ตอนที่ 45 : 36th Tale : ยินดีต้อนรับ [Rewrite]
36th Tale : ยินดีต้อนรับ
กลับมาแล้วครับ
เซดริกถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ดี ๆ คำพูดนี้ก็ผุดขึ้นมาในหัว เขาต้องส่ายแรง ๆ สองสามทีเพื่อไล่ความคิดนั้นออกจากหัว จะเป็นไปได้ยังไงกันล่ะ
แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก และนิ่งงันเมื่อพบว่าตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ เบื้องหน้าเป็นบันไดตัวใหญ่ที่เชื่อมไปยังทุกชั้น การตกแต่งไม่ได้หรูหราหากแต่เรียบง่าย มีเพียงรูปปั้นครึ่งตัวไม่กี่ชิ้นประดับอยู่ตามมุมห้อง โคมไฟห้อยระย้าบนเพดานไม่ได้เปิดใช้งาน แต่ภายในคฤหาสน์กลับไม่มืดอย่างที่ควรจะเป็น
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดแย้งมากที่สุด คือ...
...เพราะเหตุใดสถานที่แห่งนี้จึงไม่ถูกกาลเวลาทำลายจนเสื่อมโทรม?
เขาก้มหน้าลงมองพื้นปูกระเบื้องที่เป็นมันวาว คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วย แม้จะมีรอยขีดข่วนบ้าง แต่ก็ไม่มีฝุ่นจับเลยแม้แต่น้อย พอเงยหน้าขึ้นมองโคมไฟเหนือศีรษะก็ไม่พบแม้แต่หยากไย่แมงมุมจับตามซอกเล็กซอกน้อย
“...คฤหาสน์หลังนั้นน่ะ คือคฤหาสน์แวมไพร์ของแท้เลยนะ!”
คำพูดของน้าสาวผุดขึ้นมาในความคิด ทำเอาอดเริ่มหวาด ๆ ไม่ได้ หรือว่าจะเป็นเรื่องจริงกันนะ? เขาหัวเราะเบา ๆ ให้กับความเอนอ่อนตามข่าวลือของตัวเองก่อนจะเดินไปที่บันไดกลาง แต่... แล้วนิ้วชี้แตะที่หัวบันไดอย่างครุ่นคิด และพบว่ามันสะอาดหมดจด
ถ้าเป็นคฤหาสน์แวมไพร์จริง ๆ มันน่าจะดู...โทรมกว่านี้ไม่ใช่หรอ?
แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้เขาสงสัยมากที่สุด...
...ความรู้สึกคิดถึง และถวิลหา...
ทำไมกันนะ...ในขณะที่คิดอะไรอยู่นั้น เซดริกก็รู้สึกสายตาที่จับจ้องมา ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ แต่แล้วก็พบว่าเป็นเพียงรูปภาพติดผนังขนาดใหญ่ที่สุดปลายบันไดก่อนที่มันจะแยกเป็นสองทาง
เมื่อกี้ไม่ได้ทันสังเกตแฮะ เขาเอียงคอพิจารณาภาพวาดนั้น
นัยน์ตาสีฟ้าสะท้อนภาพวาดของครอบครัว ๆ หนึ่งที่แต่งกายอย่างภูมิฐาน สายตาไล่ผ่านสมาชิกของครอบครัวนี้ละคนด้วยความอยากรู้อยากเห็น พ่อ...แม่... แล้วก็... ราวกับถูกดึงดูดให้จ้องมองใบหน้าของเด็กชายคนหนึ่งในรูป
...ลูกชาย? และโดยที่ไม่รู้ตัว ขายาวก็ก้าวขึ้นบันไดไปอย่างเชื่องช้าโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่รูปนั้น
รูปนั้นค่อย ๆ ชัดขึ้นในขณะที่เค้าโครงหน้าของใครคนหนึ่งเริ่มปรากฏ แต่ไม่ทันทีภาพในความคิดจะชัดเจน อาการเจ็บจี๊ดก็แล่นเข้าสู่สมองอย่างรวดโดยไม่ทันได้ตั้งตัว!
