ตอนที่ 16 : สายลม แสงแดด ขุนเขา และชายงาม การเดินทางจะให้ดีต้องมีพร้อมสรรพ(2)
ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มลงเรื่อยๆเมื่อยามค่ำมาถึง แม้ยังไม่ถึงฤดูหนาวทว่าอากาศก็เย็นอยู่ไม่น้อย หลังไพร่พลพักผ่อนตั้งค่ายกันจนเรียบร้อยแล้วจึงเริ่มก่อไฟหุงหาอาหาร ควันไฟลอยสูงอยู่หลายจุดในทุ่งกว้าง ขณะที่หลินจวินเจ๋อเดินตรวจตราทัพพร้อมด้วยท่านกุนซือที่พ่วงตำแหน่งภรรยา แม้ว่าข้าจะไม่รู้อะไรเรื่องการจัดทัพแต่ก็อาศัยความงามของหวงเทียนหยางแก้ไปหาไปก่อน ไปที่ไหนก็โปรยยิ้มหวานเอ่ยให้กำลังใจเสียใจ เพียงเท่านี้ทุกอย่างก็ดูเป็นไปโดยราบรื่น ส่วนในใจข้าจดจ่อกับการดูผู้ชายอาบน้ำ..แฮ่ม หมายถึงการอาบน้ำริมลำธารไปแล้ว
กลับมาถึงค่ายพักใหญ่ก็พบเหล่าไท่และอาหงที่รอท่าอยู่ ครั้งนี้เนื่องจากมารบทัพจับศึกจึงไม่น้ำสตรีมาด้วย หลิวหลีแม้กระเง้ากระงอดไม่พอใจเช่นไรก็ได้แต่ยอมรับ ดังนั้นรอบกายข้าจึงเต็มไปด้วยอาหารตา มีแต่ชายหนุ่ม ชายหนุ่ม และชายหนุ่ม พวกอ้วนพุงพลุ้ยหรือผอมแคระแกร็นหน้าตาไม่เป็นสับปะรดก็ช่างมันเถอะ ข้าสนใจแต่หนุ่มรูปงามรูปร่างล่ำสัน ซึ่งดูแล้วก็มีไม่น้อย ซ้ำนี่มีแต่ผู้ชาย จะถอดเสื้อคลายร้อนบ้างก็ไม่มีใครว่า ช่างเพลินตาเพลินใจเหมือนอยู่ในอุทยานชายหนุ่ม คนนั้นก็แผงอกน่าซบ คนโน้นกล้ามท้องเป็นลอนน่าขย้ำ ไม่พอยังมีหนุ่มน้อยหน้าใสหลาย-
“ท่านอ๋อง”
“อะ...อะไรหรือ?” ข้าหันไปทำตาปริบๆแล้วยิ้มกลบเกลื่อน กระแอมขรึมเบาไม่ให้ใครรู้ว่ากำลังคิดอะไรอกุศล เดี๋ยเกรงจะแปดเปื้อนถึงคนงาม
“ท่านอ๋องมีประสงค์จะอาบน้ำ เหล่าไท่อยากทราบว่าจะไปกันเลยหรือไม่?” เหล่าไท่เอ่ยถามพลางมองข้าด้วยแววตาแปลกๆ เขาคงเห็นจวิ้นอ๋องแอบดูหุ่นพวกทหารสินะ ข้าได้แต่ยิ้มเจื่อนไหนๆก็ไหนๆแล้ว ถ้าคืนนี้หนาวมากไปขอมาอุ่นเตียงข้าสักคนได้หรือไม่ แค่กๆ
“ได้สิ แต่ไม่ต้องแยกไปหรอก ข้าอาบกับทุกคนก็ได้” ข้ากล่าวด้วยท่าทีดั่งคนไม่ถือตัวและเป็นเป็นเรื่องปกติ แม้ในใจกำลังคิดไปเชยชมหนุ่มๆแบบระยะใกล้ก็ตาม
“จะดีหรือขอรับ?” ทันทีที่ข้ากล่าวจบ ไม่เพียงเหล่าไท่และอาหงที่มีสีหน้าเปลี่ยน ทหารยามซึ่งผลัดเฝ้ายามกันอยู่ในบริเวณใกล้ๆยังชะงักเท้าและหันขวับมาด้วย บรรยากาศเหมือนกดสวิชต์เปลี่ยนความรู้สึกทุกคนนี่มันอะไร ข้ามองแล้วอดแปลกใจไม่ได้ แม้ในใจตอนนี้จะบินไปหาการได้ยืนมองภาพนู๊ดหมู่ก็ยังต้องขมวดคิ้ว
“ทำไม..ไม่ได้ ไม่ควรหรือเหล่าไท่?” อันที่จริงก็ไม่มีกฏนายทัพห้ามอาบน้ำร่วมกับทหารราบ ทำกิจกรรมร่วมกันมีแต่จะสนิทสนมกันมากด้วยขึ้นด้วยซ้ำ แล้วที่พวกเขาชะงักนักเป็นเพราะอะไร
“เอ่อ...จะว่าไม่ควรก็..” ข้ารับใช้วัยใกล้ชราทำหน้าพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่ในทีก่อนจะตาลุกวาบ “ถามท่านแม่ทัพดูเถอะขอรับ!”
