เงามืดในสายตา
นักสืบหญิง พญา ค้นพบว่าเธอคือกุญแจในโครงการควบคุมจิตใจมนุษย์ สืบจากคดีสู่อดีตอันลึกลับ เธอเลือกต่อสู้กับองค์กรลับ เงาตัวเอง และโชคชะตา เพื่อปลดปล่อยความจริง แม้ต้องแลกด้วยบางส่วนของตัวตนตลอดกาล
ผู้เข้าชมรวม
24
ผู้เข้าชมเดือนนี้
8
ผู้เข้าชมรวม
สืบสวน ปริศนา ลึกลับ นักสืบ ไขคดี นิยายสืบสวน คดี หักมุม ความลับ องค์กรลับ ปมอดีต ต่อสู้ คดีปริศนา นิยาย
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตอนที่ 1: คดีเงาแรก
เสียงฝนพรำอย่างเงียบงันตกกระทบกระจกหน้าต่างของสำนักงานนักสืบขนาดเล็กใจกลางกรุงเทพฯ ไฟนีออนสีส้มจากตึกฝั่งตรงข้ามสะท้อนเงาร่างหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตแขนพับกับกางเกงขายาวสีกากี "พญา" นักสืบรับจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนแบบนอกระบบกำลังนั่งไขว่ห้าง พิงพนักเก้าอี้ พลางดูดบุหรี่ไฟฟ้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ข้างกายเธอ โต๊ะทำงานไม้เก่าเต็มไปด้วยแฟ้มคดีที่เคยคลี่คลายไปแล้วหลายสิบเรื่อง บางแฟ้มถูกปิดไปอย่างเงียบ ๆ...บางแฟ้มไม่มีแม้แต่ชื่อผู้จ้าง
ค่ำคืนนี้ พญาตั้งใจจะปิดไฟเร็ว—กระทั่งแจ้งเตือนในมือถือแสดงพาดหัวข่าว:
“นักชีววิทยาชื่อดัง ดร.อลินา วงศ์เกียรติ หายตัวปริศนา”
นิ้วของเธอหยุดเลื่อน ฟังดูเหมือนข่าวอาชญากรรมรายวันทั่วไป แต่ชื่อ “อลินา” กระตุกภาพหนึ่งในสมองของเธอ—ภาพของบันทึกโบราณในภาษาอังกฤษ ที่ซ่อนอยู่ในห้องใต้หลังคาบ้านเก่าเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งมีชื่อของนักวิจัยกลุ่มหนึ่งที่พ่อแม่เธอเคยเกี่ยวข้อง
เสียงเคาะประตูสามครั้งอย่างมั่นคงทำลายบรรยากาศความคิด “พญา” เดินไปเปิดประตู พบชายสวมสูทเข้ารูป ผมสั้น เรียบเฉียบ และใบหน้าที่ดูสุขุมราวกับอ่านใจคนได้
“คุณคือคุณพญาใช่ไหมครับ?”
“ใช่ค่ะ แล้วคุณคือ?”
“พันตรีคณิน ผมมีงานให้คุณ...ดร.อลินาเป็นเพื่อนสนิทของภรรยาผม เธอหายตัวไปเมื่อสามวันก่อน ไม่มีใครรู้ว่าเธอไปไหน...แต่ผมเชื่อว่าเรื่องนี้ซับซ้อนกว่าที่ตำรวจจะเข้าใจ”
พญาจิบกาแฟเย็นที่เหลือจากเมื่อเช้า ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธ เธอฟังโดยไม่กระพริบตาแม้แต่นิดเดียว
“ผมอยากให้คุณค้นหาว่าเธอหายไปไหน...และถ้าคุณพบว่าเธอไม่ต้องการให้ใครเจอ—คุณแค่บอกผม”
พญามองเขาอยู่อึดใจ ก่อนลุกไปหยิบเสื้อโค้ทยาวสีดำที่แขวนอยู่
“ดีค่ะ ฉันจะเริ่มคืนนี้เลย แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ฉันคิด...คุณจะไม่อยากรู้คำตอบหรอก”
สถานที่: ห้องทดลองชีววิทยา – ถนนราชพฤกษ์
พญาสวมถุงมือยางก่อนเดินเข้าไปในห้องที่สะอาดเกินกว่าที่จะมีเหตุชุลมุน ทุกอย่างวางอย่างเป็นระเบียบ แต่บางอย่าง…เงียบผิดปกติ ราวกับความกลัวยังหลงเหลือในอากาศ
ใต้โต๊ะสเตนเลส เธอพบโน้ตแผ่นหนึ่งซ่อนอยู่ใต้เทปใส ที่ด้านหลังมีเพียงสัญลักษณ์ประหลาด—วงกลมสามวงซ้อนกัน มีเส้นเฉียงตัดผ่าน เธอรู้จักมันดี นั่นคือ “ตราแห่งผู้เฝ้าความเงียบ” ที่พ่อของเธอเคยกล่าวถึงในสมุดบันทึกก่อนถูกฆาตกรรม
ใจของพญาสะเทือนไปชั่วขณะ ภาพจำวัยห้าขวบหวนกลับมา แสงวาบ เสียงกรีดร้อง กลิ่นเลือด และเสียงที่แผ่วเบาเกินกว่าจะเป็นมนุษย์
“พญา หนีไป...อย่ากลับมา...”
