คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter2 : กระท่อมกระดิ่ง
เสียงนกร้องเพลงดังขึ้นภายนอกกระจกหน้าต่างหัวนอนเป็นสิ่งที่ปลุกหญิงสาวขึ้นมาในเวลานี้
เธอค่อยๆลุกขึ้นด้วยความเกียจคร้านพร้อมๆกับหยิบนาฬิกาปลุกขึ้นมาดูเวลา เมื่อเห็นว่าใกล้เจ็ดโมงเต็มทีจึงตัดใจจากที่นอนนุ่มๆเย็นสบายลุกขึ้นมาจัดแจงอาบน้ำแต่งตัว
เรื่องเมื่อคืนเป็นฝันที่แปลกประหลาดมาก ‘สงสัยจะดูหนังผีมากไป’ เธอคิด ปิดก๊อกน้ำตรงหน้า เธอมั่นใจว่าเป็นฝันจริงแท้ร้อยเปอร์เซ็นเพราะในกรงแฮมสเตอร์ยังมีโชน้อยของเธออยู่
ไอน่าอุ้มโชอย่างเบามือแล้วใช้นิ้วจิ้มมันให้ตื่น
“เช้าแล้วนะโช” อ๊ะ น่ามันเขี้ยวจริงๆ!
เมื่อหนูของเธอตื่นเต็มตา จึงวางมันลงบนที่นอนที่พึ่งจัดเสร็จหมาดๆของเธอ ไอน่าหยิบโชคเกอร์ประจำที่ติดจี้ขึ้นมาสวม
“ไอน่า ฉันแนะนำให้เธอไปนอนบ้านเพื่อนของเธอสักคน”
“อื้ม หรอ ทำไมเหรอโช....ห๊ะ!!”
ไอน่าหันขวับมาเผชิญหน้ากับหนูบนเตียง มันทำหน้าบ้องแบ๊ว....สงสัยเธอจะคิดไปเอง...
“จะมามองฉันทำไมล่ะ รีบเก็บของสิ!” หนูพูด
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!!!”
“กรี๊ดทำแป๊ะอะไร ทำตามที่ฉันบอกถ้าไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบเมื่อคืน”
ตอนนี้สาวน้อยผู้โชคดี(?) รู้แล้วว่าไม่ใช่ความฝัน ในหัวรีบประติดประต่อเรื่องราวทันที
“อย่าบอกนะว่านายกลายเป็นคนแล้วก็พูดได้!?” ไอน่าคีบหนูบนเตียงขึ้นแล้วแกว่งไปแกว่งมา
“ใช่ แล้วเธอก็ปล่อยฉันสักทีสิ!”
หนูน้อยน่ารักทำท่ากระฟัดกระเฟียดด้วยความไม่พอใจ มองแล้วแปลกพิลึก เธอจึงปล่อยโชลงบนเตียงอีกครั้ง
“เมื่อวานเธอไปที่ไหนบ้าง?”
“ก็....ที่ตลาด แล้วก็บ้านโฮลี่ แค่นี้แหล่ะ”
“งั้นเธอต้องไปค้างบ้านคนอื่นที่ไม่ใช่บ้านโฮลี่” โชพูด ซักพักก็มีแสงเปล่งรอบตัวของมัน โชกลายเป็นชายผู้บุกรุกปริศนาอีกครั้ง
“ถ้าเมื่อวานมันคอยติดตามเธออยู่ งั้นก็ควรไปที่อื่นที่มันไม่รู้”
เพราะการแนะนำแกมบังคับข่มขู่ของโช ทำให้เธอต้องเก็บของไปบ้านของรูเซียน่าอย่างเสียไม่ได้
*************************
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
บ้านของรูเซียน่าไม่มีกริ่ง เธอจึงต้องใช้วิธีเคาะประตูเอง ตรงหน้าของเธอตอนนี้เป็นกระท่อมหลังเล็กนอกเมืองแต่ไม่ห่างไกลความเจริญนัก ที่ไอน่าเรียกว่ากระท่อมนั่นก็เพราะที่ป้ายทางเข้าเขียนว่า ‘กระท่อมกระดิ่ง’ น่ะสิ ทั้งที่มันไม่ใช่กระท่อมด้วยซ้ำ
รูซออกมาเปิดประตูด้วยลีลาแช่มช้าให้ไอน่ายืนรอเล่น เมื่อชั่วโมงก่อนไอน่าโทรมาเพื่อขอนอนด้วยสัก2-3วัน รูซจึงไม่มีปัญหา
สาวผมแดงช่วยยกกระเป๋าของเพื่อนมาไว้ข้างใน ส่วนเพื่อนที่ว่าก็กำลังยกกรงหนูด้วยท่าทีระแวงระวังแมวแถวนี้ ซึ่งคงไม่พ้นเอ๋อกับไลออนคิงที่จ้องโชตาเป็นมัน มืออีกข้างที่ไม่ได้จับกรงหนูกำลังหิ้วกระต่ายขนปุยสีขาวของพี่สาว กระต่ายสาวซูการ์อยู่นิ่งไม่ไหวติ่งเพราะกลัวแมวทั้งที่แมวคงไมสนใจมัน แต่ดันสนใจหนูที่อยู่ในกรงแทน ( ไอน่าพยายามปลงว่ามันเป็นธรรมชาติของแมวน่า.... )
เมื่อไอน่าไปวางของเสร็จเรียบร้อยในห้องของรูซ(เธอขอร้องให้รูซอย่าเอาแมวเข้ามา) เธอสามารถมองทัศนียภาพของกระท่อมกระดิ่งได้อย่างชัดเจน
‘กระท่อมกระดิ่ง’ เป็นกระท่อมที่ไม่สมควรเรียกว่ากระท่อมอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่สามารถเรียกว่าบ้านได้อย่างเต็มปาก นั่นคงเป็นเพราะตัวหลังที่ทำจากไม้และหลังคาที่เป็นรูปทรงหอยกรวย ถ้าตัดความไม่ธรรมดาของหลังคาหอยกรวยออกก็ดูธรรมดาอยู่หรอก แต่ในตัวกระท่อมนี่สิ เต็มไปด้วยกระดิ่งน้อยใหญ่รูปร่างแปลกตามากมาย มีทั้งที่ไอน่าเคยเห็นและไม่เคยเห็น บนชั้นก็แขวนกระดิ่ง , ในห้องน้ำ ฝักบัวก็ยังเป็นรูปกระดิ่ง ไม่มีส่วนไหนที่ไม่มีกระดิ่ง
รูเซียน่าเคยเล่าว่า กระดิ่งทั้งหมดยายของเธอขอมาจากเทพเจ้าบ้าง ได้รับจากนางพรายบ้าง กระดิ่งบางชิ้นจึงมีคุณสมบัติพิเศษ,รูปร่างดูแปลกกว่าชิ้นอื่น กระดิ่งที่เล็กที่สุดเห็นจะเป็นกระดิ่งที่อยู่บนฝาหม้อ รูปร่างมันเหมือนดอกชบาแต่เล็กกว่าครึ่งหนึ่งของเล็บก้อย
อันที่ใหญ่ที่สุด ไอน่าพึ่งจะรู้ว่ามันก็คือ หลังคารูปหอยกรวย นั่นแหล่ะ รูเซียน่าบอกว่าเวลากลางคืนมันจะเปล่งแสงเรืองๆด้วย!
