ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่หนึ่ง: ชีวิตของเจ้าชาย ชีวิตของซินเดอเรลล่า >> Cinderella and the prince
บทที่หนึ่ง
“ปารีส เธอคิดจะทำยังไงเรื่องโครงการจัดงานวัฒนธรรมตอนปลายปีของโรงเรียนจ้ะ >o<”
“ปารีส ฉันออกแบบเสื้อที่จะใช้ในงานแข่งเสก็ตระดับจังหวัดของหล่อนแล้วนะ แบบว่า หล่อนเห็นแล้วต้องกรี๊ดสลบแน่นอน ทีน่ารับรองฮ่ะ!”
“แย่งฉันพูดอีกแล้วนะทินกร! ปารีส เธอต้องฟังฉันก่อน เรื่องนี้สำคัญมาก ฉันต้องการลายเซ็นเธอเพื่อนอนุมัติการเข้าค่ายน่ะ >_<”
มีนาพูดพลางแกว่งกระดาษบางๆสีเปลือกไข่ตรงหน้า
“เรียกฉันว่าทินกรอีกแล้วนะยะ! ฉันชื่อทีน่า! ปารีส หล่อนต้องไปดูชุดเร็ว อีชะนีทั้งหลายต้องอิจฉาแน่ย่ะ!”
กระเทยตนเท่ายักษ์ในชุดสูทกระโดดเหยงๆไปมาด้วยท่าทางสะดีดสะดิ้ง
“แย่งเค้าพูดอ่ะ! ~”
“อะไรยะ ปารีสสสส หล่อนต้องไปดูๆๆๆๆๆ”
=_= อยากจะบอกว่าช่วยพูดทีละคนได้ไหม
พอมองเลขาทั้งสองคนของฉันแล้วก็คิดในใจไม่ได้ว่า ทำไมประธานนักเรียนถึงต้องมีเลขาตั้งสองคน =_= ทำงานมาเองตั้งแต่ตอนม.ต้นแล้ว ทำไมพอขึ้นม.ปลายปุ๊บเกิดง่อยรับประทานทำงานกันเองไม่ได้หรือ? เพราะตั้งแต่มีสองคนนี้เข้ามาวุ่นวายในชีวิต การจะทำงาน ทำกิจกรรม หรือแม้แต่กระดิกกระเดี้ยวก็ต้องมี
“ปารีสสสส >o< สรุปเธอจะเอายังไงจ้ะ เรื่องงานวัฒนธรรม แล้วก็ช่วยคิดธีมของงานพร็อมด้วยนะจ้ะ ^-^ พวกเราต้องไปจองโรงแรมด้วย แถมต้องจัดซุ้มจัดดอกไม้
”
“ต๊าย มีมี่ หล่อนไม่ต้องเลย ใช้ฉันพูดก่อนย่ะ สรุปหล่อนจะไปดูชุดของฉันชาตินี้หรือชาติหน้ายะ..”
“ตายแล้ว ฉันบอกเธอกี่ครั้งแล้วทินกร ว่าฉันชื่อมีนา!”
“กรี๊ดดดดด อย่าเรียกชื่อนั้นนะยะ เดี๊ยนรับไม่ด้ายยย”
“ว่าแต่
.”
“ว่าแต่
.”