“มีอะไรรึ?” หลินจวินเจ๋อที่เพิ่งมาร้องถามเมื่อเหล่าไท่เอ่ยถึงตอนเอง
“นายน้อยกล่าวว่าอยากไปอาบน้ำร่วมกับเหล่าทหารข้างล่างน่ะขอรับ”
“เขาบอกข้าแล้ว ไม่เห็นเป็นไรนี่” หลินจวินเจ๋อกล่าวอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก
“ถ้าท่านแม่ทัพกล่าวเช่นนั้น เหล่าไท่ก็ฝากด้วย” สีหน้าคนพูดเหมือนกำลังปลงเรื่องอะไรสักอย่าง เห็นหลินจวินเจ๋อทำหน้าเฉยแล้วเหล่าไท่ก็กล่าวฝากฝังและยอมเดินต้อยๆตามหลังข้าทันทีโดยไม่พูดไม่จาอะไรอีก ทิ้งข้ากับความงงที่แก้ไม่หาย และอาหงกับทหารยามที่ยังมองมาตาละห้อย ข้ามองว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง มันต้อง..ต้อ ง..
ภาพเบื้องหน้านับได้ว่าอาจเป็นนู๊ดหมู่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ข้าเห็น ชีวิตก่อนเคยไปปาร์ตี้โฟมในงานเลี้ยงชาวสีรุ้งมามากยังไม่เคยเจออะไรเร้าใจขนาดนี้ ภาพชายฉกรรจ์ต่างวัยต่างรูปร่างเกือบร้อยคนพากันถอดเสื้อผ้าจนเหลือแค่กางเกงตัวบางๆที่ปิดอะไรแทบไม่ได้ บ้างยืนแช่เท้า บ้างล้างหน้า หลายคนก็ดำผุดดำว่ายอยู่กลางลำธารด้วยสภาพรื่นเริงกับสายน้ำเป็นที่สุด ควรทราบว่าแม้ในยุคปีสองพันจะมีภาพถ่ายหนุ่มๆในชุดโบราณสภาพเกือบเปลือยเกือบนู๊ดมาให้ดู แต่อย่างไรก็รู้กันว่าเป็นของปลอม เทียบอะไรกับของจริงๆและบรรยากาศโคตรแมนอย่างนี้ ทำเอาใจเต้นเลยนะจะบอกให้ น่าขายหน้าอีกหน่อยก็กำเดากระฉูดแล้ว! นี่มันช่างเป็นโบนัสแบบพิเศษสำหรับท่านอาซิ่นจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่ทุกคนชะงักมือจากกิจกรรมทุกอย่างแล้วหันมามองหา..เอ่อ..แล้วจะหลบตาทำไม
“ท่านพ่อ!” ขอบคุณเส้าไป๋ลูกรักที่ยังไม่เมินข้า เด็กน้อยแก้มกลมนุ่งกางเกงตัวเดียววิ่งขึ้นฝั่งมากอดเอวหมับอย่างออดอ้อนน่ารักเป็นที่สุด “ท่านพ่อทั้งสองมาทำอะไรหรือ”
“ที่นี่มีลำธาร ก็อยากมาอาบน้ำบ้าง” ข้าตอบเขาอย่างใจดีพลางเอื้อมมือลูบแก้มเส้าไป๋และยิ้มหวาน แม้ทำท่าสนใจลูกชายบุญธรรม แต่หางตาเหลือบมองเหล่าทหารหนุ่มที่เริ่มหายจากอาการชะงักค้างทำกิจกรรมอื่น บ้างก็ตาลุกวาบหันมาซุบซิบกันอย่างรวดเร็ว
“เส้าไป๋เองก็อยากอาบน้ำกับท่านพ่อ มาตรงนี้ดีไหมขอรับ เส้าไป๋กับพี่หยุนเฮ่ากำลังอาบน้ำด้วยกันอยู่” ว่าแล้วเส้าไป๋ก็ชี้ไปยังพี่หยุนเฮ่าคนที่ว่า เด็กหนุ่มรูปร่างน่ากินดูอายุราวสิบแปดสิบเก้าปีคนนั้นหน้าแดงทันทีที่ข้าหันมองตามปลายนิ้วของลูกชาย
“ขะ..ข้าน้อยไม่กล้า ตรงนี้คนมากมาย ไหนเลย..ไหนเลย..” เด็กหนุ่มตะกุกตะกักหน้าแดงก่ำก่อนจะหรุบตาลงก้มหน้าแล้วประสานมือขอขมา ทำท่าไม่รับไม่รู้อะไรทั้งนั้น หนุ่มน้อย..เจ้าเองก็หน้าตาและหุ่นไม่ได้แย่ แต่ไม่จำเป็นต้องกลัวข้าขนาดนั้น ชื่อเสียงของจวิ้นอ๋องยังไม่มีคำว่าโจรปล้นราคะหรือคนหื่นกามติดอยู่ด้วย ซ้ำงามล่มเมืองขนาดนี้ ขอแค่ไปแก้ผ้าเช่นน้ำ..ไม่สิ ข้าว่าข้ารู้แล้วว่าเหล่าไท่ทำหน้าแบบนั้นทำไม
ในฐาะนะคนที่นั่งส่องกระจกดูเงาเหลียงจื่อซิ่นทุกวันยังไม่ชิน ไหนเลยคนอื่นจะชินได้ คนงามที่เกิดมาสำหรับช่วงชิงหัวใจคนอื่น แค่ยิ้มก็ชวนเพ้อไปทั้งวันมาถอดเสื้อผ้าให้คนอื่นเห็นได้ยังไง บัดซบ นี่ข้าปล่อยให้สันดานหื่นกาม..แค่กๆ หมายถึงนิสัยส่วนตัวของตนเองครอบงำสติไปจนลืมเสียสนิทว่าถ้าไปอาบน้ำกับคนอื่น ขณะใช้สายตาหื่นมองชาวบ้าน ข้าเองก็จะโดนมองเหมือนกัน ซ้ำดูแล้วจะเป็นฝ่ายถูกรุมจ้องเสียด้วย
ละสายตาจากหนุ่มน้อยหยุนเฮ่าแล้วกราดสายตามองเหล่าทหารกลัดมันเบื้องหน้า คนสบตาข้าบ้างก็หลบบ้างก็หน้าแดงก่ำ มีบางพวกที่จ้องมองด้วยสีหน้าเคลิ้มฝัน นี่สินะเรียกมหันตภัยของคนงาม แค่มองตาก็ทำคนเพ้อคลั่งถึงขนาดนี้แล้ว ที่จริงถือว่าเป็นปฏิกริยาที่น่าสนใจไม่เลว แต่ว่าสามีซื่อบื้อนี่มัน..