“โอ๊ย!” เซดริกเผลออุทานลั่นด้วยความเจ็บปวด มือข้างซ้ายกุมขมับที่บีบรัดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบยืนไม่ไหว แขนขวาเหวี่ยงไปมารอบตัวเพื่อหาที่ยึดเกาะจนไปเจอราวบันไดข้างกาย และจับมันไว้ได้ทันก่อนจะหงายหลังร่วงไปพื้นข้างล่าง
“หลังจาก...นายท่าน...เป็นคน...คน ไม่...ยิ้ม และ...เราะอย่าง...สุขเลย”
เสียงแหบเหมือนเสียงคนชราดังขึ้นอย่างขาด ๆ หาย ๆ ท่ามกลางความเจ็บปวดที่โจมตี “อึก...” ยิ่งคิดก็ยิ่งนึกไม่ออก ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวดจนอยากกรีดร้องออกมาดัง ๆ ให้มันรู้แล้วรู้รอด หอบหายใจถี่และไหล่ไหวขึ้นลงรัวจนน่ากลัว
“บ้า...ชะมัด”
ก็อีแค่นึกแค่นี้ ทำไมถึงปวดหัวขนาดนี้นะ!
สิ่งที่เขาอยากจะนึกออกมันเป็นเรื่องต้องห้ามขนาดนั้นเชียวเหรอ?
ตึก...
เหมือนได้ยินเสียงรองเท้ากระทบพื้น เรียกให้ใบหน้าที่ก้มอยู่ค่อย ๆ เงยขึ้นไปมองที่ปลายบันไดตรงหน้า ท่ามกลางม่านน้ำตาที่เอ่อล้นเพราะความเจ็บปวดเขาเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น เขาบอกได้ว่าร่างนั้นใส่ชุดสีดำทั้งชุดราวกับอีกาแม้จะภาพที่เห็นจะเลือนรางมากแค่ไหน
ใคร?
ร่างนั้นค่อย ๆ ก้าวเข้ามาใกล้เขาอย่างเชื่องช้า ทำให้เซดริกพอเดาได้ว่าอีกฝ่ายก็กำลังมองหน้าเขาอยู่เช่นกัน พยายามจะเพ่งมองจนเห็นเค้าโครงของใบหน้า แต่เพียงแค่นั้นความเจ็บปวดอีกระลอกก็เข้าโจมตีจนภาพพร่าเลือน
แม้จะเจ็บปวด แต่เขากลับไม่อยากละสายตาไปจากใบหน้านั้น
ดวงตาสีฟ้ากะพริบหนึ่งครั้ง ทำให้เขารู้ว่า...ตัวเองกำลังร้องไห้
...ทำไม?...
เซดริกปล่อยให้น้ำจากดวงตาไหลอาบแก้มในขณะที่มือซ้ายที่เคยกุมขมับไว้ค่อย ๆ ยื่นออกไปข้างหน้าอย่างไม่รู้ตัว มือของเขาสั่นระริกจนน่ากลัว เพราะภายในกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดราวกับดาบหลายร้อยเล่มกำลังฟาดฟัน
ไม่เข้าใจเลย...
นิ้วมือเข้าไปใกล้ใบหน้าของชายคนนั้นเรื่อย ๆ แม้จะเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่ความถวิลหา ความโหยหา และความปรารถนากลับกระตุ้นให้มือขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น
...ว่าทำไมถึงอยากเจอมากขนาดนี้...
แล้วฝ่ามือก็วางลงบนแก้มของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาสีฟ้าค่อย ๆ เบิกกว้างขึ้นเมื่อโครงหน้าที่พยายามเพ่งมองเริ่มชัดเจน เส้นตัดขอบรูปร่างเริ่มกลายเป็นเส้นเดียวราวกับเพิ่งปรับโฟกัสได้
แต่สิ่งที่ทำให้เขาโกรธตัวเองมากที่สุดคือ... จำไม่ได้ว่าคน ๆ นี้คือใคร รู้แต่เพียงอย่างเดียวว่า
...คิดถึงมากที่สุด...
เซดริกสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายยกมือขึ้นแตะหลังฝ่ามือที่วางอยู่บนแก้ม ใบหน้านั้นเอี้ยวมาจุมพิตที่ฝ่ามือของเขา ก่อนจะกุมมือที่สั่นระริกให้เลื่อนลงมาที่ตำแหน่งอกซ้าย...ตำแหน่งของหัวใจ
“เพราะว่าตอนนี้ทั้งหมด...มันมาอยู่ที่นี่ไงล่ะ” เขาได้ยินเสียงห้าวเอ่ย...เสียงที่เหมือนในความฝันทุกกระเบียดนิ้ว “ทั้งหมดของฉัน...ให้นาย”
นัยน์ตาสีฟ้าเบิกโพลง คำพูดนั้นสะท้อนไปมาในหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขารู้...เขาเคยได้ยินคำพูดนี้ที่ถูกเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเดียวกันจากใครคนหนึ่ง “ค...” เขาพยายามจะออกเสียงแต่ไร้คำพูดใด ๆ ออกมา
ขายาวก้าวขึ้นบันไดอีกขั้นเพื่อให้เห็นใบหน้านั้นชัดเจนมากขึ้น ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างอยู่ห่างกันเพียงแค่หนึ่งขั้นบันไดเท่านั้น “ความมืดจะอยู่เคียงข้างนายเสมอ”
น้ำตาอีกสายไหลอาบแก้ม เซดริกรู้สึกถึงสัมผัสที่แก้ม...มือหนาที่แข็งแกร่ง เย็นเยียบ แต่เต็มไปด้วยความถวิลหาแตะอยู่ที่แก้มของเขา เพียงเท่านั้น...น้ำตาก็พรั่งพรูออกมาโดยที่ไม่อาจห้ามได้
...เสียงนั้น...
...คำพูดนั้น...
นิ้วมือยาวค่อย ๆ ซับน้ำตาอย่างอ่อนโยน
...ความอบอุ่นนั้น...
เซดริกกะพริบตาอีกครั้ง ทำให้เห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เข้ามาใกล้จนเห็นดวงตาคมกริบสีแดงสด... เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็เผลอเผยอริมฝีปาก และรับสัมผัสที่ประทับลงมาอย่างเต็มใจ
...สัมผัสนี้...
นัยน์ตาสีฟ้าที่สะท้อนภาพดวงหน้าระยะใกล้ของอีกฝ่ายอย่างชัดเจนค่อย ๆ ปรือลงช้า ๆ ในที่สุด...
กริ๊ก...
เขาได้ยินเสียงเล็ก ๆ ของกุญแจที่ถูกปลดล็อค ประตูบานหนาและหนักอึ้งค่อย ๆ แง้มออก พร้อมสายลมที่ผลักประตูบานนั้นให้เปิดกว้าง และพัดปลิวหายไป
...ก็หาเจอจนได้...
