ตอนที่ 19 : TIN : 17 100%
TIN 17
รัก
BELL’S PART
ผมได้รับข้อความทางไลน์จากคุณหนูว่าให้ไปรับกลับบ้าน ข้อความอ่านแทบไม่รู้เรื่องเพราะพิมพ์ผิดเกือบหมด แต่ถ้าใช้เซนซ์ก็พอเข้าใจ ในระหว่างนั้นผมกำลังช่วยคุณธันตรวจเอกสารบัญชีย้อนหลังอยู่ อย่างไรก็ตามผมสามารถผละออกมาได้เพื่อคุณธีร์ ถึงจะแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้กลับไว เพราะปกติเลิกซ้อมกี่โมงต้องบวกไปประมาณ 20 นาทีเพราะคุณอินจะชอบพาคุณหนูข้ามถนนมาซื้อนมช็อคโกแลตก่อนเสมอ
ช่วงเวลา 16.40 น. ถือว่าเป็นเวลาของการเดินทางกลับบ้านของเด็กนักเรียน ยิ่งเป็นในถนนเส้นที่จะผ่านหน้าโรงเรียนมัธยมเอกชนที่คุณธีร์เรียนอยู่ ถนนยิ่งแน่นขนัด ขยับได้ทีละนิดจนคิดว่าถ้าเอาเอกสารมาตรวจด้วยคงเสร็จไปสองเดือน
พลันสายตาที่กำลังมองไปเรื่อยเปื่อยไปพบกับร่างใครบางคนที่ไกลลิบๆ เสื้อนักเรียนสีขาวบนร่างที่สูงโปร่ง สำหรับคนที่เห็นกันมาเกือบสิบปีอย่างผม ไม่อยากเลยที่จะมั่นใจว่านั่นคือ คุณธีร์
แต่..ทำไมถึงมาเดินอยู่ริมรั้วแบบนั้น เขาควรจะรออยู่กับคุณอิน หรือถ้าจะเดินไปไหนก็ควรมีคุณอินข้างๆ
ความไม่สบายใจแม้จะยังไม่ทราบอะไรเกิดขึ้นในใจจนผมเริ่มหงุดหงิดกับการจราจร ร้อนรนจนอยากจะทิ้งรถแล้ววิ่งไปหามันเดี๋ยวนี้เลย
“ขอข้ามหน่อย..ขอข้าม” พึมพำระหว่างหักเลี้ยวข้ามถนนมาจอดเทียบที่ริมฟุตบาทหน้าโรงเรียน ความร้อนใจทำให้ผมก้าวขาข้ามรั้วกั้นแบบไม่ได้สนใจว่า ควรเดินไปใช้ช่องทางที่เว้นสำหรับ มันเสียเวลาในควารู้สึกผม เพราะตอน ใจผมมันนำไปหาคุณธีร์แล้ว
“คุณธีร์ครับ” เอ่ยไล่หลังเมื่อเข้าใกล้กันมากขึ้น เด็กนักเรียนลูกชายเจ้านายหยุดนิ่งแต่ไม่หันมา ทำให้ผมรีบก้าวฉับๆเข้าไปหา “ทำไมไม่รอ--------” เสียงผมขาดห้วงไปเลยเมื่อได้เห็นด้านหน้าของอีกคน ถึงคุณธีร์จะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาแต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้ทำเอาพูดไม่ออก มันเหมือน...
“เบลล์...” เสียงเบาๆเปล่งขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าหล่อที่ปกติจะไม่มีการแสดงอารมณ์ แต่ตอนนี้มีเครื่องกำกับความรู้สึกประดับอยู่ทั่วหน้า ถ้ามันเป็นรอยยิ้มผมคงรู้สึกดี แต่มันคือหยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
“คุณธีร์เป็นอะไรไปครับ” ตาผมร้อนผ่าวทันที่เห็น ขยับเข้าใกล้และโอบกอดคนอ่อนกว่าเอาไว้ ลูบหลังเป็นการปลอบโยนแม้จะไม่เข้าใจเรื่องอะไรก็ตาม “คุณธีร์..ผม..ฮึก..” สุดท้ายเขื่อนน้ำตาผมก็พังทลาย มันห้ามไม่ได้จริงๆ ความรู้สึกตอนนี้เหมือนมีปริศนามาบีบหัวใจผมอยู่ข้างใน ยิ่งยามที่ได้ยินเสียงสูดหายใจดังขึ้นพร้อมน้ำมูกยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่
“...”
