ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : เพื่อนร่วมห้องทั้งสี่
ปราสาทแห่งนี้ไม่ได้สวยแต่เพียงข้างนอกอย่างเดียว  แต่ภายในมันกลับสวยไม่มีที่ติเลย!  พรมสีแดงถูกปูไว้ตรงทางเดิน  รูปภาพต่าง ๆ ถูกประดับไว้ตามกำแพง  (ส่วนมากจะเป็นรูปคนแก่ ๆ กับบรรดาเทพต่าง ๆ)  บานประตูต่าง ๆ มากมายที่ถูกแกะสลักจากเนื้อไม้ชั้นดี  โคมไฟสีทอง  ทุก ๆ ย่างก้าวมักจะมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้  มันสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับผมมาก!!!
    ทางเดินในปราสาทนั้นซับซ้อนชวนเวียนหัวไม่เบา  มีประตูเชื่อมไปยังห้องต่าง ๆ เป็นร้อย ๆ บาน  บันไดก็ยาวแสนยาวแบบไม่กลัวนักเรียนเป็นลมตายไปกลางทาง  เราเดินลงบันไดมาเรื่อย ๆ จนมาถึงชั้นที่ผมคิดว่าเป็นชั้นล่างสุดของปราสาท  มันเป็นโถงทางเดินกว้าง ๆ ซึ่งมีประตูอยู่ทั้งหมดสามบาน  ผมคิดว่ามันคงเป็นประตูที่เชื่อมต่อกับห้องทำกิจกรรมที่สำคัญ ๆ
    “ โถงแห่งนี้มีชื่อว่า  คีย์ดอฟ  ประตูสีเขียวนี้เป็นห้องอาหาร  ประตูสีน้ำตาลนี้จะออกไปสู่นอกปราสาท  บันไดนี้จะนำไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของปราสาท  แล้วประตูสีทองเป็นห้องประชุม  จำไว้น๊ะขอรับคุณชาย ” เมอร์อธิบายพลางชี้ไปยังประตูแต่ละบาน  ผมพยักหน้ารับ  เมอร์เดินไปและพลักประตูบานสีทอง  ผมเดินตามไป  ห้องนั้นเป็นห้องที่ใหญ่มาก  ผมว่าคงจุคนได้เป็นพัน ๆ คนเลยล่ะ  มีเวทีสงสัยคงไว้ใช่จัดกิจกรรม    แต่ที่น่าสนใจก็คือเก้าอี้ในห้องประชุมนั้นจะเป็นเก้าอี้ยาว ๆ เหมือนที่เค้าตั้งไว้ในโบสถ์ไม่มีผิด  ผมรู้สึกแปลกใจนิดเพราะในห้องนั้นมีนักเรียนไม่ถึง 20 คนด้วยซ้ำ!   
    “ ชื่ออะไรค่ะ ”เสียงของหวานผู้หญิงคนนึงดังขึ้น  เธอคนนั้นคงมีอายุประมาณ 25 -26  ผมสีดำดูเงางามถูกรวบไว้อย่างเรียบร้อย  รอยยิ้มดูอบอุ่น  ท่าทางใจดี  ค่อยยังชั่ว  นึกว่าจะต้องเจออาจารย์หน้าดุใส่แว่นซะอีก  เมอร์โค้งให้หญิงสาวนิดนึงก่อนจะพูดว่า
    “ ชื่อ แรนดอลฟ์  ฟอล  มอร์รัช ขอรับ ” เมอร์พูดอย่างอ่อนน้อม  คุณคงแปลกใจล่ะสิว่าทำไมผมถึงให้ชื่อว่า แรนดอลฟ์ ฟอล มอร์รัช  นี่เป็นชื่อปลอมของผมเอง  ตระกูลมอร์ฟอลรัชเป็นตระกูลที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นตระกูลผู้มีสายเลือดหมาป่า  ผมจึงไม่สามารถใช้นาม  มอร์ฟอลรัชได้  ย่าของผมเลยจัดการตั้งนามสกุลใหม่ให้ (ถึงแม้จะแค่สลับตัวอักษรกันก็เหอะ!!!)  หญิงสาวก้มหน้าลงมองในแฟ้มรายชื่อก่อนที่จะเขียนอะไรซักอย่างลงไป  เธอหยิบซองกระดาษหนึ่งซองออกมาจากเสื้อคลุมพร้อมกับยื่นให้ผม 
    “ โอเคค่ะ  เรียบร้อยตามชั้นมาได้  ส่วนคุณผู้ติดตามก็เชิญกลับได้แล้ว  เพราะชีวิตในโรงเรียนของมอร์รัชจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ \" เธอหยุดไปนิด  ก่อนที่จะหันมาทางผมแล้วพูดว่า
\"เอาล่ะ  ชั้นชื่อว่า โรส  มารี เป็นหนึ่งในบรรดาอาจารย์ประจำโรงเรียนนี้  บอกลากันได้แล้ว! ” เธอพูดด้วยเสียงห้วน ๆ  เมอร์ก้มตัวให้ผมทีนึงแล้วเดินออกไป  ส่วนผมก็ยืนอ้าปากค้าง  คราบของอาจารย์ใจดีเมื่อกี้ได้หายไปเกลี้ยงเลย!
