ตอนที่ 1 : TIN : 01 100%
TIN : 01
ไม่ชอบพูดสินะ
“อินช่วยพ่อมองหาไอ้ธันด้วย” ร่างสูงที่เดินนำผมเข้าในร้านอาหารหรูเอ่ยขึ้น สายตาคมของท่านกวาดมองไปรอบๆร้าน ไม่ต่างกับผมที่ช่วยมองหาเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนของพ่อ ที่วันนี้นัดเจอกัน หลังจากไม่เจอกันเกือบ 10 ปี
“นั่นเปล่าครับ”
“ไหน” พ่อมองตามมือผมไปที่แผ่นหลังกว้าง ซึ่งข้างกันมีร่างผู้ชายไหล่กว้างนั่งอยู่ด้วย “ใช่เลยอิน” ว่าแล้วพ่อผมก็รีบเดินเข้าไปเลย ผมมองแล้วก็อดขำออกมาไม่ได้ พ่อผมยังอยู่ในชุดสูทอยู่เหมือนกัน พึ่งจะประชุมที่โรงเรียนเสร็จก็วนไปรับผมที่มหาลัยแล้วมาที่นี่เลย ไม่บอกก็รู้ว่ารีบมาแค่ไหน
คงไม่ต่างกับอาธัน ประธานบริษัทใหญ่ด้านโรงแรมและธุรกิจปลีกย่อยมากมาย เพราะท่านก็ยังคงใส่สูทอยู่เหมือนกัน
“ไอ้ธัน!”
“อาร์ต!” เพื่อนเก่าเอ่ยทักกันอย่างสนิทสนม คุณอาและผู้ชายข้างๆลูกขึ้นยืนแสดงการต้อนรับ ผมยกมือไหว้ท่านไป เช่นเดียวกับอีกคนข้างๆที่ไหว้พ่อผม “นั่งๆ ฉันหิวจะแย่แล้ว”
“โทษที ติดประชุมหวะ”
“ไม่เป็นไร สั่งอาหารก่อนแล้วกัน” อาธันบอกรีบๆ พนักงานที่เหมือนแสตนบายรอเดินเข้ามาทันที อาหารมากถูกสั่งโดยพ่อและเพื่อน มีบ้างที่จะหันมาถามความคิดเห็นผม “นั่นอินใช่ไหม”
“ครับ”
“โตขึ้นมาแล้วหล่อเหมือนอาสมัยหนุ่มๆ”
“ใช่ที่ไหน หล่อเหมือนพ่อ” พ่อผมสวนทันควัน
“มั่นใจอะไร” อาธันยังคงพูดเล่นต่อและขำออกมา “อ่อ นี่ธีร์ ไหว้พี่อินสิลูก” ท่านหันบอกคนตรงข้ามผม มือใหญ่ยกขึ้นกลางอกแล้วหัวก้มลง โดยสีหน้าเหมือนเดิมตั้งแต่ผมเข้ามานั่ง
นิ่งเฉย เหมือนไร้อารมณ์
“หล่อกว่าแกตอนหนุ่มอีกนะ” พ่อผมบอก
“วัดกันไม่ได้หรอก” อาธันบอกปัด ผมกับพ่อขำออกมา ในขณะที่อีกคนก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่แสดงอาการใดๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้บรรยากาศอึดอัด
น้องคงไม่ชอบพูด
“ได้ข่าวว่าแกจะกลับมาอยู่ไทยถาวร?” พ่อถาม
“ใช่ ก็เลยเอาเจ้าธีร์กลับมาอยู่ไทยด้วย”
“แล้วตอนแรกลูกอยู่อเมริกากับแกเหรอ”
“ใช่” คุณอากดหน้ารับยิ้มๆ “นี่ให้กลับมาเข้า ม.6 จะได้เตรียมเข้ามหาลัย”
“เข้าที่ไหนละ”
“โรงเรียนแก”
“หืม.. ค่าเทอมแพงนะ” พ่อผมพูดขำๆ
“จ่ายสองเท่าต่อเทอมเลยอะ” อาธันตอบพร้อมกับยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งกวนๆ พ่อส่ายหน้าเอือมๆ ผมคิดตามไปแล้วก็คิดว่า คุณอาคงทำได้ง่ายๆ ดูจากข่าวสารต่างๆที่เกี่ยวกับท่านว่าร่ำรวยแค่ไหน
“เดี๋ยวนี้ได้ดีใหญ่”
