ตอนที่ 4 : พ่อแม่ลูกรักใคร่ผูกพัน
จวนจวิ้นอ๋องตั้งอยู่บนถนนสายหลักในเมืองหลวงของแคว้นเทียนจิ้น เนื่องจากผู้เป็นเจ้าของแต่แรกเริ่มคืออนุชาคนโปรดของหวงอี้หงฮ่องเต้ผู้ล่วงลับ ดังนั้นจึงได้รับการขีดแบ่งที่ดินมอบไร่นาและโฉนดให้มากมาย ขนาดจวนเรียกได้ว่าเป็นรองเพียงวังหลวงแห่งเดียวเท่านั้น แสดงให้เห็นถึงความโปรดปรานอันไม่มีที่สิ้นสุดขององค์ฮ่องเต้ เมื่อหวงเทียนหยางแต่งงานกับหลินจวินเจ๋อ จวนจวิ้นอ๋องจึงได้มีการสร้างและตกแต่งเพิ่ม อาณาเขตจวนถูกแบ่งเป็นฟากตะวันออกและตะวันตก
ฝั่งตะวันตกคือเขตรั้ววังส่วนพระองค์ของหวงเทียนหยาง ในขณะที่ฝั่งตะวันออกคือจวนแม่ทัพของหลินจวินเจ๋อที่ถูกผนวกรวมกับจวนจวิ้นอ๋อง เขตตะวันออกและตะวันตกถูกเชื่อมไว้ด้วยตำหนักกลางอันงดงามอลังการซึ่งเป็นที่พำนักของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหลิน แน่นอนว่าเป็นตำหนักที่หลินจวินเจ๋อเข้ามาเหยียบนับครั้งได้
สองคนใช้ชีวิตเสมือนไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ทั้งที่ขึ้นชื่อว่าอยู่บ้านเดียวกัน เรื่องนี้เหล่าชาวบ้านร้านตลาดต่างทราบกันทั่ว กลายเป็นที่ขบขันว่าจวิ้นอ๋องขนาดบากหน้าไปขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ก็ทำได้เพียงผูกแม่ทัพหลินไว้ไม่ให้แต่งกับหญิงใดเท่านั้น หาได้ใจอีกฝ่าย ความน่าสมเพชของจวิ้นอ๋องถูกยกระดับจากเรื่องขบขันในราชสำนักเป็นเรื่องตลกของคนในเมืองหลวง เหลืออีกนิดเดียวก็จะกลายเป็นเรื่องขบขันระดับแว่นแคว้นแล้ว
หึ ตลกจริงนะถ้าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง..
หวงเทียนหยางนั่งอยู่ในศาลาหงส์ ตรงหน้าคือบัญชีค่าใช้จ่ายประจำวันของบ่าวไพร่ในฝั่งตะวันออก เบื้องหน้ายังมีร่างของพ่อบ้านหลิว คนที่คอยดูแลจัดการเรื่องราวต่างๆของจวนแม่ทัพ มองรายละเอียดรายรับรายจ่ายซึ่งตกเดือนละเกือบพันตำลึงแล้วยื่นทั้งหมดนั่นไปให้อีกฝ่ายถือไว้ด้วยรอยยิ้ม ข้ากล่าวอย่างสง่างามที่สุด หมดจดเป็นที่สุดว่านับจากนี้ ค่าใช้จ่ายประจำเดือนของจวนแม่ทัพก็ต้องไปเบิกที่ท่านแม่ทัพโดยไม่สนใจดวงตาเบิกกว้างของอีกฝ่าย
ตอนนี้ใกล้สิ้นเดือนแล้วกระมัง เงินเดือนแม่ทัพของหลินจวินเจ๋อตกเดือนละหนึ่งพันห้าร้อยตำลึงแถมด้วยข้าวเปลือกข้าวสารอีกต่างหาก ถ้าจัดการดีๆก็คงอยู่กันได้อยู่หรอก ข้าไม่รู้ว่าเงินเดือนที่แล้วๆมาหลินจวินเจ๋อเอาไปเก็บไว้ที่ไหน ถ้าไม่ใช้ไปกับการเข้าเหลาสุราเมานารีอีกฝ่ายน่าจะมีเงินเก็บอยู่สักนิดสักหน่อย พอดำรงชีพอยู่ได้ไม่อายใคร ส่วนจะพอแต่งเมียหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องของข้า จากนี้จะมีปัญหาเรอะ ก็ไม่ใช่เรื่องของข้าเหมือนกัน บอกว่าจะรอดูว่าข้าจะทำอะไรได้แค่ไหน ก็ทำให้เห็นชัดเจนแล้วนะสามีที่รัก