    “ ตามมาได้แล้ว  เธออยู่กลุ่มแบล็ค  เอาล่ะ  เชิญไปนั่งตามสบาย  อีกอย่าง! ถ้าจะเรียกชื่อชั้น  ก็กรุณาเรียกว่าอาจารย์โรส  ฉันไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อฉันเฉย ๆ  ” ตอนนี้ผมได้เรียนรู้แล้วว่าเวลามองคนอย่ามองแต่ภายนอก 
    ผมค่อย ๆ ลากเท้าเดินไปเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ที่สุดพร้อมกับนั่งลงไป  ข้าง ๆ ผมมีนักเรียนผู้ชายนั่งอยู่แล้วสามคน  ผมหันไปมองรอบ ๆ ห้องประชุม  มีนักเรียนนั่งกระจัดกระจายกันไป  มีนักเรียนหญิงสามคนใส่เสื้อคลุมสีแดงนั่งห่างออกไปประมาณสี่ห้าแถว  แล้วก็มีนักเรียนชายใส่เสื้อคลุมสีเขียวอีก 2  แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือมีกลุ่มนักเรียนชายหญิงที่ใส่เสื้อคลุมสีขาวไม่ต่ำกว่า 10 คนนั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของห้องประชุม!  แถมในห้องประชุมยังมอาจารย์คุมแค่คนเดียวเท่านั้น!  ระหว่างที่ผมกำลังนั่งดูรอบ ๆ อยู่นั้น  ผมไม่ได้สังเกตเลยว่าเด็กหนุ่มสามคนที่นั่งข้าง ๆ ผมทำท่าจะตะลุมบอนกันอยู่ 
    “ เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ! ” เสียงของเขาทำเอาผมสะดุ้งเฮือก  ผมหันไปมองหน้าของเจ้าของเสียง  ใบหน้าของเขาขาวซีดแต่ยังคงความหล่อไว้  ผิดกลับดวงตาและสีผมของเขาที่ดำขลับดั่งรัตติกาลอันมืดมิด  แถมยังเขี้ยวที่งอกเลยออกมาจากปากเขายิ่งเสริมให้น่ากลัวมากยิ่งขึ้น  ยิ่งตอนเขาอ้าปากพูดนะ  โอ้  อย่าให้ผมพูดเหอะ!  ไม่ต่างจากเสือที่พร้อมจะขยี้เหยื่อให้ตายคาปาก
    “ ฉันแค่พูดขึ้นมาลอย ๆ นายอยากจะรับก็รับไปสิ ” เด็กหนุ่มผมทองที่นั่งอีกริมหนึ่งพูดพลางทำหน้าตากวนโทสะซะไม่มี  ผมนึกอยากคุกเข่าโค้งคำนับที่เขาไม่สะทกสะท้านกับท่าทางของเด็กหนุ่มผมดำเลยชักนิด!  นัยน์ตาสีฟ้าของเขามีแววเย้ยหยันเด็กหนุ่มผมดำ  ผมต้องขอนับถือจริง ๆ  เด็กหนุ่มผมดำเริ่มตัวสั่นจนสีตาเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนกับปีศาจที่พร้อมจะแปลงร่าง  รู้สึกว่าอาการตัวสั่นของเขาจะลามมาถึงผมด้วยเพราะผมเริ่มตัวสั่นไปหยุด (ง่ะ  ไอ้หมอนี่น่ากลัวจะตาย  ทั้งสีตา  แถมยังมีเขี้ยวอีกอ่ะ!)