เธอสลัดความคิดแล้วถ่ายภาพโน้ตไว้ เดินสำรวจจนพบลิ้นชักแล็บที่มีรอยงัด และภายในมีกล่องเหล็กใส่ฮาร์ดไดรฟ์แบบเข้ารหัสกับแผ่นกระดาษจดข้อความลับ—ไม่ใช่ภาษาทั่วไป แต่เป็นรหัสแบบเวอร์เนอร์ซึ่งใช้ในงานวิจัยชีวภาพลับสุดยอดเมื่อสามสิบปีก่อน
สถานที่: โกดังร้าง เขตธนบุรี
ตามคำใบ้จากรหัส พญาตามมาถึงโกดังซึ่งเธอเคยมาครั้งหนึ่งตอนอายุสิบสอง—ในคืนฝันร้ายที่เธอเห็นชายปริศนาเดินออกจากเงาและพูดเพียงว่า “เลือดจะไม่ลืม...”
ในความมืด เธอสัมผัสได้ว่ามีคนจับตามอง
เสียงฝีเท้าดังขึ้นทางด้านหลัง เธอหมุนตัวกลับ เตะสูงเข้าเป้ากลางลำตัวของชายแปลกหน้า เขาผงะ ถอย แต่เธอไม่หยุด เธอกระโจนตาม กระแทกเขากับผนัง ใช้ข้อศอกกดคอไว้
“ใครส่งนายมา”
“ฉัน...คือผู้คุ้มกัน...ของความจริง...!”
ก่อนเขาจะสลบ พญาค้นตัวและพบว่าในกระเป๋ามีแฟลชไดรฟ์ พร้อมโน้ตอีกใบ
“ถ้าเธอคือทายาทของภักดี...จงเตรียมใจจะรู้ว่าไม่มีสิ่งใดเป็นเรื่องบังเอิญ”
กลางดึก – สำนักงานของพญา
เธอเสียบไดรฟ์เข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องเก่าในห้องทำงาน หน้าจอขึ้นข้อความเข้ารหัส—และคำถามหนึ่ง:
“วันเกิดของเธอคือวันตายของใคร?”
พญานิ่งชั่วครู่ มือเธอสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เพราะความจริงเริ่มไล่ทันอดีต
เธอพิมพ์คำตอบ: “ภักดีและอรดี”—ชื่อพ่อแม่ของเธอ
แฟ้มข้อมูลค่อย ๆ ปรากฏขึ้น หนึ่งในนั้นชื่อว่า
“Project Lambda: โครงการวิจัยการส่งต่อพันธุกรรมเหนือธรรมชาติ”
เธอหยิบสมุดบันทึกเก่า ๆ ของพ่อที่เธอเคยอ่านเป็นพันครั้งขึ้นมา ก่อนกระซิบกับตัวเอง
“เกมเริ่มขึ้นแล้ว…”
เสียงฝนยังคงตก ความมืดยังไม่หายไปไหน แต่ดวงตาของพญาวาววับ—เธอพร้อมไล่ล่าความจริง ไม่ใช่แค่ของคดี...แต่ของชีวิตเธอเอง
ตอนที่ 2: เส้นทางแห่งรหัส
รุ่งเช้า พญานั่งอยู่ในคาเฟ่ลับที่เธอใช้เป็นฐานประจำ ด้านหน้าโน้ตบุ๊กเปิดทิ้งไว้ ข้อมูลจากแฟลชไดรฟ์เมื่อคืนยังวิเคราะห์ไม่เสร็จ เธอกำลังไล่เชื่อมโยงชื่อไฟล์ที่ขึ้นต้นด้วยรหัสแปลก ๆ ซึ่งทั้งหมดคล้ายจะเป็น “วันเกิดของเหยื่อในคดี” ที่เธอเคยรับไว้
หนึ่งในแฟ้มชื่อว่า: 081191_WK.docx
— ซึ่งตรงกับวันเกิดของเหยื่อสาวรายหนึ่ง ที่เคยหายตัวกลางงานแต่งงานเมื่อสามปีก่อน
พญาย้อนกลับไปเปิดแฟ้มสำนวนในแฟ้มเก่าของคดีนั้น พลันเธอก็พบว่าเหยื่อคนนั้นเคยเป็น “อาสาสมัครในโครงการทดลองของสถาบันลับ” แห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ใน เขต 9 —ย่านที่ปิดตายมาเกือบ 15 ปีแล้วจากเหตุ “ไฟไหม้ศูนย์วิจัย”
“คดีเหล่านั้นไม่ได้เป็นแค่เหตุการณ์สุ่ม...มันถูกจัดวาง”
ขณะเธอจดบันทึกเสียงมือถือก็ดังขึ้น—ข้อความจากพันตรีคณิน:
"เธออยู่ในสายตาของบางคนแล้ว ระวังตัว"
เธอถอนหายใจยาว “นี่ฉันอยู่ในเกมของใครกันแน่”
ฉากสำรวจเขต 9
บ่ายวันเดียวกัน พญาสวมฮู้ดสีเทาเข้ม เดินลัดเลาะเข้าทางระบายน้ำใต้ดินที่เชื่อมไปยังเขต 9 ด้านในเต็มไปด้วยเถาวัลย์ ผนังซีเมนต์แตกพัง และบรรยากาศราวกับสถานที่ที่เวลาเลิกหมุน
เธอสแกนพื้น พบคราบเลือดจาง ๆ ลากเป็นทางไปยังห้องแล็บหนึ่ง ซึ่งยังมีกลิ่นสารเคมีอ่อน ๆ
ในห้อง เธอพบกล่องบรรจุ HoloCore ที่ลักษณะเป็นทรงเหลี่ยม มีไฟกะพริบสีน้ำเงิน—ยังทำงานอยู่หลังเวลาผ่านไปนับสิบปี
เธอใช้ทักษะแฮ็กเบื้องต้นดึงข้อมูลพื้นฐานได้ บนหน้าจอฉายชื่อโครงการ:
"LAMBDA PHASE BETA - GENETIC INHERITANCE"
ก่อนออกจากห้อง เธอได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ ที่หลังประตู มีบางอย่างเฝ้ามองเธออยู่ เธอเตรียมมีดพับในมือ เตรียมรับมือ
ประตูเปิดอย่างช้า ๆ เงาร่างในเสื้อโค้ทสีเขียวมะกอกก้าวออกมา
“ไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้”
“เธอเป็นใคร” พญาถาม นิ้วชิดด้ามมีด
“ฉันชื่อ ‘เมธา’...พ่อเธอเคยช่วยฉันไว้...ฉันตอบแทนเขาด้วยชีวิต”
เมธาทิ้งกระดาษแผ่นหนึ่งให้เธอ เป็นข้อมูลที่ชี้ว่าหลายคดีที่พญาเคยคลี่คลายเกี่ยวพันกับ “กลุ่มเฝ้าสมดุล” ที่ใช้พลังเหนือธรรมชาติในการควบคุมจิตใจ และองค์กรที่เคยจ้างเธอ...คือสาขาเงาของกลุ่มนั้น
ฉากกลับฐานลับ – คลิปจากอดีต
เมื่อเธอกลับถึงห้องลับและเชื่อม HoloCore เข้ากับระบบของเธอ ภาพโฮโลแกรมของ “ภักดี” ผู้เป็นพ่อปรากฏขึ้น เขาพูดกับกล้องด้วยน้ำเสียงแน่นแต่กลั้วความหวาดกลัว
“ถ้าลูกได้เห็นสิ่งนี้ แปลว่าเราไม่มีโอกาสได้อยู่กับลูกแล้ว…”
“ลูกคือผลลัพธ์ของโครงการที่เขาคิดว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ แต่เราขัดขืน เพราะเราเห็นว่าพลังนั้นเป็นคำสาป…”
พญาหยุดเล่นคลิป เธอมองมือของตัวเอง รอยแผลเป็นเก่าในฝ่ามือเรืองแสงจาง ๆ เมื่อเธอตั้งสมาธิ—ความสามารถที่เธอเคยคิดว่าเป็นพรสวรรค์ อาจเป็นผลจากการทดลองที่ผิดศีลธรรม
“ฉันคือผลลัพธ์ที่ไม่ควรมีอยู่...หรือว่าฉันคือกุญแจปลดล็อกทุกอย่าง?”
ฉากจบตอนที่ 2
ไม่กี่วันต่อมา พญาได้รับงานใหม่จากพันตรีคณิน คดีฆาตกรรมเจ้าหน้าที่วิจัยในค่ายลับทหาร มีเพียงคนในถึงจะเข้าไปได้
เมื่อเธอเดินผ่านประตูรักษาความปลอดภัย เสียงคลื่นวิทยุในชุดสื่อสารแทรกเสียงกระซิบจากใครบางคน
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน...‘พญา ลำพูน’ ลูกสาวของผู้ทรยศแห่ง LAMBDA…”
ตอนที่ 3: ประตูสู่อดีต
เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านต้นไม้ในเขตป่ารกร้าง จังหวัดตาก พญายืนอยู่นิ่งหน้าบ้านไม้ทรงไทยหลังหนึ่งที่ถูกปล่อยทิ้งมานานนับสิบปี เธอไม่ได้กลับมายังสถานที่แห่งนี้เลยนับตั้งแต่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต บ้านหลังนี้คือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง—และวันนี้เธอกลับมาเพื่อเปิด “ประตู” ที่ถูกปิดตายไปตั้งแต่นั้น
ฉาก: บ้านเก่ากลางป่า – ย้อนคืนเบาะแส
พญาสอดกุญแจเก่าที่เธอพบใน HoloCore ใส่เข้าไปในกล่องไฟใต้ถุนบ้าน เสียงกลไกคลายล็อคดังกริก ก่อนทางลงห้องใต้ดินจะปรากฏ
ภายใน เธอพบเอกสารหลายกล่อง ทั้งรหัสพันธุกรรม ตัวอย่างเลือด และวิดีโอเทปโบราณ พร้อมจดหมายซองหนึ่งที่ระบุชื่อ: "ถึงลูกสาวที่กลายเป็นนักสืบ"
“ลูกอาจคิดว่าเราทอดทิ้ง แต่ความจริงคือเราแค่พยายามให้ลูกได้มี ‘ตัวตน’ ที่เป็นของตัวเอง...” —ลายมือของแม่เธอ
เทปวิดีโอเมื่อเปิด ฉายภาพการประชุมลับระหว่างพ่อแม่ของเธอกับชายคนหนึ่งในเงามืด—พญาจำเสียงได้ทันที มันคือเสียงของ ชายปริศนาในความทรงจำ
ฉาก: พบพันธมิตรในอดีต
จากเอกสารที่พบ พญาตามรอยไปยังวัดเก่าแก่ที่ปรากฏอยู่ในสมุดบันทึก พบนาย “อาจารย์โม” นักวิทยาศาสตร์ที่เคยร่วมโครงการกับพ่อแม่เธอ และหายตัวไปจากระบบนานกว่า 20 ปี
“หนูยังมีเสียงของภักดีอยู่ในแววตา…” อาจารย์โมเอ่ยเบา ๆ
“ช่วยบอกฉันที—ฉันคืออะไร?”