แล้วเปลือกตาก็ปิดสนิท พร้อมกับแขนทั้งสองข้างที่โอบรอบลำคอของร่างสูงอย่างไม่ลังเล ส่วนมือหนาของอีกฝ่ายก็ประคองท้ายทอยของคนตัวเล็กกว่า รั้งให้เข้ามาใกล้ และแนบชิดมากกว่าเดิม
เนิ่นแสนนานที่ต่างฝ่ายต่างมอบรสสัมผัสให้แก่กัน...ทดแทนช่วงเวลาที่ ขาดหายไปให้ได้มากที่สุด
ในที่สุดริมฝีปากก็ผละออกจากกันอย่างเชื่องช้า แล้วหน้าผากของทั้งคู่ก็แตะกันนิ่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไร... เพราะไม่อาจมีคำพูดใดที่จะอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ได้
ฝ่ายหนึ่งได้ความทรงจำกลับคืนมา...อีกฝ่ายหนึ่งได้สิ่งล้ำค่าที่หายไปกลับคืนสู่อ้อมแขน และทั้งสองได้เติมเต็มช่องว่างของชีวิตที่หลุดหายไปให้กลับคืนมาอีกครั้ง
แล้วชายหนุ่มผมบลอนด์ก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้ม “ครอส...” เขาเอ่ยชื่ออีกฝ่ายก่อนจะชักใบหน้าออกมาเล็กน้อย มือที่เคยโอบรอบคอของอีกคนเลื่อนมาประคองใบหน้าคมคายที่เคยพร่าเลือน แต่บัดนี้ชัดเจน...ชัดมากเสียจนเสียใจที่ก่อนหน้านี้ไม่อาจจำได้
“...ในที่สุดผมก็เห็นคุณ”
เพียงแค่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย และคิดถึงมากที่สุดเรียกชื่อตัวเองก็ดีใจมากพออยู่แล้ว พอได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคนที่เขารักมากที่สุด ครอสก็อดยิ้มตามไม่ได้
“คิดถึง...” แวมไพร์หนุ่มเอ่ยก่อนจะจูบหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
“คิดถึงมาก...” แล้วก็เลื่อนมาแตะที่ปลายจมูก
“มากที่สุด...” สุดท้ายมาจบที่ริมฝีปากที่ยิ้มกว้าง
ดวงตาสองสีสบกัน ก่อนทั้งสองจะโอบกอดซึ่งกันและกัน ความรู้สึกเอ่อล้นจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ สิ่งที่ทำได้ตอนนี้จึงมีเพียงการมอบความอบอุ่นให้แก่กัน...เพื่อยืนยันว่าต่างฝ่ายต่างอยู่ตรงนี้ ไม่หายไปไหนอีกแล้ว
ครอสกระชับร่างของคนรักให้เข้ามาใกล้มากกว่าเดิม เหมือนฝัน...ที่ในที่สุดแล้วเขาก็ได้คนที่เขารักมากที่สุดกลับคืนมา คาดไม่ถึงเมื่ออีกฝ่ายจำเขาได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาเวทมนต์ใด ๆ ทำให้เขาได้สิ่งสำคัญกลับคืนสู่อ้อมแขนอีกครั้ง
ฉันยอมนายจริง ๆ...
“เซด...”
“ครับ?”
มีคำ ๆ นึงที่อยากบอกมานานแล้ว...
ฝ่ามือหนาดันร่างที่อยู่ในอ้อมกอดออก ก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตา สีฟ้า ...ก่อนที่จะไม่ได้บอกอีก...
“รักนะ”
“!!”
เขาเห็นดวงหน้าหล่อติดหวานขึ้นสีอย่างรวดเร็วจนอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้ เขารู้ว่าอีกฝ่ายเขินมากแค่ไหน แต่เขาจะไม่หยุดแค่นี้ เพราะรอมานานเกินไปแล้ว ครอสเอื้อมมือไปจับที่สั่นระริก และอุ่นร้อนเพราะอุณหภูมิของร่างกายพุ่งขึ้นสูง
“รักมาก...” แล้วก็เขาก็ยกมือข้างนั้นขึ้นมาจุมพิตอย่างแผ่วเบา ดวงตาสีแดงเลื่อนขึ้นสบใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขิน “และจะรักตลอดไป”
“ผ…ผม...” เซดริกถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ดี ๆ ก็ถูกสารภาพรักโดยไม่ทันตั้งตัว ยิ่งเห็นการกระทำของอีกฝ่ายก็พอเดาได้ว่าแวมไพร์หนุ่มเจ้าเล่ห์ตรงหน้าต้องการคำตอบจากเขา...เดี๋ยวนี้...