    “ ลูสเชอร์  ใจเย็น ๆ หน่อยสิ    ขอโทษด้วยน๊ะเวย์  เมื่อเช้าลูสเชอร์ดื่มเลือดมานิดเดียวเลยค่อนข้างหงุดหงิดน่ะ ” เด็กหนุ่มที่นั่งขั้นกลางทั้งสองพยายามพูดไกล่เกลี่ย  หน้าตาของเขาเหมือนเด็กหนุ่มผมดำอย่างกับแกะ (สงสัยเป็นฝาแฝด)  แต่เขาต่างกับเด็กหนุ่มผมดำตรงที่ดูใจดีมากกว่า
    “ เฮอะ!  วันนั้นฉันจะปล่อยพวกนายไปแล้วกัน  แต่คราวหน้าฉันไม่ปล่อยไว้แน่ ” โอ้แม่เจ้า!  อย่างที่ผมบอก!  ผมขอโค้งคำนับไอ้หนุ่มผมทองคนนี้  เพราะมันบ้าดีเดือดแท้ ๆ  เด็กหนุ่มผมดำยิ้มเย็น ๆ  ก่อนจะพูดว่า 
    “ สงสัยฉันต้องเอาเลือดเสีย ๆ ออกมาจากปากเน่า ๆ ของนายซะหน่อยแล้วสิ! ” เด็กหนุ่มผมดำไม่รอช้า  เขากระโดดข้ามฝาแฝดของเขาแล้วขึ้นไปเหยียบบนไหล่เด็กหนุ่มผมทอง  เด็กหนุ่มผมทองกระชากขาเด็กหนุ่มผมดำอย่างรุนแรงจนเขาตกลงไป  เด็กหนุ่มผมดำกระโดดลงทรงตัวอย่างไม่สะทกสะท้าน  เด็กหนุ่มผมทองลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตั้งท่ารอ 
    “ งั้นมาเจอกันซักยกดีไหมล่ะ! ” เด็กหนุ่มผมทองพูดขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรง  ทุกท่วงท่าของทั้งสองทำเอาผมอึ้ง  ทั้งท่ากระโดดตีหลังกากลางอากาศของเด็กหนุ่มผมดำ  การป้องกันหมัดของเด็กหนุ่มผมทอง  การบิดตัวเตะ  และการหลบเหลี่ยงของทั้งสอง  พูดได้คำเดียวว่าสุดยอด! 
    “ พอได้แล้ว!!! ” เสียงเข้มของอาจารย์โรสดังขึ้นทำให้การต่อสู้สุดมันส์ยุติลง  ผมเหลือบไปมองอาจารย์โรส  เห็นเธอยืนเท้าสะเอวพลางทำหน้าดุใส่ทั้งสอง  เด็กหนุ่มผมดำเชิดหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ  ส่วนเด็กหนุ่มผมทองก็ทำหน้าตายอย่างไม่รู้สึกรู้สา  ผมขอคารวะกับความหน้าหนาของทั้งสองอีกครั้ง  (เฮ้ย!  นี่แกจะด่าหรือชมเนี่ย! >>เซน่าจัง)  อาจารย์โรสมองทั้งสองสลับกันก่อนจะพูดว่า
    “ พวกเธอกล้าดียังไงถึงได้ก่อเรื่องตั้งแต่วันแรก! ”
    “ อาจารย์ครับกฎโรงเรียนไม่มีข้อห้ามไม่ให้ต่อสู้กันไม่ใช่เหรอ? ” เด็กหนุ่มผมทองเถียง  อาจารย์โรสยิ้มหวาน  (ซึ่งดูน่ากลัวมากในสายตาของผม)  ก่อนที่จะพูดว่า
    “ ใช่ราเฟล  ดูเหมือนว่าพ่อของเธอจะสอนมาดี  กฎของโรงเรียนมีอยู่สามข้อคือ หนึ่งห้ามสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น!  สองห้ามขาดเรียนเกิน 7 ครั้งในแต่ละวิชา  สามห้ามฆ่ากันตาย!  ยกเว้นตอนอยู่บนสนามประลอง ” เธอหยุดไปเพื่อดูสีหน้าทั้งสองก่อนจะพูดว่า
    “ เมื่อกี้มีนักเรียนจากกลุ่มไวด์มาบอกว่า  เธอกำลังส่งเสียงรบกวนพวกเขา  ฉันถือว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอเลยจะยกโทษให้  แต่ถ้ามีครั้งต่อไป  เธอคงได้ตัดหญ้าทั้งสนามโรงเรียนแน่!  เข้าในไหม! ” เด็กหนุ่มทั้งสองพยักหน้าอย่างหงุดหงิด  เหอะ ๆ เจออาจารย์โรสทีเดียวเถียงไม่ออกเลย  ผมได้ยินเสียงเด็กหนุ่มผมดำพึมพัมในลำคอว่า ‘ไอ้พวกไวด์ตัวดี!’  อาจารยืนโรสส่งสายตาพิฆาตใส่ทั้งสองอีกครั้งก่อนที่จะลดมือที่เท้าสะเอวลง  แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า
