ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF] For In Dreams (Gradence)

    ลำดับตอนที่ #4 : Pan (Gradence)

    • อัปเดตล่าสุด 9 ธ.ค. 59






    PAN

    Author: Serenitea
    Pairing: Percival Graves x Credence Barebone

    คำชี้แจง: เนื้อเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งนะคะ


     


                   เครเดนซ์ แบร์โบนเกลียดปีเตอร์ แพน แต่ Peter and Wendy กลับเป็นหนังสือที่เขาหยิบมาอ่านเสมอในทุกๆครั้งที่เขามีโอกาสหลบไปหอสมุดระหว่างเดินแจกใบปลิวของเซเล็ม 

                   เครเดนซ์ไม่ชอบทุกสิ่งที่หลอมรวมเป็นปีเตอร์ แพน นั่นเป็นเพราะแพนมีในสิ่งที่เครเดนซ์ไม่มีเยอะมากเกินไป ทั้งความรื่นเริงเกินพอดี ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มอยู่เสมอ มิตรภาพที่รายล้อม ความกล้าหาญที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาและอันตรายต่างๆ—และเขาไม่มีเนเวอร์แลนด์ดินแดนในฝันที่สามารถกลับไปได้ตลอดเวลา

                   เครเดนซ์เคยคิดว่าอย่างน้อยเขาก็มีอิสระเหมือนกับปีเตอร์ แพน ในตอนที่เขากลายเป็นส่วนหนึ่งกับสายลม กลายเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ ไม่มีสายตาแปลกประหลาดคอยจ้องมอง ปล่อยตัวเองไปตามเสียงกรีดร้องจากภายใน หลุดออกจากความรู้สึกน่ารังเกียจทั้งหมด กระแทกผ่านหัวมุมตึก ล่องลอยขึ้นไปเหนือผู้คน หรือดิ่งลงลึกสู่พื้นดิน ไปยังทุกที่ตามใจปรารถนาโดยไม่ต้องใช้ผงนางฟ้าของทิงเกอร์เบลล์ แต่หลังทุกอย่างจบลงร่องรอยบนฝ่ามือก็ทำให้เขารู้ว่ามันไม่ใช่อิสระที่แท้จริง 

                   —สุดท้ายแล้วอิสระของเราก็ยังต่างกัน

                   แต่เมื่อเขาได้รู้จักกับคุณเกรฟส์ ถ้อยคำปลอบประโลม สัมผัสอันอ่อนโยน อ้อมกอดอันอบอุ่น และดวงตาสีเข้มที่มองมาที่เขา แม้ตัวเขาในตอนนี้จะไม่มีทั้งกลุ่มเด็กหลงที่คอยสร้างเสียงหัวเราะ ไม่มีทิงเกอร์เบลล์ที่คอยอยู่เคียงข้าง และยังไม่มีความกล้าหาญมากมายนัก แต่เขาก็คิดว่าเขามีคุณเกรฟส์ที่เป็นทั้งเนเวอร์แลนด์ให้กับเขา นั่นเพียงพอแล้วที่ทำให้เครเดนซ์เชื่อว่าสักวันเขาจะเป็นได้อย่างปีเตอร์ แพน




                   เส้นเสียงในอากาศถูกบีบอัดจนเกิดเสียงประหลาด รองเท้าหนังมันวาบกระทบพื้นชื้นแฉะ เครเดนซ์ผละตัวถอยทันทีที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ ใบปลิวในมือถูกกำจนยับย่น

                   "ชู่ว—ไม่เป็นไร นี่ฉันเอง" เครเดนซ์เบี่ยงหน้าหลบ หลีกเลี่ยงการสัมผัสจากคุณเกรฟส์ "เงยหน้าขึ้นมามองกันหน่อยสิ เด็กดี"

                   เครเดนซ์ยังคงก้มหน้า เขาเลือกนิ่งเงียบไม่ทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอกลับเป็นคุณเกรฟส์ที่ยื่นมือมาดันหน้าเขาให้แหงนเงย ทันทีที่สบตาอีกฝ่ายก็ชะงักไป สายตากวาดไล่ไปทั่วใบหน้าก่อนจะหยุดลงตรงมุมปากของเขาที่คาดว่าน่าจะขึ้นสีแดงช้ำน่าเกลียด เครเดนซ์อ่านสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ออก ความอบอุ่นที่สัมผัสอยู่เหนือผิวแก้มทำให้เขาหลับตาลงแนบซบมัน ได้ยินเสียงอีกฝ่ายดังขึ้นฝ่าความเงียบ

                   "มากับฉัน"

