ตอนที่ 3 : TIN : 03 100%
TIN : 03
กดมั่ว
TIN : ถึงบ้านกันยังค้าบบ
tuL : พวกผมถึงละน้า
เกววะลิน : กูถึงหอหวะ
TIN : กวนอะ
โทรศัพท์ที่ชาร์จไว้หัวเตียงมันสั่นแรงมากจนผมละสายตาจากหน้าหนังสือขึ้นมอง จะต้องเป็นแชทกลุ่มที่พึ่งเป็นสมาชิกหมาดๆนั่นแน่ๆ ซึ่งพอกดดูมันก็จริง
tuL : อ่านเพิ่มแล้วๆ
tuL : พี่อินเปล่า
อิดทิพัด : ใช่
อิดทิพัด : พี่ถึงแล้ว
ผมมองข้อความที่ขึ้นอ่านสีคน หมายความสมาชิกทั้งหมดอ่านข้อความนี้แล้ว ถอนหายใจออกมาเบาๆ เตรียมจะเก็บมันลงและปิดเสียงเพื่อกันการรบกวน
tuL : ไอ้ธีร์ละ
TIN : อย่าซุ่มอ่านครับ เพื่อนเป็นห่วง
T : ส่งสติกเกอร์
รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นบนหน้าผม คงเพราะข้อความจากธีร์คือสติกเกอร์มูน ที่ไลน์แจกฟรีกำลังยกนิ้วโป้งอยู่ ซึ่งขัดกับลุคของผู้ส่งโดยสิ้นเชิง
TIN : วันเสาร์ไปดูหนังกันอีกไหมพี่ๆ
TIN : ผมคิดถึงสายตาคนมองแล้ว
ผมถอนหายใจอีกรอบกับที่ติณพิมพ์มา ติณดูชอบมากกับการที่เป็นจุดสนใจ เพราะที่ห้างหลังดูหนังจบ พวกเราห้าคนแทบจะดึงสายตาของคนรอบข้างมาทั้งหมด ผมแอบเห็นสาวๆหลายคนลอบหยิบโทรศัพท์มากดถ่ายราวกับเจอดาราในดวงใจ บางคนก็ยิ้มๆเขินให้มา หนักสุดก็คงจะเป็นเดินเข้ามาหาเบอร์ผมกับธีร์
เพราะแบบนั้นทำให้ติณตุลย์รู้สึกภูมิใจมากกับการที่เรา 5 คนมารวมกัน เขาบอกว่ามันรู้สึกถึงความหล่อที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้ จนทำให้ก่อนกลับสองแฝดเสนอให้สร้างกลุ่มแชทไลน์ ไว้สำหรับนัดเจอกัน ซึ่งในกลุ่มก็มีสมาชิกคือเรา 5 คนนี่แหละครับ ตอนแรกเกือบจะสี่ด้วยซ้ำเพราะธีร์ไม่เต็มใจนัก แต่ผมเขาเห็นผมที่ดูไม่เต็มใจเหมือนกันกดเข้ากลุ่ม ก็เลยยอม
tuL : ผมไม่อยากจะพูดเลย
เกววะลิน : งั้นเงียบปากไป
tuL : ใจร้าย
tuL : แต่จะพูด
tuL : ผมภูมิใจกับเบ้าหน้าเรา 5คนจริงๆนะ
เอาอีกแล้ว...
TIN : กูด้วย
tuL : เกวก็น่ารักแบบลักยิ้มน่าจิ้ม
tuL : พี่อินก็รู้ๆกันอยู่ เดือนมหาลัย หล่อเรียกพ่อ
ผมเขินจนไม่รู้จะเขินยังไงแล้ว เขินจนรู้สึกอายที่พวกนั้นชมไม่หยุด ปกติก็ชมเยอะอยู่แล้วแต่นี่ยิ่งมากกว่าเดิมหลายเท่า
tuL : ไอ้ธีร์ก็ถวายมดลูกเลยถ้ามี
tuL : ส่วนผมสองคนก็หล่อแบบแพ็คคู่
TIN : สาวๆตรีมแน่คราวนี้
ผมกดออกจากหน้าแชทกลุ่มนั้นทันที เพราะรู้สึกเสียเวลาอ่านหนังสือไปหลายนาทีแล้ว ขณะที่กำลังจะกดออกจากแอปด้วย ข้อความหนึ่งของผู้ใช้ไม่คุ้นตาก็แจ้งเตือนเข้ามา.
