ตอนที่ 5 : [Chapter Four]: ไรมง vs โอคารูโตะ
[CHAPTER FOUR]
บทที่ 4 ไรมง VS โอคารูโตะ
"ฉันว่านะ..ฉันคงต้องล้มเลิกความคิดที่จะสอนนัตจังทำอาหารไปอีกนานเลยล่ะ..."
ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆขณะที่กำลังนั่งอยู่ในรถข้างๆนัตจังที่เริ่มทำหน้าบูด
ถามว่าเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?
อืม..แล้วฉันควรจะเริ่มเล่าตั้งแต่ตอนไหนดีล่ะเนี่ย? เอาเป็นว่า พอดีเมื่อวานฉันมีเวลาว่างก็เลยตัดสินใจสอนนัตจังทำข้าวห่อไข่ตามที่เคยสัญญาเอาไว้ แต่พอเด็กคนนี้เริ่มจับตะหลิว..ห้องครัวของฉันก็กลายเป็นสนามรบขนาดย่อมไปภายในเวลาไม่นาน...
ระหว่างที่ฉันกำลังคุมนัตจังทำข้าวห่อไข่อยู่นั้น สิ่งที่ฉันพูดออกมาทั้งหมดในช่วงที่เราอยู่ในครัวก็จะเป็นคำพูดประมาณว่า'ทำแบบนั้นไม่ได้นะ พอแล้วจ้ะ อันนั้นไม่ต้องใส่นะ จะไหม้แล้ว ระวังไฟด้วย จับกระทะแน่นๆ ไม่ต้องกลัวน้ำมันนะ ระวังมือ ตายแล้ว'
อะไรประมาณนี้^^;
ฉันควรจะคำนวณความวินาศสันตะโรเอาไว้ล่วงหน้า...
แต่สุดท้ายแล้วนัตจังก็สามารถทำข้าวห่อไข่ออกมาได้สำเร็จ ถึงแม้หน้าตาของมันจะดู..ไม่ค่อยเหมือนกับข้าวห่อไข่สักเท่าไหร่ก็เถอะนะ...
"....."
"แหม อย่าทำหน้าแบบนั้นสิจ๊ะ นัตจัง ระวังเดี๋ยวหน้าจะแก่ก่อนวัยเอานะ"ฉันว่าพลางยกมือขึ้นจับแก้มอีกฝ่ายเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว ซึ่งนัตจังก็ไม่ได้ว่าหรือปัดมือของฉันออกแต่อย่างใด เธอเพียงแค่นั่งอยู่ที่เดิม..แล้วก็ทำหน้าบูดมากกว่าเดิมเล็กน้อยเท่านั้น
นัตจังนี่ล่ะก็..แค่แซวเล่นนิดๆหน่อยๆเองนะ...
"ซาโยริก็พูดได้สิ เธอทำอาหารเก่งนี่"
"ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา"ฉันยิ้มบาง มองน้องสาวที่เริ่มออกอาการง้องอนด้วยสายตาเอ็นดู"นัตจังเองก็รู้นี่ว่าฉันเริ่มทำอาหารตั้งแต่อายุเท่าไหร่ แล้วก็เหตุผลที่ฉันเริ่มทำอาหารด้วย"
ฉันเริ่มฝึกทำอาหารตั้งแต่เด็ก..นั่นคือเรื่องจริง แต่ขอบอกเอาไว้ตรงนี้เลยนะคะ ว่าฉันไม่ได้ฝึกทำอาหารเพราะชอบทำหรืออยากทำ แต่ฉันฝึกทำเพราะมีความจำเป็นต่างหาก
จำเป็นยังไงน่ะหรอ?
ก็ครอบครัวบุญธรรมของฉันน่ะ..นอกจากคุณแม่ที่เสียไปแล้วก็ไม่มีใครทำอาหารเป็นเลยสักคนน่ะสิ...