ที่จริงหวงเทียนหยางรู้ดีเชียวว่าปัญหาของจวนแม่ทัพอยู่ตรงไหน ไม่ใช่หลินจวินเจ๋อมีรายได้น้อย เงินเดือนของเขายังมากกว่าเจ้ากรมต่างๆถึงสองเท่า ไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเอาแต่สำมะเลเทเมาและยิ่งไม่ใช่เพราะจวนแม่ทัพเลี้ยงคนมากเกินตัว แต่เป็นเพราะหลินจวินเจ๋อไม่มีผู้ช่วยคอยบริหารเม็ดเงินที่ได้ให้งอกเงย คนเป็นแม่ทัพรู้จักแต่รบทัพจับศึกมีหรือจะถนัดเรื่องการค้าขายบริหารกิจการ เพราะแบบนี้ถึงต้องแต่งฮูหยินเข้ามาดูแลบ้านอย่างไรเล่า สามีหาเงินเข้าบ้าน ภรรยานำเงินไปแบ่งสรรปันส่วนลงทุนเปิดร้านหารายได้เข้ากระเป๋าเก็บไว้เป็นทุนรอนให้ลูกหลาน หลินจวินเจ๋อไม่ได้มาจากตระกูลสูง เขาเป็นแม่ทัพที่ไต่เต้าจากการเป็นทหารราบคนหนึ่ง แน่นอนว่าไม่มีความรู้เรื่องเงินๆทองๆ อยู่รับราชการไปวันๆรู้ตัวอีกทีนอกจากเงินใช้เป็นเดือนๆแล้วคงแทบไม่เหลือเก็บ
ลองพิจารณาจากความเป็นจริง จวิ้นอ๋องถือเป็นคู่คิดที่ดีทีเดียวหากอีกฝ่ายจะลองเปิดใจสักนิด วังจวิ้นอ๋องยืนหยัดได้ถึงทุกวันนี้ไม่ใช่แค่เพียงเพราะความเมตตาที่ได้รับมากกว่าคนอื่น แต่เป็นเพราะสายตากว้างไกลของผู้นำตระกูล หวงฉีหงท่านพ่อของหวงเทียนหยางนั้นนับว่าเป็นท่านอ๋องที่เก่งกาจมากความสามารถ ทราบดีว่าสิ่งที่มีอำนาจมากที่สุดไม่ใช่กำลังทหารแต่เป็นเม็ดเงิน จวิ้นอ๋องคนก่อนคบค้าสมาคมกับพวกพ่อค้า สร้างความสัมพันธ์กับฝ่ายต่างๆ ยามที่เปิดร้านรวงค้าขายจึงเจริญรุ่งเรืองยิ่งนัก กิจการของวังจวิ้นอ๋องมีมากมายนักซ้ำกระจายตัวอยู่ทั่วแคว้นเป็นผลดีส่งมาถึงลูกหลาน หวงเทียนหยางเองก็ไม่ใช่คุณชายเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ วันๆวิ่งตามผู้ชายไม่ทำการทำงานแต่เป็นพ่อค้าที่เก่งกาจหัวไว ดังนั้นภูเขาเงินทองของวังจวิ้นอ๋องจึงยิ่งมากขึ้นไม่มีลด
ถ้าหากหลินจวินเจ๋อลองเบิกตาให้กว้างขึ้นสักนิด มองอะไรรอบคอบอีกสักหน่อย แค่ลองเป็นพันธมิตรด้านการค้า ขอคำปรึกษาจากจวิ้นอ๋อง มีหรือคนงามจะไม่ช่วยเหลือ หรือแค่โยนเงินมาสักสี่ห้าร้อยตำลึงขอลงทุนในร้านค้าบ้างก็ยังดี ชั่วเวลาหนึ่งปีข้าเชื่อได้เลยว่ามันสามารถกลายเป็นหมื่นๆตำลึงจากการบริหารของจวิ้นอ๋อง ถ้าเป็นแบบนั้นหวงเทียนหยางคงจะไม่ใจไม้ไส้ระกำตัดท่อน้ำเลี้ยงจวนแม่ทัพจนเหี้ยนแบบนี้ เสียแต่ท่านแม่ทัพแดนใต้วันๆในหัวคงมีแต่เรื่องศึกสงครามกับพยายามแต่งเมียน้อยเข้าบ้าน เรื่องจะมีทรัพย์สมบัติงอกเงยคงเป็นได้แค่ฝัน
ข้าหัวเราะเฮอะๆในใจพลางโยนขนมลงไปในบ่อปลาที่เลี้ยงปลาคาร์ฟสีสันสดใสไว้จนเต็ม คิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าอีกไม่นานหลังจากนี้ชาวบ้านร้านตลาดคงมีเรืองขบขันของจวนจวิ้นอ๋องเรื่องใหม่คุยกันสนุกปาก เช่นว่าเรื่องแม่ทัพหลินถูกตัดหางทิ้งแล้ว หรือให้สนุกมากขึ้นก็ควรเป็นเรื่องของคุณหนูสกุลจ้าวผู้ยอมแต่งเข้าจวนจวิ้นอ๋องในฐานะอนุภรรยา สุดท้ายพอพบว่าแม่ทัพหลินมีแต่ตัวเลยเลิกรากันไป
รอยยิ้มของคนงามที่สะท้อนอยู่ในน้ำตอนนี้ดูน่ากลัวแต่ข้าไม่สนใจ คนจะงามอย่างไรก็งามอยู่วันยังค่ำ ขนาดมองเห็นในเงาสะท้อนที่ไม่ชัดเจนดีนักยังงามจนข้าแทบโงหัวไม่ขึ้น แต่ก่อนที่ข้าจะมองเงาตัวเองจนกลายเป็นดอกไม้แบบนาร์ซิสซัส ก็ยังต้องนึกถึงปัญหาที่ตัวเองอาจจะเจอไปด้วย ตามประสาคนใจร้อนที่ทำเป็นแต่พุ่งชนเจ้าลูกเต่านั่นต้องตรงมาอาละวาดใส่เมื่อรู้ข่าวเป็นแน่ ให้มารบรากับเขาอีกครั้งออกจะน่ารำคาญใจไม่น้อย..
ตุบ..