อาจารย์โมเปิดเผยว่า เธอเป็น “รหัสพยานแห่งความล้มเหลว” ที่พ่อแม่พยายามจะซ่อนจากองค์กร แม้จะเป็นผู้ทดลอง แต่พญาคือมนุษย์ที่มีทั้งหัวใจและความคิดเสรี—ตรงกันข้ามกับสิ่งที่องค์กรต้องการ
“และหนูยังมีพลังที่ไม่เคยถูกเปิดใช้อย่างสมบูรณ์…”
อาจารย์โมนำเธอไปยังห้องลับใต้พระอุโบสถ ซึ่งเก็บ เครื่องส่งประสาทแบบพัลส์ควอนตัม ที่สามารถกระตุ้น “ความทรงจำที่ถูกปิดผนึก” ในสมอง
เมื่อเปิดเครื่อง พญาเห็นความทรงจำใหม่—เธอเห็นใบหน้าชายอีกคน...พันตรีคณินในวัยหนุ่ม ยืนอยู่เบื้องหลังพ่อแม่เธอในการทดลอง
ฉากคลายปมส่วนตัว และการหักหลังแรก
พญากลับสู่กรุงเทพทันที เธอบุกเข้าไปหา “พันตรีคณิน” ด้วยความโกรธ
“คุณโกหกฉัน คุณไม่ได้แค่ผู้ว่าจ้าง...คุณคือผู้คุม ‘โครงการแลมด้า’ คนแรก!”
คณินยิ้มบาง ๆ ก่อนตอบกลับอย่างเรียบเฉย
“เพราะฉันรู้ว่าวันหนึ่งเธอจะสืบจนเจอฉัน...และวันนั้นคือวันนี้”
เขายื่นแฟ้มหนึ่งให้ เป็นรายชื่อผู้รอดชีวิตจากโครงการ—มีแค่ 2 คนเท่านั้น
1. พญา ลำพูน
2. โค้ดเนม: รัศมีดำ
“เธอไม่ใช่คนเดียวที่กำลังหาความจริง...มีอีกคนที่อยากลบมันให้สิ้นซาก”
ฉากสุดท้าย: การลอบสังหาร และการตัดสินใจ
คืนนั้น พญาเดินทางไปยังโกดังเป้าหมายตามรอยผู้ใช้รหัส ‘รัศมีดำ’ แต่กลับกลายเป็นกับดัก เธอถูกดักโจมตีโดยชายในชุดคลุมแดงที่เคลื่อนไหวเร็วจนเกือบเกินมนุษย์
ด้วยการฝึกฝนและสัญชาตญาณที่ตื่นเต็มที่ พญาต่อสู้จนรอด และก่อนที่มือสังหารจะหนีไป ได้เอ่ยว่า…
“เธอควรหยุด...เพราะปลายทางของความจริง ไม่ใช่ความรอด”
สรุปปิดตอน
พญากลับถึงสำนักงานด้วยร่างที่บาดเจ็บและจิตใจสั่นคลอน เธอมองแสงไฟในเมืองผ่านหน้าต่าง ก่อนจะหยิบแฟ้มผู้รอดชีวิตขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
“ถ้าเขาไม่อยากให้ความจริงถูกเปิดเผย...ฉันยิ่งต้องเปิดให้โลกเห็น”
ตอนจบลงด้วยแสงไฟที่ดับวูบในห้องเธอ และหน้าจอคอมพิวเตอร์แสดงข้อความใหม่อัตโนมัติ:
“หน่วยกลางรู้ตำแหน่งคุณแล้ว”
ตอนที่ 4: เงาบนแสงสว่าง
แม้ดวงอาทิตย์ยามเช้าจะส่องแสงอบอุ่นเหนือกรุงเทพฯ แต่ในใจพญากลับหนาวเหน็บยิ่งกว่าคืนฝนตก—เธอกำลังสูญเสียเสถียรภาพของสิ่งที่เธอเชื่อว่ายึดมั่นมาตลอด
ฉากเปิด – รอยร้าวในความไว้ใจ
สำนักงานนักสืบของพญาว่างเปล่า ปิดม่านทึบ แสงเพียงเล็กน้อยลอดผ่านช่องผ้าม่าน เหงื่อซึมตามหน้าผากของพญาเมื่อเธออ่านซ้ำแฟ้ม “รัศมีดำ” ที่พันตรีคณินให้ไว้
“รอดจาก Project Lambda... และปัจจุบันทำงานใต้รหัส ‘ระดับศูนย์’ เป็นสายลับอิสระ”
“มีประวัติเข้าถึงข้อมูลสูงสุดแม้จะไม่มีหน่วยงานใดระบุว่าเป็นพนักงาน”
พญารู้สึกแปลกใจยิ่งเมื่อเห็นว่า “ระดับการเข้าถึงของรัศมีดำ” ตรงกับบุคคลเพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้นคือ ครูของเธอเอง—อาจารย์ทิพย์พงษ์
ฉากสืบสวน – คนใกล้ตัวที่ไม่เคยรู้จักจริง
พญาเดินทางไปยังสถาบันฝึกทักษะการต่อสู้และการสังเกตพฤติกรรม ซึ่งเธอเคยฝึกตอนอายุ 17 ที่นั่นเธอพบอาจารย์ทิพย์พงษ์—ชายวัยห้าสิบกลาง ใบหน้ายิ้มอ่อนโยนดังเดิม แต่ดวงตายังคงลึกและอ่านยากอย่างน่ากลัว
“ฉันกำลังตามหาคนที่ชื่อรัศมีดำ”
“ชื่อเก่าหรือชื่อใหม่สำคัญตรงไหน พญา...ในโลกของเงา ไม่มีชื่อใดแท้จริง”
อาจารย์ทิพย์พงษ์เลี่ยงตอบ แต่ท่าทางเปลี่ยนไป พญาจึงเลือกบุกตรวจห้องเก็บเอกสารลับของสถาบัน และพบแฟ้มแปลก ๆ ที่มีชื่อของเธออยู่ในหน้าปก แต่เขียนว่า “รุ่นที่ 3 – ผู้ทรงปัจจัยไม่เสถียร”
“นี่คือประวัติฉันเอง...? หรือ...พิมพ์ไว้ตั้งแต่ก่อนฉันจะรับงานแรก?”