ถ้าจะถามว่าสกิลทางด้านการทำอาหารของพี่น้องบุญธรรมของฉันอยู่ในระดับไหนแล้วล่ะก็.. เอ่อ คือ..ความจริงแล้วคำถามนี้ก็เป็นคำถามนี้ค่อนข้างจะตอบยากอยู่นะ แต่เอาเป็นว่าหนักที่สุดอาหารของพวกเขาเคยทำฉันเข้าโรงพยาบาลมาแล้วครั้งหนึ่งก็แล้วกัน^^;
ทีนี้รีดเดอร์ที่รักก็เก็บเอากลับไปเดากันเล่นๆก็แล้วกันนะคะ ว่าสกิลการทำอาหารของพวกเขาอยู่ในระดับไหน
"...งั้นหรอ"นัตจังพึมพำตอบเสียงเบา เธอเงยหน้าขึ้นทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างรถก่อนที่จะหันไปคุยกับคุณโชเฟอร์ที่กำลังขับรถพาพวกเราไปส่งที่บ้าน"ช่วยจอดตรงนี้สักครู่นะคะ"
?
รถคันที่พวกเรานั่งอยู่ค่อยๆชะลอตัวลงบนสะพานอินาสึมะ ฉันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างรู้สึกแปลกใจ เพราะปกติแล้วนัตจังจะไม่ค่อยขอให้คุณคนขับจอดรถแวะเที่ยวสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วคนที่ขอให้จอดรถ(หน้าร้านขายน้ำกับร้านของหวาน)จะเป็นฉันซะมากกว่า
ฉันลองเบนสายตาออกไปมองนอกหน้าต่างตามนัตจังบ้าง แต่พอเห็นว่าสถานที่ตรงหน้าคือที่ไหน ฉันก็ยิ่งรู้สึกสงสัยเข้าไปใหญ่ ที่นี่มัน..สนามฟุตบอลริมน้ำที่มาโมจังชอบมาซ้อมกับพวกเด็กๆนี่นา นัตจังมีธุระอะไรที่นี่กันนะ?
"สวัสดีค่ะ ฉันชื่อไรมง นัตสึมิ"นัตจังเอ่ยทักทายใครสักคนทันทีที่เธอเปิดกระจกรถ
ฉันเองก็เพิ่งจะสังเกตุเห็นเหมือนกันว่ามีคนอื่นยืนอยู่บนสะพานนี้ด้วย เขาเป็นเด็กผู้ชาย..ที่ใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนไรมงอยู่ เด็กผู้ชายคนนั้นหันกลับมามองนัตจังหลังจากที่โดนทัก ทำให้ฉันสามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
อ้าว...
นี่..โกเอนจิคุงไม่ใช่หรอ?
"หวัดดีครับ"โกเอนจิคุงตอบรับคำทักทายด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่ไร้ซึ่งความแปลกใจ เขาเบนสายตาเข้ามาในรถ ทำให้เราสองคนบังเอิญสบตากันพอดี ฉันส่งยิ้มให้เขาพร้อมกับโบกมือทักทายตามประสาคนรู้จัก...
"สวัสดีจ้ะ^^"
ถึงแม้เราจะเป็นคนรู้จักที่เพิ่งจะเคยคุยกันแค่ไม่กี่ประโยคก็ตาม...
"ทางกลับบ้านนายไปทางนี้แน่หรอ? ต้องขอโทษด้วยนะ..แต่ฉันไปสืบเรื่องของนายมาหมดแล้ว รวมถึงเรื่องของน้องสาวนายด้วย"นัตจังพูดเข้าประเด็นทันทีอย่างไม่รีรอ ประโยคที่เด็กคนนี้พูดออกมาทำเอาฉันที่กำลังโบกมืออยู่ถึงกับหยุดชะงัก รอยยิ้มทักทายตามมารยาทเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มแห้งๆ
น้องสาวของฉัน..พูดตรงเกินไปแล้ว...
แต่จะว่าไปแล้วในอนิเมะเองก็ดูเหมือนจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเหมืนกันนี่นะ..
ฉันลืมไปเกือบจะหมดแล้วนะเนี่ย...
โกเอนจิคุงไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาตัดสินใจที่จะตัดปัญหาด้วยการเดินหนีไปเฉยๆ แต่นัตจังก็ยังกัดไม่ปล่อย
"แล้วนายจะปล่อยเอาไว้แบบนี้น่ะหรอ? เพราะอยากจะเล่นกับพวกนั้นก็เลยตั้งใจเดินผ่านทางนี้ไม่ใช่รึไง?"