ยืนทำหน้าเหมือนยักษ์จ้องข้าอยู่ก่อนแล้ว
ข้าสบตาหลินจวินเจ๋อที่ทำเหมือนจะกินหัวใครสักคนตรงหน้า ทำตาปริบๆใส่คนที่กำลังแผ่กลิ่นอายน่าขนลุกบางอย่างแล้วยิ้มอย่างใสซื่อ ตอนนี้ความอยากนั่งส่องหนุ่มๆอาบน้ำหายไปแล้วเหลือแต่อารมณ์ขบขันเหลือคณา ก็ยังดี! ถือว่าพอมีพัฒนาการบ้าง หลินจวินเจ๋อต่อให้ยังคิดไม่ทันตอนเหล่าไท่ทำหน้าแปลกๆยามข้าบอกจะมาอาบน้ำแต่สมองก็ยังไม่ตีบตันไปเสียหมด พอรู้แล้วก็ยังมีปฏิกริยาน่าดูชมอีกต่างหาก เขาคิดอะไรอยู่ กำลังหวง? หึง? ไม่พอใจ? จุ๊ๆ ไม่ว่ายังไงก็ทำเอาข้าอยากแกล้งเขาเพิ่มไม่น้อย ต่อให้จะไม่คิดถอดเสื้ออาบแล้ว แต่คนอื่นก็ยังไม่รู้เสียหน่อย
“ท่านแม่ทัพ มีอะไรรึเปล่า?” แสร้งถามเขาเสียหน่อยอย่างคนไม่รู้ไม่ชี้จริงแล้วข้าก็ดึงเอาเสื้อคลุมออกจากร่าง สีหน้าหลินจวินเจ๋อตอนเห็นเสื้อหลุดจากไหลข้าเหมือนอะไรบางอย่างกำลังกระตุกทำเอาขำแทบแย่ แค่เสื้อคลุมตัวนอก เดือดร้อนอะไร ข้าเห็นเจ้าแทบทั้งตัวแล้วยังเฉยๆ
“ตรงนี้คนเยอะ ข้าว่าฮูหยินไปอาบในที่ส่วนตัวดีกว่า” มือหนาตะปบไหล่ข้าและบีบเบาๆ รั้งไม่ให้คิดจัดการถลกเสื้อผ้ากลางฝูงชน
“ตรงนี้ไม่ดีอย่างไร ข้าเองขอท่านไว้แล้วตั้งแต่ตอนเย็น” ทีอย่างนี้มาเรียกว่าฮูหยิน ข้าทำหน้าซื่อใส่เขายามเอ่ยปากทักท้วง พอได้ยินคำตอบแล้วสะบัดหน้าไปอีกทางดั่งเคืองใจคนพูดไม่เป็นคำพูด คนงามทำอย่างไรก็งาม ต่อให้ทำแง่งอนก็ยังน่ารักน่าปล้ำซ้ำทำหัวใจบางคนร่วงลงพื้น ข้ารู้ตัวดีเชียวล่ะ
“ตรงนี้ผู้คนออกมา มีเจ้าร่วมด้วยพวกเขาอาจจะเกร็งกันได้” หลินจวินเจ๋อนี่ช่าง..ไร้ฝีมือในการง้องอนสิ้นดี ข้าหันไปมองเขาทำท่าเงอะงะแล้วพ่นลมหายใจ ร้องหึ
“ไม่อยากให้มาก็ควรบอกแต่แรก เอาเถอะ ข้าไม่อาบก็ไม่อาบ ขอนั่งดูแทนก็แล้วกัน”
“เจ้าจะนั่งดูใคร?” ทำไมสามีต้องทำเสียงเขียวปั๊ดขนาดนั้น นี่ถังน้ำส้มหกแล้วหรือ
“ดูเส้าไป๋ ท่านพี่” ข้าทำตาคว่ำเป็นมารยาทใส่เขาเสียทีแล้วทรุดตัวลงตรงโขดหินไม่ไกลเพื่อนั่งดูดั่งปากว่า เหล่าทหารที่อยู่แถวนั้นพากันแตกฮือด้วยความหวั่นและเกรง ที่ตรงนี้ใกล้หรือไกลจากเส้าไป๋ข้าเองก็ไม่สนใจนัก เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงคือเอาลูกมาบังหน้า..แค่กๆ แค่พูดไปอย่างนั้นแล้วส่องดูชาวบ้านอาบน้ำเป็นอาหารตาให้อิ่มเอมใจเท่านั้น ใครอย่าได้ขัดความสำราญของวิญญาณเกย์หนุ่มยุคสองพันไปเลย