หน้าต่างของกระท่อมกระดิ่งเป็นหน้าต่างไม้บานเล็กไม่มีกระจก ห้องหนึ่งจะมีหน้าต่างอย่างต่ำก็สี่บาน ทำให้อากาศในบ้านเย็นสบายตลอดเวลา
ไอน่ามองผ่านหน้าต่างหลังกระท่อม บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า ทุ่งกว้าง แม่น้ำ และ ภูเขาที่งดงาม นี่แหล่ะข้อดีของนอกเมืองที่คนในเมืองจะเห็นได้ยาก
“ ไอน่า มากินข้าวก่อน..... “ เสียงรูซดังมาจากห้องครัว สาวน้อยที่อยู่หลังบ้านจึงดิ่งไปที่โต๊ะอาหารทันที ก็ไม่ได้ทานอะไรมาเลยนี่
บนโต๊ะอาหารมีแต่สำรับพื้นๆทานง่าย รูซทำเองทั้งหมด ไอน่ารับประทานอย่างเอร็ดอร่อย
ยายของรูเซียน่าเสียไปแล้วเมื่อปีก่อน รูเซียน่าเสียใจมาก นั่นเป็นเพราะยายเป็นคนในครอบครัว เบลล์ ที่เหลืออยู่นอกจากเธอ และ..เป็นที่พึ่งอันสำคัญ
เมื่อจานกับข้าวใบสุดท้ายหายไปโผล่ที่ที่คว่ำจาน(แขวนกระดิ่งอีกแล้ว)เรียบร้อย ด้วยฝีมือสองสาวหวาน-ห้าวแล้ว รูซก็พาเดินชมรอบกระท่อมอีกครั้ง
ชั้นล่างของกระท่อมกระดิ่งมีทั้งหมดสามห้อง คือห้องครัวที่โปร่งสบาย ห้องน้ำที่ปูด้วยหิน และห้องรวมที่มีบันไดไปยังชั้นสอง กับ ประตูออกไปสู่ลานหน้าบ้าน ห้องรวมมีชั้นวางของที่แขวนกระดิ่งอยู่เต็มวางขวดรูปทรงสวยงามหลากสีไว้จนรก ส่วนกลางห้องมีโซฟาไม้ตั้งอยู่ ข้างๆก็มีกรงนกของเจ้าฟอกซ์
รูซพาขึ้นบันไดเตี้ยๆที่นำไปสู่ห้องนอนห้องเดียวที่มีอยู่ในชั้นบน เมื่อมองขึ้นไปจะเห็นหลังคา(นั่นก็คือกระดิ่งรูปหอยกรวยนั่นเอง) (ไอน่าวางแผนว่าคืนนี้จะนอนมองแสงของกระดิ่งหอยกรวยแน่ๆ ) ทางด้านเตียงนอนเป็นเตียงแบบปูนอน ข้างๆมีโต๊ะไว้วางแจกันซึ่งตอนนี้กรงของโชได้ไล่ที่แจกันใบสวยผู้น่าสงสารเรียบร้อยแล้ว ซึ่งชั้นบนนี้มีหน้าต่างถึงแปดบานเลยทีเดียว
สรุปแล้วกระท่อมกระดิ่งก็มีห้องแค่สี่ห้องเท่านั้น แต่ไอน่ารู้สึกว่ากว้างมากๆเลย อาจจะเป็นเพราะสายลมที่พัดผ่านบ้านทำให้กระดิ่งน้อยใหญ่เปล่งเสียง กรุ๊งกริ๊งๆประสานเสียงสดใสกับความกว้างภายนอกก็เป็นได้
รูซหยิบหนังสือออกมาจากหีบทรงสี่เหลี่ยมใบใหญ่ หนังสือทั้งหมดของรูซมีน้อยมากเพราะเธอชอบฟังมากกว่าอ่าน ไอน่าขอยืมหนังสือจากรูซไปดูหน้าปก ส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่สาวน้อยรู้จัก อย่างไรก็ตาม เมื่อมานอกเมืองแล้วเธอคงไม่มัวนั่งอ่านหนังสือเป็นแน่
“รูซ พาฉันไปดูข้างนอกหน่อยสิ ฉันอยากเห็นน่ะๆ” ไอน่าขอร้อง
เมื่อเดินออกมาจากตัวบ้านไกลซักหน่อยจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ทำอาชีพค้าขายเป็นส่วนใหญ่ เห็นได้จากการที่พ่อค้าแม่ค้าต่างตั้งร้านเรียกลูกค้ากันตะเบ็งเซ็งแซ่ เมื่อเห็นดังนั้นแล้วไอน่าก็ลากรูซดูนู่นดูนี่เรื่อยเปื่อยอย่างมีความสุข
“ผักสดใหม่ถูกๆจ้า ผักสด ผักสด!”
