวขณะที่เขากำลังหันไปใส่ขนมปังในเครื่องปิ้ง เอซราเกาะขอบประตูครัวโผล่แค่หน้าเข้ามา
"ผมพาเจมส์ขึ้นไปปลุกเฮนรี่ได้ไหม น้องอยากแกะของขวัญแล้ว"
"เอาสิ ปลุกยากหน่อยนะ รบกวนเธอด้วยแล้วกัน"
"ไม่เป็นไรครับ ไว้ใจได้เลย"
อีกฝ่ายผลุบหายไปเมื่อได้ยินคำอนุญาติจากเขา หลังจากนั้นไม่นานเขาเห็นเอซราค่อยๆจับเจมส์เดินผ่านหน้าครัวไป เอซรารู้วิธีดูแลเจมส์เบื้องต้นจากเขาในช่วงที่อีกฝ่ายมาเล่นบ้านเขาครั้งแรกและเด็กนั่นก็ทำมันได้อย่างดี โคลินจึงไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่นักที่ปล่อยลูกไปกับอีกฝ่าย เขาหันมาเตรียมอาหารเช้าอีกครั้งเมื่อไม่มีใครขัดจังหวะ
เอซราหายไปนานพอสมควร ความเงียบด้านบนทำให้เขาเลือกเดินขึ้นมาตาม ประตูห้องนอนของลูกเปิดแง้มไว้เล็กน้อย ไม่มีเสียงใดหลุดรอดออกมาจากหลังประตูนั่น โคลินค่อยๆผลักบานประตูให้เปิดอ้าออกอย่างเงียบเชียบ ภาพที่ได้เห็นทำเอาเขาส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ ไม่รู้ว่าเอซราพาเจมส์ขึ้นมาปลุกเฮนรี่อีท่าไหน แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ทั้งคู่หลับคาเตียงเฮนรี่ สองพี่น้องนอนเบียดเสียดกันบนเตียงหลังเล็กใต้ผ้าห่มผืนหนา ส่วนเอซราฟุบหลับอยู่ข้างเตียงทางด้านซ้าย ใช้แขนต่างหมอน
โคลินเดินไปหยิบผ้าห่มจากเตียงเจมส์มาคลุมให้เด็กตัวใหญ่ จ้องมองต้นคอขาวที่อยู่เหนือขอบผ้าห่ม สันกรามได้รูป เปลือกตาสีอ่อนที่ซุกซ่อนดวงตาสีเข้มไว้ภายใน จมูกโด่งเป็นสันพ่นลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ริมฝีปากสีแดงสดเผยออกน้อยๆ ปลายนิ้วลากผ่านผิวแก้มที่อุ่นร้อน ค่อยๆเกลี่ยผมที่ปรกหน้าเอซราออกอย่างแผ่วเบา—มื้อเช้าของเขาคงจะเป็นหม้ายไปเสียแล้ว
แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเฮนรี่แทบจะพุ่งเข้าไปหากล่องของขวัญหลากสีแทนที่จะเป็นชามซีเรียลที่ตั้งไว้อยู่บนโต๊ะอาหารในห้องครัว แต่เอซราก็ไวพอจะคว้าตัวลูกชายคนเล็กของเขา หลอกล่อมาทานมื้อเช้าได้สำเร็จ เขาปล่อยให้เอซราพาเด็กๆเข้าไปเปิดของขวัญหลังจัดการกับมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย ส่วนตัวเขาเก็บกวาดข้าวของที่เหลือในห้องครัว
เสียงหัวเราะดังมาจากห้องนั่งเล่นไม่หยุด เสียงเฮนรี่หัวเราะแทบจะกลายเป็นเสียงกรี๊ดจนเขากลัวว่าลูกจะหัวเราะจนขาดใจในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า โคลินวางผ้าเช็ดโต๊ะลงบนเค้าท์เตอร์ครัว เดินตามเสียงเหล่านั้นไปทางห้องนั่งเล่น