"อย่ามายุ่งกับฉัน"
"เลิกเล่นฟุตบอลแบบนี้แล้วจะชดใช้ให้น้องสาวได้หรอ รู้สึกว่านายจะเข้าใจอะไรผิดอยู่นะ คนที่อยากให้นายเล่นฟุตบอลมากที่สุดน่ะ..คือใครกันแน่หรอ?"นัตจังรัวคำถามใส่ฝ่ายตรงข้ามไม่ยั้ง ทำทีเป็นเมินฉันที่กำลังลูบแขนของเธอเบาๆเป็นเชิงบอกให้ใจเย็นลง
คือความจริงแล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะขัดนัตจังหรอกนะ เพราะสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ก็เป็นการช่วยชมรมฟุตบอลเหมือนกัน แต่ฉันคิดว่าสำหรับโกเอนจิคุงแล้วเรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นสิ่งที่กระทบจิตใจของเขาพอสมควร
เห็นได้จาก'สี'ของเขาที่เริ่มแปรปรวนหลังจากที่นัตจังเริ่มทสนทนาน่ะนะ...
เพราะฉะนั้นฉันก็เลย..อยากจะให้เธอพูดกับเขาด้วยคำพูดที่นุ่มนวลกว่านี้หน่อย...
โกเอนจิคุงหยุดนิ่งอยู่กับที่ ฉันที่นั่งมองอยู่แอบได้ยินเสียงพึมพำเบาๆของเขาที่กำลังพูดกับตัวเองด้วยท่าทางที่เหมือนคนที่เพิ่งนึกอะไรออก
"...ยู..กะ"
ยูกะ?
อ๋อ ชื่อน้องสาวของเขาสินะ
"ขอตัวก่อนนะ"นัตจังปิดกระจกรถลงมาก่อนที่จะหันไปบอกให้คุณคนขับออกรถอีกครั้ง ฉันมองการกระทำของคนข้างตัวพลางยกยิ้มอ่อนใจ นัตจังเนี่ยนะ..ทั้งที่ปากก็เอาแต่บอกว่าจะยุบชมรมฟุตบอลของพวกมาโมจังแท้ๆ แต่พอมาวันนี้กลับพูดจาเหมือนกับว่ากำลังช่วยเด็กๆพวกนั้นอยู่เลย
ความจริงแล้วก็คงจะเป็นห่วงพวกมาโมจังเหมือนกันสินะ
"คิก..."
"ข..ขำอะไรน่ะ!?"
"เปล่าสักหน่อย^^"
นัตจังเนี่ยเป็นเด็กที่ปากไม่ตรงกับใจจริงๆเลยนะ
น่ารักจัง~~
.
.
.
[ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงแล้วนะครับ! การแข่งขันระหว่างไรมงกับโอคารูโตะ หลังจากที่โรงเรียนไรมงของเราแสดงความกล้าโดยการแข่งกับเทย์โคคุทำให้มีผู้ชมมากมายหลั่งไหลกันเข้ามา วันนี้ไรมงอิเลฟเว่นจะให้พวกเราได้ชมการแข่งขันแบบไหนกันแน่!? โดยจะมีผม'คาคุมะ เคนตะ'จากชมรมหมากรุกเป็นผู้เบรรยายสดคร้าบบบบบ!]
เสียงคนพากย์คนเดิมที่เคยพากย์ในการแข่งขันครั้งที่แล้วดังขึ้นเรียกความสนใจของพวกเราทุกคน ฉันยกยิ้มมองสมาชิกแต่ละคนของชมรมฟุตบอลที่กำลังยืนเตรียมตัวกันอยู่ในสนามด้วยความตื้นตันใจลึกๆ
โกเอนจิคุงยอมเข้าชมรมฟุตบอลแล้ว...
"ฉันจะไปคุยกับเอนโด มาโมรุ แล้วก็จะกลับไปดูการแข่งที่ห้อง เธอจะไปด้วยกันไหม?"นัตจังที่ยืนอยู่ข้างๆหันมาถามความคิดเห็นของฉัน
ฉันกะพริบตาปริบๆก่อนจะโคลงศีรษะไปมาอย่างใช้ความคิด"อืม..ฉันอยากจะอยู่ดูการแข่งข้างสนามมากกว่าน่ะจ้ะ แต่ถ้านัตจังจะไปคุยกับมาโมจังล่ะก็ฉันจะไปด้วย^^"
นัตจังพยักหน้าน้อยๆแทนการตอบรับ พวกเราสองคนเดินลงไปในสนามขณะที่เด็กๆในชมรมฟุตบอลกำลังวอร์มร่างกายกันอยู่ ไม่ต้องยืนรอให้เสียเวลา..นัตจังพาฉันเดินตรงเข้าไปหามาโมจังที่เป็นกัปตันทีมทันที
มาโมจังที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นพวกเราสองคนรีบวิ่งเข้ามาทัก"ไง ถ้าเกิดว่าคราวนี้พวกเราชนะการแข่งจริงๆ ทางโรงเรียนจะจัดการเรื่องการแข่งฟุตบอลฟรอนเทียร์ให้แน่ๆใช่ไหม?"