T : ปิดเสียง
T : ตรงไหน
ธีร์ส่งมาหาผมด้วยข้อความสั้นๆ เน้นให้เข้าใจที่ต้องการจะสื่อแบบตอนพูด
อิดทิพัด : ธีร์จะปิดใครเหรอ
T : กลุ่ม
อิดทิพัด : ถ้ารำคาญเดี๋ยวพี่บอกพวกนั้นให้
T : ไม่
T : จะอ่านหนังสือ
อิดทิพัด : งั้นแปบหนึ่งนะ
ว่าแล้วผมก็จัดการกดเข้าแชทกลุ่ม อัดหน้าจอโทรศัพท์ด้วยโปรแกรมที่ติดมากับเครื่อง สาธิตตั้งแต่กดปิดเสียงจนการเปิดใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็ส่งไปในช่องแชทของคนตัวใหญ่ทันที
อิดทิพัด : ส่งวีดิโอ 03.15 นาที
ขอความผมขึ้นอ่านทันที แต่ไม่มีคนตอบกลับมา ผมคิดว่าเขาน่าจะกำลังดูวีดิโออยู่ แต่ผ่านไปแล้วเกือบสิบนาทีก็ไม่ตอบกลับมา ผมเลยถอดที่ชาร์จแล้วเอาเครื่องมือสื่อสารมาวางบนโต๊ะอ่านหนังสือด้วย เผื่อเขาสังสัยแล้วทักมา แม้ผมจะสงสัยอยู่แล้วว่าทำไมธีร์ใช้ไม่เป็นก็เถอะ
Rrrr
ไม่ใช่เสียงแจ้งเตือนข้อความ แต่เป็นโทรแบบเสียงจากแอปพลิเคชั่นเดียวกัน โดยปลายสายคือธีร์ ผมกดรับอย่างงงๆ แต่ก็กรอกเสียงทักอีกฝ่ายก่อน
“ว่าไงธีร์”
[อันนี้โทรเหรอ] เสียงทุ้มเอ่ยตอบมา
“ใช่ ธีร์โทรหาพี่”
[กดมั่ว]
“อ่อ---“ เสียงผมถูกแทรกด้วยเสียงเตือนจากโทรศัพท์ หน้าจอขึ้นปุ่มสองอันให้ผมกดเลือก
ตกลง vs ยกเลิก
[อันนี้คืออะไร] ใบหน้าของธีร์ภายในหน้าจอสีเหลี่ยมผืนผ้าฉายแววสงสัยออกมา ทั้งๆที่ยังคงเรียบตึง ผมอมยิ้มนิดๆกับความรู้สึกร้อนขึ้นมาบนหน้า
“ธีร์กดให้วีดิโอคอล”
[..] ใบหน้าหล่อเอียงนิดๆทั้งที่ยังถือโทรศัพท์ขึ้นอยู่ เหมือนกับเด็กน้อยที่สงสัยแล้วจะต้องเอียงหัวถาม
“พี่ก็กดตกลง”
[อ่อ..] ธีร์ขานรับก่อนเกิดภาพสั่นๆ และก็หยุดลง เหมือนกับว่าเขาเอาโทรศัพท์ที่ถือมาวางตั้งไว้ด้านหน้า ทำให้ผมได้เห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในชุดนอนสีฟ้าอ่อนแขนสั้น ผมสีดำยุ่งๆไม่ได้เรียบร้อยเหมือนตอนเย็น ข้างหน้ามีหนังสือหนาเล่มหนึ่งกางอยู่
“อ่านหนังสือจริงด้วยแฮะ” ผมแกล้งแซว วางโทรศัพท์ไว้ตรงหน้าเหมือนเขาบ้าง เปลี่ยนจากจับโทรศัพท์มาจับปากกาอีกครั้ง
[คิดว่าโกหกเหรอ]
“เปล่าครับๆ” บอกกลับยิ้มๆ ธีร์ไม่ได้ตอบกลับอะไรแต่ก้มหน้าลงมองหนังสือไปแล้ว “ธีร์” ผมเอ่ยเรีบกสักพักหลังจากเงียบไป เด็กมัธยมละสายตาขึ้นมอง เชิงถามว่ามีอะไร “ให้พี่วางสายไหม”
[ไม่]
“..” ผมเงียบเพื่อขอเหตุผล
[ไว้เตือน]
“เตือน? เตือนธีร์?”