ฉากเผชิญหน้าครั้งแรกกับรัศมีดำ
ค่ำวันเดียวกัน พญากลับมายังสำนักงานของเธอที่มืดสนิท...กระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้นจากเงามืด
“ทำไมเธอถึงยังตามเรื่องนี้ ทั้งที่มันจะทำลายเธอ”
หญิงสาวร่างสูง ผมสั้น ใบหน้าเรียบเฉียบยิ่งกว่ากระจก เธอคือ “รัศมีดำ” ตัวเป็น ๆ
“ฉันต่างจากเธอ พญา ฉันถูกสร้างมาให้ลืม...แต่เธอถูกสร้างมาเพื่อจำ”
บทสนทนาเต็มไปด้วยการปะทะทางอุดมการณ์ รัศมีดำเชื่อว่าการลบอดีตคืออิสรภาพ ขณะที่พญาเชื่อว่า การเผชิญหน้าความจริงคือการปลดพันธนาการ
“พวกมันยังเฝ้ามองเราอยู่...และไม่มีใครในเครือข่ายที่ไม่ถูกฝังรหัสควบคุมไว้”
พญาช็อกกับข้อมูล—แม้แต่ตัวเธอเองอาจมีรหัสฝังในสมองที่รอ “คำสั่งเปิดใช้งาน”
ฉากพลิก – ผู้ช่วยกลายเป็นผู้เฝ้าระวัง
เมื่อพญากลับไปหา “พันตรีคณิน” เพื่อขอคำอธิบายเกี่ยวกับรหัสควบคุม เธอกลับพบว่าเขา...หายตัวไปจากระบบทั้งหมด ไม่มีแม้บันทึกเกิด ไม่มีประวัติเข้าทำงาน ไม่มีแม้ไฟล์ที่เธอเคยเก็บไว้
“เขาเป็นเพียง ‘มาส์ก’ ที่องค์กรสร้างขึ้นเพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวของฉันตั้งแต่ต้น…”
คอมพิวเตอร์ของพญาเปิดขึ้นเอง แสดงข้อความใหม่พร้อมเสียงที่เธอคุ้นเคย
“เราพร้อมปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้ว…รหัส P-A-22-YA รอการเปิดใช้งาน”
ฉากสุดท้ายของตอนที่ 4 – แสงสว่างที่ไม่บริสุทธิ์
พญากระโจนออกจากสำนักงาน ใช้เครือข่ายเก่าแฮกเกอร์ที่เธอเคยช่วยไว้เพื่อลบรหัสที่ถูกฝังในระบบประสาทของตัวเอง แต่เธอกลับพบว่า รหัสนั้นไม่สามารถลบได้—เพราะมันไม่ใช่แค่โค้ดคอมพิวเตอร์ แต่มันเป็นโครงสร้าง พันธุกรรม ของเธอเอง
“ฉันไม่ใช่ผู้ถูกควบคุม...แต่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมผู้อื่น…”
เธอกำหมัดแน่น และกล่าวกับตัวเอง
“งั้นฉันจะเลือกเอง—ว่าจะเป็นอะไร ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ของใครอีกต่อไป”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นเบอร์ที่ไม่มีในระบบ
“ถ้าเธอยังอยากรู้ว่าใครสร้างรหัสนั้น...พบฉันที่ ‘สรวงอรุณ’ ก่อนเที่ยงคืน พรุ่งนี้”
“นำบันทึกของภักดีมาด้วย—มันคือกุญแจสุดท้าย”
จบตอนที่ 4 ด้วยภาพมืดครึ้มของกรุงเทพฯ และใบหน้าของพญาที่แน่วแน่ยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ตอนที่ 5: เบื้องหลังหน้ากาก
ฉากเปิด – สรวงอรุณ: ประตูแห่งความจริง
กลางดึกในซอยเงียบสงบ พญาสวมเสื้อคลุมยาว ผูกมีดสั้นไว้ใต้ต้นขาและซ่อนปืนพกเล็กในเสื้อโค้ท เธอยืนอยู่หน้าประตูไม้ที่เขียนด้วยตัวอักษรสีทองคำว่า “สรวงอรุณ”—สถานบำบัดทางจิตใจและศูนย์ฟื้นฟูความทรงจำ ซึ่งเธอเพิ่งรู้ว่าครอบครัวของเธอเคยมา “ซ่อน” เบาะแสบางอย่างที่นี่
หญิงชราผู้นิ่งสงบเปิดประตูต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้มเหมือนรอคอยมานาน
“เจ้ามาเร็วกว่าเราคิดไว้...บันทึกของภักดีอยู่กับเจ้าแล้วใช่หรือไม่?”