                   แรงจับที่ข้อมือทำให้เขาลืมตาขึ้นแต่ไม่ทันได้ตอบอะไรภาพเบื้องหน้าก็บิดวน รู้สึกวูบโหวงในช่องท้องก่อนที่ทั้งร่างจะรู้สึกเหมือนถูกกระชากอย่างรุนแรง ทันทีที่เท้าแตะพื้นเครเดนซ์ก็ทรุดลงนั่งทั้งตัว โซฟาหนังสีเข้มคือสิ่งแรกที่เขามองเห็น 

                   ความรู้สึกบิดมวนในท้องทำให้เขาหลับตาลง สมองเหมือนถูกจับเขย่า พยายามกลืนก้อนเหนียวๆที่จุกอยู่ในลำคอลงไป เขาพยายามนึกถึงความเป็นไปได้ต่างๆที่ทำให้เขามาอยู่ที่นี่แต่สิ่งที่เขารู้สึกอยู่ไม่ได้ช่วยให้เขาคิดอะไรออกมากนัก เสียงไม้แตกประทุดังจากทางด้านหลังทำให้เขาสะดุ้ง รับรู้ได้ถึงแรงฉุดรั้งที่ต้นแขนก่อนทั้งตัวจะพิงลงบนความหนานุ่มที่ไม่เคยได้สัมผัส—โซฟาหนังที่เขาเพิ่งเห็นไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ 

                   เครเดนซ์ลืมตาอีกครั้งเมื่อเริ่มรู้สึกดีขึ้น เขาอยู่ในห้องนั่งเล่นขนาดกว้าง เครื่องเรือนที่ประดับตกแต่งดูมีราคา เตาผิงหินอ่อนที่แกะสลักลวดลายแปลกตาเบื้องหน้าสร้างความอบอุ่นภายในห้อง เขาเดาเอาว่าที่นี่น่าจะเป็นบ้านของคุณเกรฟส์ เครเดนซ์กวาดตามองไปรอบๆไม่เห็นแม้แต่เงาของคนที่พาเขามา ก่อนตู้หนังสือไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งติดกำแพงสีเข้มทางด้านขวามือดึงความสนใจของเขาเอาไว้ 

                   เขาเดินเซเข้าไปใกล้ตู้ สะบัดไล่เสียงอื้ออึงที่ดังอยู่ในหัว ส่งเสียงครางเล็กน้อยเมื่อมันกระเทือนถึงแผลที่มุมปาก บนชั้นมีหนังสือมากมาย หลายเล่มเขาไม่รู้จัก บางเล่มเขาก็อ่านไม่ออก บางเล่มก็เป็นหนังสือที่ถูกล็อคไว้ด้วยเข็มขัดหนังอย่างแน่นหนา แต่ที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจก็เห็นจะเป็นหนังสือบางเล่มที่รูปภาพบนปกสามารถขยับเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิตจริงๆ หนังสือในชั้นบนนั้นดูอันตรายจนเขาไม่กล้าหยิบมันมาเปิดอ่าน 

                   ชั้นล่างๆจะเป็นหนังสือที่เครเดนซ์เคยเห็นผ่านตามาบ้างในหอสมุด เขาไล่สายตาผ่านชั้นต่างๆไปเรื่อยจนกระทั่งสะดุดกับลวดลายเถาวัลย์สีทองบนสันปกสีเขียวซีดคุ้นตา เขาไม่ลังเลเลยที่จะหยิบมันขึ้นมาเปิดอ่าน ผ้าเช็ดหน้าที่พันรอบมือทำให้เขาจับมันไม่ถนัดนัก 

                   กลิ่นกระดาษเก่าๆลอยแตะจมูก หมึกสีดำเรียงร้อยเป็นถ้อยคำที่เครเดนซ์เกือบจะจำได้ขึ้นใจ ตั้งแต่ได้พบกับคุณเกรฟส์เขาก็ไม่ได้อ่านมันอีก เขาใช้ความระมัดระวังอย่างมากไม่ให้ความสกปรกจากมือเขาทำหน้ากระดาษเปรอะเปื้อน ความสากจากสัมผัสกระดาษที่ปลายนิ้ว ความรู้สึกแปลกๆอัดแน่นอยู่ในอก เครเดนซ์ลูบมือผ่านเด็กผู้ชายที่นั่งเป่าขลุ่ยไม้ในมือ รอบข้างมีสัตว์มากมายมานั่งฟังเด็กชายบรรเลงเพลง

                   "เธอชอบมันเหรอ" 