ความจริงทุกอย่างมันก็ชัดเจนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้วจนไม่อยากเชื่อว่าจะมีวันนี้จริง ๆ วันที่เขาได้เจอใครสักคนที่รักเขา และตัวเขาก็รักอีกฝ่ายเช่นกัน แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชาย และไม่ใช่มนุษย์
แต่นั่นก็ไม่สำคัญอะไรเลย....
“รัก...เหมือนกันครับ”
...เพราะยังไงเรื่องพวกนั้นก็ไม่เกี่ยวกับความรักอยู่แล้ว
แล้วรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งสองฝ่าย ความรู้สึกที่ได้รับการเติมเต็มจนร่างกายแทบลอย ความสุขที่ไม่เคยได้รับจากที่ใดหรือใครล้นปรี่ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่มีความสุขไปมากกว่านี้อีกแล้ว
แต่แล้วร่างสูงก็ก้าวลงมายังขั้นบันไดเดียวกัน และคุกเข่าลงเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว ทำเอาอีกฝ่ายชะงักด้วยความตกใจ เพราะแบบนี้มันไม่ต่างอะไรจากการขอแต่งงานเลย
“เซด ได้โปรดอยู่กับข้าตลอดไป” ครอสกล่าวโดยไม่รอให้คนที่กำลังตกใจได้ดึงมือที่เขากุมไว้ออก เขารู้ว่าการขออะไรแบบนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก เหตุผลที่สำคัญเลยก็คือ...
...เผ่าพันธุ์...
ไม่ช้าก็เร็วคนตรงหน้าก็ต้องจากไปอยู่ดี แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น...
ข้าก็ยังอยากอยู่กับเจ้าให้นานมากที่สุด...
...อยากให้อยู่เคียงข้างไปให้นานมากที่สุดเท่าที่จะทำได้...
ดูเหมือนว่าเซดริกก็รับรู้ถึงความจริงข้อนี้เช่นกัน ไม่ใช่แค่เรื่องนี้ แต่เขายังมีเพื่อนที่รออยู่ และหลายคนที่รอการกลับไปของเขา
แต่... เขามองใบหน้าคมคายที่มองมาอย่างจริงจัง และเขาเห็นแววตาอ้อนวอนที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นในนัยน์ตาสีแดงคู่นั้น
เซดริกคลี่ยิ้มจาง ๆ ...คน ๆ นี้ก็อยู่ตรงหน้าเราแล้วนี่นา
ร่างสูงผมบลอนด์ค่อย ๆ โน้มตัวลงมาช้า ๆ แล้วริมฝีปากประทับลงบนหลังฝ่ามือของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาแทนคำตอบทุกอย่าง
จะมีอะไรสำคัญไปมากกว่านี้อีกล่ะ?
ดวงตาสีแดงเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างสูงตรงหน้าจุมพิตที่หลังมือของเขา แทนคำตอบที่เป็นคำพูดทุกอย่าง
ชายหนุ่มเจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจ แต่แล้วก็แทบร้องเหวอเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้นรวบเอวของเขาไว้ และพาหายตัวไปอย่างรวดเร็ว!