    “ เอาล่ะ  พวกเธอทั้งสี่จะต้องอยู่ห้องเดียวกัน  ถือว่าเป็นการฝึกก็แล้วกัน  การ์ดคีย์สำหรับเข้าห้องจะอยู่ในซองจดหมายที่แจกเมื่อกี้  พร้อมกับจดหมายจากผู้อำนวยการ  และตารางเรียนตามวิชาที่เธอสมัครมา ” เดี๋ยวนะอาจารย์  พวกเราทั้งสี่  นั่นก็แปลว่ารวมผมด้วยดิ!  อาจ๊านนนน  คิดอะไรอยู่เนี่ย  จะฆ่าผมทั้งเป็นหรือไงคร๊าบบบบ
    “ บทเรียนจะเริ่มพรุ่งนี้  หนังสือเรียนจะถูกส่งไปให้ที่ห้องของเธอ ช่วงกรุณาเข้าเรียนตามตารางเรียน  เพราะอย่างที่บอก  โรงเรียนมีกฎห้ามเธอขาดเรียนเกิน 7 ครั้งในแต่ละวิชา  และก็อย่าลืมพวกเธอต้องมาเข้าประชุมที่นี่ทุก ๆ เย็นวันพุธเวลาห้าโมงครึ่งตอนเย็น  เอาล่ะ!  แยกย้ายเข้าห้องได้แล้ว ”
    “ เดี๋ยวครับอาจารย์โรส  แล้วมันจะไม่มีการประชุมต้อนรับปีการศึกษาใหม่หรือครับ ” คำถามของเด็กหนุ่มผมทองทำเอาอาจารย์โรสกระอักกระอ่วน  เธอไอนิดหน่อยก่อนจะตอบว่า
    “ พอดีมีปัญหาเรื่องการทดสอบนิดหน่อย  เราเลย  เอ่อ  ต้องยกเลิกการประชุมไปน่ะ  ถ้าเธอไม่ว่าฉันขอตัวก่อน  แล้วฉันจะส่งเพื่อนร่วมห้องไปให้เธออีกคน  ขอตัวก่อนล่ะ ” อาจารย์โรสก้าวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว  โดยทิ้งปริศนาไว้ให้กับเด็กหนุ่มผมทอง  ส่วนผมก็อยากจะตะโกนว่า  นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!!
......................................................................
  .    หลังจากที่อาจารย์โรสเดินออกไปเราทั้งสี่ก็จัดการเปิดจัดการแกะซองจดหมาย  ซึ่งในซองจดหมายของผมมีการ์ดสำหรับเปิดประตูห้องที่เขียนไว้ว่า ‘ห้อง 111’  นอกจากการ์ดแล้วยังมีจดหมายหนึ่งฉบับและตารางเรียน
    “ ฉันว่าพวกเราขึ้นห้องกันเถอะ ” เด็กหนุ่มผมทองพูดเหมือนออกคำสั่ง  สร้างความหมั่นไส้ให้เด็กหนุ่มผมดำไม่น้อย 
    “ นายไม่ต้องมาทำเป็นสั่ง! ” เด็กหนุ่มผมดำพูดพลางจ้องตาสู้เด็กหนุ่มผมทอง
    “ แล้วใครใช้ให้นายทำตามกันล่ะ ” เด็กหนุ่มผมทองสวนกลับมา  ทั้งสองไม่สามารถสู้กันได้เหมือนเมื่อกี้ก็เพราะคำประกาศิตของอาจารย์โรส  ผมอุตสาห์ดีใจว่าจะได้อยู่อย่างสงบ  ไม่ต้องมาคอยระแวงลูกหลงจากไอ้สองคนนี้อีก  แต่ที่ไหนได้  สองคนนี้กลับเล่นเถียงกันแบบไม่ต่างจากเด็ก 5 ขวบจนเกือบทำผมบ้าตาย!
    “ แล้วใครใช้ให้นายสั่ง ” ยังไม่เลิกอีก
    “ แล้วใครใช้ให้นายทำตามล่ะ ” มันจะเถียงไปทำไมฟ่ะ!!!
    “ แล้วใครใช้ให้นายสั่ง ” ใครมีมีดบ้าง  ผมอยากจะเฉือดคน!