“พอกันแหละครับท่านผอ.” พ่อเป็นเจ้าของโรงเรียนเอกชนและควบตำแหน่งผู้อำนวยการอีกด้วย ส่วนอาธันก็ทำธุรกิจอย่างที่ผมบอก แต่พ่อบอกว่ากว่าพ่อกับอาจะมีการงานรุ่งเรืองแบบนี้ ก็ผ่านช่วงวิกฤตมาสมควร
สำหรับพ่อผมคงจะเป็นการที่มีผม ตั้งแต่อายุ 17 ปี พอแม่คลอดผมก็ถูกทางครอบครัวแยกออกไปทันที เพราะทางแม่คิดว่าพ่อผมไม่มีอนาคต ถึงจะเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูลที่ดี แต่ทำตัวเกเร ก็เลยรับกันไม่ได้ ตั้งแต่ตอนนั้นพ่อผมก็ฝากผมไว้กับย่า แล้วเข้าสู่การปรับตัวอย่างจริงจัง และก็สานต่องานโรงเรียนเหมือนที่ย่าทำ เพิ่มเติมคือท่านมาเป็นผอ.ด้วยตนเอง
ส่วนคุณอา พ่อบอกว่าเป็นเพื่อนกันตอนพ่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ช่วงปลายๆปีหนึ่ง พ่อไปเที่ยวกับคุณอาโดยมีแฟนคุณอาไปด้วย และหลังจากนั้นสองเดือนพ่อก็ทราบว่าแฟนคุณอากำลังตั้งครรภ์ ซึ่งก็น้องธีร์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม ส่วนแฟนคุณอาคนนั้นก็หนีหายไปมีครอบครัวใหม่แล้ว
“ขออนุญาตนะครับ” การคุยของพ่อกับอาถูกขัดลงโดยพนักงานสามสี่คน อาหารราคาสูงมากมายวางลงตามแต่ละคนสั่งเพื่อความสะดวก แต่เหมือนจะไม่มีของธีร์ “ขอโทษนะครับ อีกรายการยังไม่เรียบร้อย”
“อืม” คุณอารับพร้อมกับมองหน้าลูกชายนิดหน่อย “เต็มที่เลยนะอิน มื้อนี้อาเลี้ยง”
“อย่ามา ฉันเลี้ยงเอง เต็มที่เลยธีร์”
“ไม่ต้องเลยไอ้อาร์ต ฉันนัดมา ฉันก็ต้องเลี้ยง”
“งั้นหารกัน”
“งั้นก็ได้” พ่อพยักหน้ากวนๆให้เมื่อคุณอาตกลง แล้วก็เริ่มลงมือทานอาหารเย็นกัน โดยที่มีบ้างที่ท่านสองคนจะคุยกัน ผมละสายตาจากคุณอามามองคนข้างท่าน ช้อนส้อมยังคงอยู่เหมือนเดิม ข้าวในจานก็เหมือนเดิม สีหน้าและท่าทางน้องก็เหมือนเดิม
ไม่กินเหรอ..
“ธีร์รอต้มยำกุ้งน่ะ” เหมือนคุณอาจะสัมผัสได้ว่าผมมองน้องก็เลยตอบให้ เจ้าตัวมองหน้าผมนิดๆและก็เบนไปนอกร้านเหมือนเดิม
ไม่นานเมนูของธีร์ก็มา พร้อมกับเชฟที่เดินมาขอโทษด้วยที่ทำช้า อาธันไม่ได้ว่าอะไร เพราะลูกชายของเขาดูหิวมากๆ ถึงกับรับจานที่เสิร์ฟมาด้วยตนเองเลย
การทานอาหารมีเสียงพูดคุยตลอดเวลา 98 เปอร์เซ็นคือพ่อกับอาธัน อีก 1.8 เปอร์เซ็นเป็นผมที่ตอบคำถาม และอีก 0.2 เปอร์เซ็นคือเสียงอื้อ อืม ในลำคอของธีร์ ผมแทบไม่ได้สนใจ 98 เปอร์เซ็นของพ่อกับอาเท่าไร การที่ผู้เป็นพ่อใช้ช้อนส้อมแกะกุ้งให้ลูกชายตัวโตนั่นน่าสนใจกว่าเยอะ
“นี่ธีร์” สองคำนี้ดังมาทุกรอบที่พ่อธีร์แกะกุ้งเสร็จ ธีร์กดหน้ารับพลางขยับแขนหลบ ช้อนที่พากุ้งตัวสีส้มมาลงบนจานของเขา เป็นแบบนี้มาหลายรอบแล้ว ตั้งแต่ต้มยำกุ้งถ้วยแรกมา
ใช่ครับ ถ้วยแรก