“เอ๊ะ! ใคร?” ข้าถามออกไปเสียงขุ่น กำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างกลมๆก็พุ่งเข้าชนอย่างรุนแรงเสียจนแทบหงายหลัง ข้าไม่รู้เลยว่าในวังอ๋องนี่จะมีคนกล้าทำตัวแบบนี้กับหวงเทียนหยาง แล้วอะไรบางอย่างที่มาเกาะเอวเกาะแขนขาไม่เลิกนี่เมื่อไหร่จะปล่อยกัน ข้าเพิ่งทานมือเช้ามาเองนะ อย่ารัดแน่นมากได้ไหม คลื่นไส้ชิบ
“ท่านอ๋อง”
นี่ก็เป็นกวางน้อยอีกตัว
ข้ายืนสบตาใสๆของลูกกวางวัยประมาณสิบขวบที่น่ารักน่าชังกำลังดีเบื้องหน้า เด็กน้อยแก้มกลมในชุดสำหรับฝึกยุทธ์สีน้ำเงินสูงประมาณเอวได้กำลังเกาะเอวข้าไว้มั่น ดวงตาใสซื่อและแววตารักใคร่ที่มองมาอย่างซื่อสัตย์นั้นน่าเอ็นดูเสียจนต้องอมยิ้ม เด็กน้อยวัยขบเผาะยังกินไม่ได้แต่เชื่อได้เลยว่าอีกสิบปีต้องโตไปเป็นหนุ่มหล่อยั่วน้ำลาย รัดตัวข้าแน่นอย่างรักใคร่ไม่ไยดีเสียงบ่นโหวกเหวกโวยวายขององครักษ์และเสี่ยวเฉียวที่ปรี่มาหา ข้านิ่งคิดไม่นานก็จำได้ว่าเด็กน้อยคนนี้คือใคร ที่แท้ก็ลูกกวางหน้าตาดีแต่กินไม่ได้คือ 'ลูกชาย' ของหวงเทียนหยางและหลินจวินเจ๋อ
“เส้าไป๋เรียกท่านอ๋องอีกแล้ว ให้เรียกท่านพ่อไม่จำเอาเสียเลย”
คนงามหนอคนงาม นอกจากชอบทำตัวเป็นลูกสะใภ้โดนกดขี่แล้วยังชอบเล่นพ่อแม่ลูกแบบเด็กๆเสียอีก แม้ในใจจะเหนื่อยปนละเหี่ยกับรสนิยมแต่ละอย่างของหวงเทียนหยาง แต่รักคนงามเข้าแล้วจะทำอย่างไรได้นอกจากใช้ชีวิตต่อ ข้ายิ้มหวานๆ มองสบตาเด็กน้อยแก้มกลมเบื้องหน้า ยังไม่ทันบ่นความคิดบางอย่างก็แล่นวาบ ข้ายิ้มหวานหยดย้อย สบตาคู่ใสๆที่มองตรงมา รู้แล้วว่าจะเอาอะไรมาเป็นไม้กันหมาบ้าหลินจวินเจ๋อดี
ในหัวมีความทรงจำของร่างนี้วาบผ่าน เส้าไป๋ คือเด็กน้อยที่จวิ้นอ๋องรับเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมเมื่อครั้งไปเยือนเมืองหานเฟิงเมื่อสี่ปีก่อน เด็กกำพร้าลูกทหารที่บิดาสิ้นชีพในสนามรบถูกหลินจวินเจ๋อซึ่งยามนั้นมีตำแหน่งเป็นแค่นายกองพามาขอความช่วยเหลือจากจวิ้นอ๋อง เมื่อหวงเทียนหยางรับปากดูแลเด็กๆนำไปอุปการะ เส้าไป๋และเด็กน้อยอีกจำนวนหนึ่งถูกพาตัวมาเมืองหลวงหลังจากนั้น
ด้วยสาเหตุนี้การละเล่นพ่อแม่ลูกอย่างพิศดารของหวงเทียนหยางจึงบังเกิด คนงามรับเอาเด็กกำพร้าลูกทหารจากค่ายของหลินจวินเจ๋อมาดูแลอย่างไม่รังเกียจและไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ จนถึงตอนนี้จวนจวิ้นอ๋องมีเด็กกำพร้าลูกนายทหารในการดูแลนับร้อยคนได้แล้ว ทั้งหมดถูกเลี้ยงดูในจวนฝั่งตะวันออก อบรมให้การศึกษาและฝึกการต่อสู้เป็นอย่างดี เพื่อหวังให้เป็นกำลังของแว่นแคว้นในอนาคต ซ้ำยังหวงเทียนหยางยังใจดีพอจะรับเอาเด็กหลายคนเป็นบุตรบุญธรรม บอกให้อีกฝ่ายเรียกขานเป็นท่านพ่อเสียด้วย
แม้หลินจวินเจ๋อจะเป็นไอ้ลูกเต่าที่ทำตัวน่าหงุดหงิด แต่หวงเทียนหยางก็ปฏิเสธความดีเรื่องนี้ของอีกฝ่ายไม่ได้ เพราะเหตุนี้ด้วยกระมังจวิ้นอ๋องคนงามถึงได้หลงรักอีกฝ่ายหัวปักหัวปำ เอาแต่คิดว่าหลินจวินเจ๋อช่างเป็นคนดีแสนดี เป็นวีรบุรุษที่นอกจากรบเพื่อบ้านเมืองแล้วยังมีน้ำใจเผื่อแผ่ถึงทหารใต้บังคับบัญชา ไม่ได้มองเล้ย ว่าตัวเองถูกเขาปฏิบัติด้วยยังไง