    “ หึหึ  สองคนนี้รักกันดีจริง ๆ  ฉันว่าเราขึ้นห้องกันเองก่อนดีกว่า  ปล่อยให้สองคนนี้สานสัมพันธ์กันต่อไป ” ฝาแฝดของเด็กหนุ่มผมดำพูดพลางยิ้ม  ผมนึกอยากถามไปว่า ‘ตรงไหนของไอ้สองคนนั้นที่บอกว่ารักกัน’ 
    “ นายชื่ออะไรเหรอ ”ฝาแฝดของเด็กหนุ่มผมดำถามระหว่างที่พวกเรากำลังเดินขึ้นบันไดวน  ซึ่งมีป้ายติดไว้ว่า ‘ทางเข้าหอพักนักเรียนชาย’
    “ แรนดอล์ฟ  ฟอล  มอร์รัช ”ผมตอบ
    “ ฉันชื่อว่าลิสเชอร์  บลัด  ส่วนน้องชายของฉันชื่อว่าลูสเชอร์  พวกเรามาจากหมู่บ้าน ‘ดาร์กเนส’ อยู่ที่ทวีปใต้ดินน่ะ  ส่วนคนที่มีผมสีทองนั่นชื่อว่าเวย์  ราเฟล มาจากหมู่บ้าน ‘โกลเด้นวีล’ ”ลิสเชอร์พูด
    “ น้องชายของนายกับไอ้คนที่ชื่อว่าเวย์ทะเลาะกันอะไรเหรอ? ” ผมถามอย่างสงสัย  อยากรู้จริง ๆ เลยว่าไอ้เรื่องที่ทำให้ไอ้สองคนนั้นทะเลาะกันจนหน้าดำหน้าแดงจะเป็นเรื่องอะไร
    “ ก็อย่างว่า  ความแค้นระหว่างนักล่าค่าหัวกับผีดูดเลือดคงไม่มีวันเสื่อมสลาย ” ลิสเชอร์พูดอย่างล่องลอย  ก่อนที่จะยิ้มกว้างให้ผม  ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน  แต่ผมไม่ค่อยชอบรอยยิ้มของหมอนี่เลย
    “ นักล่าค่าหัว?  ผีดูเลือด?  แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้สองคนนั่นล่ะ? ” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ (โอ้ย!  จะบื้อไปถึงไหนแรนดอล์ฟ!!!>>เซน่าจัง)
    “ นายรู้จักตระกูลบลัดและตระกูลราเฟลไหม? ” ว่ะ  ถามวกไปวนมาอยู่ได้  ถ้าจะอธิบายก็อธิบายมาตรง ๆ เลยดิ!
    “ ไม่รู้ ”
    “ หึหึ  นายนี่แปลกดีน๊ะ ” ลิสเชอร์พูดพลางหัวเราะในลำคอ  ทำเอาผมเสียวสันหลัง  เตรียมวิ่งหนีถ้าเกิดเห็นท่าไม่ดีขึ้นมา  ลิสเชอร์หยุดเดินก่อนที่จะหันมาทางผมแล้วพูดด้วยเสียงเย็น ๆ ว่า
  “ ตระกูลบลัดเป็นตระกูลผีดูดเลือดผู้ถือหนึ่งในตราห้าเผ่าซึ่งก็คือ ‘คริสตัลเลือด’  ส่วนตระกูลราเฟลก็คือตระกูลนักล่าค่าหัวชื่อดัง  ซึ่งมีวิชาลับที่สืบทอดมานานแสนนาน  ใช้สำหรับจัดการพวกอมนุษย์โดยเฉพาะ ” เขาก้าวเข้ามาใกล้ ๆ ผม  พร้อมกับเอื้อมมือมาจับไหล่ผมช้า ๆ
    สมองของผมพยายามสั่งให้ขาผมวิ่งหนี  แต่มัน........แต่มัน................แต่มันก้าวขาไม่ออกอ่ะ! มือของลิสเชอร์จับตรงไหล่ผมเบา ๆ  หมอนี่เป็นผีดูดเลือด    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต่อไปเขาต้องแหวกเสื้อผมแล้วกัดลงตรงเส้นเลือดใหญ่แถวซอกคอแน่เลย!    อ๊าก ~ ~ ผมต้องโดนดูดเลือดตายอยู่ตรงนี้แน่ ๆ เลย!  พรุ่งนี้ก็จะมีซากศพของผมถูกลอยกลางแม่น้ำ!  แล้วพอเขาเอาศพผมไปชันสูตรเขาก็จะพบว่าผมถูกดูดเลือดจนตาย  จากนั้นพวกตำรวจก็จะตามล่าลิสเชอร์  แล้วลิสเชอร์ก็จะโกรธจนจับทุกคนดูดเลือดจนหมดตัว  จากนั้นก็จะไม่มีมนุษย์เหลือบนโลก!  ม่าย!!!  ใครก็ได้ช่วยผมที  ~  ~    (ยิ่งอยู่ยิ่งไม่เต็มน๊ะแรนดี้  --“ >>>เซน่าจัง)