พวกเขาสองคนจะสังเกตการแอบหนีออกมากลางวงของฉันหรือเปล่านะ? =_= ชีวิตฉันจะยุ่งยากขึ้นทุกวันเพราะเลขาทั้งสองของฉันนี่แหละ ฟังจากเมื่อกี้เคงจะเข้าใจ พยายามไปอ้อนวอน ข้อร้อง บังคับ ขู่เข็ญ ถึงแอบใต้โต๊ะ แต่อาจารย์ใหญ่ยังคงยืนยันนอนยันว่ายังไงก็ตามฉันต้องมีเลขาสองคน! T_Tใครก็ได้ช่วยปารีสที
“ปารีสสสสสสสสสสส >____<”
ทีงี้พร้อมใจกันเรียกนะ =o=
พอรีบใช้วิชาเท้าแมวหลบออกจากห้องทำงานอันน่าสะพรึงกลัวมาอีกตึกหนึ่งซึ่งเป็นที่อยู่ของนักเรียนชายหญิงจำนวนมากของโรงเรียนเซนต์ลูซิเฟลแห่งนี้
รอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้มีทั้งวัน ฉันก็ได้ยิ้มมันแล้ว ^^
ขาคู่นี้ได้มาฉันมาหยุดที่สถานที่ที่ฉันชอบที่สุดในโรงเรียนแห่งนี้
ลานเสก็ตน้ำแข็งนั่นเอง
เหตุผลหลักที่เลือกที่จะมาเรียนในโรงเรียนที่ค่าเทอมแพงหูฉี่ขนาดนี้ ก็คือเพราะสิ่งนี้
โรงเรียนเป็นโรงเรียนนานาชาติแห่งเดียวในประเทศที่มีลานเสก็ตน้ำแข็งในตัว
ลานน้ำแข็งนี้ แม้จะไม่ใหญ่ แต่เป็นลานเสก็ตที่ฉันชอบมากๆ ความรู้สึกเมื่อได้ทรงตัวบนรองเท้าที่มีใบมีดโลดแล่นไปบนน้ำแข็งสีครามนั่น มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้ความเหนื่อยล้า ความหนวกหู ความรำคาญของทุกสิ่งรอบๆตัว เหมือนจะพาลหายไปในไอเย็นของน้ำแข็งที่ปะทะที่หน้า
“แน่ะ ยิ้มออกแล้วนี่ ^-^”
เสียงหวานเสียงหนึ่งพูดขึ้นมาขำๆ พร้อมกับใบหน้าเรียวคมนัยน์ตาโตสีดำ
“อ้าว เรนะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“มาทันเธอวิ่งหนีสองมารจากห้องประธานนักเรียนแล้วกันน่า ยัยบ้า”
“ฮะๆ ^^”จับได้เสียแล้ว T^T
เรนะหันมายิ้มหวาน
เรนะเป็นสาวญี่ปุ่นที่น่ารักสุดใจขาดดิ้น >_< แก้มชมพูเนียนปลั่ง ปากนิด จมูกหน่อย แก้มใสๆ ตาโตๆกับผมสีดำขลับ ขอยอมรับว่า ฉันเคยแอบหวั่นไหวอยากเป็นเลสเบี้ยนกับเธอ T^T แต่ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวโดนตาอินโฮ แฟนตรากิมจิของยัยนี่ซัดหัวเข้า รายนั้นเป็นถึงหัวหน้าชมรมคาราเต้เชียวนะรายนั้น
“เอ๊ะ”
รองเท้าเสก็ตสีเงินวาวขอบสีฟ้า มีเกล็ดน้ำแข็งสีน้ำเงินเข้มสกรีนบนตัวรองเท้า กับใบมีดเงินเหลือบฟ้าถูกยื่นมาตรงหน้า
“จำได้มั้ยเอ่ยว่าของใคร >___<”
ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ
“เธอก็รู้นี่ว่าฉันเล่นไม่ได้”
“ข้อเท้าเธอยังไม่ได้หายดีอีกเหรอ?”
“อืม ^^”
เรนะยิ้มเศร้าๆพลางวางรองเท้าเสก็ตของฉันลงและนั่งลงข้างๆบนม้านั่งสีขาว
“เธอรู้มั้ยปารีส
”
“หืม?”
ดวงตากลมโตจ้องไปบนลานน้ำแข็งกว้างที่มีไฟสีฟ้าอ่อนๆเรืองรอง พวกเราต่างก็เงียบปล่อยให้ไอเย็นของน้ำแข็งบนลานกว้างนั้นพัดผ่านใบหน้าช้าๆ เห้อ รู้สึกดีจังเลย
“เธอรู้ใช่มั้ย?”
“ว่า?”