เด็กๆและเอซรานั่งอยู่บนพื้นหน้าโซฟา เจมส์นั่งกอดกล่องเลโก้ปรบมือหัวเราะชอบใจรอบๆตัวมีกระดาษห่อของขวัญสีแดงวางเกลื่อน แล้วเขาก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นเอซราใช้รีโมทคอนโทรลแทนไมค์ร้องเพลง Santa Claus is coming to town ด้วยโทนเสียงสูงต่ำแปลกประหลาดและท่าเต้นประกอบการร้องตลกๆตามแบบฉบับของตัวเอง ในขณะที่เจ้าตัวเล็กของบ้านนอนพาดไปกับพื้นหัวเราะขำไม่หยุด หัวหนุนกล่องเลโก้ที่เขาแอบเห็นสัญลักษณ์รูปค้างคาวสีดำบนตัวกล่อง เฮนรี่ดูเหมือนจะขาดอากาศหายใจเข้าจริงๆ
โคลินทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาด้านหลังอีกฝ่าย ยกมือขึ้นลูบหลังคอขาวๆเพื่อให้เอซราหยุดร้อง ตั้งแต่ที่โคลินได้สวมบทเป็นเพอร์ซิวาล เกรฟส์ เขาติดการสัมผัสต้นคอเจ้าเด็กนี่พอสมควร ความอุ่นร้อนจากผิวของอีกฝ่ายใต้ฝ่ามือ ไรผมสากๆตรงท้ายทอย มันไม่มีเหตุผลอะไรมาก เขาแค่รู้สึกว่ามันพอดีมือของเขาเท่านั้นเองและนั่นมันทำให้เขาเผลอจับต้นคอด้านหลังของอีกฝ่ายบ่อยครั้ง แม้แต่ในระหว่างที่เรานั่งสัมภาษณ์กันในรายการ
"พอแล้วเอซรา เฮนรี่หายใจไม่ทันแล้ว" เจ้าตัวหันมาหัวเราะร่าใส่เขาและยอมหยุดร้องเพลงไปในที่สุด เฮนรี่สำลักไอจนเจมส์ที่นั่งอยู่ใกล้ๆขยับเข้าไปลูบหลังให้น้อง เขาอมยิ้มให้กับภาพนั้น เฮนรี่ค่อยๆลุกขึ้นมานั่ง มือน้อยยกปาดน้ำตา ละล่ำละลักพูดเสียงสั่น
"ระ...ร้องเพลงได้แจ๋วไปเลยฮะ เอซ"
โคลินเลิกคิ้วให้กับประโยคของลูก แต่ไม่ทันได้ท้วงลูกชายคนเล็กของเขาก็ชวนพี่ชายหันไปแกะของขวัญต่อ ก่อนที่กล่องของขวัญสีเขียวเข้มจะลอยเข้ามาอยู่ในระดับสายตาทำให้เขาต้องดันมันลง เหลือบลงมองด้านล่าง เอซรานั่งหันหน้ามาทางเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ส่งรอยยิ้มที่เขาคิดว่ามันกวนประสาทไม่น้อยมาให้ ในมือถือกล่องของขวัญที่ยื่นเข้ามาเสียชิด
"นี่สำหรับคุณ ผมตั้งใจเลือกมันมากๆเลย"
เขาพึมพำขอบคุณ รับกล่องของขวัญที่อีกฝ่ายยื่นมา โคลินค่อยๆแกะมันออกเมื่อเห็นเอซราทำท่าทางอยากให้เขาเปิดมัน ถอดริบบิ้นที่พันรอบกล่อง ไล่แกะเทปกาวตามมุมต่างๆ ฝ่ามือเปียกชื้นจนต้องป้ายไปกับกางเกง ความสงสัยลอยวนอยู่เต็มหัว ยอมรับก็ได้ว่าเขารู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยเพราะมันเป็นของขวัญคริสต์มาสปีแรกจากอีกฝ่าย
กล่องกระดาษสีขาวเรียบๆปรากฏสู่สายตา เสียงรอบข้างเงียบลงจนเขาต้องเงยหน้ามอง ลูกๆของเขาเข้ามาเกาะหลังเอซรามองมาที่กล่องสีขาวในมือเขาอย่างลุ้นๆ อีกฝ่ายเงยหน้ามองเขานิ่ง เฮนรี่ส่งเสียงเชียร์ให้เขารีบเปิด เช็ดมือเข้ากับกางเกงอีกครั้งก่อนจะค่อยๆยกฝากล่องขึ้น ก้มลงมองข้างในกล่อง เหลือบเห็นหัวเล็กๆของลูกชายทั้งสองคนของเขาชะโงกเข้ามาดู