“หมดแล้วหมดเลย เครื่องประดับจากเหมือง สนใจมาดูๆ”
“เสื้อผ้าสวยๆจ้า เทรนนี้กำลังมาแรงงง”
รูซไปดูเสื้อผ้าส่วนไอน่าแยกไปดูเครื่องประดับร้านข้างๆ ซักพักก็ดูนู่นดูนี่ไปตามประสาเพื่อนผู้หญิง
ทั้งสองเข้ามาในหมู่บ้านส่วนลึกโดยไม่รู้ตัว รูซไม่ค่อยยินดียินร้ายเหมือนเคย ขณะที่ไอน่ายังดูตามร้านค้าต่างๆไม่หยุด ในมือของไอน่ามีเสื้อผ้าเครื่องประดับอยู่เต็มถุง
พรึ่บ ! แก๊งงง
ไอน่าชนกับแม่ค้าขายลูกพลัมโดยไม่ได้ตั้งใจ แม่ค้านั้นใส่ผ้าคลุมตัวยาวรุ่มร่ามปิดหน้าปิดตาไว้มิด
“ขะ ขอโทษค่ะ เดี๋ยวหนูช่วยเก็บลูกพลัมที่หล่นนะคะ” ไอน่าก้มตัวลง
“ไม่ต้องหรอกจ้ะ ของที่เสียแล้วอย่าเก็บมันมาเลย”
“ไม่ได้หรอกค่ะ! ก็หนูเป็นคนทำนี่คะ”
แม่ค้าเหลือบมองไอน่าเล็กน้อย สะดุดตากับใบหน้าที่สวยหวานสดใสสะอาดสะอ้านและกริยาที่เรียบร้อย
“ขอบใจจ้ะแม่หนู งั้นเดี๋ยวป้าจะแบ่งลูกพลัมนี่ให้นะ”
แม่ค้ายิ้มให้อย่างใจดี ระหว่างนั้นรูซก็เดินไปดูของอย่างอื่นรอไอน่าที่กำลังพูดคุยกับแม่ค้าขายลูกพลัม
“แม่หนูพอจะว่างสักนิดไหม เดี๋ยวฉันจะเล่านิทานให้ฟัง”
ไอน่ากับแม่ค้าหาที่นั่งที่ลานส่วนลึกกลางหมู่บ้าน “รู้จักกระท่อมกระดิ่งตรงชายป่าไหมจ๊ะ มันอยู่ไกลจากที่นี่สักหน่อย” แม่ค้าเริ่ม
“มันเป็นเรื่องที่นานมากแล้ว สมัยที่กระท่อมนั้นยังเป็นแค่กระท่อม มีชายหญิงคู่หนึ่งที่รักกันมาก ไปไหนก็จะไปด้วยกันเสมอ ไม่เคยแยกจาก แต่พวกเขายังไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน
เดิมแล้วหญิงผู้นั้นอยู่ในหมู่บ้าน ส่วนชายก็อยู่ในกระท่อม ซึ่งเขามักจะทำไม้แกะสลักเข้ามาขายในหมู่บ้านเพื่อยลโฉมของเธอ พวกเขาพบรักกันที่นี่-ที่ลานนี้แหล่ะ” แม่ค้ายิ้มอีกครั้ง
“ครั้นนานเข้า ฝ่ายหญิงจึงตัดสินใจย้ายมาอยู่ในกระท่อมกับเขา..อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่วันหนึ่งในฤดูหนาว ฝ่ายชายได้ล้มเจ็บลง ไม่มียาขนานใดที่รักษาเขาได้ .... หญิงสาวเสียใจมาก เธอคอยกุมมือเขาอยู่ไม่ห่าง
เพื่อนของหญิงสาวสงสารความอาภัพของเธอจึงเล่าให้หญิงนั้นฟังว่าหากมีกระดิ่งแห่งการรักษาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรคภัยไข้เจ็บใดก็สามารถรักษาให้หายเป็นปลิดทิ้งได้ราวกับไม่เคยเป็นอะไรมาก่อน ครั้นเธอได้ยินดังนั้นแล้ว หญิงสาวก็ออกตามหากระดิ่งแล้วนำมาแขวนไว้ที่บ้าน เธอหากระดิ่งมาได้มากมายเหลือเกิน ทว่า ไม่มีชิ้นไหนที่มีพลังแห่งการรักษา....
หญิงสาวยังคงดั้นด้นหาต่อไป เธอวอนขอต่อเทพเจ้าอยู่หลายครั้ง..”
“แล้วเธอจะเจอไหมคะ?”
“เธอเจอกระดิ่ง แต่ไม่ใช่กระดิ่งแห่งการรักษาหรอกนะ... เมื่อเธอวอนขอต่อเทพเจ้าหลายครั้งเข้า เทพเจ้าก็ใจอ่อนหลงรักในความพยายามนั่น แต่ท่านเทพเจ้าก็ไม่สามารถมอบกระดิ่งแห่งการรักษาให้ได้ เพราะท่านได้มอบกระดิ่งแห่งการรักษาแก่มนุษย์อื่นไปเสียแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้น หญิงสาวก็โศกเศร้าปานหัวใจแตกสลาย ระหว่างที่เธอกำลังจะเดินทางกลับหมู่บ้านด้วยความห่อเหี่ยวนั้นเอง เทพเจ้าก็มอบกระดิ่งที่สวยงามมากให้ มันเป็นกระดิ่งรูปหอยกรวยส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งที่ไพเราะมาก หญิงสาวขอบคุณท่าน และเมื่อถึงกระท่อมของชายหนุ่ม เธอไปนั่งข้างๆเขา.......ชายหนุ่มยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน เขอขอบคุณที่เธอพยายามเพื่อเขา เขากล่าวกับเธอว่า’ขอบคุณนะ..ที่ทำให้ฉันมีความสุข...ขอบคุณนะที่ได้มอบเสียงกระดิ่งอันมีค่าให้ฉัน’ แล้วเขาก็สิ้นใจไปตรงนั้น
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เธอตัดสินใจรวบรวมกระดิ่งให้มากที่สุดอีกครั้ง เพื่อให้เสียงของมันดังไปสู่สวรรค์ กระท่อมนั้นจึงได้ชื่อว่า กระท่อมกระดิ่ง ไงล่ะ หลังจากนั้นกระท่อมนั้นก็มีกระดิ่งมากมายจนถึงทุกวันนี้...”