“ฉันตกหลุมรักการเสก็ตของเธอนะ ^^ น่าเสียดายจัง คนมีพรสวรรค์
”
“พอเถอะเรนะจัง”
“ขอโทษที ฉันอดไม่ได้จริงๆ” เธอก้มหน้าหลบสายตาจากฉัน ให้ตายสิ นี่เธอรู้สึกผิดอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย “แล้วเธอเปลี่ยนจากคาบพละเป็นลงคาบอะไรแทนล่ะจ้ะ?”
เออจริงสินะ =__= ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย ต้องไปเปลี่ยนคาบเรียนกับยัยป้าหน้ายักษ์นั่นนี่หว่า T[]T ขาอย่างงี้เล่นพละไม่ไหว เลยโด่นอาจารย์ใหญ่สั่งย้ายคาบ ชิชะ -.- ต้องไปเจอยัยป้านั่นอีกแล้วเหรอเนี่ย
“อาจารย์พรีมว่ายังไงบ้าง ให้เปลี่ยนหรือเปล่า”
“T____T”
“อ้อ ยังไม่ได้ไปสินะ” ฉลาดมากจ้ะ =_= อ่านหน้าฉันออก
เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ ฉันเป็นคนที่ไปทำเรื่องเปลี่ยนตารางสอนบ่อยมาก เพราะวิชาที่ทางโรงเรียนนั้นจัดมาให้ไม่ค่อยตรงกับเวลาว่างจากการซ้อมเสก็ตของฉัน และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย ฉันไปเสนอหน้า(กัด) กับอาจารย์วัยทองหน้ายักษ์นั่นจนเธอจำชื่อแส่สกุลของฉันจนขึ้นใจเสียแล้ว
แต่พอขา
ฉันบาดเจ็บจนหมอวินิจฉัยว่าไม่สามารถเล่นเสก็ตได้อีกแล้ว
ความฝันและความผ่อนคลายแห่งเดียวในโรงเรียนนี้ ก็เหมือนจะดับวูบไปตรงหน้า
ความฝันและความผ่อนคลายแห่งเดียวในโรงเรียนนี้ ก็เหมือนจะดับวูบไปตรงหน้า
“คาบพละของเธอตรงกับอังกฤษนี่ ^^ เข้าเรียนคาบอังกฤษสิ” เรนะเสนอ
จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ เหมือนได้คาบนอนหลับเพิ่มมาอีกคาบ -_,-* อาจารย์ซาร่าไม่สนใจอยู่แล้ว ชีวิตนี้สนใจแต่หาจอร์จมาประจำใจ =_=
“อือ ฉันก็ว่าจะลงคาบอังกฤษล่ะ ^_^”
“โนเอลล่ะ?”
“ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ”
ในโรงเรียนอันน่ากลัว(?) แห่งนี้ ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่เพียงสองคนเท่านั้น ซึ่งก็คือ เรนะ และ โนเอล แต่เดี๋ยวนี้ฉันชักจะสนิทกับเรนะมากกว่าเพราะตั้งแต่โนเอลมีแฟนเป็นรุ่นพี่ชมรมยิงธนูที่ปลื้มมาแรมปีก็ดูเหมือนจะลืมไปเลยว่าเคยมีเพื่อนอยู่กับเขาเหมือนกัน บางคนเคยบอกว่าฉันขี้อิจฉา
ว่าแต่ ขี้อิจฉาเรื่องอะไรล่ะ?
“โนเอลคงอยู่กับแฟนเขามั้ง”
“เหรอ”
เรนะยืนขึ้นพลางยื่นมือมาตรงหน้าฉัน
จริงสินะ ^^ เล่นเสก็ตไม่ได้
แต่โลกของฉันคงไม่แตกหรอกมั้ง คงมีสักวันเองแหละที่ฉันจะได้ไปยืนบนล่านน้ำแข็งนั้นอีกครั้งหนึ่ง
แต่ก่อนที่ฉันจะได้ยื่นมือออกไปรับมือนั้น
.
“ปารีสสสสสสสสสสสสสส หล่อนจะไปดูชุดของหล่อนหรือยังย้า!~”
“กรี๊ด ปารีสสส มาเซ็นเอกสารอันนี้ด่วนจ้ะ!! และเรื่องงานพร็อมเอายังไง!!”
