ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วันที่ชีวิตสิ้นสุด

    ลำดับตอนที่ #6 : ก่อนการปะทะกัน

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 50


    " ไอ้แก่ เห็นเด็กๆไม่ได้เลยนะ หางกระดิกทันทีเลยนะ " เสียงคำรามที่ดุดันดังขึ้นซึ่งทำให้ลุงรีบหันไปมองตามที่ผมได้บอกไว้ในทันที

    " เอ่อ.... " ลุงพยามที่จะนึกหาข้อแก้ตัว

    แต่สายไปเสียแล้วละแฟนของลุงเดินมาพร้อมกับใช้มือของเธอตบเข้าที่หัวของลุงอย่างแรงก่อนที่จะลากลุกเข้าหลังร้าน ก่อนที่จะมีเสียโอดครวนตามมา ภาพแบบนี้ผมเองก็เห็นบ่อยจนชินตาเสียแล้วละ เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องซีเรียสสำหรับสามีภรรยาคู่นี้เลยแม้แต่น้อย แฟนของลุงเองรู้อยู่แล้วว่าลุงแกนะรักเธอเพียงคนเดียว แต่ที่เห็นอาการแบบนี้เป็นการเล่นตามภาษาคนแก่ที่ไม่มีญาติพี่น้องเพื่อคลายเหงาไปวันๆ  แต่ผมเองก็ไม่เข้าใจลุงเขาเลยนะวิธีอื่นมีตั้งเยอะทำไมไม่ยอมใช้วิธีอื่นแก้เหงาบ้าง เราสองคนไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังร้านแม้เสียงมันจะดังคล้ายกับวัวถูกเชือดก็ตามที แต่เราสองคนก็ยังคงกินอาหารต่อไปเรื่อยจนหมด

    " ลุง เงินวางไว้ตรงนี้นะ " ผมพูดพร้อมกับมองเข้าไปในร้านแล้วโบกเงินให้ลุงที่สภาพล่อแล่เต็มทนเห็น

    ลุงเองก็ยังมีอารมณ์ที่จะเล่นกับผมเมื่อแกเห็นเงินของผมแล้วแกก็ยกมือขึ้นแล้วเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้แตะกันเป็นรูปวงกลมเหมือนกับพวกวัยรุ่นทำกัน ผมมองแกแล้วส่ายหัวพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนที่จะเอาเงินของผมวางไว้แล้วยกจานข้าวที่เพิ่งกินเสร็จมาทับเงินเอาไว้  ผมเดินนำเอริธตรงไปยังมอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์คู่ใจของผม

    " บอกทางด้วยละ " ผมพูดพร้อมกับส่งหมวกกันน็อคสีดำเงาให้กับเธอ

    " จ้า ขอบคุณนะที่ไปส่ง " เอริธพูดพร้อมกับรับหมวกจากมือของผมไป

    ผมขับนั่งมอเตอร์ไซค์พร้อมกับสตารท์เครื่องในขณะที่เอริธกำลังพยามสวมหมวกกันน็อคสีดำที่ผมส่งให้ และทันทีที่เธอใส่เสร็จเธอก็ขึ้นซ้อนทายมอเตอร์ไซค์ผมในทันที มอเตอร์ไซค์ช็อปเปอร์สีดำขับไปตามเส้นทางที่เอริธได้บอก จะว่าไปเส้นทางนี้ผมรู้สึกคุ้นๆยังไงๆ อยู่นะ แต่ช่างเถอะรีบๆส่งเอริธให้ถึงบ้านก่อนดีกว่าถ้าเกิดมีใครมาเห็นเข้ามันอาจจะไม่ดีสำหรับเธอ  รถมอเตอร์ไซค์ของผมได้ขับผ่านสวนสาธารณะที่ผมชอบมานั่งเล่นเป็นประจำซึ่งมันยิ่งทำให้ผมเริ่มคุ้นกับเส้นทางแถวนี้มากยิ่งขึ้น

    " นี่เอริธ อย่าบอกนะว่าแล้วเข้าซอยข้างหน้า " ผมหันไปพูดกับเธอ

    " อ้าว ลี ทำไมรู้ทางไปบ้านเราละ " เอริธถามผมอย่าง งงๆ

    " เอ่อ..... " ผมรู้สึกอ้ำอึ้งกับคำตอบที่เธอบอกผมมากๆเลยละตอนนี้

    ทำไมนะเหรอเพราะว่าทางนี้มันเป็นทางผ่านบ้านของผมเอง แต่จะว่าไปเอริธเธอบอกว่าเธอย้ายมากับพ่อของเธอแต่ถ้าเธออยู่ซอยนี้จริงๆ ผมก็ต้องเห็นการย้ายเข้าสินอกเสียแต่ว่าเธอจะย้ายมาอยู่ที่