ตอนนี้เป็นถ้วยที่สองแล้ว ไม่ใช่ว่าทานกันไว แต่เพราะว่ากุ้งหมด ก็เลยต้องสั่งต่อทันทีเพื่อให้ธีร์ได้ทานต่อ
น้องคงจะชอบกุ้งมาก
“อิ่มแปล้เลยหวะ” พ่อผมบอก รวบช้อนตามมารยาทที่ดีก่อนจะทิ้งตัวไปกับพนักเก้าอี้ อาธันก็ดูท่าทีอิ่มเช่นกัน ทว่าไม่ได้ทิ้งช้อนลงแต่อย่างใด มันยังจำเป็นต่อการทำเพื่อลูกชายอยู่
“อินไม่อิ่ม สั่งเพิ่มเลยนะ”
“อิ่มแล้วครับ” ผมตอบ
“ธีร์เอาอีกไหม”
“เอา” เขาเปล่งฟังยากเพราะว่ากำลังเคี้ยวอยู่พอดี คุณพ่อน้องพยักหน้ารับและสั่งต้มยำกุ้งถ้วยที่สามมา
“ชอบเหรอครับ” สุดท้ายผมก็อดที่จะพูดออกไปไม่ได้ รอยยิ้มปรากฏในหน้าผมกว้างมาก หวังว่าจะได้รับกลับ สุดท้ายก็แค่หน้านิ่งๆที่ก้มรับกุ้งตัวสวยฝีมือการเอาเปลือกออกโดยคุณพ่อเข้าไป
“เหมือนกินเป็นอย่างเดียว” คุณอาตอบ “ไอ้อาร์ต แล้วที่แกจะชวนฉันไปดูกล้อง ไปเลยไหม ฉันต้องกลับก่อนสามทุ่ม”
“อ่า..” พ่อเลิกคิ้วและมองนาฬิกา เข็มทั้งสองบอก 20.14 น. “งั้นไปก่อนดีกว่า” พ่อผมตอบก่อนจะหันมาหาผมต่อ “พ่อไปดูกล้องกับธันก่อน อินอยู่กับน้องนะ”
“ธีร์อยู่กับพี่อินไป จะเอาอะไรเพิ่มก็สั่ง เรียกพวกเบลล์ก็ได้” คุณอาบอกทิ้งท้าย ชี้นิ้วไปที่ร่างสูงผิวขาวตัดกับสูทสีดำนอกร้านที่กำลังคุยกับบอดี้การ์ดอยู่ ธีร์ไม่ได้หืออือ เพียงแต่พยักหน้า
พอพ่อกับอาเดินออกไป ชายชุดดำบางคนก็เดินตามไป และก็มีร่างสูงเมื่อกี้ที่เดินยิ้มให้ผมเข้ามา เขาก้มหัวลงให้ผมเป็นการทักทาย
“สวัสดีครับ”
“คุณอินใช่ไหมครับ”
“ใช่ครับ คุณเบลล์” เขาอมยิ้มนิดๆและก้มหน้าลงไป ผมย้ายสายตามาที่คนตรงข้าม มือใหญ่วางช้อนส้อมลงบนจาน ราวกับจะเลิกกิน ทั้งๆที่ข้าวยังเหลืออีกเกือบครึ่งจาน และต้มยำกุ้งถ้วยใหม่ยังเหลืออีกเยอะ
จริงๆอีกสองถ้วยก็เหลือเยอะ แค่ไม่เหลือแต่ผักกับน้ำแล้ว
“พี่แกะให้” ผมคิดว่าที่เขาเลิกกินเพราะว่าไม่มีใครจัดการให้ ก็เลยทำหน้าที่นั้นแทนอาธัน ถือวิสาสะจิ้มไปวางในจานตรงข้ามทันที โดยมีอีกคนมองมานิ่งๆ แต่ถ้าจ้องเข้าไปในนัยน์ตาคมดีๆ ก็จะเห็นประกายความดีใจ ก่อนที่จะถูกซ่อนลงเพราะการก้มหน้าทานของเขา
พอมีตัวแรกก็มีที่ตัวสอง สาม และสี่ จนหมดถ้วย และข้าวของธีร์หมดพอดี เย็นละลายไร้น้ำแข็งยกขึ้นกระดกจนหมดแก้ว เปลือกตาปิดลงนิดๆ แสดงออกชัดเจนว่าอิ่มมากจริงๆ
“คุณหนู-” คุณเบลล์พูดไม่ทันจบก็สายตาตวัดขึ้นมา ปากบางหุบฉับและก้มหัวให้
ไม่ชอบให้เรียกคุณหนูแน่ๆ
“คุณธีร์รับอะไรเพิ่มไหมครับ”
“ถาม” น้องบอก ไปหน้าหล่อสะบัดมาทางผม
“คุณอินรับอะไรไหมครับ ของหวานร้านนี้ก็อร่อยนะครับ” คุณเบลล์เอ่ยถามผมแทนด้วยคำถามเดิม คำว่าถาม กับการสะบัดหน้ามา คือหมายความว่า ถามผมซะ งี้เหรอ