“คุณธีร์เป็นอะไรครับ บอกผมนะครับ” สะกดกลั้นอารมณ์จนปากสั่น แต่ผมควรจะปลอบเขาสิไม่ใช่ยืนร้องไปด้วยกัน เพราะอย่างนั้นจริงดันตัวคนสูงกว่าออก เอ่ยถามไปด้วยเสียงสั่นๆ
“...”
“ผม..ผม..ผมไม่เคยเห็นคุณธีร์ร้องไห้..แต่..แต่...” มันยากมากเลยนะครับที่จะฝืนตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมา เมื่อเห็นน้ำตาที่ไหลเป็นสายๆของคุณหนูตรงหน้า ตั้งแต่อยู่ด้วยกันผมไม่เคยเห็นเขาร้องไห้สักครั้ง แต่พอได้เห็นแล้วมันก็ปวดใจไม่น้อย “ใจเย็นๆนะครับ อย่าร้อง”
“...” ไร้เสียงสะอื้นและคำพูดตอบกลับ เพียงแต่เขาก้มกลับลงไปอีกครั้ง ผมเลยรั้งคุณธีร์เข้ามากอดอีกรอบแบบไม่สนรอบข้างว่าจะมีใครมองไหม คุณหนูผมของผมสำคัญกว่าเป็นไหนๆ
“คุณ..ธีร์..”
“เบลล์..”
“ครับ ..ว่าไงครับ” รีบถามออกไปเมื่อถูกเรียก มือสองข้างลูบแผ่นหลังกว้างไปด้วย
“ไม่มี..ใคร..รัก”
กึก! ฝ่ามือปริศนาในอกบีบหัวใจผมอีกครั้ง ประโยคเดิมที่เคยได้ยินเมื่อหลายปีก่อน ประโยคเดิม…
ในวันที่ผมไปรับคุณหนูกลับบ้านปกติ เพราะช่วงนั้นเป็นช่วงแรกๆที่ผมเข้าทำงานกับคุณธัน และได้รับหน้าที่รับส่งคุณธีร์ไปเรียน ทำให้ยังกะเวลาไม่ได้ ผมเลยออกจากบริษัทเพื่อไปรอรับเขาก่อนเวลาเลิกเกือบสามสิบนาที แต่ในความจริงคุณธีร์ลงมารอผมอยู่ก่อนแล้ว
กำลังจะเดินเข้าเรียกแล้วถ้าไม่บังเอิญไปเห็นว่ามีกลุ่มนักเรียนห้องเดียวกันเดินมาหา ผมกำลังจะดีใจอยู่แล้วที่อย่างน้อยคุณหนูของผมก็มีเพื่อนเข้ามาพูดคุย ถ้าไม่ติดที่ว่าคำพูดจากปากของคนหนึ่งในนั้นเป็นภาษาอังกฤษ มันแปลความหมายออกมาได้ไม่น่าฟังเท่าไร
“ฉันอยากรู้ว่าจริงๆแล้วนายมีพ่อไหม”
“นั่นสิ มีพ่อจริงๆไหมเนี่ย”
“มี..” คุณธีร์ตอบกลับไป เรียกเสียงหัวเราะจากกลุ่มเด็กต่างชาติได้ แม้มันจะไม่มีอะไรน่าขำก็ตาม
“มีจริงๆเหรอ ถ้ามีจริงทำไมพ่อนายไม่เคยมาที่โรงเรียนเลยละ”
“หมอนี่อยู่ห้องเดียวกับฉันตั้งแต่เกรด 6 ฉันยังไม่เคยเจอพ่อเขาเลย”
“ฉันมีพ่อ พวกนายยุ่งอะไรด้วย” น้ำเสียงคุณธีร์มากคล้ายจะร้องไห้ แต่สีหน้ายังคงเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ผมสัมผัสได้ว่าเขาไม่ไหวแล้ว
“พ่อนายก็คงไม่รักแล้วแหละ”
“น่าสงสารนะ ขนาดพ่อแท้ๆยังไม่รักนายเลย”