"มัน—ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ฮะ" เฮนรี่เผลอกระซิบออกมาแผ่วเบา
ไร้ซึ่งสิ่งของ ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต ไม่มีแม้ตัวอักษรใดๆที่ระบุได้ว่ามันเป็นของขวัญ มีเพียงแค่กล่องกระดาษสีขาวที่ภายในว่างเปล่า ความจริงเขาน่าจะรู้ได้ตั้งแต่น้ำหนักที่เบาผิดปกตินั่นแล้ว เด็กๆผละออกไปนั่งแกะของขวัญต่ออย่างหมดความสนใจ เขาก้มลงมองอีกฝ่ายอย่างขอคำตอบ
"คุณไม่เห็นมันเหรอ" เอซรากระซิบ ยังคงเงยหน้ามองเขาอยู่ในท่าเดิมแต่สายตาดูพราวระยับขึ้นมากกว่าเก่า "ผมเป่าจูบลงไปในนั้นจนเต็มเลยนะ วันไหนที่คุณเหนื่อยก็แค่หยิบมันขึ้นมาเปิด มันทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้แน่นอน แต่ผมเสียใจนะเนี่ยที่คุณไม่เห็นมัน"
มันจะดูจริงจังกว่านี้ถ้าอีกฝ่ายไม่พูดไปหัวเราะไป แต่เพียงเท่านี้เขาก็รู้สึกได้ว่าความอบอุ่นเล็กๆกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ของความรู้สึก มุมปากทั้งสองข้างยกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
"แล้วที่บอกว่าตั้งใจเลือก—"
"ผมตั้งใจเลือกริบบิ้นกับกระดาษห่อของขวัญเป็นอย่างดีเลยล่ะครับ"
อยากจะรั้งคออีกฝ่ายเข้ามาให้หัวโขกเข่าของเขาเสียจริงๆ โคลินไม่รู้ว่าตัวเองแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปเจ้าเด็กนี่ถึงได้เริ่มต้นหัวเราะอีกครั้ง
"ล้อเล่นครับ นี่ครับของขวัญของคุณ" คนตรงหน้าล้วงหยิบกระเป๋าเงินจากกางเกงด้านหลัง ดึงกิ๊ฟท์การ์ดร้านหนังสือออกมายื่นให้เขา "หน้าคุณตอนหลุดๆนี่ตลกชะมัด"
เขาผลักหัวอีกฝ่ายเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว พับเก็บกิ๊ฟท์การ์ดไว้ในกระเป๋าเงิน โกยซากริบบิ้นและกระดาษห่อของขวัญลงถังขยะใกล้ๆโต๊ะ ลุกขึ้นหนีบกล่องของขวัญที่เคยคิดว่ามันว่างเปล่าไว้ข้างตัว เขาก้มลงจูบหน้าผากของลูกไปคนละที
"อยู่กับเอซไปก่อนนะครับเด็กๆ" ลูกงึมงำรับคำ ตั้งหน้าตั้งตาแกะของขวัญชิ้นอื่นๆต่อไม่สนใจเขาที่เดินผ่าน
"นั่นคุณจะเอามันไปไหนน่ะ โคลิน"
เสียงเรียกทำให้เขาหยุดชะงัก เอซราคงหมายถึงกล่องกระดาษสีขาวในอ้อมแขน เจ้าตัวคงคิดว่าเขาจะต้องโยนมันทิ้งพร้อมที่ห่อกระดาษนั่น โคลินหันกลับไปมองเด็กหนุ่มที่มองมาอย่างสงสัย มองลึกเข้าไปในดวงตาสีเข้มที่สะท้อนภาพของเขาอยู่ในนั้น เข็มนาฬิกาบนผนังดูเหมือนจะขยับช้าลงกว่าที่เคย ไม่มีใครบอกได้ว่าเราปล่อยให้เวลามันผ่านไปยาวนานเท่าไหร่ แต่เป็นเขาที่ละสายตาออกจากอีกฝ่ายก่อนหมุนตัวเดินออกไปอย่างที่ตั้งใจไว้
