คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ช่วงเวลาไม่นานแต่ก็สุขใจ
บทที่ 5
"ช่วงเวลาไม่นานแต่ก็สุขใจ"
ผมได้เจอกับผู้หญิงคนหนึ่งเธอชื่อ อุ้ม เธอคือเพื่อนห้องข้างๆของผม เธอเป็นถึงดาวโรงเรียนแค่คุยผมก็ยังไม่กล้าคุยเลยแต่ไม่รู้ผมเข้าไปคุยกับเธอได้ไงแล้วเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ ไปเดินเล่นก็เดินเล่นด้วยกันกลับบ้านก็ไปส่งที่BTS แล้วมีอยู่วันหนึ่งผมก็ซื้อตุ๊กตาตัวหนึ่งให้อุ้ม เราเล่นพ่อแม่ลูกกัน อุ้มเป็นพ่อ ผมเป็นแม่ ส่วนตุ๊กตาตัวนั้นพวกเราตั้งชื่อมันว่า อาโม่ะ ผมจำตุ๊กตาตัวนั้นได้ดีเพราะอุ้มกับผมผลัดกับดูแลคนละวันซึ่งตอนที่เราเล่นพ่อแม่ลูกกัน ผมรู้สึกชอบอุ้มขึ้นมาไม่รู้ทำไมเพราะความใกล้ชิดแหละมั้งและมีอยู่วันนึงไปทัศนศึกษาในระดับชั้นม.3 ผมได้เอามันไปด้วยและเราก็ผลัดกันดูแลในวันนั้นในตอนกลับจากทัศนศึกษาผมได้นอนกอดอาโม่ะไว้และหลับไปตื่นมาอีกทีเพื่อนก็ล้อกันแล้วผมก็เบลอๆไม่ได้พูดอะไร ผ่านมาวันที่ 10 ธันวา 2555 เวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง ผมได้ให้เพื่อนอุ้มไปถามอุ้มว่า “อุ้มคิดกับเบนซ์แบบไหน” อุ้มตอบเพื่อคนนั้นไปว่า “อืมชอบ” ผมก็รีบไปบอกชอบอุ้ม โดยที่ผมบอกอุ้มไปว่า “อุ้มคือเราชอบอุ้ม เราไม่รู้ว่าเราจะต้องทำตัวยังไง ถึงขั้นไหน อยากทำตัวแบบไหนก็ได้ แค่อยากรู้ว่าต้องทำแบบไหน” ระหว่างที่รอแต่ละคำตอบนั้นใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะพูดอะไรไม่ถูกผมได้แต่รอคำตอบแล้วเธอก็ตอบมาว่า “ของอย่างนี้มันแล้วแต่แกนะ เราก็ชอบแกแหละเราเคยบอกแกไปแล้ว แต่แกจะทำยังไงก็ได้ เราก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี” ผมก็เลยตอบเธอกลับไปว่า “อุ้มเป็นแฟนกันไหม” เธอหายไปประมาณ5นาทีซึ่งผมก็เริ่มท้อใจแต่สุดท้ายเธอกลับตอบว่า “อ่ะเฮื่อออออออออออออออออ -0-// เป็น 555555555555555”
วินาทีนั้นพอดีใจจนบ้านแทบระเบิดไม่อยู่สุขเดินยิ้มไปทั้งวันเหมือนกับคนบ้ากระโดดไปมาทำท่าดีใจดีใจมากจนทำให้ผมน้ำตาไหลเลย วันต่อมาผมได้ไปปาเป้ากับเพื่อนที่หน้าเซนจูรี่เพราะมันมีตุ๊กตาตัวนึงที่ผมอยากให้ผมปาเป้าได้ตุ๊กตาตัวนั้นมาและผมก็ได้เอาไปให้เธอวันต่อมาผมก็ได้อีกตัวผมก็เอาไปให้เธอและในวันที่ 13 ธันวา ผมเห็นความผิดปกติของอุ้มว่าทำไมอุ้มไม่คุยกับผมอุ้มเป็นอะไรตอนเช้าก็หายไปจากโรงอาหารตอนเที่ยงก็ไม่ลงมากินข้าวจนถึงคาบก่อนลูกเสือผมได้เห็นอุ้มรีบเดินจะไปเข้าเรียนลูกเสือเธอได้นั่งใกล้เพื่อนของผมชื่อว่ากุ๊ก