[ใช่]
“เรื่องอะไรครับ”
[ให้นอน]
“ยังไง..” ผมยังไม่เข้าใจ ร่างสูงคิ้วขมวดมากกว่าเดิมจนผมรู้สึกกลัว “พี่งงจริงๆนะครับ” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้จอแล้วบอกออกมา สีหน้าธีร์ดูคลายความหงุดหงิดลงโดยการปล่อยคิ้วเป็นปกติ
[อินไม่อยากให้นอนดึก]
“ใช่ครับ เพราะธีร์ง่วง พอง่วงแล้วจะเรียนไม่รู้เรื่อง” ผมขานรับและพูดตามที่นึกออก
[ก็เลยให้เตือน]
“คือธีร์จะให้พี่เตือนเมื่อถึงเวลานอนใช่ไหมครับ”
[ใช่]
“เข้าใจแล้วครับ” แล้วเราก็คุยกันนิดหน่อย จนผมเข้าใจอย่างกระจ่างว่าธีร์นอนดึกมาก เกือบตีสามแทบทุกวันที่รู้ว่าจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่นอนดึกก็เพราะอ่านหนังสือจนลืมเวล่ำเวลา ไม่ใช่ว่าอ่านหนังสือไม่ดีนะครับ แต่ดึกมากไปน้องจะง่วงจนเรียนไม่รู้เรื่อง
ผมเงียบธีร์เงียบ ต่างฝ่ายต่างจับจ้องที่เอกสารตรงหน้าตัวเอง มีบ้างที่เหลือบตามองเขา และก็หลายครั้งเหมือนกันที่เหลือบมองไปแล้วบังเอิญสบตากัน
เข็มสั้นชี้เลข 11 เข็มยาวอยู่ระหว่างเลข 5 กับ 6 ทำให้ผมละสายตาขึ้นมองคนในจอโทรศัพท์
“ธีร์” เขาไม่แสดงท่าทีอะไร ไม่แม้แต่เงยหน้ามามอง “ห้าทุ่มกว่าแล้วครับ”
[…]
“ธีร์”
[…]
“ธีร์ครับ”
[อะไรอิน] หน้าหล่อเงยหน้าขึ้นมองด้วยหัวคิ้วยกๆ เหมือนกับไม่เข้าใจว่าผมจะเรียกทำไม
“ห้าทุ่มครึ่งแล้วครับ”
[อีก 7หน้า]
“แต่ว่ามันจะดึกนะ” ผมบอกเสียงนิ่งเพิ่มความจริงจัง ธีร์มองหน้าผมสลับกับหน้าหนังสือ แววตาเขาอ่อนลงเรื่อยๆจนกลายเป็นเหมือนกำลังเสียดายที่ไม่ได้อ่านต่อ “เอ่อ..งั้นเที่ยงคืนนอนนะครับ”
[อืม] พอผมอนุญาตทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม ธีร์ก้มหน้าลงในขณะที่ผมกำลังหงุดหงิดตัวเอง
ถ้าเป็นแฝดคงเอ็ดไปแล้ว
เวลาผ่านไปพร้อมกับชีทที่ผมอ่านจบลง 00.07 น. เป็นเวลาที่เด็กมัธยมควรจะนอนได้แล้วในความคิดของผม ทว่าคนตรงหน้ายังคงเปิดหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ ผมคิดว่าคงเกิน 7 หน้า ที่เขาขอไว้แล้ว
“ธีร์”
[ยัง] ธีร์ตอบกลับทั้งๆที่ก้มหน้าอยู่แบบนั้น ผมขมวดคิ้วฉับ มันคงถึงเวลาที่จะต้องใช้บทโหดแล้ว
“ธีร์”
[..]