“งั้นบนโลกนี้ก็คงไม่มีใครรักนายแล้วแหละ” จบประโยคภาษาอังกฤษนนี้ ผมก็รีบพุ่งเข้าไปในกลุ่มเด็กทันที ไม่ใช่เพราะคำพูดที่แสนแย่ แต่เพราะหมัดคุณธีร์ที่ปล่อยใส่บนหน้าของผู้พูดต่างหาก
พาคุณธีร์ออกมาได้ผมก็พร่ำบอกเขาตลอดทางว่ามันไม่ใช่อย่างที่พวกนั้นว่าสักนิด แต่ดูแล้วไม่ได้ผลเพราะคำพูดนั้นคงบาดลึกไปในความคิดและหัวใจของคุณธีร์ในวัยมัธยมต้นไปแล้ว จากเดิมที่คุณหนูเงียบๆอยู่แล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ไร้ซึ่งคำพูดใดๆเลย ถ้าไม่ถูกเค้นจริงๆ
“ใครไม่มีใครรักครับ ถ้าหมายถึงคุณธีร์ไม่ใช่..ฮึก..ไม่ใช่แน่นอนครับ ผม คุณธัน คุณอิน ทุกคนเลยครับ ทุกคนรักคุณธีร์ คุณติณ คุณตุลย์ก็ด้วยนะครับ..”
“ไม่มี..”
“มีครับ.. มีจริงๆนะครับ” ย้ำไปให้อีกคนมั่นใจ แต่ความชื้นที่หัวไหล่บ่งบอกว่ามันยังไม่มีอะไรที่ดีขึ้นเลย
“ธีร์...ธีร์ดื้อ..นะ” เสียงเบาๆเปล่งมาทีละคำ ราวกับไม่อยากจะพูดออกมา ยิ่งสะท้อนว่าเขารู้สึกแย่แค่ไหน ซึ่งมันไม่ต่างกันผมเลยตอนนี้ “ดื้อ.. จะรัก..เหรอ”
“รักสิครับ รักมากๆ จะดื้อกว่านี้ก็รักอยู่แล้วครับ”
“...”
“ใครว่าคุณ..ธีร์มาครับ” สังเกตว่าคุณธีร์ดูดีขึ้นเล็กน้อย จึงถามพลางจูงมือให้เดินมาที่รถ แต่พอเห็นปฏิกิริยาหลังจากถามไปแล้วผมอยากตบปากตัวเอง
“...”
“งั้นกลับบ้านกันนะครับ คุณธีร์นอนพักก็ได้นะครับเดี๋ยวปวดหัวเอา” ปาดน้ำตาตัวเองพลางจัดแจงให้คุณหนูนั่งบนรถดีๆ คุณธีร์ขัดขืน และดูไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าผมทำอะไร เขาเพียงแต่ก้มมองพื้นอยู่อย่างนั้น
พอเรียบร้อยผมก็ออกรถโดยขับด้วยมือเดียว อีกข้างจัดการพิมพ์ข้อความหาสองคนที่ลอยเข้าหัวเป็นอันดับแรก กดส่งให้คุณธันเสร็จก็พิมพ์หาคุณอินต่อ เพียงครู่เดียวก็ได้รับการตอบกลับจากคุณธัน เขาบอกว่าจะรีบกลับบ้านให้เร็วที่สุด ส่วนคุณอินนั้น..ไม่ได้กดเข้ามาอ่าน
IN’ S PART
“พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้นนะครับธีร์” รีบเอ่ยเมื่อสถานการณ์เริ่มไม่ดี แววตาธีร์ฉายความรู้สึกไม่ดีจนผมรู้สึกผิดาที่พูดออกไป “ฟังพี่---“
พรึบ! มือยื่นหมายจะแตะตัวถูกปัดออกอย่างแรง เหตุการณ์นี้ทำเอาใจผมเต้นหน่วง
“ธีร์” ไม่มีเสียงตอบ ซ้ำยังหันเตรียมเดินออกไป จึงรีบขยับตัวไปคว้าไหล่ไว้ทั้งๆที่มีน้องปันอยู่ในอก
!