    “ นายเป็นคนที่แปลกดีน๊ะ ”ลิสเชอร์พูดยิ้ม ๆ หลังจากที่เห็นท่าทางของผม  ผมหันไปมองมือข้างที่เขาเพิ่งเอามาจับไหล่ผมเมื่อกี้  มีผีเสื้อตัวน้อยอยู่ในมือของเขา  เขาหันมายิ้มให้ผมอีกครั้งแล้วพูดว่า
    “ ฉันจะคอยจับตาดูนายไว้  นายไปที่ห้องก่อนก็แล้วกัน  เดี๋ยวฉันจะแว่บกลับไปดูลูสเชอร์สักหน่อย ” หลังจากที่ลิสเชอร์พูดเสร็จเขาก็เดินจากไป  ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก  รอดแล้วเรา! (หึหึ  มันก็ไม่แน่น๊ะแรนดี้ >>>เซน่าจัง)
............................................................................
    “ โอ้ย!  เหนื่อยเป็นบ้าเลย! ”ผมบ่นอย่างหงุดหงิดพลางทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างแรง  ห้องพักนี้เป็นห้องพักขนาดพอดี  ซึ่งมีเตียงตั้งอยู่ทั้งหมด 5 เตียง  ซึ่งมีชั้นวางของเล็ก ๆ ตั้งอยู่ข้าง ๆ เตียงแต่ละเตียง  ที่ปลายเตียงมีตู้เล็ก ๆ ที่บรรจุไปด้วยหนังสือแล้วก็สิ่งต่าง ๆ ที่ผมคาดว่าน่าจะเป็นอุปกรณ์การเรียน  โต๊ะสำหรับนั่งทานอาหารขนาด 6 คน  ตู้เสื้อผ้า 5 ตู้  มีตระกร้าสำหรับใส่เสื้อผ้าที่ต้องการซัก (ป้ายเขียนบอกไว้)  ห้องน้ำ  แต่ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนติดชื่อเจ้าของไว้เช่นเตียงที่ผมนอนอยู่นี่ติดป้ายไว้ว่า  ‘แรนดอล์ฟ  ฟอล  มอร์รัช’
    ผมลุกขึ้นช้า ๆ ก่อนที่จะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า  แล้วก็ต้องแปลกใจเพราะภายในตู้นั้นมีเสื้อผ้าเต็มไปหมด  ตั้งแต่ชุดลำลองยันชุดส่วมใส่ไปงานเต้นรำ  รองเท้า  ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดเสื้อผ้าพวกนี้  มันเหมือนกับเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าของผมเลย   
    ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะ  ก่อนที่จะเอื้อมมือไปหยิบจดหมายในเสื้อคลุมออกมา  อย่างที่อาจารย์โรสบอก  ในซองจดหมายนี้จะมี การ์ดสำหรับเข้าห้อง  ตารางเรียน  แล้วจดหมายจากผู้อำนวยการ    แต่ข้อความที่ผมกำลังอ่านอยู่นี้ทำให้ผมชักสงสัยว่ามันใช่จดหมายจากผู้อำนวยการเหรอ?