“ท่านอ๋องคือท่านอ๋อง เส้าไป๋ไม่กล้า”
คิดๆไปก็เผลอนึกถึงสามีไม่รักดีนั่นอีกแล้ว ตาแป๋วๆของเด็กน้อยที่บอกว่าไม่กล้าน่าหมั่นเขี้ยวนัก ข้าหันมาสนใจเขาแล้วเอื้อมมือไปขย้ำแก้มขาวเบาๆโอบไหล่ลูกชายบุญธรรมของตัวเองพาเดินขึ้นไปที่ศาลาหงส์ จับเขามานั่งตักและหยิบยื่นขนมนมเนยไปให้ เตรียมพูดคุยยืดยาวกับเจ้าตัวน้อยรอคอยหมาบ้าหลินจวินเจ๋อ เส้าไป๋ดูท่าทางคุ้นเคยกับจวิ้นอ๋องพอสมควรเลยทีเดียว ในความทรงจำของข้าเขาเป็นคนกล้า เป็นพี่ใหญ่ของน้องๆทั้งหลาย อีกทั้งเป็นเด็กดียิ่งนัก ทั้งหวงเทียนหยางและหลินจวินเจ๋อต่างรักและเอ็นดูเด็กชาย ดังนั้นต่อหน้าเส้าไป๋เลยพอจะเล่นบทละครครอบครัวสุขสันต์ได้บ้าง
เพราะเส้าไป๋ทำให้หลินจวินเจ๋อทำตัวอ่อนโยนกว่าปกติ ไม่เอะอะหน้ารังเกียจน่าขยะแขยง หวงเทียนหยางจึงชอบจะใกล้ชิดเด็กชายเป็นพิเศษ ว่างๆเป็นเรียกหา และอนุญาตให้เส้าไป๋มาหาได้ตามสะดวก แม้มีโอกาสเพียงหนึ่งในสิบที่ปะเหมาะเคราะห์ดีพบหลินจวินเจ๋ออยู่ด้วยก็ถือว่าดีมากแล้ว เห็นความพยายามของหวงเทียนหยางแล้วข้าก็ได้แต่ส่ายหน้าไว้อาลัย คนที่เก่งทุกเรื่องแต่โง่ เอ๊ย ไม่ถนัดเรื่องความรักมันคือแบบนี้นี่เอง
“เส้าไป๋ไม่เรียกท่านพ่อเช่นนี้ น่าเสียใจยิ่งนัก” เพราะเด็กน้อยน่าเอ็นดูและมีท่าทีจะน่ากินมากในอนาคตข้าเลยอดหยอกเล่นไม่ได้ ดังนั้นจึงทำหน้าเศร้าพลางจ้องมองอีกฝ่าย มารยาชายวัยยี่สิบแปดไหนเลยเด็กสิบขวบจะตามทัน ดังนั้นไม่ถึงอึดใจกวางน้อยเส้าไป๋จึงทำท่าเงอะงะ ทำตัวไม่ถูก
“ท่านอ๋อง..อ๊ะ ท่านพ่อ เส้าไป๋ขออภัย ท่านพ่ออย่าทำหน้าเศร้าเลยนะขอรับ”
“พ่อแค่อยากให้เส้าเอ๋อร์เรียกท่านพ่อให้ชื่นใจ”
“ท่านพ่อ เส้าไป๋เรียกท่านพ่อว่าท่านพ่อแล้ว ท่านพ่อโปรดอย่าเศร้าอีกเลย”
เหมือนกลัวข้าจะได้ยินไม่มากพอเด็กน้อยผู้นี้จึงเรียกท่านพ่อไม่ขาดปาก ข้าฟังแล้วยิ้มจนแก้มปริ แม้จะรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างที่ถูกเด็กสิบขวบเรียกว่าพ่อ แต่ก็ดีกว่าโดนเรียกว่าลุงเป็นไหนๆ กวางน้อยตัวนี้พอเติบโตแล้วต้องออกมาเป็นหนุ่มหล่อหน้าตาดีเป็นแน่ ข้าต้องตั้งใจเลี้ยงเขาให้ดีไม่โง่เหมือนหลินจวินเจ๋อ มิฉะนั้นชีวิตอาจฉิบหาย
“บิดาไม่เศร้าแล้ว เส้าไป๋ร่ำเรียนเป็นอย่างไรบ้าง เล่าให้ท่านพ่อฟังหน่อยได้หรือไม่”
“ขอรับ ท่านพ่อ” เส้าไป๋รับคำพลางมองมาที่ข้าด้วยดวงตาอันใสซื่อเปี่ยมด้วยความรักและเทิดทูน “ตอนเช้าเส้าไป๋ออกไปวิ่งร่วมกับพี่น้องในค่าย จากนั้นจึงกลับมารับประทานอาหาร เสร็จแล้วฝึกรำดาบกับท่านอาจารย์ จากนั้นไปเรียนเขียนพู่กันแล้วก็..ฯลฯ”
เสียงใสขานแจ้วๆไม่ขาดปาก มือน้อยยกขึ้นนับกิจกรรมที่ตัวเองทำไปด้วยอย่างจริงจังยิ่งนัก ความบริสุทธ์ของเด็กน้อยเป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ เมื่อได้มองเห็นแววตาเช่นนี้ ข้าก็พอเข้าใจอยู่บ้างว่าทำไมจวิ้นอ๋องถึงได้รักและเอ็นดูเส้าไป๋นักหนา แววตานี้ที่เต็มไปด้วยความจริงใจเช่นนี้ช่างเป็นของหายากสำหรับเขายิ่งนัก นอกจากเหล่าไท่ เสี่ยวเฉียว บ่าวไพร่และลูกน้องในจวน นอกจากนั้นดูเหมือนจะหาไม่พบ..
