ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    วันที่ชีวิตสิ้นสุด

    ลำดับตอนที่ #3 : สนิทสนม

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 50


    " สวัสดี เราชื่อ เอริธ นะ " เธอพูดกับผมก่อนที่เธอจะเลื่อนเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง



    สงสัยว่าเธอจะสังเกตเห็นผมที่ไม่ได้ฟังอะไรทั้งสิ้น เธอเลยเริ่มแนะนำตัวกับผมอีกครั้ง แต่ในขณะนั้นสายตาทุกคู่ของห้องก็ยังคงจับจ้องมาทางผมซึ่งดูเหมือนว่าผมจะคุยกับเธออย่างไง ผมมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนที่จะเอ่ยปากตอบกลับไป



    " อือ ยินดีที่ได้รู้จัก " ผมพูดแล้วหันออกไปมองนอกหน้าต่างเหมือนเดิม



    " ใจคอจะไม่คิดบอกชื่อเลยหรือไง " เอริธพูด



    ตอนนี้ในสมองผมเริ่มรำคาญยายนี่ขึ้นมานิดๆแล้วนะ ไม่เข้าใจเลยว่าจะมาเซ้าซี้อะไรกับผมมากนักคนอื่นก็อยากที่จะรู้จักเธอตั้งเยอะตั้งแยะทั้งโต๊ะด้านหน้าเธอ และ โต๊ะข้าง ซึ่งเป็นชายหนุ่มทั้งสองคน แต่อีกแง่มุมหนึ่งผมก็คิดว่านี่คงจะเป็นมารยาทที่ต้องควรมีไว้



    " ลี ลีคอนเนอร์ " ผมพูดไปถ้วนๆโดยที่สายตายังมองไปที่ท้องฟ้าสีครามยามเช้าอยู่



    เอริธเมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็สามารถรู้สึกถึงความไม่ค่อยพอใจของผม  เธอก้มหน้าลงพร้อมกับหยิบกระเป๋าใส่ปากกาที่เป็นรูปแมวสีน้ำตาลออกมา วิชาแรกวันนี้เป็นวิชาสังคมที่แสนจะน่าเบื่ออาจารย์สอนแต่เรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่ เด็ก มันก็แค่เสริมเนื้อเรื่องให้เข้มข้นมากขึ้นเท่านั้นเอง หนังสือเรียนมันก็แสนจะหนักไม่เหมาะแก่การแบกมาเรียนซะเลย อาจารย์ไม่รอช้าเขาเริ่มหันหน้าเข้าสู่การสอนในทันที



    " อะไรกันเราว่าเราเอามาแล้วนี่... " เอริธพูด



    เอริธพยามค้นหาของบางอย่างในกระเป๋าเป้สีดำของเธอ วันนี้เป็นวันเรียนวันแรกสำหรับเธอเรื่องลืมหนังสือ หรือ ไม่รู้ว่าใช้หนังสือไรเรียนคงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนัก ดูจากลักษณะนี้เธอคงจะเป็นเด็กเรียนมากเลยทีเดียวแบบนี้มันก็เหมือนกับสวรรค์กับนรกเลยนะสิ โชคชะตานี่ช่างเล่นตลกดีแหะ



    " ไม่มีหนังสือ ใช่ไหม " ผมพูดพร้อมกับเอามือล้วงไปใต้ลิ้นชักโต๊ะของผม



    " เราว่าเราใส่มาแล้วนะ แต่ไม่รู้มันไปไหนนี่สิ " เอริธพูดพร้อมกับพยามหาต่อไป



    " กลัวอะไรละเธอแค่มาเรียนวันแรก อาจารย์เขาไม่ว่าหรอกน่า " ผมหันไปถามเธอ และ นี่คงจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้มองเธอในระยะกระชั้นชิดขนาดนี้



    " ก็...เราต้องใช้หนังสืออ่านด้วยบางครั้ง บางทีก็ฟังอาจารย์ไม่ทันนะ " เอริธหยุดการหาของแล้วหันมาพูดกับผม



    " ให้ตายเถอะ ฉันละอยากรู้จริงๆว่าเธอเรียนได้เกรดเท่าไหร่ " ผมพูดแล้วยืนหนังสือสังคมที่อยู่ในลิ้นชักของผมให้กับเธอ