    " ลี จอดตรงนี้แหละ " เอริธพูดทำให้รถผมเบรกลงในทันที

    " เธอ พักที่นี่เหรอ " ผมพูดพร้อมกับมองไปยังที่พักของเอริธ

    " จ๊ะ ทำไมเหรอ " เอริธค่อยๆก้สวลงจากมอเตอร์ไซค์ของผมพร้อมกับถอดหมวกกันน็อคออก

    เอริธตอบทำให้ผมแทบจะไม่เชื่อเลยว่าเธอจะพักอยู่ใกล้กับผมถึงขนาดนี้ สถานที่ที่เธอพักนั่นก็คืออาพาร์ทเมนท์ที่ได้ชื่อว่าหรูที่สุดในซอยนี้และที่สำคัญมันห่างจากบ้านของผมเพียงไม่เท่าไหร่อีกด้วย ผมหันหลังไปมองบ้านของตัวเองที่ทั้งเก่าและโทรมก่อนที่จะหันกลับมามองอาพาร์ทเมนทสุดหรู ให้ตายเถอะมันช่างต่างกันเหลือเกินตอนนี้ในสมองผมเริ่มคิดแล้วละว่าผมควรจะบอกว่าจริงๆแล้วผมอยู่ใกล้ๆกับเธอดีหรือเปล่า

    " ลี ขอบคุณนะที่มาส่ง เราขึ้นห้องก่อนละ " เอริธพูดพร้อมกับส่งหมวกกันน็อคคืนผมแล้วหันหลังเดินเข้าไปยังอาพาร์ทเมนท์

    " เอริธ... " อยู่ดีๆผมก็เผลอเรียกชื่อเธอออกไป

    ซึ่งมันทำให้เอริธหันมาในทันที เธอส่งสายตาพร้อมกับใบหน้าที่ดูแล้วเหมือนกับเธอกำลังต้องการรู้ว่าผมจะพูดอะไร ผมเองก็ทำอะไรไม่ค่อยถูกเหมือนกันทำไมกันนะอยู่ดีๆผมก็เรียกชื่อเธอออกไป เธอค่อยๆเดินกลับมาหาผมพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ

    " มีอะไรเหรอ ลี " เอริธถาม

    " บ้านฉันอยู่ ถัดจากตรงนี้ไปอีก 2 หลังอะนะ มีไรก็เรียกได้นะ " ผมพูดพร้อมกับเอานิ้วชี้ไปยังบ้านของผมซึ่งอยู่ด้านตรงข้ามกับอาพาร์ทเมนท์ของเธอ

    " จริงเหรอ ลี อยู่แถวนี้เหรอ " เอริธพูดอย่างดีใจ

    " อือ มีไรก็เรียกได้นะ เราไปละ " ผมพูดแล้วรีบขับมอเตอร์ไซค์ของผมเข้าบ้านของผมโดยที่เอริธยังคงยืนมองอยู่

    หลังจากที่ผมถึงบ้านของผม ผมก็รีบวิ่งเข้าบ้านในทันทีอาการแบบนี้มันคงจะเรียกว่าอายสินะ แต่ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันจะอายอะไรหนักหนา ผมวิ่งตรงไปยังห้องน้ำอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่สนกองเสื้อผ้าที่วาองยู่จนทำให้ผมเหยีบมันเข้า

    " เฮ้ย.... " ผมร้องเสียงหลงก่อนที่จะร่างของผมจะลื่นไปชนกับกำแพงที่อยู่ด้านหน้า

    " ปังงง " เสียงใบหน้าของผมกระแทกกับกำแพงที่เต็มไปด้วยฝุ่นดังขึ้นก่อนที่ร่างของผมจะค่อยๆล้มลง

    ให้ตายเถอะนี่ผมเป็นไรไปเนี่ย เวลาผมเห็นใบหน้าของเอริธหัวใจของผมมันก็เต้นแรงขึ้น ใบหน้าก็รู้สึกร้อน เอ๊ะ หรือว่า ผมจะชอบ เอริธ กันนะ บ้านะไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้หรอก เรื่องแบบนี้นะไม่สามารถเกิดขึ้นกับคนอย่างผมได้ง่ายๆหรอก อีกอย่างผมก็เพิ่งจะเจอเธอวันนี้วันแรกมันจะเป็นไปได้ไงละที่ผมจะชอบเธอได้เร็วขนาดนั้น

    แต่แล้วจู่ๆเสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ได้ดังทำลายสิ่งต่างๆที่ผมกำลังคิดอยู่ ผมค่อยๆเดินไปรับโทรศัพท์พร้อมกับเอามือโยกจมูกที่รับแรงกระแทกเมื่อกี้ไปมา ครั้งนี้ผมเดินไปรับโทรศัพท์โดยค่อนข้างที่จะระวังหน่อยเพราะกลัวจะเกิดเรื่องแบบเมื่อกี้อีก ในที่สุดผมก็สามารถเดินฝ่ากองเสื้อผ้าไปรับโทรศัพท์ที่อยู่ในห้องนอนของผมได้