“เส้าไป๋เองก็มีคนคอยดูแลอยู่ เจ้าควรออกไปจากที่นี่ได้แล้ว” ข้าเหลือบมองสามีที่ทำหน้าบูดบึ้งมืดทะมึนเดินตึงๆเข้ามา จังหวะการย่ำเท้าของเขาทำเอาหวั่นว่าหินก้อนนี้จะหาชีวิตไม่ หลินจวินเจ๋อยามหึงหวงนี่ช่างน่ากลั่นแกล้ง ไม่ว่าเขาจะหวงเพราะอะไรก็ยังน่าปลื้มใจอยู่ดี ดังนั้นข้าจึงไม่พูดไม่จา หันไปถอดรองเท้าและถุงเท้าออก ยิ้มเรี่ยราดเปลือยเท้าเปล่าแช่น้ำมองผู้ชายให้สำราญใจ
“อาซิ่น!” สำเนียงนี้มันคล้าย ช่างเหมือนตอนข้าถูกแฟนหนุ่มตวาดใส่เป็นครั้งสุดท้ายก่อนลาโลกซะเหลือเกิน ซ้ำหลินจวินเจ๋อก็เดินมาคว้าไหล่ข้าไปเสียอีก ดังนั้นข้าจึงหันไปมองตาเขาด้วยแววตาเย็นชาอย่างอัตโนมัติ จะทำไม ข้าลงให้ถึงเพียงนี้ยังไม่พอหรือ แค่แช่เท้าในน้ำยังไม่ได้?
“ยามท่านพูดจาก รักลึกซึ้งแต่ไร้วาสนา ข้ารักนางแต่ไม่ได้รักเจ้า ทำสายตาห่วงหาอาลัย..ข้าก็รู้สึกแบบนี้แหละท่านพี่ จำไว้ซะ” ตอกกลับนิ่มๆแต่เป็นใจความว่าด้วยการยอกย้อนทำเอาท่านแม่ทัพแดนใต้สะอึก เฮอะ ทำมาหวง เขาเองก็ยังไม่ลืมแม่คุณหนูจ้าวยอดดวงใจคนนั้น ก็แค่ผู้ชายยามอ่อนไหว ที่ผ่านมาคิดว่าจวิ้นอ๋องเป็นสมบัติของตัว พออีกฝ่ายทำเมินเข้าก็ทนไม่ได้
“นายน้อย..เหล่าไท่ว่านี่ก็เย็นมากแล้ว ใกล้เวลาอาหาร ขึ้นจากน้ำก่อนดีหรือไม่?” ก่อนข้าจะได้ตีกับเขาจริงๆ เหล่าไท่ก็รีบเข้ามาแก้สถานการณ์เอาไว้ เขาก้มกระซิบบอกข้าด้วยท่าทีจริงจังยิ่ง “อีกอย่าง..ให้นายน้อยนั่งจ้องเช่นนี้ ทหารดูจะไม่มีสมาธินักขอรับ”
ข้าหันไปมองลำธารตามคำบอกเล่าของเหล่าไท่ ดูแล้วก็เห็นจะจริง เหล่าไพร่หลทหารยศน้อยใหญ่ต่างหยุดกิจกรรมต่างๆไปแล้วเหลือเพียงยืนมองข้าด้วยแววตาหยดย้อย บ้างหน้าแดงบ้างก็เขินอายจนต้อบหลบตายามข้ากวาดนัยน์ตาผ่าน ดูแล้วทำให้มั่นใจในความงามชนิดล่มเมืองของตัวเองไม่น้อย ซ้ำอารมณ์ดีขึ้นอีกหน่อย ก็ได้ วันนี้ได้แกล้งคนจนพอใจ ข้ายอมลุก
“หลังอาบน้ำข้าจะพาเฮยจื่อไปแปรงขน เจ้าเองก็ไปด้วยกัน” หลินจวินเจ๋อกล่าวแล้วลุกขึ้นพลางส่งมือมาช่วยดึงข้าลุก ข้าเงยหน้าขึ้น มองร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายสิ่งมีสีหน้านิ่งขรึมแต่ยังส่งแววตาหมองๆมาให้แล้วกระตุกมุมปากยิ้ม ยอมยื่นไปจับมือเขาแต่โดยดี ..รู้จักเอาตัวเองเป็นเหยื่อหล่อขนาดนี้ข้าก็ไม่ขัดศรัทธา
ได้ดูหนุ่มๆอาบน้ำแล้วแถมด้วยหุ่นสุดเร้าใจของสามี นี่เรียกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม!