"ก็..ตามสัญญาล่ะนะ"นัตจังตอบกลับ"แต่อย่าลืมล่ะว่าถ้าแพ้ก็จะต้องยุบชมรมน่ะ"
คนข้างตัวฉันยกยิ้มขึ้นอย่างถือตัวตามนิสัย พอพูดจบนัตจังก็หันหลังให้มาโมจังแล้วก็เดินออกไปทันที ฉันมองท่าทางของน้องสาวไม่แท้อย่างขบขันก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มให้มาโมจังเหมือนเช่นทุกครั้งที่ฉันมาดูการซ้อมของเขา
"อย่าใส่ใจเลยนะ นัตจังเขาเป็นเด็กปากแข็งน่ะจ้ะ"ฉันเริ่มบทสนทนา แอบชะโงกหน้าไปมองเด็กคนอื่นๆที่กำลังวอร์มร่างกายกันอยู่เล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง"ดูเหมือนว่าชมรมของเธอจะมีสมาชิกใหม่ที่พึ่งพาได้เพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วนะ ยินดีด้วยจ้ะ"
"อ่า..อื้ม!"มาโมจังตอบรับ”การแข่งครั้งนี้ พวกเราจะไม่มีทางแพ้เด็ดขาด!"
ฉันยิ้มกว้างอย่างพอใจในคำพูดของอีกฝ่ายก่อนจะโบกมือให้เล็กน้อยเป็นเชิงบอกลาและเดินออกมาจากสนาม ขณะนั้นเอง..หางตาของฉันก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูโรงเรียนไรมง
แหม..วันนี้เรามีแขกพิเศษมาดูการแข่งด้วยหรอเนี่ย?
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนอื่นคนไกลอะไร ฉันที่ตอนนี้กำลังว่างเพราะหาที่นั่งดีๆข้างสนามไม่ได้จึงตัดสินใจเดินเข้าไปทักทายพวกเขาทันที
"สวัสดีจ้ะ"
คนถูกทักทั้งสองหันกลับมามอง ดวงตาทั้งสองคู่ฉายแววแปลกใจเล็กน้อยแต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
"ถ้าจะมาสอดแนมล่ะก็อย่างน้อยก็น่าจะซ่อนตัวให้ดีๆหน่อยนะ"ฉันยกยิ้มขบขันมองคิโดคุงที่แอบสะดุ้งเล็กๆหลังจากที่ฉันพูดจบ ก็แหม..คำพูดประโยคเมื่อกี้นี้น่ะเป็นคำพูดที่เขาเคยพูดกับฉันตอนที่ยังไม่รู้ว่าฉันคือหลานของคุณลุงเรย์จินี่นา
แอบน่ารักเหมือนกันนี่นา..เด็กคนนี้...
"คิก.. ล้อเล่นจ้ะ ล้อเล่น วันนี้มาดูการแข่งใช่ไหมล่ะ ไม่เข้าไปดูข้างในหรอ? อย่างน้อยก็น่าจะเห็นชัดกว่าตรงนี้นะ"
"ถ้าเข้าไปใกล้กว่านี้มันจะเด่นน่ะ อยู่ตรงนี้แหละดีที่สุดแล้ว"คิโดคุงพูดตอบฉันด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งตามปกติของเขา ซึ่งฉันก็ไม่ได้ถือสาอะไร แต่ทันทีที่เขาพูดจบ..นักเรียนของเทย์โคคุอีกคนหนึ่ง(ที่ฉันยังไม่รู้จักชื่อ)ก็ทำตาโต แอบสะกิดให้คิโดคุงหันไปคุยด้วยก่อนที่จะยกมือป้องปากพลางพูดกระซิบว่า'นั่นหลายของท่านผู้บัญชาการนะเฮ้ย'ทันที
เอ่อ..อยากจะบอกว่าถ้าจะพูดถึงฉันในระยะเผาขนขนาดนี้ พวกเธอไม่ต้องกระซิบกันก็ได้นะ
ได้ยินหมดแล้วล่ะ..ฉันน่ะ...