สองเหตุการณ์เกิดขึ้นพร้อม อย่างแรกคือธีร์ที่หันมาตามแรงรั้งของผมแม้เจ้าตัวจะฝืนไว้ก็ตาม ใบหน้าหล่อที่ปกติเรียบเฉยถูกฉาบไปด้วยความเศร้าฉายผ่านนัยน์ตา ยิ่งไปกว่านั้นคือ หยดน้ำตาเอ่อไหลเป็นทาง
อีกเหตุการณ์เป็นผลจากผมที่เอื้อมมือไปหาธีร์ ทำให้หนีบเนื้อแขนของตัวเล็กในอก น้องปันร้องขึ้นเสียงดังจนสะดุ้งและเผลอละความสนใจมา
ครู่เดียวที่ก้มลงมา แต่เงยหน้าขึ้นไปอีกที คนตรงหน้าก็เดินกึ่งวิ่งออกไปแล้ว ซึ่งยังอยู่ในระยะที่สามารถตามไปทัน ซึ่งมันกลับทำไม่ได้ เพราะคนที่ประกาศเรียกเดินเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น ข้างกันเป็นคนที่ผมรู้จักนั่นคือ อิงค์ ทั้งสองคนพยายามจะพูดคุยและขอบคุณที่ผมช่วยเหลือน้องชายของเขาเอาไว้ ในขณะที่ผมไม่อาจยิ้มให้หรือพูดคุยอย่างตั้งใจได้เลย ความสนใจผมตอนนี้อยู่ที่คนที่กำลังชะเง้อมองหมดแล้ว
ผละออกมาจาก 2 เด็กมัธยมและ 1 น้องอนุบาล ผมและหัวใจที่ห่อเหี่ยวก็วิ่งตามออกไปในทางที่เห็นธีร์ พ้นประตูโรงเรียนไปนั้นก็ไม่เจออะไรแล้วนอกจากยามที่ทำหน้าสงสัยว่าผมมีธุระอะไร
พอเจอแบบนั้นจึงรีบวิ่งกลับเข้ามาข้างโรงยิม ระยะที่ปกติคงเหนื่อยจนหอบไปแล้ว แต่บัดนี้กลับไม่อาจทำให้ผมรู้สึกอะไรได้ นอกจากรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจ ยิ่งนึกถึงธีร์ยิ่งรู้สึกผิด ยิ่งเห็นภาพธีร์ที่ร้องไห้ในหัวเท่าไร ยิ่งรู้สึกแย่
แย่จนกลัว..
กลัวว่าธีร์จะไม่ยกโทษให้
กลัวว่าเราจะไม่เหมือนเดิม
หลังจากขับรถวนรอบโรงเรียนมัธยม เลยไปยันศูนย์อาหารที่เคยไปนั่งรอคุณเบลล์หรือจะเป็นในร้านชาที่เราเคยไปนั่งกินด้วยกัน ซึ่งก็ไม่พบสักที่เดียว ผมเลยตัดสินใจออกรถจากโรงเรียนมุ่งไปที่บ้านของธีร์แทน แม้จะแอบรู้สึกกลัวที่จะมีโอกาสได้เจออาธันและคุณเบลล์ด้วยก็ตาม
โชคดีที่คนงานในบ้านของอาธันจำรถของผมได้ รอไม่นานจึงมาเปิดให้เข้าไปจอดเทียบในโรงจอดรถได้ รีบดับรถคว้ากุญแจมาใส่กระเป๋าและลงจากรถอย่างรวดเร็ว สะกดความกลัวของตัวเองด้วยความคิดที่ว่าทำผิดก็ต้องยอมรับผิด
“เดี๋ยวไปตามคุณธันกับคุณเบลล์ให้นะคะ” ตัวชาขึ้นเล็กน้อยเมื่อป้ากลอนคนเดิมบอกก่อนจะเดินขึ้นไปทางบันได ความรู้สึกตอนนี้มันบรรยายไม่ถูก ปนกันมั่วไปหมด ซึ่งแน่นอน มันไม่ใช่ความรู้สึกดีสักอย่างเดียว ทั้งรู้สึกผิด กังวล กลัว และไม่มั่นใจแล้วว่าผมจะยังเป็นพี่และหลานที่ดีอีกหรือเปล่า