หลังมื้อเย็นริมลำธารสายเดิมมีเงาตะคุ่มสองร่างนั่งอยู่ สายน้ำเย็นๆไหลเอื่อยสะท้อนแสงคบเพลิงวับวามที่ปักไว้ริมฝั่งทำให้ภาพที่ปรากฏถือว่าเลือนลางไม่อาจเห็นชัดนัก ดีที่คืนนี้ดวงจันทร์กลมโตทอแสงกระจ่างไร้เมฆหมอกปกคลุม เมื่อข้าหอบเสื้อผ้ามาถึงพร้อมพลจูงม้าที่เป็นถึงท่านแม่ทัพจึงสามารถทำธุระได้สะดวกโยธิน
ลงจากหลังเจ้าเฮยจื่อแล้วเดินไปนั่งอยู่ริมโขดหินที่ใหม่ ไม่คิดไปแย่งที่อาบน้ำของบรรดาทหารอื่นอีก หลินจวินเจ๋อพาข้ามาด้านบนของลำธารที่ลึกกว่าที่เก่าพอสมควรและสามารถดำผุดดำว่ายได้สบาย อีกฝ่ายอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย ถอดเสื้อผ้าท่อนบนเผยรูปร่างน่ากลืนลงท้องไม่ให้เหลือ อาบน้ำแปรงขนม้าศึกประจำตัวด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง รูปลักษณ์เหมือนภาพเขียนเทพสงครามในยุคโบราณทำเอาข้าจ้องไปปาดน้ำลายในใจไปเงียบๆ อาหารตาที่มีมากแต่ไม่เน้นปริมาณกับมีน้อยแต่เป็นของชั้นดี ขอยอมรับจากใจว่าอย่างที่สองเร้าใจกว่าเป็นไหนๆ
“เจ้าไม่อาบน้ำหรือ?” กำลังเหม่อได้ที่หลินจวินเจ๋อก็หันมาสบตาแล้วเอ่ยถาม ข้ายิ้มให้อีกฝ่าย ยกมือวัดความเย็นน้ำแล้วหันไปถอดเสื้อผ้าแต่โดยดี แม้จะไม่อยากเผยร่างกายคนงามให้ผู้อื่นส่งสายตาโลมเลีย แต่อย่างไรหลินจวินเจ๋อก็เป็นเป้าหมายในการจับกินคนแรก ที่นี่มีแต่เขาให้มองนิดๆหน่อยๆแลกกันไปถือว่ายุติธรรมดี ดังนั้นอีกอึดใจข้าจึงเหลือแค่กางเกงตัวบางตัวเดียวมุดลงน้ำอย่างสงบ
“ท่านเองก็อาบได้แล้ว”
ข้ากำลังรอชมท่านแม่ทัพนู๊ดในน้ำอยู่ ประโยคนี้แม้คิดอย่างจดจ่อมากข้าก็ไม่พูดมันออกมา ระหว่างนั้นก็มองเขาแปรงขนปรนเปรอเจ้าเฮยจื่อไปพลางๆ มองเงาคนงามที่สวยสะท้านภพไปด้วย หวงเทียนหยางปกติว่างามแล้ว ยามเปียกน้ำเส้นผมชื้นมีหยาดใสโปรยปรายประทบผิวหน้ากลับเปี่ยมสเน่ห์ลึกลับน่าดึงดูดมากกว่า ริมฝีปากแดงเรื่อเผยรอยยิ้มน้อยๆ ดวงตาคู่งามวาววามเป็นประกายดูยั่วยวนแม้จะไม่ได้ตั้งใจ น่าเก็บภาพนี้ไปฝันเปีย---อุบ
“ข้าจะรอให้เจ้าอาบเสร็จก่อน” เหม่อจนเกือบคิดเรื่องเหลวไหลสำเร็จแล้วสามีที่รักจึงตอบกลับมาได้ ข้าฟังแล้วเงยหน้ามองเขา เห็นหลินจวินเจ๋อยืนจับสายจูงเจ้าเฮยจื่อไว้แบบนั้น เขาหลบตาเล็กน้อย ก่อนกระแอมแผ่วเบา “จะขอเอาเฮยจื่อไปมัดไว้ก่อน”
“คงไม่คิดจะทิ้งข้าให้เดินกลับค่ายในสภาพแบบนี้หรอกนะ ท่านพี่”
“ปล่อยไว้เจ้าคงถูกภูติพรายลักตัวไป ไหนเลยจะไปถึงที่ตั้งทัพ” ก็รู้ถึงสเน่ห์ของคนงามเหมือนกันนี่ ข้ายิ้มมุมปากมองด้านหลังของหลินจวินเจ๋อที่เอาม้าตัวโปรดไปผูกไว้ไม่ไกลก่อนจะหันกลับมา เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพลันชะงักเท้า ใบหน้าแม้เห็นไม่ชัดในแสงสลัวยังสามารถดูออกว่าขึ้นสีเรื่อ
“แล้วท่านจะให้ข้ารออยู่ตรงนี้อีกนานไหม?”