“ธีร์บอกให้พี่เตือนให้นอน พอพี่บอกธีร์ก็ไม่ฟังพี่” ผมพูดนิ่งสังเกตที่ทีไปด้วย อีกคนเหมือนจะรู้สึกถึงอารมณ์ฉุนของผม สีหน้าตอนนี้หงอยไปแล้ว “ดื้อมากเลยรู้ตัวไหม” จากหน้าหงอยการเป็นต่อต้าน ธีร์ไม่ยอมรับว่าตัวเองดื้อ คิ้วเข้มขมวดตามผมคล้ายอยากจะเถียง
[งั้นไปนอน]
“ควรนอนตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนแล้วครับ”
[ก็อ่านอยู่]
“งั้นเลิกอ่านนะครับ จะได้นอน”
[ทีอินยังนั่งอ่านได้] คนวัยเรียนบทพึมพำพร้อมกับเก็บหนังสือเล่มหนาเข้าริมๆของโต๊ะ ผมอมยิ้มกับท่าทางนั้น หมดสิ้นกันบทโหดที่คิดว่าจะใช้
“พี่โตแล้ว พรุ่งนี้พี่ก็ไม่มีเรียนแปดโมงเช้าแบบธีร์ด้วย”
[...] เงียบครับ
“อีกอย่าง พี่ก็จะนอนแล้วเหมือนกัน”
[จริง?] หัวเอียงเล็กน้อย ผมพยักหน้าตอบ
“ใช่ครับ นอนพร้อมกันไปเลย แฟร์ๆ”
[อืม]
“งั้นไปที่เตียงเลยครับ”
[ไปก่อน] เขาพูดสวนทันทีเหมือนกลัวตุกติก ซึ่งผมก็จะนอนจริงๆอยู่แล้วเลยลุกถือโทรศัพท์ หย่อนตัวนอนบนเตียง เอาผ้าห่มคลุมจนเห็นแค่อกขึ้นมา ภาพในโทรศัพท์ที่ยกถืออยู่คือธีร์ในชุดนอนสีฟ้าหย่อนตัวลงบนเตียงสีน้ำเงิน นั่งพิงหัวเตียงด้วยใบหน้านิ่งๆตามปกติ
“ปิดไฟนอนสิครับ” ธีร์ไม่ตอบแต่ภาพฝั่งเขามืดไปแล้ว เสียงคุกคักนิดหน่อยน่าจะเป็นธีร์ที่ล้มตัวลงนอน “อย่าให้รู้นะครับว่าแอบลุกไปอ่านต่อ”
[เหมือนกัน]
“ดีมาก ฝันดีนะครับ”
[เหมือนกัน]
“พี่วางนะ” เสียงอือดังมาตามด้วยผมที่กดเครื่องหมายสีแดง เข้าสู่หน้าแชทข้อความ ข้อความนิดหน่อยนั่นคือที่ธีร์ถามผมวิธีใช้ไลน์ แล้วเขาก็โทรมาโดนบอกว่ากดมั่น ผลสรุปเวลาโทรก็ปาเข้าไป 3ชั่วโมงนิดๆ
แต่นั่นก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมไม่ต้องเปิดเพลงคลายเหงาระหว่างอ่านหนังสือ
ฝันดีนะครับ
“อินๆ” เพื่อนสนิทผมยื่นหัวออกจากประตูที่มันเกาะอยู่ ทำหน้าระแวงเหมือนไม่อยากรบกวนให้คนในห้องหันมาให้ความสนใจกับมัน
“ขอตัวสักครู่นะครับ” ผมบอกกับรุ่นน้องสองคนตรงหน้า ลุกเดินไปที่เกว “มีไร”
“ไอ้ตุลย์โทรมา”
“นัดดูหนังเหรอ” ผมถามออกไปตามที่คิด ตั้งแต่วันนั้นมา 1 อาทิตย์เต็มๆ สองแฝดก็ร่ำตลอดว่าจะหาเวลานัดเจอกันอีก “ช่วงนี้กูน่าจะไม่ว่างเลย”
“ไม่ๆ” เกวยกมือโบก “มันถามว่าพวกเราคุยกับไอ้ธีร์มั่งไหม”
หืม..?
“กูงงว่าทำไมกูจะต้องคุย แต่จำได้ว่ามึงเคยบอกว่าเคยคุยกับมันอยู่”
“ใช่ ทำไมวะ”
“ไอ้ตุลย์บอกว่า วันนี้ไอ้ธีร์ไม่ไปโรงเรียน ติดต่อไอ้ธีร์ไม่ได้ ครูโทรไปที่บ้านก็ไม่มีใครรับ”
“ไม่ไปโรงเรียน?”