“ผมไม่ชอบของหวาน..” ผมตอบตามตรง ทั้งๆที่มองคนถามอยู่ แต่ก็แอบเห็นคนตรงข้ามดูจะไม่ถูกใจคำตอบผม “แต่ว่า เอาก็ได้ครับ”
“รับเป็นอะไรดีครับ เดี๋ยวผมไปบอกข้างในให้เลย”
“ธีร์ชอบอะไรก็เอามาเลยครับ” ท่าทีของธีร์ดูเหมือนตกใจแต่ก็ซ่อนมันไว้โดยการนั่งนิ่งๆ แต่ดวงตาล่อกแล่ก เหลือบมองคุณเบลล์ไม่หยุด
“งั้นเป็นเค้กช็อคโกแลตนะครับ”
ชอบกุ้ง ชอบช็อคโกแลต
แต่ไม่ชอบพูด
เสร็จจากการทานอาหารเย็นกับเพื่อนเก่าพ่อผมก็แยกตัวกลับมาที่หอพักทันทีเพื่ออ่านหนังสือสำหรับการควิซ ก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะแลกช่องทางติดต่อต่างกับคุณอาเอาไว้ รวมถึงของธีร์ด้วย โดยมีผู้ใหญ่บอกว่า ไว้ยามจำเป็นจะต้องติดต่อกัน ผมก็ไม่ได้ขัดอะไร คนเด็กที่สุดก็เช่นเดียวกัน
Rrrr
ไม่ใช่เบอร์ที่พึ่งเมมวันนี้หรอกครับ เพื่อนผมเอง
“ว่าไง”
[ติวให้หน่อย]
“อะไรไอ้เกว” เพื่อนปลายสายชื่อ เกว ครับ ชื่อจริง เกวลิน อะครับ แต่เป็นผู้ชายแมนทั้งแท่ง ไม่มีตำแหน่งอะไรรับประกันความหล่อ แต่ผมรับประกันให้ได้
{ที่ควิซพรุ่งนี้]
“พึ่งถึงเนี่ย ยังไม่ได้ทวนเลย”
[อย่างมึงต้องทวนอีกเหรอ]
“ได้เป็นคนออกข้อสอบเมื่อไร เมื่อนั้นกูจะไม่ทวน” ผมบอกมัน เสียงขำดังมาจากปลายสาย
ก๊อก ก๊อก
เดี๋ยว
“อย่าบอกนะว่ามึงเคาะ”
[มาเปิดประตูเหอะ มารอตั้งแต่ทุ่มครึ่ง]
“ห๊ะ”
ถามไปถามมามันก็บอกว่ามารอตั้งแต่ทุ่มครึ่ง เพราะว่าอ่านเองไม่ไหวจริงๆ และคิดว่าผมจะมาไวกว่านี้ แต่ผมก็บอกมันไปแล้วนะครับว่ามีธุระกับพ่อ สุดท้ายก็มารอเกือบสองชั่วโมง รออยู่ที่ไหนก็ไม่บอก
“เดี๋ยวอาบน้ำก่อน ฝากเอาเสื้อผ้าออกมานอกถุงด้วย” เกวว่าจบก็คว้าผ้าเช็ดตัวผมเข้าห้องน้ำไปเลย เจ้าของห้องอย่างผมก็ได้แต่ทำตามที่มันบอก
-------------------------------------
สวัสดีครับทุกคน เรียกผมว่าสองนะครับ ตอนปีที่แล้วบังเอิญได้เลขที่ 12 ก็เลยตั้งเป็นนามปากกา ที่ไหนได้ปีนี้โดนย้ายเลขที่ไปแล้ว55555 แต่ช่างเถอะครับไม่เป็นใช่ประเด็น
ได้ฤกษ์ลงตอนที่หนึ่งแล้ว นิยายเรื่องนี้ไม่มีอะไรมากเลยครับ นอกจากฟีลกู๊ดไปเรื่อยๆ5555
ฝากติดตามกันนะครับ หวังว่าทุกคนจะชอบ ชอบทั้งธีร์ทั้งพี่อิน ชอบทั้งผมด้วยก็ได้4555555
*ยังไม่ได้ตรวจคำผิดนะครับ รีบมาลง เพราะอยากให้ทุกคนได้อ่านแล้ว ฮือออ*
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น้องธีร์คงจะเป็นคุณหนู แล้วพี่อินคงเป็นคนฝึกฝนคุณหนูน้องธีร์มั๊งนะ...รออ่านค่ะ
พึ่งเคยเจอไรท์ที่เป็น แต่งดีด้วย ชอบๆ