“อาธัน..สวัสดีครับ...” การมองหน้าอาธันในตอนนี้ยากมากสำหรับผม ความกลัวพยายามซ่อนไว้ก่อนจะได้พบมันกลับมาอีกครั้งจนเผลอบีบมือเข้าหากัน “ผ..ผม..มาหาธีร์ครับ”
“..ฮึก..” ไม่ใช่เสียงอาธัน แต่เป็นคุณเบลล์ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมยืนก้มหน้าอยู่อย่างนี้ก็เพราะเห็นคุณเบลล์ที่ยืนร้องไห้สะอื้นอยู่ข้างๆ
ผมทำผิดมากๆ
ทำผิดมากจริงๆ
“ผม..ผมอยากมาขอโทษ..มาอธิบายกับน้อง” ผมคิดว่าอาธันคงรู้เรื่องราวบ้างแล้ว แม้จะแค่เห็นธีร์ร้องไห้ก็ตาม แต่มันก็คงไม่อยากที่จะพอรู้ว่าต้นเหตุต้องมาจากผม
เพราะมีแค่ผมคนเดียวที่ได้พูดคุยกับธีร์ และมีโอกาสทำร้ายเขาโดนที่ไม่รู้ตัว
“ถ้า..ถ้าอาธันไม่อยากให้ได้เจอน้อง...ผม.ผมเข้าใจนะครับ แต่..แต่ผมอยากอธิบายให้น้องเข้าใจจริงๆ”
“ฮึก..คุณธันจะ..เงียบทำไม.” เสียงขึ้นจมูกคุณเบลล์บอก ผมเงยมองช้าๆก็ได้สบตากับอาธันพอดี
“กำลังคิดว่าอินทำอะไรธีร์” น้ำเสียงเรียบเอ่ยบอก แม้ไม่แสดงออกว่ารู้สึกอย่างไร แต่แววตาของอาธันก็บ่งบอกว่าเขารู้สึกไม่ดีและเศร้าหมองออกมา
“เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังครับ แต่..ผมขอเจอน้องได้ไหม”
“อืม..” กล้าเงยหน้าอีกครั้ง ยกมือไหว้ขอบคุณที่คุณอายังไม่มองผมไม่ดี “เบลล์ไปเอากุญแจให้อิน”
“ฮือ..อยู่นี่..” คุณเลขายกมือปาดน้ำตาพลางเดินเข้ามาส่งกุญแจห้องให้ผม ก่อนที่ผมจะถูกรั้งเข้าไปกอดเต็มแรง “ฮือ..คุณหนู..คุณหนูร้องไห้ครับคุณอิน..”
“ผม..ผมรู้ครับ..” แม้เห็นกับตามาแล้ว แต่พอมีคนบอกมันยิ่งบีบรัดหัวใจ “ผมขอโทษนะครับ ผมผิดเอง”
“คุณอินอธิบายให้คุณธีร์เข้า..ฮึก.ใจนะครับ”
. “ครับ”
“ให้อภัยพี่นะครับ” พึมพำกับตัวเองหลังจากหยุดถือกุญแจอยู่หน้าประตูมาพักใหญ่ ก่อนจะบรรจงเสียบลูกกุญแจลงไป แม้จะเป็นการกระทำโดยพลการแต่ถ้าไม่ทำแบบนี้เราก็คงไม่มีโอกาสได้คุยกัน
ภายในห้องนอนมืดสลัวเพราะไม่มีการเปิดใช้งานอุปกรณ์ให้แสงสว่าง มีเพียงแสงด้านนอกที่ทำให้เห็นว่าอะไรอยู่ตรงไหนในห้อง
หยุดเดิน ยืนเรียกกำลังใจให้ตัวเองเมื่อเห็นหัวของธีร์พ้นกับเตียงขึ้นมา ไม่รู้ว่าเขารับรู้การเข้ามาของผมไหม แต่ด้วยความผิดในใจ เลยเผลอเดินอย่างระวังและไร้เสียงจนมาหยุดที่พื้นข้างเตียงที่เจ้าของห้องนั่งอยู่
“ธีร์” เป็นการเรียกที่ยากลำบากที่สุดตั้งแต่เรารู้จักกัน จากที่รู้สึกแย่อยู่แล้วก็แย่กว่าเดิมเมื่อไม่มีการตอบกลับ แถมธีร์ขยับตัวห่างออกไปจนชิดชั้นวางโคมไฟ แต่มันก็แสดงว่าเขาได้ยินและรับรู้ “พี่อยากคุยกับธีร์นะครับ”
“...”