เมื่อแม่ค้าลูกพลัมเล่าจบ ไอน่าก็รู้สึกว่าเหมือนมีก้อนสะอื้นมาจุกอยู่ที่คอ เธอคิดว่า ยาย ของรูซนี่แหล่ะคือผู้หญิงคงนั้น
“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างคะ”
“มันเป็นเรื่องที่นานมาแล้วจ้ะ.. แต่รู้สึกว่าเธอคงพบสามีของเธอบนสรวงสวรรค์แล้วละนะ”
“...เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อนใช่ไหมคะ...?”
“อืม...ใช่แล้ว..หนูรู้เรื่องนี้มาจากไหนงั้นหรือ?”
“คือ เพื่อนหนูอยู่ที่กระท่อมกระดิ่งน่ะค่ะ เธอมียายอยู่คนหนึ่ง ยายคนนั้นเล่าให้เพื่อนฟังว่ากระดิ่งที่ได้มาบางชิ้นได้มาจากเทพเจ้า...แล้วตอนนี้ ยายของเพื่อนหนู...คือว่า..เสียแล้วล่ะค่ะ”
“อย่าเสียใจไปเลย แม่หนู เวลานี้ยายของเพื่อนหนูคงได้พบชายที่รักที่จากเธอมาครั้งนั้นแล้วล่ะ
อ่า..งั้นเพื่อนของหนูก็คงเป็นหลานของหญิงสาวคนนั้นสินะ..”
ไอน่าพยักหน้าเศร้าๆ แม่ค้าขายลูกพลัมบอกว่ายังมีเรื่องเล่าของกระท่อมกระดิ่งอีก ไอน่ายินดีรับฟังอย่างยิ่ง เธออยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเพื่อนของเธอให้มากขึ้นเพราะที่โรงเรียนรูซไม่ค่อยพูดอะไรเกี่ยวกับตัวของเธอเลย
“เป็นเรื่องของหญิงสาวคนนั้น หลังจากที่ชายคนรักของเธอได้เสียชีวิตลง.. หลังจากที่เขาได้เสียชีวิตลง หญิงสาวก็พึ่งรู้ตัวว่าเธอได้ตั้งครรภ์กับเขา เด็กน้อยเกิดมาเป็นเด็กหญิงที่น่ารัก ดวงตาสุกใสสีฟ้าเป็นประกาย หญิงสาวที่ตกอยู่ในหลุมดำที่มืดมิดจึงมีแรงใจที่จะมีชีวิตอยู่ต่ออีกครั้ง....”
ไอน่าฟังแม่ค้าขายลูกพลัมเล่าอย่างเงียบเชียบ สาวผมดำมั่นใจว่าลูกของหญิงสาวคือแม่ของรูเซียน่าแน่ๆ
“ไอน่า....! ไอน่า..! กลับกัน....!” เสียงรูซดังมาจากอีกฟากหนึ่ง รูเซียน่ามีเสื้อผ้าอยู่เต็มอ้อมแขน
“อื้มๆ! ป้าคะ หนูไปก่อนนะคะ”
แม่ค้าขายลูกพลัมยิ้มให้ไอน่า และ รูซ แล้วมองสองสาวที่เดินห่างจนลับสายตา เมื่อไม่เห็นทั้งสองแล้วจึงลุกขึ้นจากไปยังเพิงเก่าๆไร้ผู้คน
แม่ค้านั่งลงบนแคร่หน้าบ้าน วางตะกร้าลูกพลัมไว้ข้างตัวพร้อมๆกับเสียงเพลงที่เอื้อนเอ่ย
ท่วงทำนองแปลกประหลาดได้ขับขานจากแม่ค้าขายลูกพลัม
ไม่มีใครฟังออก....
ไม่มีใครรู้ความหมาย....
รู้เพียงแต่เป็นทำนองที่เศร้าสร้อยบนใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เสียงเพลงยังขับขานต่อไป ล่องลอยผ่านสายลมไปยังกระท่อมกระดิ่งที่ชายป่า......
*************************
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง
ณ กระท่อมกระดิ่งปัจจุบัน มีสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเจ็ดตัว คือ แมวสองตัว นกหนึ่งตัว หนูหนึ่งตัว กระต่ายหนึ่งตัว และคนสองตัว (หมายถึง คนสองคนนะ)
ไอน่ารีบยกกรงหนูให้สูงขึ้นเหนือหัว
“รูซ !! จับแมวของเธอทีเถอะ!!!”
“ทำไมล่ะ ฉันกำลังเล่นกับฟอกซ์อยู่นะ.....”
“รูซ ขอร้อง! โชจังจะแย่แล้ว!”
เจ้าแมวลาย(ไม่)สวยกำลังจ้องกรงในมือของไอน่าตาแป๋ว พวกมันพยายามกระโดดแล้วด้วย ดีที่รูซทำตามคำขอของไอน่าในที่สุด เพราะทั้งหนูทั้งเจ้าของจะโดนกินในไม่ช้า
“ฮึ่ม! ทีหลังอย่าไปจ้องของสกปรกนะ เอ๋อ,ไลออนคิง มันไม่ดีต่อสุขภาพนะรู้มั๊ย..” รูซสั่งแมวทั้งสอง
(นี่ตกลงฉันเป็นของสกปรกใช่มั๊ย ยัยเพื่อนประเสริฐ!!! เธอก็เหมือนกันแหละย่ะ)
“เอ่อ.ไอน่า ตอนไปหมู่บ้านฉันเจอไอ้นี่ด้วย..” รูเซียน่าสาวห้าวโยนหนังสือ สัตว์ประหลาดจากนรก ให้ไอน่า เธอเกือบรับไว้ไม่ทัน
“รูซ นี่เธอชอบหนังสือแบบนี้เหรอเนี่ย..?”
