Love, So Dream - Love, So Dream นิยาย Love, So Dream : Dek-D.com - Writer

    Love, So Dream

    ฮันยองมี ชื่อของฉันฟังดูอ้างว้าง และเงียบเหงา ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้น อย่างที่บอกว่าฉันอยู่คนเดียวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    353

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    353

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 มิ.ย. 49 / 08:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                วันนี้เป็นวันที่ฉัน ฮันยองมี จะได้กลับบ้าน บ้านที่ฉันจากมันมานาน บ้านที่เกาหลี ประเทศที่ฉันฝันตลอดมา ว่าจะได้กลับมาอยู่ที่นี่อีกครั้ง และในวันนี้ฝันนั้นก็เป็นจริง

                  บนเครื่องบิน ฉันมองลงไปยังพื้นน้ำเบื้องล่าง ฉันจินตนาการไปว่านั่นคือท้องฟ้าอีกท้องฟ้านึง  ก็น้ำทะเล มันก็สีเดียวกับท้องฟ้าไม่ใช่เหรอ ฉันคิดโต้แย้งกับตัวเอง  ก็มันควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่หรือไง

                  ถึงแม้ว่า ยองมีคนนี้ จะกลับมาเกาหลีอย่างเดียวดายก็ตามที ฉันก็ยังมีงานที่ฉันรักตามมาด้วย งานเขียนบทละครที่นี่ ทำให้ฉันได้เปิดสังคม  เพราะฉันเองไม่มีใครเลยที่นี่ แม้แต่ญาติพี่น้องก็ตาม 

                  ฉันซื้อคอนโดเล็กๆไว้ มันไม่กว้างเกินไปจนทำให้รู้สึกเหงา เหมาะสำหรับคนตัวคนเดียวอย่างฉัน แต่คนที่กองถ่ายละครมักบอกฉันเสมอว่า มันแคบเกินไป ซึ่งฉันอ้างว่ามันทำให้ฉันมีสมาธิ แต่ความจริงแล้วฉันกลัวความเหงาต่างหาก

                  ที่อเมริกา  ฉันมีเพื่อนๆมากมายก็จริง  แต่ฉันก็ยังรู้สึกเหงา แม้จะอยู่ในประเทศที่เสรีและกว้างใหญ่  แต่ฉันกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ต่างกับที่นี่  ถึงแม้ฉันจะไม่มีใคร  แต่ฉันก็รู้สึกดีกว่าตอนอยู่ที่อเมริกานั่น

                  ฮันยองมี ชื่อของฉันฟังดูอ้างว้าง และเงียบเหงา ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้น อย่างที่บอกว่าฉันอยู่คนเดียวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

                  แม่ทิ้งฉันไปแต่งงานใหม่  โดยให้ฉันอยู่อพาร์ตเมนท์แคบๆคนเดียว ตอนอายุแปดขวบ เราไม่ได้เจอกันอีกเลย ได้แต่ติดต่อกันทางโทรศัพท์ และบัญชีธนาคารเท่านั้น

                  ฉันรู้  ว่าแม่ไม่อยากให้สามีแม่รู้ว่าแม่เคยแต่งงานและมีลูกมาก่อน  ก็เลยได้แต่ทำใจ  แต่บางที ฉันเองก็แอบน้อยใจแม่อยู่เหมือนกัน

                  จากวันนั้นถึงวันนี้  11 ปีมาแล้ว ตอนนี้ฉันอายุ 19 แล้ว มีงานทำมีเงินใช้ โดยไม่ต้องรบกวนแม่อีก แม่ก็ไม่ติดต่อฉันอีก หลังจากวันเกิดอายุ 18 ของฉัน ที่อเมริกาก็เป็นอย่างนี้ ฉันเลยไม่ค่อยชอบประเทศนี้เท่าไหร่

                  แปลกตรงที่ ฉันเองมีคนเข้ามาจีบมากมาย แต่ฉันกลับไม่พอใจที่จะคบกับใครซักคนเดียว อาจเป็นเพราะ ฉันเหงาเกินไป หรืออาจเพราะฉันมีโลกส่วนตัวสูงเกินไป จนใครก็ไม่อาจเข้าถึงได้