คนจริงใจ..สำหรับหวงเทียนหยางที่มีพร้อมทั้งเงินและอำนาจแล้วสิ่งที่หาได้ยากสุดคงเป็นความจริงใจนี้ ทุกวันจวิ้นอ๋องพบแต่คนประจบสอพลอหน้าไหว้หลังหลอกจนชิน ไม่แปลกหรอกหากได้เจอคนจริงใจต่อตนเองแล้วจะอยากเก็บรักษาไว้ข้างกาย กระทั่งแววตาเกลียดขี้หน้าอย่างจริงใจของหลินจวินเจ๋อก็ยังถูกนับรวมไปด้วย
“จวิ้นอ๋อง”
เรียกหาโจโฉ โจโฉก็มา ขนาดนินทาในใจหลินจวินเจ๋อก็ยังมาถึงอย่างฉับไวเป็นอย่างยิ่ง ไม่สิ..นี่ต้องบอกว่าการข่าวของเขาถือว่าไม่เลว ถูกข้าตัดหางปล่อยวัดถีบหัวส่งไม่ถึงสองชั่วยามก็ปรากฏตัว ข้านับเวลาแล้วนี่ก็เป็นยามเที่ยง ฮ่องเต้เลิกว่าราชการพอดี คงมีคนสนิทรอแจ้งข่าวทันทีที่ออกมาจากท้องพระโรงกระมัง นับได้ว่ารวดเร็วมีประสิทธิภาพ แต่อาศัยอยู่จวนเดียวกันมานับปี มีครั้งนี้ล่ะเพิ่งพบหน้าสามีเกินวันละรอบ น่าปลื้มใจจนน้ำตาไหลขึ้นหน้าผากนัก
“ท่านพี่” ข้าทำสีหน้าประหลาดใจอย่างแนบเนียน ผลิรอยยิ้มหวานเต็มใบหน้าพลางขยับตัวอย่างรวดเร็ว เอาเส้าไป๋ที่นั่งอยู่ข้างกายให้เขาเห็นแผ่นหลังไวๆดั่งเป็นยันต์กันผีชั้นเลิศ แม้เขาจะว่องไวแค่ไหน คิดอ้าปากด่าข้าสุดใจก็ทำไม่ลงต่อหน้าเด็กตาดำๆหรอก หึ ข้ารู้นิสัยใจอ่อนกับเด็กและสตรีของท่านแม่ทัพเบื้องหน้าดีเลยทีเดียว แค่เห็นใบหน้าด้านข้างของเส้าไป๋ สีหน้าปานถูกยักษ์มารสิงร่างของหลินจวินเจ๋อต้องชะงัก เจ้าตัวถลึงตาใส่ข้าอย่างดุร้ายครั้งหนึ่ง จากนั้นก็สะบัดหน้ามองไปยังสวนดอกท้อด้านขวามือ กำหมัดไพล่หลังบีบเข้าๆออกๆพยายามสงบสติอารมณ์ ดูไปก็น่าขำ
“ท่านพ่อ กลับมาแล้วหรือ” ไม่ต้องรอให้ข้าสั่งการ เส้าไป๋ก็ผุดลุกขึ้นแล้วร้องตะโกนเรียกหลินจวินเจ๋ออย่างรวดเร็ว ท่าทีดีใจปานคลุ้มคลั่งของเจ้าตัวน้อยทำให้ข้านึกถึงสุนัขพันธ์หนึ่งขึ้นมา เหมือนหมาปัญญาอ่อนไซบีเรียนฮัสกี้ชะมัด
“เส้าไป๋”
หลินจวินเจ๋อสีหน้ามืดครึ้ม เดินเข้ามาในศาลาด้วยท่าทีพยายามข่มความโกรธ คนกระแทกตัวลงบนโต๊ะฝั่งตรงข้ามเหมือนกลัวข้าไม่รู้ว่าตัวเองไม่พอใจ ส่งสีหน้าประหนึ่งจะฆ่าคนมาอย่างข่มขู่ แต่ข้ารู้ดีว่าเขาทำได้แค่ขู่มีรึจะกลัว คนๆนี้อย่างน้อยก็สำนึกเรื่องบุญคุณสูงท่วมหัวของจวิ้นอ๋องอยู่ ที่ผ่านมาจึงไม่กล้าพูดหรือทำอะไรรุนแรง ข้าจึงยิ้มหวานตาใสไม่รู้ไม่ชี้ หยิบเอาเส้าไป๋ที่วันนี้ช่างมาเยือนได้ถูกจังหวะนักเป็นเกราะคุ้มภัย ในใจเบิกบานเป็นที่สุด
“ท่านพ่อเป็นอันใด มีใครรังแกท่านหรือ ให้เส้าไป๋ไปจัดการดีหรือไม่?” เพราะอีกฝ่ายทำหน้าเหมือนตูดเกินไปเด็กน้อยจึงเอ่ยปากถาม ข้ายิ้มหวานมองหลินจวินเจ๋อ สีหน้าเหมือนกำลังบอกจะฟ้องเด็กก็ได้นะท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่
“ท่านพ่อหลินไม่เป็นอันใดหรอกเส้าเอ๋อร์ ท่านพ่อของเจ้าเพียงแต่โมโหหิว ตอนนี้ยามเที่ยงแล้วยังไม่ได้รับประทานอะไร เส้าไป๋หิวข้าวหรือไม่ จะได้นั่งทานด้วยกัน”