หน้าปกของหนังสือเป็นสีดำซีดดูเก่าๆ มีรูปหัวกะโหลกของตัวอะไรซักอย่างแปะอยู่ตรงกลาง
“ปล่า ฉันเห็นเหมือนเธอดี...เอ่อ หมายถึงคิดว่าเธอน่าจะชอบน่ะ” รูเซียน่าสาวห้าวดูไม่ใส่ใจหนังสือที่เกือบจะโดนขว้างงามๆมาให้ตอนที่เธอพูดประโยคแรก
กริ๊งงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
รูซเดินไปรับโทรศัพท์รูปกระดิ่งที่หัวมุมครัว ไอน่าที่อยู่ในห้องรวมจึงเปิด สัตว์ประหลาดจากนรก ที่เพื่อนของเธอบอกว่าหน้าเหมือนเธอนักเหมือนเธอหนาออกมาอ่าน
พักใหญ่ๆ สาวผมแดงเพลิงก็ออกมาจากห้องครัว
“ฉันจะไปรับของจากฟาร์มแป๊บนะ จะเอาอะไรมั๊ย?”
“งั้นขอชีสละกัน ฉันชอบที่สุดเลย~” ไอน่าบอก เธอก่ะจะแบ่งให้โชด้วย
“อืม งั้นเฝ้าบ้านด้วยนะ..ฉันจะเอา เอ๋อ กับ ไลออนคิง ไปด้วย”
คำนั้นดั่งเสียงสวรรค์ ไอน่ายินดีเหลือเกินที่รูซพาแมวไปด้วย เพราะถ้าไม่พาไปเธอคงต้องยงโย่ยงหยกซ่อนโชแน่นอน
ไอน่ามองรูซที่กำลังเดินออกจากกระท่อมกระดิ่งช้าๆ เมื่อลับสายตาไปแล้ว เธอก็หันกลับไปหาโชที่มาอยู่ข้างหลังเธอเมื่อไหร่ไม่รู้ ในมือของเขามีหนังสือ สัตว์ประหลาดจากนรก ที่ไอน่าไม่ชอบอยู่
“ทำไมนายต้องมาเข้าสิงหนูแฮมสเตอร์ของฉันด้วยนะ”
“ฉันไม่ได้สิง ฉันคือโชจริงๆ!”
“โกหก! นี่ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหมเนี่ย!!!”
“อะไรกันๆ~ เธอจะพูดคำว่าโกหกไม่ได้นะ มันไม่สุภาพ....ต้องพูดว่า พูดเท็จ สิ~”
“อ๊ายยยยยยย หยุดกวนฉันสักที่ได้มั๊ยยยยยย!!! ฉันยอมรับก็ได้ว่านายคือโชของฉันจริงๆ”
ตอนนี้ไอน่าหมดแรงเถียงจึงไปนั่งบนโซฟาไม้ แล้วหันไปถามปัญหาคาใจแทน
“เนื่องจากเราอยู่ด้วยกัน นายต้องบอกสิ่งที่ฉันไม่รู้และนายรู้” ไอน่าพูด
“จะดีเหรอ... ฉันเขินนะ~”
( ‘มันคิดอะไรของมันอยู่เนี่ย...’)
“คำถามแรก ถ้านายเป็นโชของฉันจริง นายกลายเป็นคนได้ยังไง?”
โชทำหน้าครุ่นคิด หูสีเทาของเขากระดิกไปมาเร็วๆหลายที
“ฉันเป็นลูกครึ่งชาวเฟราเดียน่ะ เอ..จะบอกว่ายังไงดีล่ะ”
“เฟราเดีย? คืออะไรหรอ?”
ก่อนที่โชจะเล่า ไอน่าดักคอ(ขู่)ว่าถ้าเขาไม่เล่าให้ละเอียด..โดนดีแน่ๆ โชกลืนน้ำลายเอื๊อก แล้วเริ่มเปิดปากเล่า
“เฟราเดียเป็นอาณาจักรน่ะ ชาวเฟราเดียคล้ายๆกับครึ่งคนครึ่งสัตว์ ส่วนมากพวกลูกครึ่งอย่างฉันก็จะมีร่างเป็นสัตว์ จะกลายเป็นคนก็ต่อเมื่อ มีอะไรมากระตุ้น” โชอธิบายสั้นๆได้ใจความ
“แล้วอะไรที่มากระตุ้นนายล่ะ?”
“คิดว่าน่าจะเป็นจี้ที่เธอซื้อมานั่นแหละ ฉันรู้สึกถึงพลังงานแปลกๆจากมัน”
ไอน่าก้มไปสำรวจที่จี้รูปร่างแปลกๆที่เธอได้มาจากพ่อค้าเร่ ‘มันจะเป็นไปได้เหรอ’ เธอคิดในใจก่อน
“แต่ฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่า พวกลูกครึ่ง กับชาวเฟราเดียแท้ๆมันต่างกันยังไง?”
“ง่ายๆเลย ชาวเฟราเดียแท้ๆเนี่ยนะ สามารถกลายเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ตั้งแต่เกิด แต่ว่าพวกลูกครึ่งจะกลายเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ได้ก็ต่อเมื่อมีตัวกระตุ้น แต่ถ้าเกิดไม่เจอตัวกระตุ้นละก็ จะเป็นสัตว์ไปตลอดชีวิตไงล่ะ แล้วพวกเฟราเดียแท้กับพวกลูกครึ่งที่กลายเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ได้แล้ว ก็จะสามารถสลับร่างไปมาระหว่างสัตว์ กับ ครึ่งคนครึ่งสัตว์ได้ อย่างฉันเป็นต้น”
“เอ่อ!! แล้วนายอ่านใจฉันได้หรือเปล่านะ?”