"จะเอาขึ้นไปเก็บด้านบน เผื่อในอนาคตฉันอาจจะต้องใช้มัน"
เอซราไม่ได้ถามถึงกล่องของขวัญนั่นอีกเลยหลังจากที่เขากลับลงมา เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เราช่วยกันเก็บกวาดเศษกระดาษห่อของขวัญที่เด็กๆแกะทิ้งไว้ ก่อนที่โคลินจะยัดเสื้อโค้ทของลูกใส่มือเอซราและวานให้อีกฝ่ายพาเด็กๆขึ้นไปนั่งรอบนรถ อีกฝ่ายดูงุนงงแต่ก็ยอมทำตามที่บอก ส่วนเขาจัดการตรวจเช็คความเรียบร้อยภายในบ้านก่อนจะปิดล็อคและเดินมาขึ้นรถ
หิมะด้านนอกหยุดตกแล้ว แต่สองข้างทางยังคงเต็มไปด้วยเกล็ดสีขาวโพลน โคลินขับพาลูกๆและเอซราออกมาสวดมนต์ที่โบสถ์ในละแวกบ้านและแวะทานมื้อเที่ยงข้างนอก เขาตั้งใจว่าจะหาเวลาแวบออกไปหาซื้อของขวัญให้เอซราหลังจากนี้ แต่เจมส์อยากกลับบ้านขึ้นมาเสียก่อน เลยต้องล้มเลิกความคิด หักเลี้ยวรถกลับเส้นทางที่คุ้นเคย
ทันทีที่รถจอดสนิท เฮนรี่เปิดประตูรถวิ่งออกไปเป็นคนแรก เจ้าตัวเล็กกระโดดขึ้นลงอยู่หน้าประตูบ้าน ชูมือสองข้างขึ้นกลางอากาศอย่างผู้ชนะ ไอขาวๆพุ่งออกมาผ่านริมฝีปากเล็กไม่ขาดสาย เขาเห็นเอซราค่อยๆพยุงเจมส์ลงจากรถเลยเลือกเดินไปเปิดประตูบ้านให้เจ้าตัวยุ่งได้วิ่งตึงตังเข้าไปก่อน
"โคลิน เจมส์ไม่ยอมเข้าบ้าน" เขาหันกลับไปมองตามเสียงตะโกนของเอซรา อีกฝ่ายยืนอยู่ข้างลูกชายเขาที่สนามด้านนอก เจมส์เงยหน้าขึ้นมองบางสิ่งที่อยู่บนต้นไม้ เขามองไม่เห็นว่ามันคืออะไรจนกระทั่งเดินมาหยุดอยู่ข้างลูกชายคนโต เจ้าแมวสีส้มตัวอ้วนกลมที่เขาเห็นเมื่อเช้านั่งเลียขนขาด้านหน้าอยู่บนกิ่งไม้ด้านบน ไม่สนใจสิ่งมีชีวิตสามคนเบื้องล่าง เจมส์มองมันตาเป็นประกายไม่ยอมขยับแม้เอซราพูดเกลี่ยกล่อมเท่าไหร่ก็ตาม
"เจมส์ครับ เราเข้าบ้านกันเถอะ" โคลินย่อตัวลงพูดกับลูก เด็กน้อยส่ายหัวให้เขาเป็นคำตอบก่อนเงยหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้ "ไม่ดื้อนะครับ ข้างนอกมันหนาวนะ"
เขายื่นมือเข้าไปหาลูก เจมส์ส่ายหัวอีกครั้ง จับชายเสื้อของเอซราเป็นหลักยึด เบนตัวหลบเขาจนเด็กหนุ่มต้องโอบแขนรอบไหล่เล็กนั่น เขาเองไม่อยากฝืนใจลูก ดูเหมือนเอซราจะคิดแล้วเดียวกัน
"เจ้าเหมียวมันคงไม่อยากลงมาเล่นกับเจมส์ เอาแบบนี้ดีไหมครับ เราเปลี่ยนมาเล่นปั้นคุณตุ๊กตาหิมะก่อนเข้าบ้านดีไหม" ลูกชายคนโตของเขาค่อยๆเงยหน้ามองอีกฝ่าย "เดี๋ยวพี่ปั้นตัวให้ ส่วนเจมส์ค่อยเติมตากับให้คุณเขาเนอะ"
เอซราเสนอทางเลือก มองมาทางเขาเป็นเชิงขออนุญาติ แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไร ก้อนสีขาวกลมๆขนาดเล็กลอยผ่านหน้าเขาไปตกกระทบใส่เอซราเสียงดังปุบ เกล็ดหิมะสีขาวแตกกระจายตัดกับเสื้อโค้ทสีเข้มที่อีกฝ่ายสวมใส่ พวกเขาหันไปมองตามทิศทางที่เจ้าลูกกลมๆนี่ลอยมา เฮนรี่ยืนหัวเราะอ้าปากกว้างอยู่บนระเบียงหน้าบ้าน—แน่นอนว่าหลังจากนั้นมันคือสงคราม