“ถ้าธีร์ไม่คุยกับพี่ก็..ก็ไม่เป็นไรเลยครับ” ครั้งนี้ไม่เป็นอะไรจริงๆ ธีร์ไม่ได้ใจร้ายเหมือนกันครั้งก่อนๆ เพราะครั้งนี้ผมมีความผิดที่ชัดเจน ไม่ต้องถามเขาก็รู้ “แต่พี่อยากอธิบายนะครับ.. พี่อยากให้ธีร์รู้ว่าพี่ไม่ได้..ไม่ได้จะสื่อแบบนั้น”
“...”
“ธีร์..” ถ้ายืนพูดอยู่แบบนั้นคงไม่ได้อะไร จึงเอ่ยเรียกพร้อมขยับย่อตัวลงใกล้ๆ “ธีร์ครับ..” ตัดสินใจคว้าไหล่กว้างเข้ามา มือข้างนึ่งกอดรัดหัวของเขาให้จมอยู่กับอกอย่างแนบชิด สิ่งที่ตามมาคือความอุ่นชื้นจากน้ำตาของอีกคน “พี่ขอโทษนะครับที่พี่พูดแบบนั้น”
“…”
“..ฮึก..” เสียงสะอื้นที่ลอดขึ้นมายิ่งบีบหัวใจ ผมไม่ชอบมันเลย ผมเคยบอกว่าไม่ชอบแววตาธีร์แสดงออกความเศร้าออกมา แต่นี่..ผมทำเขาร้องไห้
ผมมันโคตรแย่
“ที่พี่พูดก็แค่อยากให้ธีร์อธิบายเรื่องราวให้พี่ฟัง”
“...”
“พี่ผิดเองที่ไม่คิดให้ดี จน..จนมันทำให้ธีร์รู้สึกแย่”
“…”
“แต่ที่พี่พูดมันไม่ใช่เลยนะครับ.. ทุกคนรักธีร์.. อาธัน คุณเบลล์ เพื่อนๆธีร์ เพื่อนของพี่...”
“...”
“รวมถึงพี่... พี่ก็รักธีร์”
“อิน..” เสียงเรียกของธีร์เหมือนแสงสว่างที่ปรากฏขึ้นข้างในความรู้สึกผิด แรงกอดตอบของเขาทำเอาผมกระชับอ้อมแขนให้แนบแน่นกว่าเดิน ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เขาไปและหวังให้ธีร์ได้รับรู้
“จริง..เหรอ..” เสียงขึ้นจมูกของธีร์เอ่ยถามช้าๆ ผมพยักหน้าตอบรัวๆแม้เขาจะไม่เห็น
“จริงครับ รักมากด้วยๆ ธีร์จะดื้อจะยังไงพี่ก็รักอยู่แล้วครับ” ตอบไปร้อมลูบแผ่นหลังกว้างใปด้วย จนรู้สึกถึงแรงขึ้นจากคนในอก
“อย่าพูด..” หน้าหล่อที่เงยขึ้นมาทำเอาผมอยากจะต่อยตัวเอง ความผิดที่ทำสะท้อนกลับเข้ามาด้วยดวงตาที่แดงก่ำและน้ำตาที่เคลือบไปทั่วหน้า “แบบนั้น..อีก..”