"แล้ว..คนทางนี้คือ?"ฉันหันไปหาเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆคิโดคุงแล้วพูดเว้นช่วงเป็นเชิงบอกว่าฉันยังไม่รู้จักชื่อของอีกฝ่ายเพื่อให้เขาแนะนำตัว
คนถูกถามสะดุ้งนิดๆก่อนจะหันมาตอบ"'ซาคุมะ จิโร่'ครับ คุณหนู"
"คุณหนูอะไรกัน? ฉันเคยบอกไปแล้วนี่ว่าให้เรียกแค่ซาโยริเฉยๆน่ะ"ฉันว่าพลางส่งยิ้มบางๆไปให้อย่างพยายามจะผู้มิตรด้วยเพราะดูเหมือนว่าเขาจะยังรู้สึกเกร็งอยู่พอสมควร บางทีฉันก็แอบคิดนะ..ว่าความจริงแล้วคุณลุงเรย์จิเป็นโค้ชของชมรมฟุตบอลหรือว่าเป็นมาเฟียคุมถิ่นที่ชอบไถเงินเด็กกันแน่ ก็คุณลุงเขาดูมิอิทธิพลซะขนาดนั้น...
"แล้วก็ไม่ต้องใช้คำสุภาพด้วยนะ"
ดูเหมือนฉันจะต้องหาเวลาไปคุยกับคุณลุงแบบจริงๆจังๆอีกสักครั้งแล้วสิ...
"แล้วเธอไม่ไปนั่งดูการแข่งข้างสนามหรอ? ถึงได้มาอยู่กับพวกเราน่ะ"คิโดคุงถาม
"ไม่ล่ะจ้ะ..นั่งดูการแข่งคนเดียวตลอดมันรู้สึกเหงาๆน่ะ ฉันก็เลยคิดว่าจะมาขอยืนดูการแข่งอยู่กับทั้งสองคนนี่แหละ เผื่อว่าจะเป็นเพื่อนคุยกันได้"ฉันส่งยิ้มให้พวกเขาอีกครั้งหลังจากที่พูดจบ คิโดคุงหยุดมองหน้าฉันเล็กน้อยก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น
"เคยมีคนบอกไหมว่าเธอยิ้มเก่งเกินไป?"
"อืม..ก็มีหลายคนอยู่นะ"
ปรี๊ดดดดดดดดดด!
เสียงนกหวีดบอกเวลาเริ่มการแข่งขันดังขึ้นเรียกความสนใจของพวกเราทุกคนให้หันกลับไปมองที่สนาม ลูกฟุตบอลถูกเขี่ยเป็นการเปิดเกมทันที..โดยที่คนของโอคารูโตะเป็นฝ่ายเริ่มบุกก่อน พวกเขาวิ่งขึ้นมาถึงหน้าประตูของไรมงและรีบยิงลูกทำคะแนนทันที แต่ก็น่าเสียดาย..เพราะมาโมจังใช้ท่าหัตถ์เทวะรับลูกเอาไว้ได้สำเร็จ
ลูกบอลถูกส่งไปให้โซเมโอกะคุงก่อนที่เขาจะวิ่งสวนขึ้นไปที่ประตูของฝั่งตรงข้าม ซึ่งเขาก็สามารถวิ่งผ่านเด็กๆของทีมโอคารูโตะไปได้อย่างง่ายดาย
ในความคิดของฉัน..ดูเหมือนว่าเด็กๆของโอคารูโตะประมาทพวกเราเกินไป พวกเขาเอาแต่ตามประกบโกเอนจิคุงอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้เฝ้าระวังเด็กคนอื่นๆในทีมไรมงเลย
ฉันจะบอกอะไรดีๆให้เอามั้ย?
ตอนนี้เอสของไรมง..ไม่ได้มีแค่โกเอนจิคุงคนเดียวหรอกนะ...
ฉันยกยิ้มบางๆขึ้น มองการแข่งขันตรงหน้าอย่างรู้ทัน"...ได้แล้วหนึ่งลูก"
มังกรขย้ำ!
[เข้าไปแล้วคร้าบบบบบ! ลูกเตะไม้ตายของโซเมโอกะนำคะแนนมาให้ไรมงได้แล้ว!!]