“ยัยมีมี่! แย่งฉันพูดอีกแล้วนะยะ เด๊ะแม่ตบเปรี้ยง!”
“อะไรทินกร งานฉันสำคัญกว่างานเธอนะ!”
( -_-)---*---(-_- )
ใครก็ได้ ช่วยปารีสที T^T
ณ อีกมุมหนึ่งของโรงเรียนเซนต์ลูซิเฟล
ใบไม้สีเขียวอ่อนสลับแก่แห้งกรอบทำให้ทุกฝีเท้าของร่างสูงที่กำลังขยับผ่านทางเดินมีเสียงดังกรอบแกรบ ใบหน้ากร้านถูกผมสีดำสนิทรุงรังปกปิดก้มลงต่ำมองทางเดินแลดูเหมือนกำลังก้มหลบสายตา ไหล่กว้างทรุดลงเนื่องจากกองหนังสือเล่มหนาๆในมือจำนวนมากกำลังถ่วงน้ำหนักร่างกาย ฝีเท้าจึงถี่ลงเรื่อยๆเมื่อน้ำหนักหนังสือเริ่มรู้สึกเหมือนมากขึ้น
ทางเดินสีขาวกว้างก็ดูเหมือนจะลาดยาวขึ้นเรื่อยๆ ไม่ไปถึงสักที
แดดก็ร้อน
เหงื่อก็ออก
หนักก็หนัก
เสื้อสูทที่ใส่กับเนกไทเส้นนี้ไม่ได้ช่วยให้บรรเทาความหนักหรือร้อนได้เลย รังแต่จะทำให้หนักหนาสาหัสขึ้น
ทางเดินสีขาวก็ได้มาหยุดหน้าตึกอิฐในที่สุด
ถึงสักที
ช่วยบ่ายอย่างนี้ ตามปกติแล้วจะไม่มีนีกเรียน เนื่องจากส่วนมากจะเข้าเรียนไปแล้ว มีเฉพาะบางพวกเท่านั้น ที่ตารางสอนพิเศษ จึงไม่มีเรียน ทางเดินขามาตึกแห่งนี้จึงค่อนข้างเงียบถึงเงียบมาก
พอก้าวเข้าไปในตึก ชายหนุ่มก็เป็นที่จับจ้องของสายตานับไม่ถ้วนที่เรียงรายกันอยู่หน้าห้อง
ก็แหงล่ะสิ นี่มันหน้าห้องอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนแห่งนี้นี่นา
ปกติถ้าไม่ใช่เด็กเกเรโดดเรียน หรือเด็กมีปัญหา ก็ไม่จำเป็นต้องมาเหยียบที่ตึกนี้ด้วยซ้ำ
หลายสายตามองเขาด้วยความสงสัย
มือหนาตัดสินใจผลักประตูกระจกสีขุ่นที่อยู่ตรงกลางแถวเก้าอี้ที่เต็มไปด้วยนักเรียนขาโจ๋ทั้งหลายนั่งรอถูกเรียกเข้าพบ
“อ้าว เอเธน เข้ามานั่งสิจ้ะ”
“ไม่เป็นไรฮะ ผมแค่เอาเอกสารกับหนังสือมาให้น่ะครับ”
ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงนุ่ม พลางส่ายหน้าเบาๆ อาจารย์สาวยิ้มกลับอย่างอ่อนโยน และผายมือทางเก้าอี้ด้านข้าง
“นั่งเถอะจ้ะ ครูต้องคุยกับเรานะจ้ะ”
“ครับ”
เอเธนนั่งลงอย่างว่าง่าย ดวงตาสีฟ้าใสภายใต้ผมรุงรังสังเกตเห็นแผ่นกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำตาตัวใส
อาจารย์ใหญ่คาเรน นั่งลงช้าๆที่โซฟาข้างเก้าอี้ตัวโปร่ง
“คือเรื่องที่อาจารย์ต้องคุยน่ะ
”
“เรื่องค่าเทอมผมใช่ไหมครับ” เขาขัดขึ้นพลางยิ้มแบบเหนื่อยๆ “ผมทราบแล้วครับ ต้องขอโทษด้วยที่ล่าช้าไปบ้าง”
“อาจารย์เข้าใจนะจ๊ะ ว่ากิจการของพ่อเราตอนนี้ไม่สู้ดีนัก และพ่อเราก็ไม่ต้องการให้เราหยุดเรียนด้วย แต่ว่า
”
“ผมทราบครับ ^^ เข้าใจ”