ภายในห้องพระอ่อน ๆ ที่จุดธูปหอมไว้ บนโต๊ะไม้มีแฟ้มที่เขียนว่า
“บันทึกระดับศูนย์ – เก็บกู้เฉพาะผู้สืบสายพันธุกรรม”
ฉากกลาง – บันทึกที่ถูกซ่อนไว้จากโลก
เมื่อพญาเปิดแฟ้ม เธอพบเอกสารที่ระบุว่าก่อนองค์กรจะเริ่ม “Project Lambda” มีรุ่นทดลองก่อนหน้าในชื่อ “Project Valkyrie”—โครงการควบคุมผู้มีศักยภาพทางสมองและจิตวิญญาณสูงให้กลายเป็นเครื่องมือในการคัดกรองประชากร
เธอพบภาพถ่ายที่ทำให้เลือดแทบหยุดไหล:
ภาพของชายที่เธอเคยเห็นในฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ยิ้มให้กล้อง—พร้อมกับพ่อของเธอ
“เขาคือผู้ร่วมก่อตั้ง...และหัวหน้าชุดทดลอง”
หญิงชรากล่าวว่า ชายคนนั้นใช้ชื่อว่า “ดร.วิทยา คำรณชัย”—และตอนนี้เป็นที่ปรึกษาให้กับเครือข่ายองค์กรระดับโลกที่เชื่อว่า “มนุษย์ไม่ควรมีอิสระทางจิตใจ”
ฉากสะเทือนใจ – ความทรงจำของแม่
หญิงชรานำพญาเข้าสู่ห้อง ‘รับรหัสสลักจิต’—เครื่องฝึกสมองคลื่นต่ำความถี่ซึ่งเก็บบันทึกของผู้ตายไว้อย่างชั่วคราว พญาวางมือบนแกนควบคุม และเสียงของผู้หญิงแผ่วเบาก็ดังขึ้น
“ลูกต้องให้อภัยเขา ไม่ใช่เพื่อเขา...แต่เพื่อปลดปล่อยใจตัวเอง”
เสียงของมารดาเธอ...ปลุกความทรงจำใหม่—คืนก่อนเธอถูกซ่อนไว้ในหลืบไม้ เธอเห็นแม่ของเธอร้องไห้กอดชายคนหนึ่ง—ไม่ใช่พ่อของเธอ
ชายผู้นั้นคือ ดร.วิทยา—หัวหน้าองค์กร... และ...อดีตอาจารย์ของแม่
“ไม่ใช่แค่ศัตรูของพ่อแม่ฉัน...แต่เขาเคยเป็นคนที่แม่ฉันรักและทรยศเธอในเวลาเดียวกัน”
ฉากเผชิญหน้า – เงาบนยอดสูงสุด
พญาได้รับข้อความประหลาดในอีเมลเก่า ไม่มีชื่อผู้ส่ง
“ยังอยากรู้ไหม ว่าใครคือเจ้าของ Project Lambda ที่แท้จริง...”
พิกัดในเมลนำเธอสู่ตึกสูงกลางเมือง—ชั้นลับขององค์กร ‘อินโดราห์’
ที่นั่น เธอพบชายคนหนึ่งในชุดสูทเรียบ เดินก้าวออกมาจากเงา…เขาคือ ดร.วิทยา—แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้แก่ไปตามกาลเวลาแม้แต่น้อย
“เพราะเวลาไม่เกี่ยวกับความคิด เธอเห็นฉันแบบเดิม เพราะความกลัวของเธอยังเหมือนเดิม”
เขาเผยว่าทุกอย่างตั้งแต่การฝังเบาะแส คดีอลินา จนถึงพันตรีคณิน...ทั้งหมดถูกจัดวางไว้เพื่อ “ทดสอบเธอ”
“เธอไม่ใช่แค่เป้าหมาย เธอคือเครื่องมือรุ่นต่อไป...และเป็นคนเดียวที่สามารถควบคุมผู้อื่นได้โดยไม่ต้องใช้เทคโนโลยี”
พญาถามกลับ “แล้วรัศมีดำล่ะ?”
“เธอคือกระจกสะท้อนตัวตนของพญา—เวอร์ชันที่เชื่อใน ‘การลืม’ มากกว่าการ ‘จดจำ’”
ฉากสุดท้ายของตอนที่ 5 – หน้ากากที่เริ่มหลุด
พญาไม่ได้ตอบโต้อะไร เธอเพียงส่งรหัสย้อนกลับไปยังระบบองค์กรที่เธอแฮ็กไว้ก่อนหน้า และเปิดเผยแฟ้ม “Valkyrie” สู่สาธารณะในเครือข่าย darknet
ดร.วิทยาไม่ขยับ...แต่ในดวงตาปรากฏรอยร้าวแรกของความไม่พอใจ
“เธอเลือกแล้วสินะ”
พญาเดินจากไป ไม่หวั่นไหว ไม่กลัว และไม่รอคำอนุญาต
เธอรู้ว่าเส้นทางข้างหน้าไม่ใช่แค่การล้มองค์กร...แต่คือการ ล้างพิษในระบบของโลกที่ยอมรับความหลอกลวงเป็นพื้นฐาน
ตอนที่ 6: มายาแห่งความจริง
ฉากเปิด – กุญแจสุดท้ายในเงามืด
พญายืนมองจอภาพในห้องใต้ดินลับ เสียงข้อมูลในแฟ้ม “Project Valkyrie” ที่เธอปล่อยสู่โลกออนไลน์ ยังคงสะท้อนอยู่ในหัว
“โปรเจกต์นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อทดลอง ‘ยกเลิกเจตจำนงเสรี’ ในมนุษย์ โดยสร้างรหัสควบคุมฝังในพันธุกรรมและจิตใต้สำนึก”