    มันช่างเป็นภาพที่น่าตลกสิ้นดี สาวสวยแสนจะน่ารักที่ดูท่าทางจะเป็นเด็กเรียนกลับต้องมาใช้หนังสือของเด็กอันธพาลอย่างผม เอริธมองหน้าผมก่อนที่เธอจะยิ้มให้แล้วรับหนังสือของผมไปเปิดเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ ซึ่งผมเองก็ไม่สนใจกับการเรียนเหมือนเดิม หลังจากที่ผมส่งหนังสือให้กับเอริธแล้ว ผมก็หันไปมองท้องฟ้าที่แสนอิสระของผมต่อ



    " ลี แกไม่คิดจะเรียนเลยใช่ไหม " ทันใดนั่นเองเสียงตวาดก็ดังขึ้น ซึ่งมันก็สามารเรียกให้ผมหันไปมองทางด้านหน้าของได้ในทันที



    อาจารย์ที่สอนเดินปรี่เข้ามาหาผมในทันทีและดูเหมือนว่าเขาจะโมโห มากทีเดียวเขาเดินมาหยุดลงที่หน้าโต๊ะของผมกับเอริธ ก่อนที่จะใช้มือของเขาพบลงบนโต๊ะของผม เสียงอื้ออึงในห้องดังขึ้นอีกครั้งเนื่องจากอาจารย์ได้หยุดการสอนลง



    " หนังสือเรียนก็ไม่เคยมี ถึงเวลาเรียนก็เอาแต่มองไปข้างนอก " คำสวดลอยมาในทันที



    " เอ่อ... หนังสือผมอยู่ที่... " ผมพยามพูดแต่ก็ต้องถูกหยุดลง



    " ดูสิ เอริธเพิ่งเข้ามาเขายังมีหนังสือ แล้วนี่อะไรของเธอ "



    " ก็นั่นมันหนังสือ….. "



    " จะบอกว่าหนังสือนั่นมันของเธอสินะ ไม่ต้องมาอ้าง ถ้าไม่อยากเรียนก็ออกไปข้างนอกเลยไป " อาจารย์ไม่ยอมที่จะฟังคำพูดของผมแม้แต่น้อย



    ผมรู้สึกโมโหนิดๆนะ แต่ผมก็ยังสามารถควบคุมอารมณ์เอา มันก็ดีเหมือนกันผมจะได้ออกไปเรื่อยๆเปื่อยๆข้างนอกไม่ต้องปวดหัวกับการเรียน เอริธเองก็ดูเหมือนเธออึดอัดใจเธอกำลังจะพูดบางอย่างออกมาซึ่งผมเองก็พอที่จะเดาออกว่าเธอจะพูดอะไรออกมา ผมจึงลุกขึ้นแล้วยกมือห้ามเธอเอาไว้



    " ขอบคุณที่ไล่ผมนะ " ผมพูดกับอาจารย์ก่อนที่จะหันไปมองเอริธที่มองผมด้วยแววตาสำนึกผิด



    " เอริธ จะกินอะไรไหมเดี๋ยวหมดชั่วโมงแล้วฉันซื้อมาฝาก " ผมพูดกับเอริธก่อนที่จะเดินผิวปากออกไปจากห้องอย่างสบายอารมณ์



    หลังจากที่ผมออกมาจากห้องผมก็เดินไปตามระเบียงอย่างสบายใจ เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเคยเกิดกับผมครั้งแรก จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้มันเกิดกับผมหลายต่อหลายครั้งจบแทบนับครั้งไม่ได้เสียแล้ว ปกติถ้าผมโดนแบบนี้ผมก็มักจะไปนั่งเล่นแถวๆสระน้ำเพราะ ที่นั้นถ้าไม่มีเรียนมันจะเป็นสถานที่ที่เงียบสงบเหมาะแก่การนอนหลับมากเลยทีเดียว แต่วันนี้คงจะไปที่นั่นไม่ได้เพราะผมมองจากอาคารเรียนไปแล้วยังมีเด็กๆเรียนว่ายน้ำกันอยู่แล้ว