                  เพราะชีวิตฉัน มันบีบบังคับทำให้เป็นแบบนี้ ฉันไม่โทษใครหรอก เพราะฉันเองก็เป็นแค่คนที่ครอบครัวไม่ต้องการ

                  จริงๆแล้ว ฉันมีคนที่ฉันชอบเขามานานแล้วอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นชายในฝันของฉัน ในฝันจริงๆ เขาจะมาเฉพาะในฝันฉันเท่านั้น โอกาสที่เราจะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างคนทั่วไป จึงเป็นศูนย์อย่างไม่ต้องสงสัย

                  ตอนเด็กๆ ฉันฝันอยากเป็นหมอ แต่ด้วยความที่แม่ทิ้งไป ตอนที่ฉันสอบได้ที่วิทยาลัยแพทย์ที่อริโซนา แม่ไม่มาเซ็นใบมอบตัว ฉันก็เลยอดเรียนตามฝันไป

                  ชายในฝันของฉันคนนี้ เราโตมาด้วยกัน หมายความว่า ตั้งแต่จำความได้ ฉันก็ฝันเห็นเขา อายุเท่ากับฉัน ที่สำคัญเขาพาฉันไปงานวันเกิดเขาด้วยนะ  และในวันเกิดครบ 18 ของฉัน  เขาก็เอาของขวัญมาให้เหมือนทุกปี แต่ปีนี้ พิเศษกว่าปีไหนๆ

                  เค้าพาฉันออกเดท  แต่โชคร้ายที่มันเป็นแค่ในฝัน  แต่นานมากแล้วที่ฉันไม่ฝันถึงเค้า เกือบอาทิตย์แล้ว มันทำให้ฉันคิดถึงเค้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราอยู่ด้วยกันมาร่วมยี่สิบปีนี่นา

                  วันนี้เราจะไปดูสถานที่เพื่อถ่ายทำละคร ในโรงพยาบาลของวิทยาลัยแพทย์

      วันนี้ฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีบางสิ่งรอฉันอยู่ที่โรงพยาบาลนั่น  ฉันคิดว่าก็คงเป็นทีมงานนั่นแหละ

                  ฉันเดินผ่านห้องปลอดเชื้อ ของผู้ป่วยโรคหัวใจขั้นรุนแรง มีอะไรบางอย่าง ดลใจให้ฉัน เดินเข้าไปดูในนั้น ทั้งๆที่ละครของเรานางเอกประสบอุบัติเหตุที่ไม่ได้เกี่ยวกับโรคหัวใจเลยซักนิด

                  ฉันแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่อยู่ข้างหน้าฉัน มันเป็นความจริงที่ไม่ใช่ความฝัน

      คนที่นอนอยู่ในห้องปลอดเชื้อนั้น คือคนในฝัน ที่ฉันฝันถึงมาตลอดเวลาเกือบยี่สิบปี คนที่ฉันสวดอ้อนวอนให้ได้เจอซักครั้ง แต่ไม่นึกเลย ว่าจะได้เจอกันในสภาพแบบนี้

                  น้ำตาฉันไหลลงมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว น้ำตาที่แห้งไปเกือบสิบปีตั้งแต่ฉันอายุ 10 ขวบ ตอนที่แม่โทรมาบอกว่าแต่งงาน วันนี้มันได้ไหลออกมาอีกครั้ง ให้ชายในฝันของฉัน คนที่นอนหลับใหลอยู่ในห้องปลอดเชื้อนั้น

                  ฉันขอเข้าเยี่ยม และพบว่าเค้าก็ไม่มีใครเหมือนฉัน เค้าไม่มีคนมาเยี่ยมได้ห้าปีแล้ว พยาบาลบอกว่า ครอบครัวเขาเครื่องบินตกเสียชีวิตกันหมด  เมื่อห้าปีก่อน ฉันจำได้ ว่าเมื่อห้าปีก่อนเขาเคยบอกกับฉันในฝันว่าเค้าไม่มีใครอีกแล้ว พร้อมกับร้องไห้ และฉันก็ได้เห็นน้ำตาผู้ชายครั้งแรกในคืนนั้น