                   เสียงของอีกฝ่ายทำให้เครเดนซ์สะดุ้ง รีบปิดหนังสือแอบซ่อนไว้ข้างตัวก่อนหันไปมองทางประตูอย่างรวดเร็วอย่างเด็กที่กลัวถูกจับได้ว่าแอบเล่นซน 

                   "ไม่เป็นไร เล่มนั้นเธอหยิบอ่านได้แต่ควรระวังเรื่องอื่นๆในชั้นด้านบน มันอ่านไม่ได้ง่ายนัก" คุณเกรฟส์กลับมาพร้อมช็อกโกแลตร้อนในมือ ควันสีขาวลอยวนอยู่เหนือปากถ้วย เสื้อโค้ทตัวยาวถูกถอดออกไปแล้วเหลือเพียงเสื้อกั๊กด้านในกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวทำให้คุณเกรฟส์ดูแปลกตาสำหรับเขาพอสมควร อีกฝ่ายเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาหนัง เขาไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่คุณเกรฟส์พูดเสียเท่าไหร่แต่ก็ดีใจที่คิดถูกไม่ยุ่งกับหนังสือในชั้นบนของอีกฝ่าย เครเดนซ์ค่อยๆหยิบหนังสือเล่มเดิมออกมาเปิดกาง ชื่อเรื่องที่ถูกเขียนด้วยหมึกสีดำตัดกับกระดาษสีขาวอยู่กลางหน้ากระดาษ—Peter and Wendy

                   "ว่าไงล่ะ เธอชอบนิทานเรื่องนี้เหรอ" 

                   เครเดนซ์ไม่รู้ว่าเขาทำสีหน้าแบบไหนออกไปอีกฝ่ายถึงได้ถามออกมาแบบนั้น แต่คิดว่าคงไม่ใช่ใบหน้าที่แย้มยิ้มกว้างเหมือนภาพบนหนังสือในมืออย่างแน่นอน เขาอยากจะตะโกนออกไปดังๆว่าเขาเกลียดปีเตอร์ แพน

                   "ก็ไม่เชิง—ผมแค่รู้สึกว่าเขาเป็นตัวตนที่น่าอิจฉา" เขาหันกลับไปมองอีกฝ่าย เราสบตากัน คุณเกรฟส์มองมาเหมือนค้นหาอะไรบางอย่างก่อนจะถอนหายใจออกมา


                   "มานี่สิ" 


                   มืออีกฝ่ายตบลงพื้นที่ว่างข้างตัวที่เหลือ เครเดนซ์ทำตามที่อีกคนบอกอย่างว่าง่าย แก้วช็อกโกแลตร้อนๆถูกส่งมาให้ เขาพึมพำขอบคุณก่อนยกขึ้นจิบ ความขมปนหวานของช็อกโกแลตกระจายไปทั่วโพรงปาก ความอุ่นร้อนทำให้เขารู้สึกดี อาการวิงเวียนที่เป็นก่อนหน้านี้ค่อยๆทุเลาลง คุณเกรฟส์ดึงหนังสือในมืออีกข้างของเขาออกวางลงบนโต๊ะหน้าโซฟา ก่อนหันมาปลดผ้าเช็ดหน้าที่เคยให้เขาไว้ออกจากมือ รอยแผลปริแตกมากมายบนฝ่ามือทำให้เขากำมือเข้าหากันเล็กน้อย แต่มือของอีกฝ่ายกลับสอดเข้ามาและค่อยๆจับมันกางออก 


                   "อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเครเดนซ์ แค่เธอเป็นตัวเธอ—" ความอุ่นร้อนเล็กๆวิ่งไปตามแนวมือที่ลากผ่านพร้อมๆกับบาดแผลที่เริ่มจางหาย แต่คุณเกรฟส์ก็ยังไม่ยอมปล่อย อีกฝ่ายยังคงลูบวนอยู่กลางฝ่ามือ ความอบอุ่นที่กอบกุมทำให้แก้วในมือของเขาสั่นจนต้องตัดสินใจวางมันลง

                   "ไม่มีใครสามารถทำได้ทุกสิ่ง หลายคนอาจทำในสิ่งที่เธอทำไม่ได้แต่เธอเองก็อาจจะมีสิ่งที่คนอื่นทำไมได้เช่นกัน—เราต่างมีความพิเศษในตัวเอง" อีกฝ่ายทำแบบเดิมกับมืออีกข้างของเขา นิ้วมือของคนตรงหน้าค่อยๆแทรกมาตามร่องนิ้วของเครเดนซ์ "ตอนนี้เราอาจจะหวาดกลัว อ่อนแอแต่นั่นคือการเริ่มต้น ฉันเชื่อว่าเธอมีสิ่งที่เธอทำได้ ฉันเชื่อว่าเธอมีความกล้าหาญในแบบของเธอเอง"