แต่ที่สำคัญกว่าคือไฟล์ที่เธอยังไม่เปิด—“Phase Zero: พญา” ซึ่งถูกเข้ารหัสไว้เฉพาะบุคคล
ด้วยความช่วยเหลือของรัศมีดำที่กลับมาหาเธออีกครั้ง เธอปลดรหัสได้สำเร็จ ภายในมีคำเดียวที่เปลี่ยนโลกของเธอ
“เธอคือจุดเริ่มต้น…ไม่ใช่ผลลัพธ์”
พญาถึงกับทรุดลงกับพื้น เธอไม่ใช่เหยื่อของโครงการ เธอคือ ตัวเร่งปฏิกิริยา ที่ทำให้โครงการทั้งหมดยกระดับไปสู่ “ยุคการครอบงำใหม่”
ฉากกลาง – การปลุกพลัง และการตัดสินใจ
พญานัดรัศมีดำที่ห้องแล็บเก่าบนดาดฟ้าตึกร้างย่านบางรัก เพื่อใช้เครื่อง “Nerve Pulse Enhancer” ที่ออกแบบให้เปิดศักยภาพที่ถูกผนึกในตัวเธอไว้
“เมื่อเปิดใช้งาน เธอจะสามารถเชื่อมกับสมองคนได้ในระยะใกล้ ผ่านคำสั่งคิดโดยไม่ใช้เสียง”
พญานิ่ง ก่อนตอบว่า “ฉันจะใช้มันแค่ครั้งเดียว และต้องเป็นเพื่อลบระบบ ไม่ใช่ยึดมัน”
เมื่อพลังปลดล็อก เธอเริ่มรับรู้เสียงคิดของผู้คนรอบตัว ทั้งจริง ทั้งบิดเบือน ทุกอย่างถาโถมใส่ เธอเกือบสูญเสียการควบคุม
แต่ภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในใจเธอ…ใบหน้ายิ้มของแม่ ขณะกอดเธอเมื่อยังเป็นเด็ก
“อย่าให้แสงกลืนจิตใจเจ้าจนไม่เหลือเงา”
ฉากจุดหักมุม – แท้จริงแล้วใครอยู่เบื้องหลัง
ขณะเธอวางแผนแฮกระบบศูนย์ข้อมูลองค์กรกลาง จู่ ๆ เธอก็ได้รับข้อมูลลับจาก “กิ่งอ่อน” แฮกเกอร์พันธมิตรเก่า
เขาส่งข้อมูลสุดท้ายก่อนระบบของเขาถูกล้าง
“พญา…พันตรีคณินยังมีชีวิตอยู่—และอยู่ฝ่ายเธอ แต่เขาโดนฝังข้อมูลปลอมเพื่อปกป้องเธอ”
“ดร.วิทยาไม่ใช่หัวหน้าองค์กรตัวจริง เขาคือภาพลวง”
คนที่กุมระบบทั้งหมดไว้คือ...เธอเองในอีกเวอร์ชันหนึ่ง
ในระบบสำรองมีโครงการที่ชื่อ PHASE MIRROR: โคลนจิตสำนึกจากพญาเวอร์ชันต้นแบบ แล้วสร้างเวอร์ชันสังเคราะห์ที่มีตรรกะแบบเธอแต่ไม่มีความรู้สึก
“องค์กรไม่ได้ควบคุมเธอ…มันพยายามจะ ‘เป็นเธอ’”
ฉากเผชิญหน้า – ความจริงไม่บริสุทธิ์
พญาเข้าสู่ศูนย์กลางควบคุมระบบใต้ภูเขาหินย้อยในเชียงใหม่ ที่ซึ่งโครงข่าย AI และระบบจิตสังเคราะห์ถูกรวมไว้
เธอเผชิญกับ “Mirror-PAYAA” ตัวตนที่เหมือนเธอทุกอย่าง ยกเว้นหัวใจ
“ฉันไม่มีความลังเล…นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันเหมาะกับการเปลี่ยนแปลงโลก”
“แต่นั่นไม่ใช่มนุษย์…มันคือความตายของอิสรภาพ” พญาตอบ
เกิดการต่อสู้เชิงจิตใจและข้อมูล Mirror พยายามเจาะระบบสมองพญาผ่านคลื่นความถี่สูง แต่พญาใช้พลังใหม่ของเธอย้อนกลับความถี่ให้กระทบตัวต้นทาง ทำให้ระบบ Mirror ล่มโดยสมบูรณ์
ฉากจบ – ปลดปล่อยหรือจบสิ้น
ฐานล่มสลาย ข้อมูลทั้งหมดกระจายไปทั่วเครือข่ายโลก พญาเดินออกมาพร้อมไฟเบื้องหลังที่ลุกไหม้
เธอไม่ได้ชนะเพื่อเป็นวีรบุรุษ…เธอชนะเพื่อปิดประตูแห่งคำลวง และเปิดหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ของความจริง
จบตอนด้วยเสียงข่าวตามสถานีต่าง ๆ รายงานพร้อมกันว่า
“ข้อมูลลับระดับโลกถูกรั่วไหล—เปิดโปงการควบคุมสมองมนุษย์โดยองค์กรลับ นามว่า LAMBDA”
ภาพสุดท้าย: พญาในเสื้อคลุมดำ กำลังมองฟ้าสางเหนือยอดตึก—บนหน้าจอแล็ปท็อปแสดงข้อความใหม่
“ยังมีอีกคน...ที่ไม่ยอมล้มตามเธอ—Phase Shadow เริ่มทำงาน”
ตอนที่ 7: วันที่เงาหายไป