“อ๋อ เปล่า แค่สีหน้าเธอมันแสดงออกชัดเจนแจ่มแจ้งเลยว่าคิดอะไรอยู่” โชตอบ คำตอบนั้นทำให้ไอน่าโล่งใจนิดๆ เดี๋ยวคงต้องหัดเก็บอารมณ์ซะแล้วสิ
“จำเมื่อคืนได้ไหมโช ไอ้ตัวประหลาดนั่นมันมาที่นี่ได้ยัง?” คราวนี้โชยิ้มกว้าง
“ฉันคิดว่าสิ่งนี้จะตอบคำถามเธอได้แน่”
ชายหนุ่มผมสีหม่นหยิบหนังสือสัตว์ประหลาดจากนรกที่รูซซื้อมา ยื่นให้ไอน่า
ไอน่าทำหน้าแหยเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจรับมันมา
“เปิดหน้าสองร้อยสิบเก้า หน้ากลางๆน่ะ”
สาวน้อยเปิดหนังสือตามหน้าที่เขาบอก เธอเห็นรูปๆหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมา มันเป็นรูปปิศาจที่ครึ่งหนึ่งเป็นร่างกายของผู้หญิงหุ่นอรชรอ้อนแอ้นทว่าผิวช้ำเหมือนศพ อีกซีกหนึ่งมีร่างกายบิดเบี้ยวปูดโปนผิดธรรมชาติ-แขนยาวเต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นยาวจนต้องลากกับพื้น
ไอน่าคาดว่าน่าจะใช่ตัวอะไรซักอย่างที่ตั้งใจทำร้ายเธอเมื่อคืนแน่นอน เธอจึงเริ่มอ่านเนื้อความของปิศาจตนนี้
*************************
ระหว่างที่ไอน่าอ่านหนังสือ สัตว์ประหลาดจากนรก อยู่ โชก็เดินไปที่ห้องครัว เขามองออกไปนอกหน้าต่าง
สายลมอ่อนๆพัดผ่านทุ่งหญ้าเขียวขจีกลางหุบเขาที่โชเห็นอยู่ไกลลิบๆ ฟังเสียงดูเหมือนกำลังขับกล่อมให้เขามีอารมณ์ร่วมอย่างช้าๆ ดวงอาทิตย์เปล่งแสงสีส้มค่อยคล้อยต่ำลงเรื่อยๆเผยให้ได้เห็นท้องฟ้าที่ปกติจะเป็นสีฟ้าคราม แต่ตอนนี้กลับเป็นสีโทนชมพูสวย
ชายหนุ่มหลับตาพริ้ม สูดหายใจลึกเข้าปอด เขาเดินออกนอกกระท่อมทางประตูหลัง ตรงไปยังต้นไม้กลางทุ่งกว้าง
แต่ก่อนที่เขาจะถึง เขากลับได้ยินเสียงทุ้มห้าวนิดๆแบบผู้หญิง ทำให้รู้ว่ารูซกลับมาแล้ว โชรีบวิ่งไปที่กระท่อมทันที หวังว่ารูเซียน่าเพื่อนของไอน่าจะไม่สังเกตเห็นเขานะ
**************************
“ไอน่า...”
“ว้ายยย!!....อ้าว รูซเองเหรอ?”
เมื่อครู่รูซเปิดประตูกระท่อมกระดิ่งอย่างไม่ให้สุ้มไม่ให้เสียงทำเอาเธอแทบใจหาย ในมือของรูซมีถุงพลาสติกที่ใส่ของที่ได้จากฟาร์ม ส่วนแขนอีกข้างก็อุ้มเจ้าแมวไว้
ฟาร์มที่ใกล้กระท่อมกระดิ่งที่สุดเห็นจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อเดินทางขาไป ไอน่าจึงสงสัยว่ารูซไม่เมื่อยขาบ้างหรือไงที่ต้องเดินตลอดเกือบสามชั่วโมง
“รูซแล้วแมวอีกตัวล่ะ?”
“เห็นวิ่งไปหลังกระท่อมแน่ะ สงสัยมีอะไรน่าสนใจมั้ง”
ไอน่าพึ่งรู้สึกตัวว่าโชไม่ได้อยู่ข้างหลังเธอจึงรีบวิ่งไปดูแมวโดยด่วน เธอเห็นแมวกำลังคุ้ยเขี่ยช่องว่างแถวเตาอบ หล่อนพบว่าโช(ในร่างหนู)กำลังซ่อนอยู่
“รูซ มาจับแมวของเธอเดี๋ยวนี้!!!!!!“
เมื่อรูซจับแมวทั้งสองตัวนั้นได้แล้ว ไอน่าก็นำโชออกมาจากซอก
“โธ่..โชน่าสงสารจัง” โชในร่างหนูได้ยินเสียงอันเป็นห่วงเป็นใยของไอน่าก็เริ่มใจชื้น เขาค่อยๆเงยหน้าหนูๆของเขาขึ้น ...โอ ไม่ สายตาเหมือนจะสะใจกึ่งๆกับความสมน้ำหน้าประดับอยู่บนดวงหน้าที่งดงามนั่น ไอน่าแสดงออกทางสีหน้าว่า สมน้ำหน้าอยากกวนฉันดีนัก ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า
ไอน่านั่งเล่นอยู่กับโชร่างหนู เธอเอานิ้วจิ้มแก้มมันอย่างหยอกล้อ โชเอามือ...หมายถึงขาหน้า มาแตะนิ้วเธอ
“ว้ายยย น่ารัก~” ไอน่าลืมนึกถึงโชในร่างมนุษย์ชั่วคราว เธอเอาหน้าไปซุกไซ้หนูตัวน้อยพร้อมกับบิชีสที่รูซได้มายากฟาร์มยื่นให้
รูซมองกริยานั้นด้วยความเบื่อ เมื่อครู่เธอขังแมวของเธอไว้ในห้องน้ำ พวกมันคงมาป่วนไม่ได้อีกสักพัก
“ไอน่า..ฉันว่าถ้าโชเป็นคนนะ..(สาวผมดำสะดุ้ง) มันคงรำคาญเธอน่าดูเลย”
“ไม่หรอก~ ถ้ามันรำคาญฉันนะ ฉันจะบีบมันให้ไส้แตกเลย~” เธอทำท่าประกอบแกล้งโช เพราะยังค้าไม่หาย
กริ๊งงงงงงงงงง กริ๊งงงงงงงงงงงง
“ฮัลโหล รูซหรอ?” เสียงของโฮลี่ดังมาตามสาย ขณะที่ไอน่าขึ้นไปวางโชในกรง แล้วไปอุ้มซูการ์ที่มุมห้อง เธอได้ยินเสียงรูซคุยโทรศัพท์กับใครซักคน
“แล้วเธอโทรหาใครล่ะ รำคาญจริง!” ปากก็บ่นว่ารำคาญ แต่ความจริงโฮลี่รู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น
“ไอน่าอยู่กับเธอรึเปล่าน่ะ?”