มุมปากยกเป็นรอยยิ้มน้อยๆ ขณะพาตัวเองขึ้นมาพิงก้อนหิน หยดน้ำใสหล่นจากปลายผมลงมายังผิวกายขาวและพร่างพรมลงบนสายน้ำเบื้องล่าง ท่ามกลางแสงจันทร์ คนงามดั่งนางพรายดูลึกลับมีสเน่ห์ เจ้าของดวงตาดั่งดวงดาราเอียงคอน้อยๆราวฉงนสนเท่ห์หนักหนาและทอดสายตารอคำตอบ อาซิ่นรู้แล้วว่าฉากคลาสสิคปีศาจสาวยั่วยวนนักศึกษาหนุ่มนี่เขาทำกันยังไง เข้าใจสุดๆว่าทำไมชายใดเจอไม้นี้ก็แทบทนไม่ไหว ดูคนงามจากเงาสะท้อนนี่สิ ไม่ต้องพูดถึงชายหรือหญิง หน้าตาแบบนี้รูปร่างแบบนี้ให้เป็นปีศาจก็ยังได้ ข้าเต็มใจยั่วขนาดนี้มีหรือสามีซื่อบื้อจะไม่เดินตกหลุม..ต่อให้หลบตาทำไม่มองแต่เหล่าจือรู้คำตอบจากอะไรๆที่อยู่ตรงหว่างขาเจ้าแล้วกัน
“เจ้าคงไม่คิดแกล้งข้าใช่หรือไม่” หลินจวินเจ๋อยอมเดินลงน้ำมาในที่สุดแม้จะไม่ถอดกางเกงออกอีกสักชั้นตามที่ข้าปรารถนา แต่เอาเถอะ คืนนี้วางแผนจับสามีลงท้องจะมากเรื่องก็ไม่ดี ข้ามองเขาที่เคลื่อนหายเข้ามาใกล้แล้วหัวเราะ เสียงของมันดังเสนาะชัดเจนท่ามกลางความมืดรอบๆที่มีเพียงเสียงหรีดหริ่งเรไร
“แกล้งอะไร หรือท่านพี่เห็นว่าข้าเป็นคนใจไม้ไส้ระกำ?” ข้าเอ่ยถามเสียงแผ่วเบาแล้วเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้อีกฝ่าย ทำเอาหลินจวินเจ๋อต้องหรี่ตามองอย่างระแวดระวัง
“เจ้าไม่ใช่ แต่บ้างครั้งก็ใช่...ร้ายนัก” ฟังคำวิจารณ์ตามจริงแล้วข้าก็หลุดยิ้มอีกรอบ ถือว่าใกล้เคียงไม่เลว หากเป็นคนงามตัวจริงแม้กระทั่งอาบน้ำด้วยกันก็ยังไม่กล้า แต่เผอิญเป็นข้าจึงได้ร้ายและกล้าเอามือตะปบหลังเขา
“ท่านพี่เข้าใจผิดแล้ว มา ข้าจัดช่วยขัดตัวให้” ว่าแล้วก็ลากปลายนิ้วขึ้นลงสำรวจแผ่นหลังกว้างๆน่าซบที่เป็นอาหารตาอยู่นานอยากใจจดจ่อ ข้าลากนิ้วไปตามเส้นสายบนตัวเขา สัมผัสกล้ามเนื้อแน่นแกร่งที่ดูราวกับรูปปั้นทองแดงชั้นดี ลวนลามอย่างสนุกมือแล้วก็ต้องถอนใจกับตัวเอง หลินจวินเจ๋อเทียบกับความงามของหวงเทียนหยางแล้วต่างก็เป็นบุรุษผู้เลิศล้ำเหนือใครทั้งคู่ มองอย่างไรก็ช่างเหมาะสมกันนัก ต้องเรียกว่าชายหนุ่มหล่อเหลาน่ากินในตำนานจริงๆ คงจะดีกว่านี้ถ้าเรื่องราวเป็นไปตามประวัติศาสตร์..
“เจ้าไม่ต้องทำก็ได้ น้ำเย็นนัก อาบแต่พอควรแล้วขึ้นเถิด ประเดี่ยวจะเจ็บป่วยเอา” กำลังเหม่ออยู่ดีๆมือก็ถูกจับไว้ ข้าเลิกคิ้วมองหลินจวินเจ๋อ ท่ามกลางแสงจันทร์คนที่หันหลังให้กำลังมีใบหน้าด้านข้างที่แดงก่ำ เห็นหูแดงๆในระยะประชิดแบบนี้แล้วข้าจึงงับลงไปทันควัน
“อาซิ่น!” ได้ลงมือเป็นโจรราคะกินเต้าหู้ให้สามีสะดุ้งนี่เพลินดีแท้ ข้ามองท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่สะท้านเฮือกแล้วหันมาหา เขากัดฟันกรอด ท่าทางคนอยากเอาคืนบ้างจึงปราดเข้ามาใช้สองแขนคว้าตัวเข้าไปกอดแน่น..อืม หลินจวินเจ๋อ เจ้าคิดว่าข้าไม่ได้รออยู่หรือ?
เงยหน้าขึ้นเมื่อสัมผัสถึงลมหายใจในระยะประชิด คนแม้จะโอบกอดในสายน้ำเย็นเยือกแต่กลับอุ่นร้อนอย่างประหลาด เมื่ออีกฝ่ายตกหลุมข้าก็ไม่คิดจะรอรี รีบใช้ไม้ตายช้อนตาอ้อนชวนสะท้านกับอีกฝ่าย ประกอบกับใบหน้างามแฝงความขัดเขินของหวงเทียนหยางแล้วช่างเป็นภาพน่ามองยิ่งนัก ทำสีหน้าขัดเขินขณะที่ปลายนิ้วลากสัมผัสหน้าท้องหนั่นแน่นกลางสายน้ำ ซิกแพ็คเป็นลอนน่ากัดแบบนี้มันช่างชวนขยี้ขย้ำเสียจริง
“ท่านพี่..” ข้ากระซิบแผ่วเบา เรียกชื่อเขาแล้วกระพริบตาอ้อนอีกครั้ง ชุดมารยาที่ใช้ตกหนุ่มมาตั้งแต่ชีวิตที่แล้วเอามาใช้กับคนตรงหน้าสุดชีวิต “หรือท่านไม่รู้ใจข้า..ไยจึงได้หมางเมินนัก”
“ตอนเย็นนี้เจ้าไม่พอใจข้าอยู่มิใช่หรือ?”