“เออ”
“เดี๋ยวกูลองทักไลน์ไป”
“ไอ้สองแฝดกระหน่ำเต็มกลุ่มละ” เกวว่าพร้อมหยิบโทรศัพท์เปิดแอปไลน์แชทบนสุดเป็นกลุ่มเรา 5คน ที่มีข้อความไม่ได้กดเป็นร้อย ผมแอบเห็นเกวมันปิดเสียงไว้ด้วย
“ลองก่อน” ผมบอกแน่วแน่ ธีร์บอกว่าจะปิดแจ้งเตือนเพราะแบบนั้นอาจจะไม่ได้เห็น แต่แชทผมคงไม่เพราะทักไปทีไรเขาก็ตอบตลอด
อิดทิพัด : ธีร์
อิดทิพัด : ไม่ไปโรงเรียนเหรอครับ
“หืม..” เกวที่มองหน้าจอผมอยู่ตลอดลากเสียงขึ้นมาเหมือนกับสงสัย แต่จู่ๆมันก็ยิ้มจนแก้มบุ๋มลงไป “นี่มึงคุยกับไอ้ธีร์ทุกวันเลยเหรอ”
“ก็- เห้ย!” ไม่ตกใจได้ไงละครับ จู่ๆไอ้คนขี้สงสัยก็ดึงโทรศัพท์ผมไปแล้ว
“แม่ง คอลกันทุกคืนเลยเหรอวะ”
“ไอ้เกวเอามานะมึง!”
“เดี๋ยวๆพ่อเดือนเดี๋ยว” มันพูดแบบกวนเบื้องล่าง ใช้แขนดันหน้าผมที่พยายามเข้าแย่ง มืออีกข้างก็สไลด์หน้าจอไม่หยุด “เชี่ย คอลสามชั่วโมงทุกวัน”
“เกวหยุด”
“มึงคุยอะไรกันวะ” มันลดมือลงแล้วแต่ยังปัดนิ้วไม่หยุด ผมเห็นโอกาสจึงรีบคว้ามา “แหม กูเพื่อนมึงนะ หวงไรขนาดนั้น”
“มึงชอบเสือก”
“โกรธกูจนหน้าแดงเลยเหรอ”
“ไอ้เกวมึงหยุด กูรู้นะว่ามึงคิดอะไร” ผมเอ่ยขัดสีหน้ากรุ่มกริ่มของมันทันที คงคิดเป็นอื่นไม่ได้แน่ๆนอกจากความสัมพันธ์เกินพี่น้อง แต่บอกไว้เลยว่ายังไงก็พี่น้อง คอลกันทุกๆคืนไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นอย่างอื่นเสมอไปซะหน่อย
“กูไม่ได้คิดอะไรเลยนะเว้ย”
“ไม่เชื่อ”
“แล้วแต่น้า” น้ำเสียงมันยั่วอารมณ์สุดขีด “ไอ้ธีร์พูดอะไรกับมึงสามชั่วโมงวะ”
“ไม่ยุ่ง”
“อะได้ๆ เดี๋ยวกูสืบเองก็ได้”
“ไอ้เกว!”
“เออ พี่อินครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหลังฉุดอารมณ์ผมลงทันที ไอ้เกวเห็นโอกาสก็รีบวิ่งหนีไปแล้วยังตะโกนมาอีกว่าติดต่อธีร์ให้ได้
“ว่าไง”
“สิบเห็นพี่เสียงดังก็เลยเดินออกมาดุนะครับ นึกว่ามีปัญหาอะไร”
“อ่อ ไม่มีอะไรๆ ด่าไอ้เกวเฉยๆน่ะ”
“ครับ งั้นเข้าข้างในกันเถอะครับ เจ๊จะนัดหมายแล้ว”
-------------------------------------
มาเสิร์ฟแล้วคร้าบบ ตอนที่ 3
เป็นไงบ้างเอ่ย
ขอบคุณทุกๆคอมเม้น ทุกกดกำลังใจให้นะครับ รู้สึกซาบซึ้งและมีกำลังใจมากขึ้นจริงๆ
หวังว่าทุกคนจะชื่นชอบนิยายสองนะครับ
เดี๋ยวจะมาต่อเรื่อยๆนะค้าบ
สวัสดีครับ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไม่ธรรมดา
ก็มันน่าสงสัยไหมล่ะคุยกันเป็นชั่วโมงทุกวันแบบนี้