        ถึงแรนดอล์ฟ  ฟอล  มอร์รัช (แรนดี้น้อยหลานรักของอา)
    ผมเริ่มรู้สึกคลื่นไส้กับคำในวงเล็บ  แต่ก็ต้องฝืนทนอ่านต่อ
        อารู้สึกดีใจมาก ๆ เลยที่เธอจะเข้ามาเรียนในโรงเรียนของอา  แรนดี้ของอาโตแล้ว  อารู้สึกปลาบปลื้มใจจริง (แต่ผมไม่ยักกะปลาบปลื้มใจเลย)  อาไม่นึกจะได้เจอหลานอีก (ผมก็ไม่นึกว่าผมจะมีอาอย่างนี้อยู่ด้วย)  ยังไงซะเดี๋ยวเราคงได้คุยกันเป็นการส่วนตัวอีกที 
ป.ล.  อีกสองคืนจะถึงคืนพระจันทร์เต็มดวง  ที่ฟิแลนเดอร์มีที่ซ่อนดี ๆ เยอะ  หาที่เหมาะ ๆ ซักที่แล้วซ่อนตัวซะ  ถือซะว่าเป็นการฝึกก็แล้วกัน 
                                                                                                                              จาก  อาของเธอ
    “ การฝึก!  เชื่อเค้าเลย! ”ผมตะโกนขึ้นอย่างหัวเสีย  เนื้อตัวเริ่มสั่นระริกด้วยโกรธ  ผมโกรธ  โกรธมากด้วย  นี่พวกเค้ากะส่งผมมาตายเหรอ!  ทำไมเค้าถึงทำกับผมได้!  ผมแทบไม่รู้ตัวเลยว่าร่างกายของผมกำลังเปลี่ยนแปลง  เส้นผมของผมเริ่มกลายเป็นสีขาวและยาวขึ้น  เขี้ยวเริ่มงอกออกมา  เล็บเริ่มยาว 
    “ เฮ้ย! อ๊าก!  ซวย ๆ ๆ ๆ  ทำไมต้องมาโกรธตอนนี้ด้วยฟ่ะ ” ผมลืมไปสนิทเลยว่าเวลาผมโกรธ  ร่างกายของผมจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นหมาป่าตามระดับของความโกรธ  ผมวิ่งวุ่นไปทั่วห้องนอน  โอ้ย!  ถ้าเกิดสองฝาแฝดผีดูดเลือดกับไอ้นักล่าค่าหัวกลับมาผมก็ตายลูกเดียวดิ!  ผมรีบส่องดูตัวเองในกระจก  โชคดีที่หูกับหางของผมยังไม่โผล่มาที  สีตากับสีผมมันไม่เท่าไหร่หรอก  แต่ไอ้เขี้ยวกับเล็บมันชักจะยังไง ๆ อยู่น๊ะ  ยังไงซะตอนนี้ผมก็ต้องรีบเผ่นออกจากห้องนอนนี้ก่อน!
    ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าตรงทางเดินนั้นโล่งไร้ผู้คน  ผมค่อย ๆ ย่องไปช้า ๆ พยายามอธิฐานขอให้อย่าเดินสวนกับสองฝาแฝดนั่นหรือเวย์ ราเฟลอะไรนั่น  ความเครียดเริ่มก่อตัวในช่องท้องของผม  ท้องไส้บิดมวน  เหงื่อเริ่มไหล่ย้อยลงมาตามหน้าผาก  เมื่อไหร่มันจะแปลงร่างกลับอย่างเดิมฟ่ะ!
    ผมเดินมาถึงทางแยก  แต่แล้วก็ต้องหยุดค้างเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกัน
    “ หยุดก่อนโซเล็ม  ริทชาโด้ ”ผมหยุดเดินทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก  พร้อมกับหลบไปข้าเสาต้นใหญ่  ผมค่อย ๆ โผล่หัวไปมองเจ้าของเสียง  ซึ่งยืนห่างจากผมประมาณ 2-3 เมตร
    เจ้าของเสียงเป็นเด็กหนุ่มวัยเดียวกับผม  ไม่สามารถบ่งบอกรูปร่างได้เนื่องด้วยเจ้าตัวใส่เสื้อผ้ารุ่มร่ามมาก ๆ  แถมยังเป็นสีดำตัดกับสีผิวขาว ๆ ของเขาอีก (บ่งบอกว่าเขาอยู่กลุ่มแบล็ค)  ผมสีเงินออกขาว ๆ ถูกมัดรวมด้วยทองคำขาวเป็นวงคล้ายกำไลแกะสลัก  ดวงตาสีม่วงดูเจ้าเล่ห์  ดวงตาข้างซ้ายของเขาใส่แว่นตาข้างเดียวไว้  ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับเด็กหนุ่มอีกคน  ซึ่งกำลังยืนทำหน้าตาไร้ความรู้สึก  รูปร่างของเด็กหนุ่มคนนั้นสูงแต่ไม่ล่ำบึก  ดูขี้โรคหน่อย ๆ  ดวงตาสีดำสนิทไร้ความรู้สึก  ผมสีดำตัดไม่ค่อยเป็นทรง  สวมเสื้อผ้าสีขาวต่างกับเด็กหนุ่มคนแรก  แต่สิ่งที่ทำให้ผมสยองก็คือเสื้อผ้าของเขาถูกแต่งแต้มไปด้วยเลือดน่ะสิ!