    " ฮัลโหล ลี พูดครับ " ผมกดรับแล้วพูดในทันที

    " หัวหน้าแย่แล้วครับ พวกลูกน้องของแก๊งคิลเลอร์ มันยกพวกเข้ามาในถิ่นของเราครับ  " เสียงชายวัยกลางคนคนหนึ่งพูดอย่างเร่งรีบ

    " ให้ตายเถอะ เรื่องแค่นี้พวกนายจะจัดการกันเองไม่ได้เลยหรือไง " ผมพูดใส่โทรศัพท์ไปอย่างอารมณ์เสีย

    " เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะรีบไป " ผมพูดแล้ววางหูโทรศัพท์

    ความจริงแล้วแก๊งของผมไม่เคยที่จะไปรุกรานในถิ่นของใครก่อนแต่ที่แก๊งของผมมีคนเข้ามาท้าทายบ่อยๆนั้นอาจจะเป็นเพราะ หัวหน้าแก๊งรุ่นที่แล้วซึ่งเขาเป็นคนที่มีความสามารถในด้านการชกต่อยเป็นอย่างมาก ทำให้ชื่อเสียงของแก็ง Legend เป็นที่โด่งดังไปทั่ว แต่หลังจากที่หัวหน้าได้เสียชีวิตไปโดยอุบัติเหตุทำให้บรรดาแก็งต่างๆที่อยู่แถวนี้ๆเริ่มที่ต้องการจะลองเชิงดูว่าหัวหน้ารุ่นต่อไปจะมีความสามารถแค่ไหน ฟังๆดูแล้วมันเหมือนกับการรบในสมัยก่อนเลย ที่ต้องคอยทำสงครามขยายอณาเขต และ ต้องคอยปกป้องเมืองของเรา

    ผมถอดชุดนักเรียนของผมออกพร้อมกับโยนมันลงกับพื้นเหมือนเคย ถุงมือหนังสีดำ 2 ข้างในลิ้นชักบริเวณโต๊ะเครื่องแป้งถูกหยิบออกมาพร้อมๆกับ มีดสีดำเล่มหนึ่ง ผมเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าพร้อมกับหยิบเสื้อยืดสีขาวมาสวมใส่พร้อมๆกับกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ จากนั้นผมจึงเดินไปหยิบถุงมือหนังสีดำมาสวมใส่ ผมมองมีดสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะสักพักก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมาแล้วควงเล่นอย่างชำนาญ

    " มีเรื่องกันได้ทุกวัน ลาออกจากการเป็นหัวหน้าดีไหมวะเนี่ย  " ผมพูดพร้อมเดินไปยังเสื้อโค้ทหนังสีดำที่แขวนไว้มที่ราวตากผ้าซึ่งอยู่บริเวณระเบียงนอกหน้าต่าง

    ผมหยิบเสื้อโค้ทหนังสวมทับเสื้อยืดสีขาวพร้อมกับเอามีดสีดำเล่มนั้นเสียบไปยังปลอกมีดที่ติดไว้บริเวณหัวไหล่ ผมสำรวจอุปกรณ์ทุกอย่างที่อยู่เสื้อเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยก่อนที่จะเดินออกไปนอกบ้านแล้วขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจของผมไปยังสถานที่ที่แก๊งของพวกผมต้องมารวมเป็นประจำในทันที ซึ่งอีกไม่นานการปะทะกันก็คงจะเริ่มต้นขึ้น

    มอเตอร์ไซค์ของผมสามารถที่จะเร่งความเร็วได้ถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในใจของผมตอนนี้มันรู้สึกว่าความเร็วนี้ไม่เพียงพอต่อผมเลย เนื่องจากมีคนหลายสิบกำลังรอความช่วยจากผม ถ้าเป็นไปได้ผมยังอยากจะให้รถนี้มันสามารถที่จะบินไปได้เลยด้วยซ้ำ ผมขับมอเตอร์ไซค์ไปตามถนนอย่างน่ากลัวและแน่นอนผมต้องขับด้วยความเร็วสูงสุดของมอเตอร์ไซค์ผมอยู่แล้ว ซึ่งมันเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุเป็นอย่างมาก แต่ด้วยประสบการณ์ทั้งที่เคยฝึกขับและคอยมองหัวหน้ารุ่นที่แล้วทำให้ผมสามารถที่จะไปถึงที่หมายได้โดยไม่เป็นอะไรเลย

    " โอ้ เพิ่งจะมาถึงรึไง ลี " ชายคนหนึ่งพูดกับผมในทันทีที่ผมขับมอเตอร์ไซค์มาจอดยังที่รวมตัวของแก็งผม

    " คิง แกเองรึหัวหน้าแก็ง คิลเลอร์ " ผมพูดอย่างตกใจเมื่อเห็นหัวหน้าของแก็งที่บุกเข้ามาในถิ่นของผม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×