“อยู่...มาขอค้างบ้านซักสองสามวัน..”
“งั้นฝากบอกด้วยว่าเมื่อกี้ พี่ของไอน่าโทรมา ให้โทรมาตามเบอร์นี้ #098-76xxxxxxxxเบอร์ต่างประเทศนะ”
ครอบครัวของไอน่าและโฮลี่สนิทกันมาก เมื่อมีใครโทรมาแล้วบ้านของไอน่าไม่รับ โทรศัพท์มักจะต่อสายไปยังบ้านของโฮลี่เสมอ เผื่อว่าครอบครัวของไอน่าจะไปเยี่ยมที่นั่น
“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ไปล่ะ..”
“แหม ตัดน้ำใจกันจริงน้า งั้นก็บ้ายบายๆๆๆๆๆจุ๊บๆๆๆ” เสียงของโฮลี่เงียบลงแทนด้วยเสียงตัดสาย รูซก็ตัดสายเช่นกัน เธอเดินไปยังชั้นบน บอกให้ไอน่าได้รับรู้
ไอน่ารีบลงมาหวังจะใช้โทรศัพท์ในทันที แต่รูซตะโกนบอกก่อนว่า
“กระท่อมฉันโทรออกต่างประเทศไม่ได้”
เพียงแค่นั้นแหล่ะ ไอน่าถึงกับห่อเหี่ยวลงทันที เธออยากรู้ข่าวคราวของแม่จะแย่อยู่แล้ว
“ตอนนี้เย็นแล้ว เธอไปอาบน้ำก่อนละกัน..เอ่อ เอาแมวออกมาก่อนนะ เดี๋ยฉันเฝ้าโชให้”
*************************
ณ เวลาท้องฟ้าที่มืดลง สองสาวอยู่พร้อมกันในชุดนอนที่กระฉับกระเฉงบนห้องนอนที่มีอยู่ห้องเดียวในกระท่อม
รูซสาวห้าวกำลังนั่งต่อจิ๊กซอว์แผ่นกว้าง ส่วนไอน่าก็อ่านหนังสือที่รูซให้มาต่อไป
ไอน่าก้มลงมองข้อมูลของปิศาจอยู่อย่างคร่าวๆ ปิศาจที่ตั้งใจจะทำร้ายเธอนั้นไม่มีชื่อเรียก และมันมักจะเป็นทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์คอยรับใช้ต่อ ผู้บงการ มันมักมากับความมืดเพราะสายตาของมันจะมองไม่ชัดในที่สว่าง ดังนั้นมันจึงชอบใช้การฟังมากกว่าการใช้สายตา ตอนนี้หล่อนพอรู้คร่าวๆแล้วว่าทำไมตอนซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าของห้องของแม่เธอมันถึงไม่เจอ นั่นก็เพราะเธอกับโช ไม่ได้ทำเสียงอะไรเลย
ไอน่าสงสัยว่าผู้บงการคือใครแล้วทำไมต้องทำร้ายเธอ หรือว่า.... สาวน้อยใช้ดวงตาสีน้ำทะเลก้มลงมองจี้ที่โชคเกอร์
“ไอน่า มาช่วยฉันต่อจิ๊กซอว์ตรงนี้หน่อยสิ”
“จ้ะ เอ่อ รูซ ฉันขอถามอะไรอย่างนึงได้ไหม?”
รูซหันมาแล้วมองเธอนิดๆ “ได้สิ...”
“คือ ...พ่อกับแม่ของเธอน่ะ เค้าอยู่ที่ไหนเหรอ... คือ ยังมีชีวิตอยู่มั๊ย?”
พั่บ!!!
รูซลุกขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้จิ๊กซอว์ที่ต่อเมื่อกี้กระจัดกระจายไปคนละทิศคนละทาง
“ทำไมเธอต้องรู้!! มันไม่ใช่เรื่องของเธอ!” รูซตะโกนก้อง
“มันเป็นเรื่องของฉัน เธอไม่เกี่ยว ทำไมต้องทำตัวสอดรู้!!!?”
ไอน่าตกใจ อ้าปากจะเถียง “ร..”
“หยุด!! ทำไมเธอต้องอยากรู้เรื่องชาวบ้านชาวช่องเค้าด้วยนะ! สนุกนักหรือไง! เป็นเพื่อนกันก็ต้องมีขอบเขตกันหน่อยสิ! เห็นฉันเป็นอะไร!? หัวหลักหัวตองั้นหรือ!?”
รูซเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ หายากนักที่รูเซียน่าจะขึ้นเสียง เพราะบุคลิกของเธอนั้นเป็นคนใจเย็นเฉื่อยชา แต่บางครั้งก็จริงจังถึงแม้ว่าจะไม่จริงจังเท่าครั้งนี้ก็ตาม..
“รูซ..ฉันก็แค่..”
“เป็นห่วงงั้นสิ! ห่วงตัวเองก่อนเถอะ!! อย่ามามัวทำตัวประเจิดประเจ้อใส่ฉันเลย!! ไอน่า..เธอมันบ้าที่สุด! “ รูซด่าทอ
ไอน่าไม่เคยเห็นรูซในสภาพแบบนี้มาก่อน คนใจเย็นอย่างรูซไม่น่าจะโมโหใครได้ขนาดนี้ ไอน่ารู้สึกเสียใจที่ถาม แต่สายไปแล้วที่จะเปลี่ยนใจเมื่อกระทำออกไปแล้ว
“รูซ..! คือ ฉัน..ข.”