การดูแลเด็กสองคนว่าเป็นเรื่องที่ยากแล้ว แต่การดูแลเด็กสามคนกลับเป็นเรื่องยากมากกว่าโดยเฉพาะกับเด็กที่บรรลุนิติภาวะไปแล้วแต่พร้อมจะกลับไปเป็นเด็กได้ทุกเมื่อ เอซรากับเฮนรี่ปาหิมะใส่กันอย่างสนุกสนาน โดยมีเจมส์ที่เลิกสนใจแมวตัวอ้วนเป็นฝ่ายสนับสนุนให้กับเอซรา โคลินไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในสงครามครั้งนี้แต่สภาพเขาเองก็ไม่ต่างจากเหล่านักรบทั้งหลาย รอยเปียกชื้นจากหิมะที่ละลายตามตัวส่วนใหญ่มาจากการบังบอลหิมะบางลูกที่เขาคิดว่ามันถูกปามาแรงเกินไปให้กับเจมส์ เสียงหัวเราะกรี๊ดกร๊าดดังขึ้นตลอดเวลา เอซราโหวกเหวกเสียงดังจนแทบจะกลายเป็นตะโกน รอยยิ้มของลูกทำให้เขารู้สึกอบอุ่นแม้จะยืนอยู่ท่ามกลางหิมะที่หนาวเย็น
จนกระทั่งเสียงร้องครางจากเอซราดึงให้เขาหันไปมองเจ้าตัว ใบหน้าขาวเปรอะไปด้วยหิมะ เด็กหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ตาอย่างรุนแรงพร้อมเบี่ยงตัวหลบบอลหิมะที่เฮนรี่ยังคงปาออกมาไม่หยุดจนเขาต้องหันไปดุเจ้าตัวเล็ก โคลินขยับเข้าไปหาจับมืออีกฝ่ายให้หยุดขยี้แต่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมา
"เป็นอะไรมากหรือเปล่า ขอฉันดูหน่อย"
เขาเห็นอีกฝ่ายกระพริบตาถี่ๆ ดึงมือออกจากการกอบกุมของเขาขึ้นขยี้อีกครั้ง
"ไม่เป็นไรครับ หิมะเข้าตานิดหน่อยเอง"
"เอซรา อย่าดื้อ" ดึงใบหน้าที่ก้มต่ำนั้นให้เงยขึ้น ขอบตาของคนตรงหน้าแดงก่ำ มีน้ำตาเอ่อคลอเล็กน้อย เขาค่อยๆเกลี่ยนิ้วลงบนขอบตาของอีกฝ่าย ดูจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรมากกว่าอาการระคายเคืองจึงยอมปล่อยเอซรา หันมองลูกชายคนเล็กที่เดินเข้ามายืนก้มหน้านิ่งอยู่ข้างๆเอซรา มือเล็กกระตุกชายเสื้ออีกฝ่าย เอซราย่อตัวลงนั่งส้นเท้าให้เท่ากับเด็กชาย
"มะ...ไม่เจ็บนะฮะ" ริมฝีปากเล็กเบะคว่ำ น้ำตาใสๆค่อยๆไหลกลิ้งลงมาบนแก้มแดง เจ้าตัวเล็กสะอื้นน้อยๆ ป่ายมือเช็ดหน้าให้เอซรา ดึงใบหน้าอีกคนเข้ามาใกล้ก่อนจูบลงบนเปลือกตาของคนเป็นพี่ "ผ...ผมขอโทษฮะเอซ อย่าโกรธผมนะ"
"โถ่—ไม่เป็นไรครับคนดี ดูสิพี่ไม่เจ็บเลยเห็นไหม ใครกันจะโกรธหนูลง" เอซราคว้าตัวเฮนรี่เข้ามากอดปลอบ กดจูบข้างขมับของเจ้าตัวเล็กซ้ำๆ เด็กน้อยของเขากอดตอบ ซุกหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่ายร้องไห้ออกมาเสียงดัง เฮนรี่เข้ามาขอโทษเอซราโดยที่เขายังไม่ทันได้บอกให้ทำ โคลินมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก—ของขวัญแสนวิเศษจากเฮนรี่