“ก็ท่านดุข้า” เห็นหัวคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากันแล้วข้าจึงใช้มืออีกข้าที่ว่างอยู่กดลงไปเบาๆแล้วนวดวนให้คลายลง ขระเบียดเนื้อตัวอยู่ในอ้อมแขนอีกฝ่าย “เห็นท่านว่ากล่าวหึงหวง มีหรือข้าจะไม่ยินดี เพียงแต่..นึกน้อยใจขึ้นมาเท่านั้น”
“น้อยใจอันใด?”
“ท่านหวงข้า แต่มิได้รักข้านี่” แสร้งทำเศร้าใจเสียน้อยแล้วหัวเราะเสียงพร่า ข้าละปลายนิ้วออกแล้วหรุบตาต่ำ ไหล่สั่นระริก พยายามเค้นน้ำตาสุดชีวิตแต่ที่ทำได้ดูเหมือนจะเป็นบังคับให้หยดน้ำหล่นลงลูบแก้ม แต่ดูยังไงก็คงคล้ายน้ำตาอยู่จึงเงยหน้าขึ้นอีก “แล้วยังไม่ยอมเข้าใกล้ข้า ถูกกอดจูบก็ไม่พอใจ ข้าหงุดหงิดมิได้หรือ”
“ข้า..” หลินจวินเจ๋อขมวดคิ้วอีกคำรบและเผยสีหน้ายุ่งยากใจ ”ข้าไม่อยากทำสิ่งใดที่อาจทำให้เราต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เจ้าเองทราบถึงใจข้า หากข้าฉวยโอกาสกับเจ้าในตอนนี้เรียกได้ว่าต่ำช้ายิ่งนัก”
“ข้าอยากให้ท่านฉวยโอกาส หรือยังไม่แจ้งใจ” ที่จริงคนวางแผนอยากกินท่านตอนอ่อนแอน่ะมันข้านะท่านพี่..ความจริงนี่แม้คิดในใจแต่ก็ไม่ควรบอก ดังนั้นจึงแสดงบทคนงามเว้าวอนอ้อนรักต่อไป “ท่านพี่ จูบข้าหน่อยได้หรือไม่?”
“....ข้า..” คนพูดกำลังลังเลไม่ทันจบ ข้าก็ตัดสินใจทุกอย่างด้วยการใช้ริมฝีปากตัวเองปิดริมฝีปากอีกฝ่ายลงไปทันที ใช้กลเม็ดร้องขอและทำให้ลังเลได้แล้วรอช้าไปไย ซ้ำคราวนี้ยังอาจหาญส่งปลายลิ้นเข้าไปทักทายอย่างใจกล้า จูบที่หลินจวินเจ๋อเคยผลักออกเมื่อครั้งนั้น มาคราวนี้เขาไม่ปฏิเสธอีกต่อไป แม้ไม่อาจพูดได้ว่าให้ความร่วมมือ แต่ด้วยเทคนิกชั้นเซียนของอาซิ่นผู้นี้หรือทำให้คนเพลิดเพลินไม่ได้ งัดเอากลเม็ดเด็ดพรายในการจูบล่อลวงให้อีกฝ่ายเคลิ้มตามไม่นานเรียวปากของแม่ทัพหนุ่มก็เป็นฝ่ายรุกไล่สมใจ อ้อมแขนที่กอดรัดข้าไว้ใต้น้ำกระชับแน่นขึ้นขณะลมหายใจประสานกันร้อนผ่าน ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง ภาพชายหนุ่มสองคนโอบกอดจุมพิตกันกลางน้ำชวนให้หลงไหลเคลิ้มมอง..
“ใคร!”
พวกเวรรรรรร
แทบหลุดสถบออกมาแล้วเสียแต่ต้องกัดปลายลิ้นกลั้นเสียงไปก่อน ขณะที่กำลังเคลิ้มบรรยากาศดีน่ากลืนสามีลงท้องเป็นที่สุดหลินจวินเจ๋อกลับผละออกมาแล้วกระชากเสียงห้วนตะคอกใส่ความมืดมิด สามีนักรบก็ปราดไปถือกระบี่ไว้ กวาดสายตามองไปรอบกายอย่างระมัดระวังอย่างยิ่ง หูข้าไม่ดีพอจะได้ยินว่าใครกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหนแต่กำลังสาปแช่งพวกมันอยู่ในใจอย่างดุเดือด คิดจะลอบฆ่าลอบแอบดูหรืออะไรก็ตามไยต้องทำเสียงดังตอนนี้ เวลานี้ ข้าไปทำอะไรให้พวกเจ้ากันหา ถึงได้มาตามขัดคอกันไม่หยุด หรือชาติที่แล้วพวกแกเกิดเป็นแปรงขัดส้วม!