    แต่ใช่ว่ามันจะหมดหนทางไปซะทีเดียวมันยังมีอีกที่หนึ่งที่ผมสามารถจะไปได้และที่ตรงนี้มันดูเหมือนจะเงียบสงบตลอดเวลาเสียด้วย ที่นั่นก็คือ ดาดฟ้าของอาคารเรียนนั่นเอง ที่ตรงนั้นไม่ค่อยมีใครจะขึ้นไปสักเท่าไหร่นักเนื่องจากทุกคนนั้นรู้ว่าที่ประจำของผมคือที่นั่น จึงไม่ค่อยมีใครกล้าที่จะย่างกรายเข้าไป
    หลังจากที่ผมได้ตัดสินใจแล้ว ผมก็เดินจนไปถึงดาดฟ้าก่อนที่จะนอนลงกับพื้นกระเบื้องสีขาว บริเวณดาดฟ้านั้นถูกล้อมรอบไว้ด้วยรั้วเหล็กที่ถูกสานตัวกันจนเป็นตาข่าย บริเวณมุมดาดฟ้ามีแท็งก์น้ำถูกตั้งเอาไว้ เบื้องด้านของผมก็คือ ประตูทางขึ้นสีน้ำตาลและมีลูกบิดสีเงิน เวลานี้คงเป็นเวลาพักผ่อนที่ดีที่สุดของผมแล้วละ ผมเองก็ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันนะ

    ผมชอบมองไปบนท้องฟ้า ดูแล้วมันสบายใจดี ตอนเด็กเองผมก็เคยได้ใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักบินจะได้ใช้เวลาอยู่บนท้องฟ้าให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่สำหรับตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้เสียแล้วละ เมฆสีขาวที่ล่องลอยในท้องฟ้าได้อย่างอิสระ นกนานาชนิดบินบนท้องฟ้าได้อย่างมีความสุข ดวงอาทิตย์กลมโตส่องแสงสว่างอยู่บนท้องฟ้า บรรยากาศยามเช้านี่ช่างดีเสียเหลือเกิน ผมคิดอะไรไปเรื่อยๆเปื่อยๆจนในที่สุดหนังตาของผมก็ปิดลง



    " ลี ... ลี..." เสียงๆหนึ่งดังขึ้นในภวังค์ของผม



    ผมค่อยลืมตาขึ้นมาบวกกับความแปลกใจนิดๆ เนืองจากที่ผมนอนนั้นไม่ค่อยจะมีใครมายุ่งอยู่แล้ว ผมค่อยๆ

    กระพริบตาเพื่อปรับสายตาให้มองชัดขึ้น และคนที่ปลุกผมขึ้นมานั่นก็คือ เอริธ นั่นเอง ทั้งๆที่เธอเป็นนักเรียนใหม่แท้ๆ แต่ทำไมกันนะเธอกลับมากล้ายุ่งกับผม



    " เอริธ มีอะไรเหรอ " ผมพูดพร้อมกับเอามือขยี้ตาแล้วลุกขึ้นมานั่ง



    " นี่ ลี หลับอยู่ตรงนี้ตลอดเลยงั้นเหรอ " เธอพูดแล้วเดินมานั่งข้างๆผม



    " อือ ก็มาหลับตรงนี้ตั้งแต่โดนไล่ออกจากห้อง " ผมพูดแล้วเขยิบตัวหนีเอริธ



    " นี่มันก็เที่ยงแล้วนะ ทำไมหลับได้นานขนาดนี้นะ " เอริธพูดแล้วหัวเราะออกมา



    " ไหนละของกินที่จะเอามาฝาก " เอริธพูดพร้อมกับแบมือยื่นมาทางผม



    " เออ... แย่จริงๆ ลืมซะสนิทเลยแหะเรา "



    " ว่าแล้วเชียวว่าต้องลืม ลี คงยังไม่ได้กินอะไรสินะ " เอริธพูดแล้วนั่งคุกเข่าก่อนที่จะเอามือล้วงไปในกระโปรงของเธอ



    " อะนี่ ขนมปังจ๊ะ " เอริธพูดแล้วยื่นขนมปัง 2 ชิ้นมาให้ผม



    ผมเองก็ งง นิดๆแต่ก็รับมันมาในทันทีเนื่องจากตอนนี้ท้องของผมเริ่มหิวแล้ว ผมไม่รอช้ารีบแกะห่อพลาสติกที่หุ้มไว้ออกก่อนที่อ้าปากกินมันในทันที



    " อืม.. อร่อยใช้ได้นะเนี่ย " ผมพูดพร้อมกับเคี้ยว



    " ขนมปังไส้กรอกชีสจ๊ะ " เอริธพูดแล้วยิ้มให้กับผมที่กำลังกินอย่างอร่อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×