มารู้ตัวอีกทีแผ่นหลังเขาก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มของเตียง
ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นร่างสูงผมดำอยู่เหนือตัวเอง “เดี๋ยวครอ...” ไม่ทันได้เอ่ยจบ ริมฝีปากก็ถูกประกบอย่างแนบแน่นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว พอตั้งใจจะดันไหล่อีกฝ่ายออก มือทั้งสองข้างก็ถูกจับตรึงกับเตียงแน่นพร้อมกับลิ้นเรียวที่รุกรานเข้ามา เกี่ยวพันกับลิ้นที่สั่นระริกด้วยอารมณ์ตกใจ และกวาดทั่วโพรงปากอย่าถือสิทธิ
จูบที่ร้อนแรงกะทันหันพาให้เผลอลืมหายใจจนหายใจไม่ออก
ครอสถอนริมฝีปากออก “ไม่เดี๋ยวแล้ว” เขากระซิบเสียงเบาก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากที่เริ่มบวมช้ำ แต่ครั้งนี้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ทัน และไม่ยอมให้โดนรุกอยู่ฝ่ายเดียว ฝ่ายที่ตอนแรกสั่นระริกแข็งขืนสู้ และกระหวัดรัดเกี่ยวอย่างไม่ยอมแพ้ แลกรสหวานให้แก่กันอย่างไม่รู้เบื่อ
จุมพิตที่รุนแรงและดูดดื่มจุดไฟอารมณ์ ความถวิลหา และความปรารถนาที่เก็บมาตลอดสองปี ทุกอย่างกระตุ้นความต้องการได้เป็นอย่างดี
[CUT]
aqualisblog.wordpress.com
“จะ...มีทางไหม...” เสียงทุ้มขาดเป็นห้วง ๆ เมื่อร่างกายถูกรุกราน “ที่ผมจะได้อยู่กับคุณ...ตลอดไป?”
อีกฝ่ายแม้จะแปลกใจที่ได้ยินคำถามนั้น แต่ก็ไม่อาจหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองได้ “นายหมาย...ถึง...” ได้แต่เปล่งคำพูดที่ไม่ติดต่อกัน
“เป็น...แบบ...” แต่คำพูดทั้งหมดก็ต้องหายไปแทนที่ด้วยเสียงที่เปล่งออกจากลำคอเมื่อสำเร็จความสุขสม แผ่นอกขยับขึ้นลงรัวเพราะหายใจหอบ เซดริกรวบรวมลมหายใจก่อนจะยื่นมือมาแตะกรอบหน้าคมคายที่เหงื่อเย็นไหลอาบไม่ต่างจากจน “เป็นแบบคุณ...”
ดวงตาสีแดงเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่เมื่อเห็นสายตาที่มองมา ทั้งสุขสม อ้อนวอน และโหยหา...มือแกร่งยกขึ้นแตะหลังฝ่ามือที่วางอยู่แก้มซ้ายของตน “เซด...” เขาเอ่ยเสียงเบา “...รู้ไหมว่าที่พูดมาหมายความว่าอะไร?”
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของคนที่นอนอยู่ “รู้สิครับ” เอ่ยตอบอย่างมั่นใจ
“ทุกอย่างที่นายเคยรู้จักทั้งหมด จะเปลี่ยนจากหน้าเป็นหลังมือหมดนะ” ครอสว่าด้วยความเป็นห่วง แม้นั่นจะเป็นสิ่งที่เขาอยากให้อีกฝ่ายเป็น แต่นั่นก็หมายความว่าชีวิตของคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“ไม่ทั้งหมดเสียหน่อย” แล้วก็ยกมืออีกข้างหนึ่งแตะที่อกซ้ายของตัวเอง “ตรงนี้...” แล้วยื่นมือข้างนั้นมาวางที่แผ่นอกของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา “...และตรงนี้...ยังคงเหมือนเดิมไม่ใช่เหรอครับ?”
แวมไพร์หนุ่มได้แต่นิ่งงัน และฟังคนผมบลอนด์พูดต่อไป “คุณไม่อยากเสียผมไป...ผมเอง ก็ไม่อยากจากคุณไปเหมือนกัน” ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรงก่อนจะเอ่ยต่อ “ผมเคยทำใจได้ว่าสักวันต้องตายจากคุณไป แต่...แต่ทำไมตอนนี้ผมกลับกลัว...”
กลัวความตายที่จะพาผมไปจากคุณ...