                  ทันทีที่ฉันเข้าไป ฉันกลับรู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด เหมือนได้เติมบางสิ่งที่ขาดหายไปชั่วชีวิต  และทันทีที่ฉันสัมผัสตัวเขา  เขาหายใจแรงขึ้น และพยาบาลก็เข้ามา ถอดเครื่องต่างๆออกจนหมด  แต่เค้ายังมีชีวิตอยู่  ทั้งๆที่พยาบาลบอกว่าเค้าติดเครื่องพวกนี้มาเป็นสิบปี และวันนี้ก็มีปาฏิหาริย์ ที่เค้าหายใจเองได้

                  ตอนนั้นเอง ที่ฉันรู้ว่า ฉันมีชิวิตอยู่เพื่อใคร ฉันมีชีวิตอยู่เพื่อรอเค้าตื่นขึ้นมานั่นเอง

                  จากนั้น ทุกๆวัน  ฉันต้องมาที่นี่ เพื่อมาเยี่ยมคนที่ฉันรัก ฉันพูดได้เต็มปากว่ารักอย่างไม่อาย ฉันอยากให้เค้าฟื้นขึ้นมาฟังคำว่ารักจากปากฉัน ฉันกลัว กลัวว่าจะไม่ได้พูด เพราะหมอบอกว่าเค้าไม่มีโอกาสที่จะฟื้นเลย ทำให้ฉันสวดอธิษฐานให้เขา และทำให้ฉันร้องไห้ในตอนนี้

                  น้ำตาไหลลงมาเป็นสาย  หยดลงบนแขนของฉัน  และอาจมีบางหยด  หยดลงบนมือเขา  และปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริงๆ 

                  เสียงคนไอดังขึ้น ในห้องมีเพียงฉัน และเขา เขาฟื้น เขาฟื้นแล้ว พยาบาลกรูเข้ามา ฉันได้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจนขึ้น ทันใดนั้น เขาก็ลุกขึ้นนั่ง และ เดินมาจับมือฉันแล้วยิ้ม  ยิ้มแบบที่ฉันคุ้นเคย ยิ้มแบบที่ฉันเคนเห็นอยู่บ่อยๆในฝัน  แต่ในวันนี้  ฉันได้เห็นมันจริงๆ รอยยิ้มจากชายในฝันของฉัน ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้าฉัน และกำลังยืนยิ้มให้ฉัน แต่ฉัน ฉันน..กำลังร้องไห้ ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่เป็นเพราะดีใจ ที่คนคนนี้ ฟื้นขึ้นมา ฉันมองหน้าเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ คนนี้ที่ฉันเห็นมาตลอด เกือบยี่สิบปี วันนี้เค้าตื่นมาหาฉันแล้ว  ฉันจับที่ใบหน้าเขา ใบหน้าที่แสนคุ้นเคย เค้าจับมือฉันที่ลูบบนหน้าเขาออก แล้วกอดฉันอย่างอ่อนโยน มันทำให้ฉันร้องไห้หนักขึ้น

                 

      ไม่ดีใจเหรอ ร้องไห้อยู่ได้น่ะ เขาถามฉัน

                  เปล่าหรอก ดีใจต่างหาก ฉันยิ้ม

       

                  เขาใช้นิ้วเช็ดน้ำตาให้ฉัน  มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นอย่างทีไม่เคยรู้สึกมาก่อน

      และเขาก็ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากฉัน มันเป็นจูบที่แสนหวาน

                 

                  แต่งงานกับผมนะ เขาพูดพร้อมกับคุกเข่าลง ทั้งๆที่เพิ่งฟื้น

                  ฉันรอคุณมาทั้งชีวิต แล้วยังจะต้องตอบอีกเหรอคะ

       