โคลินจัดการพาเด็กๆเข้าบ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นออก และเสียสละห้องน้ำกับเสื้อในห้องนอนของเขาให้เอซราได้เปลี่ยน ก่อนจะพากันมาซุกตัวอยู่บนโซฟาหน้าทีวีในห้องนั่งเล่น เปิดหนังดูฆ่าเวลาก่อนจะถึงมื้อค่ำ เอซรารบเร้าอยากดูแฮร์รี่ พอตเตอร์ซึ่งเฮนรี่เห็นดีเห็นงามด้วย ไม่รู้ว่าเพราะอยากดูเองหรือทำเพื่อต้องการไถ่โทษอีกฝ่าย
โคลินปล่อยให้เด็กๆอยู่กับเอซราอีกครั้ง ส่วนตัวเขาเดินออกมาเตรียมอาหารมื้อค่ำในห้องครัว เสียงทีวีดังลั่นแต่ไม่ดังไปกว่าเสียงของเอซราที่แทบจะพูดตามตัวละครในเรื่องได้ทั้งหมด เชื่อแล้วว่าแฟนตัวยงของจริง
เสียงหัวเราะของเจมส์กับเฮนรี่ดังขึ้นไม่หยุดตั้งแต่เอซราเดินเข้ามาในบ้านหลังนี้ ในบางครั้งมันให้เขารู้สึกแปลกๆที่มีใครอีกคนสามารถสร้างเสียงรอยยิ้มและหัวเราะให้กับลูกๆของเขาได้ โดยที่เขาเป็นผู้ที่ยืนมองความสุขเหล่านั้นอยู่รอบนอก แน่ละว่าเขาเองก็รู้ดี—เอซราเก่งเสมอเรื่องสร้างรอยยิ้มให้กับคนรอบข้าง
"โคลินฮะ เฮนรี่บอกว่าอยากได้ป๊อปคอร์น"
เสียงของอีกฝ่ายที่ดังขึ้นตัดความเงียบในครัว เอซราเดินเข้ามาหยิบขวดน้ำในตู้เย็นแกะออกดื่ม เลิกคิ้วมองเขาที่เผลอสะดุ้งจนเกือบทำไก่งวงหลุดมือระหว่างล้าง
"ให้ผมช่วยไหม"
"ไม่เป็นไร เธอไปอยู่กับเด็กๆเถอะ"
โคลินโบกมือปฏิเสธ ล้างมือในอ่างก่อนหันไปหยิบถุงป๊อปคอร์นออกมาจากตู้ด้านบน โยนมันเข้าเตาไมโครเวฟ สักพักเสียงเมล็ดข้าวโพดแตกตัวก็ดังคลออยู่ในอากาศ เขาหันกลับมาสบเข้ากับดวงตาสีเข้มอย่างไม่ตั้งใจ เอซรายังคงยืนมองเขาอยู่อีกฝั่งของเค้าท์เตอร์ครัว กลับเป็นเขาที่เลิกคิ้วใส่เอซรา ก่อนที่อีกฝ่ายจะเบือนหน้าหนีหยิบขวดน้ำออกมาอีกสองขวด ผละเดินเลี่ยงออกไป
"เดี๋ยว เอซรา—" อีกฝ่ายหยุดชะงักอยู่หน้าประตูครัว "ขอบคุณมากที่มาในวันนี้ และขอโทษที่ฉันไม่ได้เตรียมของขวัญให้เธอเลย"
เราสบตากัน เขาอ่านไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ เอซราโคลงหัวให้เขาเล็กน้อย ยกยิ้มมุมปากก่อนจะหมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้เสียงของตัวเองลอยคว้างอยู่ในอากาศเบื้องหลัง
"แค่ได้อยู่กับพวกคุณที่นี่มันก็ถือเป็นของขวัญสำหรับผมแล้ว"
เอซราเดินจากไปแล้ว เขามองตามอีกฝ่ายจนแผ่นหลังกว้างๆภายใต้เสื้อเชิ้ตสีเข้มที่เขาเคยสวมใส่พ้นกรอบประตูไป โคลินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น มันเหมือนมีอะไรบางอย่างมาอุดรูกลวงๆภายในตัว ความรู้สึกอุ่นวาบแล่นผ่านไปทั่วภายในอก น้ำหนักของความรู้สึกตกกระทบลงมาจนต้องท้าวมือทั้งสองข้างลงบนเค้าท์เตอร์ เสียงของอีกฝ่ายยังคงดังก้องอยู่ในหูกลบเสียงจากเตาไมโครเวฟ เขาปล่อยตัวเองจมอยู่กับเสียงเหล่านั้น ก่อนที่เอซราจะกลับเข้ามาอยู่ในสายตาของเขาอีกครั้ง เด็กหนุ่มเดินถอยหลังกลับมา ส่งยิ้มกว้างเสียจนตาพร่าเลื่อน