“สวมเสื้อผ้าก่อน แล้วตามข้ามา” ข้ารับเสื้อผ้าชื้นๆของตัวเองมาสวมอย่างเหนื่อยหน่ายเป็นที่สุดพลางเดินตามหลินจวินเจ๋อไปอย่างเชื่อฟัง ตาข้ามองรอบๆ นึกอยากเจอไอ้ตัวการมารความสุขสักที ถ้าพบหน้าข้านี่แหละตบปากมันฐานขัดขวางกิจคนอื่น ไม่รู้รึว่านี่มันเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด!
“แม่ทัพหลินหูดียิ่งนัก แม้จดจ่อกับกิจกรรมสำคัญยังแบ่งเวลามาสนใจข้าได้”
เสียงหนึ่งดังท่ามกลางความเงียบขณะที่ข้าและหลินจวินเจ๋อถอยหลังขึ้นฝั่ง เราทั้งคู่กวาดสายตาหาต้นเสียงพอดี แต่ท่ามกลางเงื้อมเงาของต้นไม้และป่าเขา ไหนเลยจะสามารถมองเห็นได้ จนกระทั่งหลินจวินเจ๋อเพ่งมองไปที่ไม้ใหญ่อีกฝั่ง เช่นนั้นข้าจึงจ้องตาม
“ใครส่งเจ้ามา” เงาดำที่แทบกลืนไปกับลำต้นของไม้ใหญ่เริ่มชัดเจนเมื่อข้าเพ่งมองหนักขึ้น ขณะที่หลินจวินเจ๋อดันข้าไปอยู่ด้านหลัง ให้เกาะเอาไว้ส่วนตัวเองก็เป็นที่กำบังให้ และถือดาบไว้มั่น
“ข้าเป็นแค่คนผ่านทาง ไปไหนตามใจชอบ” คนผู้นั้นกล่าวอย่างถือดีพลางหัวเราะ เสียงหัวเราะทุ่มพร่าดังกังวานท่ามกลางความเงียบ “มาขัดจังหวะท่านแม่ทัพถือว่าเสียมารยาทแล้ว ขออภัยยิ่ง”
“คนผ่านทางมีพฤติกรรมชอบถ้ำมองเสียด้วย ช่างเสียมารยาทสมกับที่พูด” ข้าจ้องเจ้าตัวขัดขวางแผนการณ์อย่างหงุดหงิดเป็นที่สุดแต่ยังยิ้มอย่างไม่ให้เสียภาพพจน์และเอ่ยปากจิกกัดไปอีกที กว่าแผนการณ์จะมาถึงขั้นนี้ได้ง่ายซะที่ไหน ข้าอุตส่าห์วางแผนรอคอยอย่างใจเย็นที่สุดก็ต้องมาพังเพราะไอ้โม่งปริศนา รับไม่ได้จริงๆ!
“ขออภัยท่านอ๋องคนงาม” คำพูดอีกฝ่ายที่กล่าวราวรู้ว่าข้าเป็นใครทำให้ต้องขมวดคิ้วอีกครั้ง “คราวหน้าข้าจะระวังเป็นอย่างดี ที่จริงข้าเพียงหวังมาทักทาย--แต่ดูคนของท่านจะดุมิใช่น้อย”
"กับคนไม่มีมารยาทไยต้องปรานี กล่าวว่าคนดีไม่มา คนมาไม่มาดี รู้ตัวช้าอีกนิดคงถูกจ้องไปถึงไหนต่อไหน"
ข้าจ้องมองเขาขณะที่แสงไฟเริ่มใกล้เข้ามาในลำธาร ด้วยเสียงตวาดเมื่อครู่ของหลินจวินเจ๋อได้พาผู้คนที่เฝ้ายามอยู่ใกล้เข้ามาแล้ว หากคนมาไม่มีเจตนาร้ายจริงก็ควรถอย และดูเหมือนอีกฝ่ายก็คิดเช่นเดียวกันเมื่อเงาดำนั้นกลืนหายไปกับต้นไม้ เหลือเพียงเสียงที่ไม่อาจจับได้ถึงเค้าโครงว่ามาจากที่ใดกันแน่
"หึ หึ ข่าวว่าท่านอ๋องคนงามทั้งอ่อนหวานมีเมตตาคงผิดไปเสียแล้ว ที่ข้าพบจึงเป็นแม่เสือไป..แต่ใช่จะไม่น่าสนใจ"
“แล้วพบกันใหม่”
เออ พบกันอีกที ต่อให้หล่อแค่ไหน ข้าก็จะเอาอิฐทุบหัวเจ้า
++++++++++++++++++++++++++
บ้าจริง แผนงาบไม่สำเร็จ! //ทุบโต๊ะ
วันนี้วันอาทิตย์เลยมีเวลาปั่นเพิ่มอีกตอน โปรดทำใจหากอาซิ่นจะหื่นจัด 555 ตามประสาคนไม่เคยมิดเม้นเรื่องความต้องการของตัวเอง ฮีเป็นเกย์หนุ่มผู้โชกโชนมาตั้งนาน จะกระมิดกระเมี้ยนเขินอายเป็นไปไม่ได้
เขาเป็นสายรุก5555
ส่วนลาสบอสโผล่แล้วนะคะ แม้มาในสภาพคนชุดดำก็ตาม ตัวจริงอีกไม่นานก็เจอกัน!
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

5555