“เซด...” ครอสเห็นใบหน้าที่หมองเศร้าลงแล้วก็อดปวดใจไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธี เขาเองก็อยากให้คนตรงหน้าเป็นแบบเขา มีชีวิตยืนยาวด้วยกันตราบจนวันสุดท้าย แต่ก็กลัวว่าใบหน้าที่เขาเห็นต่อนี้จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน และสุดท้ายแล้วก็อาจจะไม่มีโอกาสได้แสดงสีหน้าใด ๆ อีกเลย
วิธีที่เขารู้มันอันตราย และถูกปิดผนึกมานานหลายพันปี ที่สำคัญคือใช่ว่ามันจะประสบความสำเร็จเสมอไป
แต่ว่า...
“วิธีน่ะมี แต่...” แวมไพร์หนุ่มหยุดชั่วครู่ก่อนจะฉุดร่างที่นอนอยู่ให้ลุกขึ้นนั่งช้า ๆ “...ฉันรับประกันไม่ได้ว่ามันจะสำเร็จ และถ้ามันไม่สำเร็จ...” มือหนาลูบเส้นผมสีบลอนด์นั้นอย่างเชื่องช้า ดวงตาสีแดงมองลึกเข้าไปในดวงตาสีอ่อนกว่า “...นายจะตาย”
เซดดริคลี่ยิ้มจาง ๆ ราวกับไม่กลัวเกรงคำบอกเล่านั้น “ผมเคยเกือบตายมาแล้ว แค่นี้น่ะผมไม่กลัวหรอก”
“มันไม่ใช่แค่นั้นนะ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เดือดเนื้อร้อนใจก็พาลทำให้เขาหงุดหงิดเล็กน้อย ครอสกดหลังศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีบลอนด์ให้โน้มเข้ามาใกล้ หน้าผากชนหน้าผาก และนิ่งงันอยู่เช่นนั้น “ฉันกลัว...ว่ามันจะไม่สำเร็จ และฉันต้องเสียนายไปตลอดกาล”
“ผมไม่เป็นไรหรอก เชื่อผมสิ” ดวงตาสีฟ้าสบกับสีแดงอย่างตรงไปตรงมา “สิ่งที่เรียกว่า ‘บลูบลัด’ น่ะ คงไม่ได้มีดีแค่เลือดหรอก จริงไหม?”
คำพูดติดตลก และสายตาที่แน่วแน่ และไร้ความหวาดกลัวใด ๆ มองตรงมาทำให้ครอสรู้ว่าไม่อาจเปลี่ยนใจอีกฝ่ายได้แล้ว และแน่นอน...เขาเองก็หวังว่ามันจะสำเร็จ
“หึ นั่นสินะ” แวมไพร์หนุ่มอมยิ้มเล็กน้อย “ถ้านายต้องการ ฉันจะยอมเสี่ยงด้วย” แล้วริมฝีปากเย็นเฉียบก็ประทับบนหน้าผากที่ชื้นเหงื่ออย่างแน่นิ่ง และเนิ่นนาน ในขณะที่ดวงตาสีฟ้าซึ่งประกายสดใสเริ่มหายเข้าไปใต้เปลือกตาที่พริ้มหลับลง แขนทั้งสองข้างยกขึ้นโอบกอดแผ่นหลังกว้าง และวงแขนกำยำก็โอบรอบตัวเขาเช่นกัน
แล้วใบหน้าคมคายของชายหนุ่มผมดำก็ผละออกจากหน้าผาก และฝังลงไหล่ของคนที่ตัวเล็กกว่า อีกฝ่ายก็วางศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีบลอนด์บนแผ่นอกที่แข็งแรง ไออุ่นจากร่างไล่ความหนาวเหน็บยามค่ำคืน เสียงสายลมขับกล่อมบรรยากาศให้นุ่มละมุน ขานรับกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนฝบหน้าของคนทั้งสอง
แม้คนที่ตัวเล็กกว่าจะเริ่มเคลิ้มไปกับบรรยากาศ กอปรกับความเหนื่อยล้า ทำให้แขนทั้งสองเริ่มอ่อนแรง และทิ้งลงข้างตัว อีกคนกลับยังคงอยู่ในท่าเดิมราวกับกำลังบอกตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
ว่าตอนนี้...ไม่ใช่ความฝัน
...เขาอยู่ในวงแขนของเรา...