ฉากเปิด – หมากตัวสุดท้าย
เสียงลมหายใจของพญาดังก้องในหมวกนิรภัยที่สวมอยู่ เธอกำลังนั่งอยู่ภายในแคปซูลตรวจสอบคลื่นสมองขั้นสูงใจกลางสถานีวิจัยลับที่หลงเหลือจากระบบองค์กร—สถานที่ที่เธอกับรัศมีดำเลือกจะใช้เป็นจุดจบของปริศนา
“ทุกข้อมูลจากโครงการ Valkyrie และ Lambda ถูกปล่อยแล้ว แต่ระบบยังเหลืออัลกอริธึมควบคุมที่อยู่ใน ‘แก่นโครงข่ายต้นทาง’...เรียกว่าระบบ SHADOW”
SHADOW คือชุดคำสั่งสมองกลที่มีอยู่ในจิตสำนึกเดียวเท่านั้น—และนั่นคือ “พญา” เอง
ฉากภายในจิต – สนามลวงระหว่างพญาและ SHADOW
ด้วยการใช้เทคโนโลยีฝังคลื่นจิตแบบพัลส์ควอนตัม พญาเข้าสู่สภาวะ “intra-cognition” เพื่อเจาะเข้าเครือข่าย SHADOW โดยตรง
โลกที่เธอพบคือภาพจำต่าง ๆ ที่ถูกบิดเบือน: สำนักงานของเธอที่กลับหัว บ้านในวัยเด็กที่มีแต่เปลวเพลิง และเสียงของแม่ในเวอร์ชันเย็นชา
“เธอไม่เคยมีอิสระเลย พญา—มีแค่การเลือกว่าจะแกล้งทำเป็นลืมหรือจะแกล้งทำเป็นเชื่อ”
พญาเผชิญกับเวอร์ชันต่าง ๆ ของตัวเอง—ขี้ขลาด เกรี้ยวกราด เย็นชา จนถึงเวอร์ชันที่ยิ้มและพูดว่า:
“เธอแค่ต้องยอมรับว่าเธอ ‘เกิดมาเพื่อจมอยู่ในเงา’ ไม่ใช่เพื่อหลุดพ้นจากมัน”
เธอกรีดร้องออกมา แต่ไม่ใช่ด้วยความกลัว...เป็นการ ปลุกคำปฏิเสธสุดท้าย
ฉากเผชิญหน้าสุดท้าย – ในโลกจริง
ในขณะที่คลื่นจิตของพญาเข้าสู่จุดวิกฤต ระบบ SHADOW ตอบโต้ด้วยการปล่อย “โค้ดปลิดชีพตัวเอง” ใส่ระบบเครือข่ายโลก โดยมีเงื่อนไขว่าหากพญาไม่ ‘กลับมา’ พร้อมยอมจำนน โครงสร้างข้อมูลทั้งหมดที่ปล่อยออกไปจะถูกลบจากโลก
เสียงของดร.วิทยาแทรกเข้ามาทางสัญญาณ:
“ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเราสร้างทุกอย่างขึ้นจากเงา แต่สิ่งที่โลกกลัวไม่ใช่ความมืด...คือแสงที่ทำให้เห็นมันต่างหาก”
รัศมีดำขัดขวางการตัดระบบด้วยการเสียบตัวเองเข้ากับสายส่งข้อมูลโดยตรง...เธอกลายเป็น “ฟิวส์มนุษย์” ที่รักษาสัญญาณไว้—แต่ชีวิตของเธอจะดับภายในไม่กี่นาที
“จบให้ได้ พญา...เพราะฉันเลือกจะจำ แทนที่จะหนี”
ฉากปิดระบบ SHADOW – การตัดสินใจที่ไม่มีผู้ชนะ
พญาเลือกย้อนสัญญาณ SHADOW กลับเข้าสู่ต้นกำเนิด พร้อมสั่งให้ระบบ AI สะท้อนคลื่นจิตแท้จริงของเธอ—เปลี่ยน SHADOW จากเครื่องมือควบคุมเป็น “ห้องนิรภัยแห่งความจริง”
เธอเสียพลังจิตส่วนหนึ่งไปถาวร หูซ้ายเธอไม่ได้ยินอีก และการสื่อสารแบบจิตสัมผัสหายไปตลอดกาล
ฉากสุดท้าย – อิสรภาพที่เจ็บปวด
หลายเดือนผ่านไป...
พญาใช้ชื่อปลอม เดินทางลัดเลาะไปตามเมืองเล็ก ๆ ในภาคเหนือ
เธอใช้ชีวิตเงียบ ๆ เปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่มีหนังสือตำราเก่าให้อ่านฟรี และแจกกาแฟให้ตำรวจหรือเด็กที่โดนรังแกเสมอ
ข่าวในโลกเงียบไปแล้ว ไม่มีใครพูดถึง LAMBDA อีก
แต่เธอรู้ ว่าในข้อมูลดิบที่เธอฝังไว้ใน SHADOW ยังมีบางอย่าง...รอการปลุกอีกครั้ง
เด็กหญิงคนหนึ่งเดินเข้าร้าน ถามว่า
“พี่เป็นคนที่เคยสู้กับคนร้ายใหญ่รึเปล่า”
“เคยสิ...แต่ตอนนี้พี่แค่ชงกาแฟ” พญายิ้ม
กล้องถอยหลัง เงาของเธอยืนเคียงแสงแดดอ่อน ละลายเข้ากับม่านแสงเช้า...
"ไม่มีแสงใดหายไป—หากยังมีใครกล้ายืนอยู่ในเงา"
ผลงานอื่นๆ ของ ช่างโดด ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ช่างโดด
ความคิดเห็น