                   เครเดนซ์หลุบตาลงมองมือของเราที่สอดประสานกัน อีกฝ่ายแนบมือลงที่แก้มด้านซ้าย แรงดันเล็กๆตรงข้างแก้มทำให้เขาเงยหน้าขึ้นสบเข้ากับดวงตาสีเข้มที่จ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว สัมผัสบางเบาไล้ผ่านมุมปากที่แตกช้ำของเขา



                   "เธอเป็นคนพิเศษ ต่อให้ใครมองไม่เห็น แต่ฉันเห็นมัน—"



                   แสงจากเตาพิงอาบไล้ลงบนเสี้ยวหน้าของอีกฝ่าย คุณเกรฟส์ในตอนนี้ดูอ่อนโยนมากกว่าที่เคยเห็น ภายในอกอัดแน่นจนรู้สึกอึดอัด เครเดนซ์ไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีหรือเปล่า แต่เหมือนช่องว่างกลวงๆภายในตัวเขาถูกเติมเต็ม 

                   ความแสบร้อนที่หัวตาทำให้เครเดนซ์เลือกที่จะหลับตาเอนหน้าซบลงกับฝ่ามือใหญ่ คุณเกรฟส์ขยับตัวเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นหอมจางๆจากตัวอีกฝ่าย สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆที่รินรดผิวแก้ม เขาเพิ่มแรงบีบกระชับในมือข้างที่เราจับกันเอาไว้ในตอนที่ความอุ่นร้อนแนบลงข้างขมับและเสียงกระซิบแผ่วเบาดังอยู่ข้างหู


                   "ฉันเห็นมันเครเดนซ์"
     




                   ในคืนนั้นคุณเกรฟส์พาเขากลับมาส่งที่ตรอกชื่นแฉะข้างบ้าน การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้เลวร้ายเท่าครั้งแรกแต่มันก็ไม่ได้เรียกว่าดีนัก เขากอดหนังสือสีเขียวซีดแนบอกพยายามทำตัวเองให้ลีบที่สุดตอนเดินเข้าบ้านแต่ก็ไม่พ้นสายตาของแม่

                   แมร์รี่ ลู แบร์โบนพยายามสอบถามถึงการหายตัวไปของเขาและที่มาของหนังสือในมือ แต่เครเดนซ์นิ่งเงียบไม่ตอบคำถามเหล่านั้นแม้แต่ตอนที่อีกฝ่ายกระชากหนังสือออกจากมือเขาโยนลงถังขยะด้านนอก และแน่นอนว่ามันก็จบลงในรูปแบบเดิมๆไม่ต่างไปจากทุกที หลังจากวันนั้นทุกอย่างกลับไปเป็นปกติเขายังออกไปแจกใบปลิวตามเดิม และแม่คงคิดว่าหนังสือเล่มนั้นคงถูกทำลายทิ้งอยู่ในโรงขยะที่ไหนสักแห่ง แต่อีกฝ่ายไม่รู้หรอกว่ามันถูกเก็บไว้อย่างดีอยู่ใต้หมอนที่เขาใช้หนุนนอนเป็นประจำ 





                   แต่แล้วเรื่องทั้งหมดที่เขาเคยได้คุยกับคุณเกรฟส์กลับกลายเป็นเหมือนเรื่องโกหก หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ซิตี้ฮอลล์ เขาก็ได้รู้สำหรับเขามันไม่มีทั้งกลุ่มเด็กหลง ทิงเกอร์เบลล์หรือแม้แต่เนเวอแลนด์มาตั้งแต่แรกแล้ว และตัวเขาเองก็มีสภาพไม่ต่างไปจากหนังสือเล่มนั้นที่อยู่ใต้ซากปรักหักพังในตอนนี้ เว้าแหว่งและขาดวิ่น ไม่มีสิ่งใดแตกต่างไปจากเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำทั้งหมดนั่น ก็แค่—




                   เขาก็แค่อยากเป็นปีเตอร์ แพนที่มีเนเวอร์แลนด์ให้กลับไปได้เสมอ














    - End -

    สำหรับน้องคุณเกรฟส์เป็นคนมอบความกล้า มอบความอบอุ่น ความห่วงใย มอบอิสระให้กับน้องได้

    น้องจึงเชื่อว่าตัวเองจะเป็นได้อย่างปีเตอร์แพนในสักวัน ; - ; เป็นฟิคที่มาอย่างมึนๆและจบไปอย่างมึนๆเช่นกัน หวังว่าจะชอบกันนะคะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×