ครอสค่อย ๆ วางร่างที่สลบไสลลงบนเตียง และบรรจงห่มผ้าห่มที่ตกลงไปข้างเตียงให้กับอีกฝ่าย เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าที่หลับพริ้มอย่างเป็นสุข มือหนาเอื้อมมือไปลูบเส้นผมที่เปียกเหงื่ออย่างเบามือ และรักใคร่ ไม่อยากเชื่อเลยว่าในชีวิตนี้จะรักใครสักคนได้มากขนาดนี้
“ขอบคุณที่เกิดมาให้ข้าได้รัก เซด” คำพูดแผ่วเบากระซิบบอก ก่อนที่เขาจะจุมพิตที่แก้มของคนที่หลับอยู่ และมุดตัวลงใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน วงแขนเอื้อมดึงร่างของคนรักให้เข้ามาใกล้ และกระชับอ้อมกอดแน่น
“ราตรีสวัสดิ์ที่รักของข้า”
TO BE CONTINUED...
⚠️ ตอนนี้ปิดพรีออเดอร์แล้วนะคะ ⚠️
??“?สามารถโอนเงินสำหรับรอบพรีออเดอร์ได้ถึงวันที่ 23 กุมภา เวลา 23.59 ค่ะ โอนแล้วอย่าลืมแจ้งน้า :)
??“? สามารถซื้อตัวเล่มได้ที่งาน Gen Y Trade Area#8 บูธ A8 (mwix)
วันที่ 3/มีนา/2562 ที่ กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ สนามเป้า
??“? รายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับวันงาน / รอบไปรฯ / รีปริ๊นท์ (อาจจะ) / e-book จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งนะคะ
:)??“? ทุกตอนที่ลงออนไลน์จะไม่ลบนะคะ ^_^
หลังจากนี้ก็สามารถมาพูดคุยกันได้ในช่องทางข้างนี้เลยค่า
FB : https://www.facebook.com/xeijiandwuqi
หรือ twitter : Seiji_18 (แต่ทวิตเตอร์จะออกแนวบ่นไปเรื่อยเปื่อยมากกว่า5555)
และหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกในเรื่องถัดๆ ไปนะคะ :)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รออยู่เสมอค่ะ จะรออ่านตอนจบบบบบ อิอิ
\(Q?Q) / กลับมาแล้ว จะรออ่านเลยน้าาาา
ดีใจมากค่ะ ขอให้ผู้เขียนมีกำลังใจในการแต่งนิยายต่อไปนะค่ะ♡♡♡
โอ๊ยยยยยยยยย อ๊ากกกกกกกกกกกก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ฮือออออออออออออออ เรารักเรื่องนี้มากเลย คิดถึงมากๆๆๆๆๆค่ะ
ตอนเห็นขึ้นว่านิยายในเฟบอัพนี่แบบ
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
รอนะคะ ฮือๆๆๆๆๆ
ปล.ถ้าเปิดแล้วขอเวลายาวๆให้เก็บตังหน่อยนะคะ
ปล2.แอบอยากให้อัพเดตเด็กดีเวอร์ชั่นใหม่ด้วยค่า เวอร์ใหม่นี้เวลาอ่านนิยายอ่านง่ายดีน่ะ
เวลาทำขยายตัวอักษร เวอร์ชั่นเก่ากดไม่ค่อยขยายมาก
นานๆก็จะเข้ามาส่องซักที เผื่อว่าจะอัพเพิ่ม T T
ยินดีด้วยที่เจอไฟล์นะคะ แล้วก็ขอบคุณมากนะคะที่ไม่ทิ้งเรื่องนี้ไป
เป็นนิยายเรื่องแรกๆที่เราอ่านเลยค่ะ นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำเราเลย
ปล. ถ้าเปิดพรีล่ะก็สนใจแน่นอนค่ะ!! <3 <3