"เมอร์รี่คริสต์มาสฮะ โคลิน"
โคลินยืนพิงกรอบประตูห้องนั่งเล่น ในมือถือชามป๊อปคอร์นที่แทบจะล้นขอบถ้วยออกมา ยืนมองคนทั้งหมดที่นั่งอยู่บนโซฟา เอซรานั่งอยู่ระหว่างลูกชายทั้งสองคนของเขา เจมส์นั่งอยู่ริมโซฟาด้านขวาเอาหัวพิงไหล่เอซราเอาไว้ ส่วนเฮนรี่นั่งอยู่ท่าด้านซ้ายของเด็กหนุ่ม วาดมือทำท่าโบกไม้กายสิทธิ์อันว่างเปล่ากลางอากาศก่อนหันมาหัวเราะร่ากับเอซรา
ครอบครัวของเขามันอาจจะไม่ได้เรียกว่าสมบูรณ์แบบ แต่มันก็อบอุ่นไม่น้อยไปกว่าครอบครัวอื่นๆ และตัวเขาเองยังรู้สึกอยู่เสมอว่าเจมส์กับเฮนรี่คือของขวัญที่มีค่าที่สุดสำหรับเขา ความรู้สึกนี้ไม่เคยลดน้อยถอยลง
เฮนรี่โถมเข้ากอดคออีกฝ่ายก่อนจะกลิ้งหายลงไปจากขอบผนักพิงโซฟา เจ้าตัวเล็กคงจะลงไปนอนหนุนตักเอซรา ในขณะที่เจมส์ซุกหน้าลงบนไหล่ ขยับเข้ามากอดแขนเอซราแน่น อีกฝ่ายหันมาเสยผมที่ปกหน้าเจมส์ขึ้นกดจูบลงบนหน้าผากลูกชายคนโตของเขา ก่อนที่จะชะงักและก้มหน้าลงไปหาเฮนรี่ เขายืนจ้องมองหลังคอขาวของคนตรงหน้า โคลินมองไม่เห็นว่าเอซราทำอะไรแต่เขาคิดว่ามันคงไม่ต่างจากที่อีกฝ่ายทำกับเจมส์เท่าไหร่นัก เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง
เพียงเท่านั้นโคลินตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น หยุดลงด้านหลังโซฟาหนังสีเข้ม ก้มลงจนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจางจากตัวเอซรา กดแนบริมฝีปากของเขาลงไปบนหลังคอขาวๆที่โผล่พ้นคอเสื้อของอีกฝ่าย เสียงรอบข้างฟังดูแผ่วเบาในความรู้สึก อากาศรอบตัวดูเหมือนหยุดนิ่งอยู่กับที่ เข็มยาวบนหน้าปัดนาฬิกายังไม่ทันเคลื่อนที่ออกจากจุดเดิม ความรู้สึกที่อัดแน่นภายในอกผลักดันให้เขาขยับปากดูดดึงจนมันขึ้นสีอ่อน โคลินสัมผัสได้ถึงแรงกระตุกจากตัวของอีกฝ่าย ไล้เลียมันอย่างปลอบประโลม ริมฝีปากเสียดสีกับผิวเนื้ออุ่นร้อนในตอนที่เขากระซิบแผ่วเบา
และในวินาทีนั้นเขาก็ได้รู้—ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะได้ของขวัญชิ้นใหม่เพิ่มเข้ามาอีกชิ้น
'เมอร์รี่คริสต์มาส เอซรา'
- End -
———————————————————————
มาสายมาก รู้สึกเสียใจที่ลงฟิคไม่ทันคริสต์มาส ช่วงนี้ชีวิตยุ่งเหยิงพอๆกับต้นคริสต์มาสของเด็กๆเลยค่ะ ; - ;
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น