ผมเห็นเขาคุยกันเหมือนไม่อยากให้ผมรู้และผมได้เห็นอุ้มน้ำตาคลอ ผมก็เลยถามอุ้มว่า “อุ้มเป็นไร” เธอตอบผมกลับมาว่า “เปล่า” ผมก็เซ้าซี้เธอถามว่า “เป็นไรเป็นไรเป็นไร” เธอตอบกลับมาว่า “เปล่าไม่เป็นไรไม่มีอะไร” คำพูดที่ได้ยินจากเธอนั้นทำผมใจเสียมากผมก็ได้แต่นึกว่าทำไมถ้าไม่มีอะไรจะน้ำตาคลอได้ไง และผมก็ปล่อยมันผ่านไปหลังจากที่วิชาลูกเสือผ่านไปเราต่างคนก็ต่างไปเรียนต่อที่ห้องของตนเองจนเลิกเรียนผมก็รอเธอซ้อมดรัมเมเยอร์จนเวลาประมาณ 6โมงครึ่ง เธอได้เดินมาหาผมและทำหน้าเศร้าๆพร้อมบอกมาว่า “เอสเรามาเป็นเพื่อนกันเถอะ” คำพูดนั้นทำให้ผมถึงกับจุกและพูดไม่ออกได้แต่ตอบกลับไปว่า “อุ้มทำไมหล่ะอุ้ม” แต่เธอก็เงียบไปและเดินออกจากโรงเรียนโดยที่ไม่แยแสผมเลยผมก็ได้แต่นั้งร้องไห้คร่ำครวญและผมก็ได้ไปโทรหาพี่ชายคนนึงเขาชื่อเต้ ผมได้โทรไประบายความในใจกับพี่เต้ตอนที่พึ่งโดนเลิกผมพูดทั้งๆร้องไห้ว่า “ทำไมอุ้มต้องเลิกกับผมวะผมทำอะไรผิด ผมไม่ดีพอหรอ ทำไมอุ้มถึงทิ้งไป ผมก็ทำให้ทุกอย่างก็เพื่ออุ้ม” พี่เต้เขาก็ตอบมาว่า “อื้ม เอสพี่เข้าใจ ผู้หญิงเขาไม่ได้มีคนเดียวในโลก” แต่ตอนนั้นยังไงผมก็ยังรักอุ้มเลยตอบกลับและตะโกนว่า “ผมรักอุ้มเข้าใจไหมพี่ผมรักอุ้ม” แล้วพี่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรผมก็ระบายความในใจกับพี่เขาไปอีกซักพักใหญ่ๆก่อนที่จะวาง ในวันนั้นผมได้เดินทางกลับบ้านกับเพื่อนอีกคนแต่ผมรู้สึกว่ามันหว้าเว่ราวกับไม่มีใครมาเดินกลับกับผมผมได้แต่เดินเหม่อนึกถึงตอนที่อุ้มบอกเลิกชนคนไปโดนที่ไม่ได้สนใจอะไรและเดินต่อไปเรื่อยๆโดยที่ไม่มีจุดหมายในวันนั้นผมนั้งรถเมย์ที่นั้งนั้นแทบไม่มีคนเหมือนผมนั้งอยู่คนเดียวผมได้นั้งร้องไห้บนรถเมย์นั้นจนถึงบ้านผมกลับไปผมก็โพสเฟสไปต่างๆนาๆว่าทำไมเธอถึงไม่รักกันเราทำอะไรผิดและวันจันทร์ผมจะเจอหน้าเธอจะมองหน้าเธอติดได้ไงเพราะผมก็เจอกันทุกวันทำไมต้องมาเป็นแบบนี้ด้วยผมก็ได้คุยกับเพื่อนของอุ้มว่า “อุ้มเป็นอะไร” เพื่อนของอุ้มก็ตอบกลับมาว่า “เราก็ไม่รู้เหมือนกันเห็นอุ้มร้องไห้ตั้งแต่เช้า” และในคืนนั้นหลังจากที่ผมคุยกับเพื่อนของอุ้มเสร็จผมก็นอนหลับและหลับทั้งน้ำตาต่อมาผมก็นอนร้องไห้ทั้งเสาร์และอาทิตย์เปิดเพลงเศร้าๆฟังก็ได้แต่นั้งจ้องหน้าคอมและเข้าไปดูเฟสเธอนั้งอ่านทุกข้อความที่ผมเคยพิมพ์กับเธอยิ่งดูแล้วยิ่งน้ำตาไหลทำให้ผมนึกถึงวันที่ผมขอเธอคบได้แต่จ้องหน้าเฟสเธอแล้วก็เผลอหลับไปจนมาถึงวันจันทร์วันกีฬาสีโรงเรียนผมได้เป็นตากล้องคนนึงที่ชอบเดินถ่ายไปทั้งโรงเรียนผมถ่ายไปถ่ายมาก็ได้เดินไปเจอกับขบวนพาเหรดผมรีบเดินเลาะผู้คนไปเพื่อที่จะถ่ายรูปเธอเพียงไม่กี่รูปซึ่งผมชอบมากแค่เธอยิ้ม หลังจากขบวนพาเหรดเสร็จสิ้นผมได้ไปเจอกับเธอผมก็เรียก “อุ้ม” เธอหันมาแล้วผมก็ได้ถ่ายรูปเธอมันเป็นภาพหลุดที่เธอดูสวยที่สุดเท่าที่ผมเคยถ่ายรูปมาผมชอบรูปนี้มากไม่ยากลบทิ้งไปไหนและรูปต่อมาเธอนั้นได้ดูกีฬาที่เขากำลังแข่งกันอยู่ผมก็บอกให้เธอยิ้มเธอก็ยิ้มให้ผมดีใจนะที่เธอยิ้มแต่ทำไมต้องยิ้มทั้งน้ำตาคลอผมก็ได้แต่ไม่เข้าใจ จนกีฬาสีผ่านไป ผมก็แทบไม่ได้คุยกับเธออีกเลยผมว่าความสัมพันธ์ตอนนี้มันน้อยกว่าเพื่อนแล้วหล่ะเธอคงคิดว่าผมเป็นแค่คนรู้จักของเธอแล้วหล่ะ จนมาก่อนวันปีใหม่ผมก็ได้ไปเที่ยวเซนทรัลเวิล์ดกับอุ้มโดยไปทั้งที่แผลใจยังไม่หายดีผมก็ไปเจอเธอที่พารากอนเธอดูไม่สนใจผมเลยเหมือนกับผมเป็นคนที่เธอไม่รู้จักยังไงยังงั้นเลยผมก็ได้แต่เดินตามแล้วก็ถ่ายรูปไปเรื่อยๆจนถึงหน้าเซนทรัลเวิล์ดผมได้ถ่ายรูปหลุดไว้ 4-5 รูป มันทำให้เธอโกรธมากและเธอก็บอกกับเพื่อนสนิทเธอว่า “กิ๊ฟกลับบ้านเถอะ” ผมได้แต่จับแขนรั้งเธอไว้แล้วบอกผมลบแล้วผมลบแล้วแต่เธอกลับปัดมือผมทิ้งและกลับบ้านไป จากวันนั้นผมก็ไม่กล้าพบและเจอหน้าเธออีกเลยจนตอนนี้เธอก็ได้ย้ายไปเรียนโรงเรียนหญิงล้วน เธอกลับมาเยี่ยมที่โรงเรียนบ้างเป็นบางครั้งบางคราวผมดีใจนะแต่ผมไม่กล้าเจอหน้าเธอได้แต่มองอยู่ห่างๆทั้งน้ำตาผมกล้าพูดตรงนี้ได้เลยว่าผมอยากให้เธอกลับมารักผมอีกครั้งผมได้แต่นั้งนึกว่าทำไมทำไมเราและเธอต้องจากกันไปทำไมเธอไม่รักเราแต่อย่างน้อย ช่วงเวลาเพียงแค่3วันก็ทำให้ผมสุขใจขอบคุณอุ้มที่ได้ผ่านมาและผ่านไปทำให้ชีวิตของผมดูมีสีสันขึ้นมากและผมก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่าทำไมทำไม?
ก็อยากให้อุ้มได้รู้เอาไว้ว่าเราสัญญากับตัวเองแล้วว่าเราจะไม่มีทางลืมความทรงจำในช่วงเวลานั้นเด็ดขาดไม่ว่าจะนานเท่าไรก็ตามถึงมันเป็นช่วงเวลาที่น้อยนิดแต่เราก็มีความสุขที่ได้อยู่กับอุ้มใกล้ชิดอุ้มถึงแม้ตอนจบระหว่างเรานั้นมันจะไม่สวยงามแต่ก็ไม่เป็นเรายังไงเราก็จะไม่ลืม” “
คำพูดที่อยู่ข้างบนนี้ผมได้พูดกับตัวเองหลังวันที่เลิกกับอุ้มประมาณ 1 เดือน
ความคิดเห็น