หญิงวัยกลางคนยิ้มอ่อนๆ พยักหน้า และหันไปหยิบกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ
“อาจารย์ก็หาทางช่วยเราอยู่เหมือนกันจ้ะ พอดีอาจารย์เจอนี่” ว่าแล้วก็ยื่นกระดาษให้เขา
ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนดีเด่น
เอเธนยิ้มอย่างขอบคุณ แต่แล้วก็เลื่อนกระดาษไปไว้บนโต๊ะเหมือนเดิมท่ามกลางสายตาฉงนของอาจารย์
“ขอบคุณมากครับ แต่ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีเวลาไปสอบน่ะครับ”
“ตายจริง! นี่เรายังทำงานพิเศษมากมายขนาดนั้นอยู่เลยเหรอ?”
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา มีเพียงยิ้มเหนื่อยๆเช่นเคยจากร่างสูง
“ผมก็แค่ทำเท่าที่ผมทำได้น่ะครับ พอดีคุณพ่อค่อนข้างเหนื่อยมาก”
“แต่ยังไงครูก็ไม่แนะนำให้เราทิ้งการเรียนกับกิจกรรมทางโรงเรียนอย่างนี้นะจ้ะ เหมือนเดือนก่อนที่เธอลาออกจากทีมเสก็ตน้ำแข็ง โรงเรียนเราก็ขาดนักเรียนชายมือดีไปเลย มันจะเป็นผลดีกับเราเวลาเข้ามหาลัยนะจ้ะรู้ไหม?”
“ครับ ผมทราบอยู่”
“ครูก็เลยอยากให้เรามีกิจกรรมอย่างอื่นบ้างนะจ้ะ ยังไงก็ขอให้เก็บไปคิดบ้าง” ริมฝีปากบางยิ้มเช่นเคย
อธิกรณ์ วิถีสุวรรณ เคยเป็นหนึ่งในนักเรียนดีเด่นและเป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียนลูซิเฟลแห่งนี่ แต่ตั้งแต่ บริษัทของพ่อเขากำลังล้มละลาย จึงทำให้ ผู้เป็นพ่อทำงานตัวเป็นเกลียว แถมชายหน่อยยังออกจากกิจกรรมทั้งหมดที่โรงเรียนและไปทุ่มกับการทำงานพิเศษหลายแหล่เพื่อแบ่งเบาภาระทางบ้านได้บ้าง
ยังไงเขาก็ยังเป็นเด็กที่เธอเอ็นดูและเป็นห่วงไม่เคยเปลี่ยน
“เอ่อ ถ้าอย่างนั้น
”
It’s become so hard
for me to be surprised but you’re bringing back the real me, no judgment in your eyes~ [new classic Drew Seeley]
“อ่า ขอโทษนะฮะ
ฮัลโหล
”
เมื่อได้รับเสียงที่กรอกลงมา นัยน์ตาสีฟ้าสวยก็หมานตาลงอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว
“ครับแม่ เดี๋ยวผมไปทำงานพิเศษแล้วไปเอาให้ครับ
ครับ
ครับ เข้าใจแล้ว”
พอหันมาพบสีหน้าเป็นห่วงของอาจารย์ เขาก็ยิ้มเนือยๆ
“ผมต้องขอตัวก่อนนะฮะ ^^ ต้องไปทำงานแล้ว”
“จ้ะ เชิญจ้ะ”
และร่างสูงก็ก้มหน้าเดินออกไป
-------------------------------------------------------------------------------------
End ตอนที่หนึ่ง
-------------------------------------------------------------------------------------
End ตอนที่หนึ่ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น