“ไม่พูดแล้วครับ พี่จะไม่พูดแบบนั้นอีกแล้ว”
“อืม..” เขากลับเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง หน้าหล่อขยับไปมาเหมือนหาที่ลงที่ดี ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้ว
“อย่าร้องนะครับ” ลูบแขนลูบหลังไปทั่วหมายจะให้รู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ “เด็กดี..อย่าร้องอีกเลยนะครับ”
“อิน”
“ครับ”
“จริง..ฮึก..ใช่ไหม”
“จริงครับ”
“…”
“ธีร์ให้อภัยพี่นะครับ” ขืนให้น้องออกมาใหม่เพื่อรับความรู้สึกที่ผมจะสื่อ สบตากันครู่หนึ่งก็ได้รับการพยักหน้าตอบมา “พี่ขอโทษนะครับ ขอโทษจริงๆ” ผมยิ้มออกมาได้อีกครั้งเมื่อได้คำตอบนั้น เป็นฝ่ายรัดตัวธีร์เข้ามา ถูหน้าตัวเองลงบนหัวของเขาด้วยความรู้สึกเอ็นดู
“อะ!” สะดุ้งพร้อมกับดันตัวธีร์ออกมา เมื่อกี้เขากัดผม กัดด้วยฟันคมแถวหัวไหล่เต็มแรงเลย ถ้าเปิดเสื้อมาก็คงเห็นรอยแดงแน่นอน “กัดพี่ทำไมครับ”
“ลงโทษ” จากที่เจ็บกาย กลายเป็นเจ็บใจเมื่อเขาพูดมาแบบนี้
เหตุการณ์นี้คงจะอยู่ในความทรงจำผมไปตลอด
“..งั้นกัดอีกก็ได้นะครับ”
“พอแล้ว”
“พี่.. พี่ไม่ชอบน้ำตาธีร์เลยครับ..” พอได้มองหน้ากันตรงๆ หยดน้ำใสบนหน้าก็กระทบแสงระยิบระยับขึ้นมาให้เห็นอีก “ยิ่งเพราะพี่เป็นต้นเหตุ พี่ยิ่งไม่ชอบเลยครับ”
“อืม” เสียงครางรับในคอดังขึ้นพร้อมกับท่อนแขนที่ยกขึ้นเช็ดหน้าตัวเอง
“เดี๋ยวเจ็บนะครับ”
“ไม่อยากร้อง” คนอ่อนกว่าบอก ผมอมยิ้มให้พลางวางไว้ที่สองแก้ม นิ้วขยับเกลี่ยออกมาอย่างเบามือ หยดน้ำทั้งหมดที่ค้างอยู่ไหลรวมที่นิ้ว ไม่ใช่แค่เช็ดน้ำตาครั้งนี้อย่างเดียว แต่ใจผมบอกตัวเองไปด้วยว่าจะไม่ทำให้ต้องมีน้ำตาอีกแล้ว
“น่ารักมากครับ”
“ขอบคุณนะครับที่ไม่โกรธพี่”
“อืม” ขานในคอตามด้วยฝ่ามือใหญ่ที่ทาบทับมาบนมือผม “รัก”
“ครับ..?”
“รักอิน..เหมือนกัน” ผมยิ้มกว้างเมื่อได้ยินมา ถึงจะรู้สึกหน้าร้อนนิดหน่อยก็เถอะ ยังไงคำคำนี้ผมก็เป็นฝ่ายบอกก่อนไปแล้ว
แต่พอในห้องเงียบลงไป ผมได้กอดธีร์เฉยๆและอยู่กับตัวเองมากขึ้น มันก็เริ่มร้อนวูบวาบแถวหน้า ความเขินผุดขึ้นมากมายหลังจากได้คิดวิเคราะห์เหตุการณ์เมื่อครู่นี้
จะไม่ให้เขินได้อย่างไร
นี่มันสารภาพรักนี่หน่า..
--------------------------------------------------
มาต่อแล้วครับผมมมมมมมม
พี่อินง้อพี่ธีร์สำเร็จแล้วนะครับ
บอกรักกันให้มั่นใจว่าพี่ธีร์ไม่ให้เปิดใจให้ผิดคนแน่นอน
หวังว่าทุกคนจะชอบนะครับบบ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นและกำลังใจมากเลยนะครับบ
ตอนนี้แต่งยากมากๆเลยเพราะไม่ถนัดให้ดราม่าบรรยายความรู้สึกเศร้าเลยครับ
แต่เพราะทุกคนเลยนะครับ
สองถึงผ่านมาได้ ขอบคุณมากเลยนะค้าบบ
ฝากติดตามตอนต่อไปนะครับ :)
#ธีร์อย่าดื้อ
--------------------------
ขอเก็บภาพนี้ไว้เป็นความทรงจำนะครับบ
ดีใจมากๆๆๆๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องบอกรักพี่ขนาดนี้แล้ว ห้ามทำน้องร้องไห้อีกนะเนี่ย ดูสิแทบจะร้องกันทั้งบ้านเลยเนี่ย
เขิงงงงงงงงงงงงงงงง