พอได้คะแนนแรกมา สมาชิกคนอื่นๆในทีมก็เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น พวกมาโมจังเริ่มคลายความเครียดและความกดดันลง และแล้วลูกบอลก็ถูกส่งต่อมาเรื่อยๆจนถึงโซเมโอกะคุงอีกครั้ง เขาใช้ท่าไม้ตายของตัวเองทำประตูที่สองให้ทีมได้อย่างง่ายดาย
มันก็ดูง่าย---
ง่ายเกินไปรึเปล่านะ?...
ถึงเด็กๆของโอคารูโตะจะประมาทพวกมาโมจังมากจนทำให้เกิดช่องโหว่ก็เถอะ แต่หลังจากที่ถูกทำคะแนนนำไปได้ตั้งแต่ตอนเริ่มเกม..พวกเขาก็น่าจะเริ่มระวังตัวกันมากขึ้นสิ
การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป ฉันลอบมองโค้ชของทีมโอคารูโตะที่ตอนนี้เริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ ตอนนั้นเองที่ท่าทีของฝ่ายตรงข้ามเริ่มเปลี่ยนไป โค้ชของโอคารูโตะเริ่มพูด?... พึมพำ?... เอ่อ..หรือท่องคาถาอะไรสักอย่าง?
ก่อนที่การเล่นของพวกมาโมจังเองก็เริ่มแปลกไปด้วยเหมือนกัน
เดี๋ยว เกิดอะไรขึ้นน่ะ?
ฉันขมวดคิ้วมองการเล่นที่ไม่ประสีประสาราวกับเด็กเพิ่งหัดเล่นฟุตบอลของพวกมาโมจังอย่างไม่เข้าใจ บางคนวิ่งเข้าไปประกบคนในทีมของตัวเอง แล้วพอคนของโอคารูโตะวิ่งเข้ามาเพื่อที่จะทำประตู ทุกคนก็พากันยืนนิ่ง..ไม่มีใครวิ่งเข้าไปขวางเลยแม้แต่คนเดียว
...อย่าบอกนะว่าคนของโอคารูโตะกำลังเล่นของ+?
พวกมาโมจังเริ่มขัดแข้งขัดขากันเองแล้ว โซเมโอกะคุงพยายามที่จะทำประตูเพิ่ม..แต่ไม่ว่าจะยิงประตูยังไงก็ยิงไม่เข้าสักที ส่วนโกเอนจิคุงที่ถูกตามประกบมาตั้งแต่แรกเองก็ไม่ได้ทำคะแนนเลยตั้งแต่เริ่มเกม ไม่สิ..ความจริงต้องพูดว่าเขาแทบจะไม่ได้แตะบอลเลยด้วยซ้ำ
จนกระทั่งตอนนี้ ทีมโอคารูโตะก็ทำคะแนนนำไรมงไปได้ 3 คะแนนแล้ว
"ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ล่ะ..."ฉันพูดพึมพำเสียงเบา พยายามสอดส่องสายตามองหาสิ่งผิดปกติ
แต่แล้วหางตาของฉันก็เหลือบไปเห็นโค้ชของโอคารูโตะที่ยังคงพูดพึมพำอะไรสักอย่างไม่หยุด เท่าที่ฉันจับคำพูดได้(จากการอ่านปากของเขา) ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาพูดก็คือ'มาเร มาเร โทมาเร'สินะ
มาเร..มาเร..โทมาเร...
มาเร..มาเร...
โทมาเร...
止まれ(tomare)..ที่แปลว่า จงหยุด
พอคิดมาถึงตรงนี้ ฉันก็ขมวดคิ้วมากกว่าเดิม โค้ชของโอคารูโตะบอกว่จงหยุดก็จริง แต่ว่า...
"...แล้วทุกคนจะต้องหยุดตามด้วยหรอ?"
"มันเป็นการเล่นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ก็คล้ายๆกับการสะกดจิตนั่นแหละ"
ความคิดของฉันถูกหยุดเอาไว้ด้วยเสียงของคนข้างตัว ฉันหันกลับไปมองคิโดคุงที่เป็นคนเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกมาก่อนจะเอียงคอเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ แต่แล้วฉันก็ต้องหยุดชะงักอีกครั้ง
เล่นจิตวิทยา..สะกดจิต...