“เงียบเดี๋ยวนี้นะ!!!! เธอไม่เข้าใจหรอกว่าการอยู่คนเดียวน่ะมันเป็นยังไง! ถามอยู่ได้น่ารำคาญ ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นนักใช่ไหม! ห๊า!?
ไอน่าตกใจที่ได้เห็นน้ำตาของรูซที่ปริ่มออกมา เธอทนไม่ไหวแล้ว
“รูซ! แล้วเธอคิดว่าฉันจะไม่เสียใจบ้างเหรอ ฉะ..ฉัน.... พ่อของฉันก็เสีย! แม่ของฉันก็สาบสูญ! ธะ เธอ เธอไม่ได้คิดว่าฉันจะเสียใจบ้างหรือ!! ฮือ!”
คราวนี้เป็นฝ่ายไอน่าที่ร้องไห้บ้าง สาวน้อยผมดำยังพูดต่อไป
“แล้วทำไม..ธะเธอต้องตะโกนใส่ฉันล่ะ! เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ! ฉันยอมรับว่าอาจจะซอกแซกไปบ้าง แต่นั่นก็เพราะเป็น..หะ...ห่วงเธอนะ เข้าใจไหม ฉันเป็นห่วงเธอ!!”
หลังจากพูดจบไอน่าก็วิ่งออกไปทันที เธอตรงไปยังต้นไม้กลางทุ่งแล้วทรุดตัวลงนั่งโดยไม่สนใจว่ารูซจะตามมาหรอไม่ ทางฝ่ายรูซ เธอก็นิ่งอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกจากดวงตาสีฟ้าอ่อน..ตอนนี้เธอไม่สนใจว่าจะมีใครมาเห็นหรือไม่แล้ว
ไอน่าเงยมองดวงดาวเหนือเธอขึ้นไป มันสุกสกาวระยิบระยับเกลื่อนฟ้า
“ดวงดาวนี่ดีจังนะ ไม่มีปัญหาให้ต้องเศร้าใจอะไรเลย” เธอพูดกับตัวเอง และอาจจะพูดกับพวกมันด้วย ดวงตาสีน้ำทะเลรื้นขึ้นอย่างเศร้าสร้อย แล้วใช้มือรวบเส้นผมสีดำสนิทยาวถึงบั้นเอวมาไว้ข้างหน้า แผ่นหลังของเธอเอนพิงกับต้นไม้ใหญ่เหมือนหาที่พึ่ง
น้ำตาของไอน่าเริ่มหยุดไหลแล้ว แต่ใบหน้าของเธอก็ยังดูหมอง ปลายนิ้วเล็กๆของเธอลูบไล้ใบ้หญ้าที่พื้นอย่างแผ่วเบา ‘ฉันควรจะกลับไปที่กระท่อมกระดิ่งดีไหมนะ’ ไอน่าคิด
อีกครั้งที่เธอตัดสินใจลุกขึ้นจากพื้น ขอกำลังใจจากธรรมชาติยามค่ำคืนรอบๆ
“ฉันจะไป...ขอโทษรูซ..ฉันรู้ว่าฉันผิด..”
ไอน่าเดินไปที่กระท่อมกระดิ่ง เสียงกระดิ่งต่างๆที่แขวนอยู่ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งยามต้องสายลมตอนที่เธอเดินเข้าไปใกล้ สาวน้อยเปิดประตูหลังที่อยู่ที่ห้องครัวทำให้เธอสะดวกมาก
แกร๊ก.. กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง
ไอน่าเปิดเข้าไปยังห้องรวม เธอพบรูซหันหลังให้อยู่ ไอน่าจึงเปิดปากพูด แต่รูซก็แทรกเธอขึ้นมาก่อนด้วยเสียวแผ่วเบา
“ไอน่า...ฉันขอโทษ...ฉันผิดเอง.” รูซหันมา ไอน่าสังเกตเห็นดวงตาที่แดงก่ำผ่านการร้องไห้มาพอสมควรของรูซ เธอก็ใจอ่อนยวบ
“ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษเธอ..ฉันต่างหากที่ผิด..ขอโทษนะรูซ” น้ำตาของไอน่าไหลอีกครั้ง
รูเซียน่ายิ้ม เธอปาดน้ำตาให้เพื่อนของเธอเบาๆ
“บ้า จะร้องไห้ทำไม! ..ฉันยกโทษให้เธอตั้งนานแล้ว”
ไอน่ายิ่งร้องหนักเข้าไปใหญ่ เธอกอดรูเซียน่าแน่น รูเซียน่าก็กอดปลอบเธอ
เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งเบาๆประสานเสียงกันราวกับจะต้อนรับมิตรภาพของพวกเธอที่แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเก่า ไอน่าและรูซรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก
ท้ายที่สุด... พวกเธอก็ไม่เสียเพื่อนที่สำคัญไป..
“ดึกแล้ว ไปนอนกันเถอะนะ..”
“อื้ม..!”
*************************
ในคืนนั้นทั้งรูซและไอน่าต่างนอนบนเตียงที่ปูชั้นบนของกระท่อมกระดิ่ง ทั้งสองต่างผลัดกันเล่าเรื่องราวที่ผ่านชีวิตพวกเธอมาแล้ว และหัวเราะกันคิกคักด้วยความสุขก่อนที่รูซจะผล็อยหลับไป... ไอน่าที่ยังไม่หลับก็คิดทบทวนถึงเรื่องประหลาดที่เธอเจอมาสองสามวันนี้ ยังไม่ทันที่เธอจะคิดเรื่องทั้งหมดได้จบ เธอก็งีบหลับตามรูเซียน่าไปติดๆ
อืม... กระดิ่งหอยกรวยเปล่งแสงจริงๆเสียด้วย..มันช่างเปล่งแสงได้งดงามเหมือนเหล่าดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืนเลยจริงๆ.....
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น