“หิวขอรับท่านพ่อ”
“เด็กดี”
หลินจวินเจ๋อนั่งนิ่งราวกับหินผา ทำได้เพียงถลึงตามองชายที่มีศักดิ์เป็นทั้งอ๋องและภรรยาของตนเบื้องหน้า หวงเทียนหยางยิ้มละไมมือกวักเรียกข้ารับใช้มาจัดการตั้งโต๊ะอย่างไม่สะดุ้งสะเทือนในท่าทีของตน วันนี้ร่างของจวิ้นอ๋องสวมเสื้อคลุมสีดำตัดแดงดูแปลกตากว่าทุกครั้งทว่าก็เสริมบุคลิกให้องอาจผ่าเผยมีกลิ่นอายของบุรุษเพศ แม้วงหน้าจะงามล้ำแต่ก็มิอาจมองได้ว่าเป็นสตรี คนที่เคยมีแต่แววตาเศร้าสร้อยวอนขอยามนี้กลับทำเพียงยิ้มระรื่นผ่องใส มองแล้วแม่ทัพแดนใต้รู้สึกคันยิบๆในใจ ปรารถนาจะเอาคืนอีกฝ่ายพอๆกับกระชากหน้ากากยิ้มแย้มนั่นออกมานัก!
“ท่านพี่ เชิญชิม จานนี้เป็นเนื้อเป็ดสับราดเห็ดหอมของโปรดของท่าน” รสชาติความรู้สึกของการถูกอีกฝ่ายกำไว้ในมือเป็นแบบนี้นี่เอง หลินจวินเจ๋อข่มโทสะล้นอกข่มกลั้นความโกรธอย่างยากเย็น แม่ทัพแดนใต้มองดวงตาดำขลับสุกใสที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ปากเรียกท่านพี่ๆไม่มีหยาบคายสักคำ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกหมดสิ้นหนทางขนาดนี้
“ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า” ด้วยศักดิ์ศรีของแม่ทัพใหญ่ค้ำคอ หลินจวินเจ๋อจะไม่ยอมให้ถูกปั่นหัวเล่นต่อ ร่างสูงใหญ่กอดอกเคร่งขรึมปานแท่นศิลา หมางเมินมื้ออาหารเลิศรสที่อีกฝ่ายเสนอให้อย่างไม่ไยดี
“ข้าเองก็เช่นกัน แต่ท่านพี่ทานข้าวก่อนดีหรือไม่ เส้าไป๋ เองก็รอท่านพ่ออยู่” ข้ามองท่านแม่ทัพตรงหน้าที่ทำขรึมไม่ยอมกินแล้วยกเอาลูกชายมาอ้างอย่างถนัดปาก ดวงตาคมวาวลุกโชนด้วยไฟโทสะคู่นั้นมองมา ข้าก็ทำเพียงยิ้มระรื่นกลับไป ข้างตัวมีกวางน้อยเส้าไป๋ที่กำลังถือถ้วยน้ำลายหยดอยู่เป็นปราการชั้นดี
“อาหารยังไม่ยกไปไหน เรื่องสำคัญมีหรือจะรอไม่ได้” หลินจวินเจ๋อตอบเสียงสะบัด ท่าทางไม่ยอมแพ้ “ข้าต้องการคุยกับเจ้า สองคน ตอนนี้!”
“ท่านพี่ ไฉนจึงรีบร้อนปานนี้ ยังไม่ทันได้กินข้าว ก็อยากกิน..” เมื่อเจ้าโง่นี่ยังจะดึงดัน ข้าก็ลากเสียง ตวัดสายตาไปจ้องตรงหว่างขาอีกฝ่ายอย่างกระมิดกระเมี้ยนแต่กวนประสาทอยู่ในที “หรือต้องทนมาตั้งแต่เช้า โถ น่าสงสารยิ่งนัก”
“เจ้า!!”
เฮอะ คนแพ้ก็ทำได้แต่ร้องออกมาแบบนั้น ข้ายิ้มกริ่มมองเขาอย่างไม่รู้สึกรู้สา รู้ดีเชียวว่าจะกระตุกต่อมโมโหบรรดาชายแท้ที่รังเกียจเก้งกวางอย่างกับอะไรได้ยังไง คนประเภทนี้ยิ่งโดนเล่นมุกใต้สะดือเท่าไหรก็ยิ่งไปไม่เป็นเท่านั้น ดูหลินจวินเจ๋อที่ได้แต่กัดฟักรอดๆเพราะโดนแหย่เรื่องหนอนน้อยเคารพธงชาติเมื่อเช้าสิถึงกับพูดไม่ออก ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะออกไปโดยไม่คิดถึงผิวขาวๆหน้าสวยๆของหวงเทียนหยาง โดนคนงามสะท้านโลกาล่อลวงขนาดนี้จะไม่หลงได้ยังไง ขนาดข้ามองกระจกมาทั้งวันยังไม่ชินเลย!