เด็กๆของโอคารูโตะเคลื่อนไหลแบบเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา..ทำให้พวกมาโมจังรู้สึกสับสน ในขณะเดียวกันโค้ชของพวกเขาเองก็พูดคำว่าจงหยุดออกมาเรื่อยๆ ประสาทสัมผัสทั้งสองอย่างที่ทำงานหนักในเวลาที่ใกล้เคียงกันทำให้การตอบสนองของทุกคนแปลกไป เป็นการสะกดจิตที่กระตุ้นการมองเห็นและบดบังการได้ยิน
"รู้แล้วหรอ?"คิโดคุงเอ่ยถาม ซึ่งฉันก็พยักหน้าเบาๆเป็นเชิงตอบรับ
สะกดจิต เป็นวิธีที่ซับซ้อนและคาดไม่ถึงเลยจริงๆ
ว่าแต่ใช้การสะกดจิตในการแข่งแบบนี้เขาไม่เรียกว่าโกงหรอ?...
คิโดคุงไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่ยกยิ้มเล็กๆก่อนที่จะหันกลับไปดูการแข่งของพวกมาโมจังอีกครั้ง ฉันไล่สายตามองการเคลื่อนไหวทุกคนก่อนที่จะหลุดยิ้มบางๆออกมาอย่างโล่งอก
ดูเหมือนมาโมจังเองก็รู้ตัวแล้วเหมือนกัน
หมัดเพลิงเลือดเดือด!
ลูกยิงไม้ตายของฝ่ายตรงข้ามถูกมาโมจังหยุดเอาไว้ได้ ลูกบอลถูกส่งไปให้โซเมโอกะคุงอีกครั้ง เขาดูลังเลเล็กน้อยที่จะยิงประตู แต่ตอนนั้นเอง..ดูเหมือนว่าโกเอนจิคุงจะตะโกนบอกอะไรสักอย่างกับเขา ทำให้โซเมโอกะคุงกลับมาตั้งตัวได้อีกครั้ง
โซเมโอกะคุงยิงท่าไม้ตายของตัวเองขึ้นฟ้าก่อนที่โกเอนจิคุงจะกระโดดขึ้นไปใช้ท่าไม้ตายของเขาซ้ำจนเกิดเป็นท่าไม้ตายประสานแบบใหม่
ฉันยกยิ้มดีใจพลางปรบมือเบาๆให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น สุดยอดเลย... ทั้งสองคนประสานจังหวะกันได้ด้วย ทั้งๆที่ฉันมั่นใจว่าพวกเขายังไม่เคยซ้อมท่าไม้ตายด้วยกันเลยแม้แต่ครั้งเดียวแท้ๆ
ก็โซเมโอกะคุงเขาแสดงออกว่าไม่ชอบโกเอนจิคุงซะขนาดนั้นนี่นะ...
[ด้วยลูกยิงของโกเอนจิและโซเมโอกะ ทำให้ไรมงสามารถทำประตูไปได้แลล้วคร้าบบบบบ! ตอนนี้คะแนนของทั้งสองโรงเรียนเสมอกันแล้ว!]
"ถ้างั้น.. ซาคุมะ พวกเราไปกันเถอะ"
"จะดีหรอ? ไม่อยู่ดูจนจบน่ะ"
"แค่นี้ก็รู้ผลแล้ว"
ฉันเบือนหน้ากลับไปมองคิโดคุงกับซาคุมะคุงที่กำลังจะเดินออกไปจากโรงเรียนทั้งๆที่การแข่งยังไม่จบ ตอนนั้นเองที่คิโดคุงหันกลับมามองหน้าฉันพร้อมรอยยิ้มตามแบบฉบับของเจ้าตัว
"ซาโยริเองก็คิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?"
!?
ฉันหยุดชะงักไปชั่วครู่เมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้า คิโดคุงไม่ได้เรียกฉันว่าคุณหนูตั้งแต่ตอนที่ฉันบอกว่าไม่ชอบให้เรียกแบบนั้นก็จริง แต่ระหว่างนั้นเขาก็มักจะเรียกฉันว่า'เธอ'ตลอด ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาจะเรียกฉันด้วยชื่อจริงเหมือนครั้งนี้
ฉันส่งยิ้มกว้างให้เขาแทนการตอบรับ ถูกเรียกด้วยชื่อจริงแบบนี้รู้สึกดีกว่าการถูกเรียกว่าคุณหนูตั้งเยอะ
แหม..พูดจาน่ารักๆก็เป็นนี่นา
ฉันโบกมือลาสองหนุ่มจากเทย์โคคุพร้อมรอยยิ้ม มองตามหลังของพวกเขาไปเล็กน้อยก่อนที่จะหันกลับมาดูการแข่งของพวกมาโมจังอีกครั้ง ซาคุมะคุงยังไม่ยอมเรียกชื่อของฉันเลย... แต่เอาเถอะ..เรื่องแบบนี้บางทีมันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปเนอะ
มังกรสลาตัน!