                  แล้วเขาก็ยืนขึ้น พรมจูบให้ฉันที่ริมฝีปาก ริมฝีปากที่นุ่มนวลนั้นได้ประทับลงบนริมฝีปากของฉัน เนิ่นนาน และแผ่วเบาดุจปุยเมฆ

       

                  หลังจากนั้น เขาพาฉันออกจากโรงพยาบาล ไปจัดการเรื่องแต่งงานอย่างรีบร้อน แต่ฉันก็ดีใจอยู่ลึกๆ  ที่วันนี้ จู่ๆฝันก็เป็นจริงขึ้นมา

                  วันนี้ วันแต่งงานของเรา  ฉันอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวฟูฟ่อง ยืนเคียงคู่กับชายผู้ที่หัวใจเฝ้าเรียกหามาตลอดยี่สิบปี วันนี้เราได้คู่กันจริงๆอย่างปาฏิหาริย์

       

                  เวลาผ่านไปนานหลายเดือน  เราเกิดอาการประหลาดขึ้น อยากกินทุเรียนทั้งๆที่ทุเรียนยังดอกอยู่  อยากกินอะไรแปลกๆ ทั้งเค้า คิมบองซัม ก็เกิดคลื่นไส้อาเจียนขึ้นมาง่ายๆ  จนแม่บ้านทัก เราก็เลยไปตรวจดู  และผลก็เป็นไปตามคาด

       

                  ท้อง!!!!!!!” เราสองคนพูดพร้อมกัน

       

                  ยิ้มกันไม่หุบละค่ะจากนั้น  สารพัดจะบำรุงกันละทีนี้  จนเวลาผ่านไป

      เราได้ลูกสาวสวยน่ารักทีเดียว ซึ่งเราให้ชื่อว่า คิมอารียอง น่ารักเหมาะกับชื่อทีเดียวค่ะ

                  แต่ฟ้าเหมือนกลั่นแกล้ง ลูกสาวเราเป็นเนื้องอกในสมอง แกจากเราไปอย่างรวดเร็วโดยที่เรายังไม่ทันตั้งตัว  แกอายุแค่ สามขวบ กำลังน่ารักทีเดียว ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ

                  บองซัมจึงพาฉันไปตากอากาศ  โดยหวังว่าฉันจะหายเศร้าได้บ้าง 

      มันก็ช่วยได้ แต่ไม่มากนัก และฉันก็ล้มป่วยลง

                  บองซัมพาไปตรวจ  และพบว่าฉันเป็นมะเร็งในสมอง เหมือนกับอารียอง ที่แท้ฉันนี่เองที่ฆ่าลูก ฉันนี่เองที่ทำให้อารียองต้องเคราะห์ร้าย และฉันนี่เองที่ทำร้ายลูก

      ฉันพร่ำเพ้อถ้อยคำเหล่านี้ไม่หยุด ฉันเสียใจมาก และขอให้บองซัมพาไปที่บ้านริมทะเล

                  เรานั่งหันหน้าไปทางทะเล พูดคุยกันถึงเรื่องในฝันตั้งแต่วัยเด็ก ซึ่งเรารู้ดี ว่านี่คือลิขิตสวรรค์ ที่ทำให้เรามาเจอกัน เราคุยกันไปเรื่อยๆ ส่วนตัวฉันก็เริ่มอ่อนแรงลง

      และลมหายใจสุดท้ายก็มาถึง ฉันเห็นอารียอง ในชุดสีขาวฟูฟ่องมารับฉัน นางฟ้าน้อยๆของฉัน  และก่อนที่ฉันจะหลับตาลงชั่วนิรันดรนั้น ฉันเห็นบองซัมกุมมือที่หน้าอกอย่างเจ็บปวด และหายใจอย่างแผ่วเบาข้างๆกัน

                  เราหลับอยู่บนผืนดินผืนฟ้าและท้องน้ำแห่งเดียวกัน คำอธิษฐานสุดท้ายของฉัน ก็คือ ขอให้เกิดมาคู่กันอีก

       

      ฮันยองมี และ คิมบองซัม

               

               

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×