“ข้ารู้ว่าท่านพี่มี ธุระส่วนตัว อยากคุยกันสองต่อสอง..แต่ว่าตอนนี้เส้าเอ๋อร์หิวยิ่งนักแล้ว ขอรอก่อนได้หรือไม่..”
เพื่อความสะใจ ข้าแสร้งทำเหนียมอายนิดๆหน่อยๆแล้วตอบเสียงเบา ให้เส้าไป๋เข้าใจว่าท่านพ่อทั้งสองกำลังแสดงความรักต่อกันอยู่ พลางจับเอาตาใสๆแฝงแววออดอ้อนคู่นั้นยังมองไปที่หลินจวินเจ๋อที่ยังง้างปากทำท่าจะเถียง เด็กตาดำๆนั่งถือชามข้าวรอแต่กินไม่ได้เพราะเจ้ายังไม่ได้แตะตะเกียบ คิดโวยวายต่อนี่เป็นลูกผู้ชายเรอะ
“...อึ่ก” จุดอ่อนเรื่องแพ้เด็กสตรีและคนชราของหลินจวินเจ๋อนี่ช่างน่ารังแกซะจริงๆ ข้าหัวเราะร่าในใจมองเจ้ายักษ์ปักหลั่นที่แพ้สงครามวาจาอีกรอบยอมจับตะเกียบพุ้ยข้าวเข้าปาก หึ รีบแพ้จนชินเร็วๆนะสามีคนดี ข้ารู้ดีเชียวว่าเจ้าต้องการอะไร หวงเทียนหยางคนเดิมอาจจะใจอ่อนยอมเจ้าไปเสียทุกเรื่อง แต่กับท่านอาซื่อผู้นี้น่ะฝันไปเถอะ!
“เจ้าคิดว่าจะเล่นงานข้าได้ง่ายๆสินะ เพียงเรื่องเงิน คิดว่าจะทำให้ข้าเลิกราเรื่องคุณหนูจ้าวได้หรือ”
“ข้าไม่ได้แค่คิดนะท่านพี่ ข้าว่าข้าเล่นงานท่านได้ง่ายดายจะตาย” เสียงหลินจวินเจ๋อดังออกมาเบาๆเหมือนวิญญาณอาฆาต ข้าหัวเราะหึหึ นั่งทานอาหารจีนรสเลิศอย่างที่ชาติก่อนไม่ได้ลิ้มรสบ่อยๆพลางตอบไปอย่างสบายอุรา เจ้าแค่ถูกข้าตัดเงินก็หงายเก๋งไม่เป็นท่า รึไม่จริง
“และจะเลิกราหรือไม่..ท่านอย่าลืมว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน หนึ่งไม่ยอม แต่อีกหนึ่ง....”
“เจ้าวางแผนอะไรไว้”
“ข้าไม่ได้วางแผนอะไรเลย สามี..” ข้ามองท่าทางเหมือนการะวังธนูของเขาแล้วยิ้มหวาน คีบเนื้อปลาหิมะใส่ลงไปในจานอีกฝ่าย และขยับเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น มองเผินๆดูเป็นสามีภรรยารักใคร่สนิทสนม
“หากคิดว่าเพียงเท่านี้จะทำให้เรื่องทุกอย่างล้มเลิก เจ้าดูถูกน้ำใจของนางเกินไปแล้ว” เสียงคำรามของลูกเต่าขี้แพ้ยังลอยเข้าหู ข้าฟังแล้วทำหน้าไขสือ ทั้งที่อยากหัวเราะแทบตาย โถ หลินจวินเจ๋อผู้รักมั่นทั้งยังเชื่อมั่นในตัวคุณหนูจ้าวยิ่งนัก ข้าจะรอดูแล้วกันว่าพวกเจ้าจะรักกันได้ถึงไหน
“ข้าเองก็ไม่คิดว่าคุณหนูลูกสาวเสนาบดีจ้าวจะยอมวางมือจากการแย่งสามีชาวบ้านเช่นเดียวกัน” ข้ายิ้มแย้มพลางทอดถอนใจไปด้วยประหนึ่งไม่ได้เอ่ยคำพูดทำนอง..ด่านางออกมา
“นี่ เจ้า!..”