ปรี๊ดดดดดดดดดด!
[หมดเวลาการแข่งขันแล้วคร้าบบบบบ! คะแนนรวมของการแข่งคือ 4 ต่อ 3 โรงเรียนไรมงของเราสามารถตีตื้นขึ้นมาจนเอาชนะโรงเรียนโอคารูโตะไปได้แล้วคร้าบบบบบ!]
คนพากย์คนเดิมประกาศบอกผลสรุปของการแข่งขันก่อนที่เสียงเชียร์จากเด็กนักเรียนทุกคนจะดังขึ้นมาจากทั่วทุกสารทิศ ฉันยกยิ้มบางๆให้กับชัยชนะของเด็กๆในชมรมที่ฉันเอ็นดูก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในโรงเรียนเพื่อไปหานัตจังที่น่าจะกำลังรอฉันอยู่
ไรมงชนะการแข่งขันครั้งนี้..นั่นหมายความว่าเรื่องการยุบชมรมของนัตจังก็เป็นอันต้องถูกยกเลิก และพวกมาโมจังก็จะได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลฟรอนเทียร์อย่างเป็นทางการตามที่พวกเขาได้ตั้งความหวังเอาไว้ด้วยเช่นกัน
"แต่ไม่ว่ายังไง..นี่ก็เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น..."
หลังจากนี้พวกเขาจะต้องพบเจอกับอุปสรรคอีกมากมายเลยล่ะ
[Talk with writer]
มาลงตอนที่สี่ให้แล้วนะคะ
ตอนนี้ไรท์รู้สึกสงสารซาคุมะที่สุด อยู่ใกล้ๆกับนางเอกของเราแท้ๆแต่บทพูดน้อยมากกกกก(ถึงน้องจะพยายามชวนคุยแล้วก็เถอะ)//เป็นตัวละครเสริมที่มีความค่าตัวแพงค่ะ555
รีดเดอร์ที่รักต่อเรือของคิโดกันไปถึงไหนแล้วคะ? พ่อหนุ่มแว่นเริ่มเรียกชื่อจริงของซาโยริแล้วนะ~ ในภาคแรกๆนี้โมเมนต์ของน้องกับคิโดนก็จะเยอะหน่อยเพราะมีเรื่องของคาเงยาม่าเข้ามาเอี่ยวด้วย แต่ไรท์ก็จะพยายามเพิ่มบทของน้องกับว่าที่พระเอกคนอื่นๆให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้นะคะ
(ขอสารภาพ..ความจริงแล้วไรท์ยังไม่ได้กำหนดตัวพระเอกเลยค่ะ เพราะฉะนั้นถ้ารีดเดอร์มีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องพระเอกก็สามารถเข้ามาคอมเมนต์คุยกับไรท์ได้ทุกเมื่อเลยนะคะ ยินดีรับฟังทุกความคิดเห็นเลยค่ะ!)
ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ^0^
ปล. ถ้ารีดเดอร์คนไหนอ่านแล้วเจอคำผิดก็สามารถคอมเมนต์บอกไรท์ได้นะคะ จะรีบแก้ไขให้ในทันทีเลยค่ะ
*อย่าลืมคอมเมนต์และเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ*
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

76 ความคิดเห็น
-
#9 SirinunRaksawan (จากตอนที่ 5)วันที่ 3 พฤศจิกายน 2562 / 20:30คิโดคุงน่ารัก หลงเพนกวินน้อยแล้ววววว#91
-
#9-1 Secret__HERIONE(จากตอนที่ 5)4 พฤศจิกายน 2562 / 14:48ตอนนี้เรือคิโดยังมีที่นั่งเหลืออยู่นะคะ^^ ถ้าสนใจก็เชิญเลยค่ะ#9-1
-