“จุ๊ๆ ท่านพี่ เวลาทานอาหารไม่ควรเสียงดัง ประเดี๋ยวเส้าเอ๋อร์จะตกอกตกใจ” พูดความจริงหน่อยทำรับไม่ได้ ข้าใช้ตะเกียบของตัวเองแตะปากอีกฝ่ายไว้ ปรายตาไปทางเส้าไป๋ที่กำลังก้มหน้าก้มตาทานข้าวสลับกับมองมาที่ท่านพ่อทั้งสอง พอข้าหันไปสบตาก็ยิ้มแก้มกลมออกมาทีหนึ่ง เด็กดีจริงๆ
“เจ้าอย่าได้ดูหมิ่นเกียรตินาง” หลินจวินเจ๋อขมวดคิ้ว มองข้าด้วยสายตาเย็นชาแล้วเบือนหน้าหนี ท่าทีปกป้องสุดชีวิตนั่นทำเอาท่านอาซื่อร่างมารชักอยากผุดขึ้นมาฉีกกระชากความรักอันยิ่งใหญ่ของท่านแม่ทัพแดนใต้ให้ขาดวิ่นลงต่อหน้าต่อตา ทั้งรักทั้งเชื่อใจนางงั้นเหรอ ถ้าเจ้ารู้ว่าคุณหนูจ้าวผู้แสนดีคือนางจิ้งจอกดีๆนี่เอง จะยังรักใคร่อยู่หรือไม่
“เป็นท่านหมิ่นเกียรติข้าก่อน” ข้ากระตุกมุมปาก ในใจกรุ่นๆด้วยความหงุดหงิด ขณะกำลังคิดว่าจะเอาคืนอย่างไรก็มองเห็นอาหารบางอย่างบนโต๊ะ ข้ายิ้มหวาน ใช้ตะเกียบบรรจงคีบเต้าหู้ในจากแล้ววางลงในถ้วยของอีกฝ่าย โน้มกายเข้าไปใกล้ เบียดเนื้อตัวแนบชิด กริยาท่าทางดูรักใคร่สนิทสนม แต่แววตาคุโชน
“นี่ไม่เกี่ยวกับคุณหนูจ้าว หวงเทียนหยาง อย่าได้ลากนางเข้ามายุ่งเกี่ยว และอย่าคิดว่าข้าจะยอมแพ้” คำพูดของข้าทำให้หลินจวินเจ๋อนิ่งไป ดูเหมือนเขาจะมีสามัญสำนึกอยู่บ้าง แต่ไม่ทันข้าจะชม ก็ออกปากปกป้องสาวในดวงในตัวเองต่อ นี่มันน่านัก..
“ข้าเองก็ไม่ยอมเลิกราง่ายๆเช่นกัน ท่านพี่”
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่” อีกฝ่ายกัดฟันกรอดๆ เพราะถูกข้าเล่นงานเรื่องนางอันเป็นที่รักจึงยิ่งเดือดร้อนมากกว่าปกติ ข้ายิ้มเหี้ยม จดจำเอาบัญชีหนี้แค้นนี้ไว้ในใจ ตัวก็เบียดเข้าหา ขยับเข้ามาใกล้แต่เขาก็ไม่อาจโวยวายได้ ทำได้แค่คำรามด้วยเสียงเบาแทบเป็นกระซิบ
“โถ่...ไยท่านจึงถามเรื่องที่ทราบดีอยู่แล้วกัน” ตะเกียบเงินแตะลงบนเนื้อปลา ข้าเขี่ยๆดูจานอาหารเบื้องหน้าแล้วสบตาเขาด้วยรอยยิ้ม
“ข้าต้องการ ตัว ท่านน่ะสิ”
สิ้นเสียงกระซิบ หลินจวินเจ๋อก็ตัวแข็งทื่อ เขามองมาที่ข้าซึ่งกำลังอิงแอบแขนล่ำๆนั่นอย่างดูรักใคร่หนักหนา คิดจะอ้าปากด่าหรือสลัดออกก็มีเส้าไป๋ทำตาแป๋วมองท่านพ่อรักกันอย่างใสซื่อ คนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้แต่นิ่งเป็นรูปปั้น ข้าเห็นดังนั้นจึงคีบขิงซอยในจานปลาผัดพริกสดไปจ่อริมฝีปากอีกฝ่าย แย้มรอยยิ้มดั่งบุปผาผลิปาน ‘ยัด’ ขิงซอยที่ท่านแม่ทัพแดนใต้เกลียดยิ่งกว่าอะไรให้เขาคาบไปทานด้วยความเปรมปรีดิ์
“และข้าคิดว่าสามารถได้มันมาครอบครองเร็วๆนี้ด้วยนะ”
++++++++++++++++++++++++++++++++
เส้าไป๋ตัวน้อย ลูกชายผู้ทำให้เกิดละครครอบครัวสุขสันต์
หากถามว่าอาซิ่นเป็นไทป์ไหน เหลียงจื่อซิ่นเป็นได้ทั้งสองอย่างค่ะ เห็นเด็กน้อยน่ารักก็เป็นฝ่ายกิน
ใครหล่อล่ำกว่าก็ยอมให้กินได้ แต่แม้จะตัวใหญ่กว่าก็โปรดระวังไว้ให้ดี อาซื่อพร้อมพลิกได้เสมอ
เพราะฉะนั้นพรหมจรรย์ของท่านแม่ทัพถึงคราววิกฤติแล้ว โฮะๆๆ
//หัวเราะชั่วร้ายแล้วจากไป
Edit : แก้คำผิดเล็กน้อย อนึ่ง อัพนิยายแล้วดูเหมือนว่าจะยังไม่ขึ้นตอนให้ทันทีค่ะ ต้องรอเป็นชั่วโมงเลยกว่าจะขึ้น ตกใจเลยนึกว่าอัพไม่ได้ซะแล้ว
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำอะไรไม่ได้เพราะท่านอ๋องดักไว้ทุกทางเลย
จะโดนภรรยาเอาคืนก็คราวนี้แหละ
อาซิ่นนนนนนนน กรีดร้องยาวๆกับความภรรยาที่ดี คิดว่าร่างท่านอ๋องเหมาะกับเฮียมากสุดแล้วค่ะ! ท่านหลินคะ..ถึงจะเชียร์ให้เมะแต่ถ้าทำตัวเคะไปเรื่อยๆ จะอวยท่านอ๋องให้จับท่านแม่ทัพกดแล้วนะ!
เป็นกำลังใจให้ไรท์ค่ะ 5555 สัญญาว่าจากนี้จะเม้นให้บ่อยๆ อาจจะ 3-4 ตอนเม้นซักครั้งนะคะ-- แค่กๆ <3