    “ ฉันรู้ว่านายมีเป้าหมายที่จะทำในโรงเรียนแห่งนี้  ฉันเองก็เหมือนกัน  จากนักเรียนทั้งหมดที่ฉันมอง ๆ ไว้  มีนายน่าสนใจที่สุด  ฉันว่าเราควรเป็นเพื่อนกันไว้ดีกว่านะ ” เด็กหนุ่มผมเงินพูดพลางยิ้มกว้างแบบจริงใจเหมือนเห็นเด็กหนุ่มผมดำยังทำหน้าตายเหมือนเดิม
    “ เป็นเพื่อนกับดาร์คเอล์ฟ...  ก็คงไม่เลวเท่าไหร่ ” เด็กหนุ่มผมดำพูดเรียบ ๆ ดวงตายังคงเหม่อลอย  เขายกแขนขึ้นเพื่อเลียเลือดที่ติดอยู่บนมือออก  บรื๋อ!  ไอ้หมอนี่น่ากลัวชะมัด!  แล้วอีกคนเป็นดาร์คเอล์ฟเหรอ  แล้วดาร์คเอล์ฟมันคืออะไรอ่ะ?
    “ สมกับเป็นคนที่ฉันสนใจจริง ๆ  ไอคิวดีทีเดียว  แต่ดูเหมือนอีคิวจะต่ำกว่าปกติไปหน่อย ” เด็กหนุ่มผมเงินพูดยิ้ม ๆ    เอ...เมื่อกี้หมอนี่ชมหรือด่าฟ่ะ   
    “ แว๊ก! ”ผมร้องขึ้นเสียงดัง  ก่อนที่จะล้มลงไปจูบพื้นเข้าจัง ๆ    เมื่อกี้ผมไม่น่าชะโงกตัวเลย  ล้มจนได้  สงสัยช้ำในหมดแล้ว  (ใครเค้าห่วงเรื่องนั้นฟ่ะ)  ผมค่อย ๆ ยืนขึ้นแล้วปัดฝุ่นออกตามตัว  แต่ก็ต้องชะงักค้างเพราะนึกขึ้นได้ว่าผมกำลังแอบฟังสองคนนั่นคุยหันนี่น่า
    “ นายเป็นใคร? ” ก็เป็นคนไง  เฮ้ย!  นี่มันไม่ใช่เวลาที่ผมจะมาเล่นตลกนี่ 
“ ลาก่อน ”ผมพูดแล้วก็รีบวิ่งหนีทันที   
    “ เฮ้ย!  นาย  อย่าเพิ่งหนีสิ! ”เสียงตะโกนของใครสักคนตามหลังผมมา  ผมไม่สนแล้วว่าเป็นใคร  ตอนนี้ผมสนว่าต้องหนีให้พ้นเท่านั้น!
........................................................................................
    “ ว้าว...วิ่งเร็วเป็นบ้าเลย! ” เซลเดเรี่ยนบ่น  แต่ก็ยังอดยิ้มไม่ได้  ใครกันน้าที่สามารถวิ่งได้เร็วถึงขนาดที่เขาวิ่งตามไม่ทัน  นัยน์ตาสีม่วงหันไปจ้องเพื่อนใหม่ที่วิ่งมาด้วยความเร็ว  1  กิโลเมตร : ชม.  หมอนี่เฉื่อยชะมัด
    “ น่าสนใจดีเนอะ  แสดงว่าต้องไม่ธรรมดาแน่  เล่นวิ่งหนีฝีเท้าฉันได้  ยอดเยี่ยมไม่เบา ”
    “ อืม ”แก้มข้างขวาของโซเล็มกระตุกขึ้นเล็กน้อย
    “ นายก็สนใจเหมือนกันล่ะสิ? ”
    “ น่าสนใจดี  น่าสน ”โซเล็มเอ่ยด้วยน้ำเสียงล่องลอย
    “ นายได้อยู่ห้องเดียวกับสองฝาแฝดตระกูลบลัดใช่ไหม? ” เซลเดเรี่ยนพร้อมด้วยรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา 
    “ อืม... ”
    “ หึ...งั้นเหรอ  แล้วเจอกันนะ  โซเล็ม ”เซลเดเรียนพูดพลางเอามือจับแว่นตาข้างเดียวให้เข้าที่  แล้วก็เดินจากไป
...........................................................................
    สุดท้ายผมก็วิ่งกลับมาที่ห้อง 111  จนได้    โอ้ย!  อยากจะตัดไอ้จางี่เง่านี้ทิ้งให้เสียรู้แล้วรู้รอด  แค่เอนตัวนิดหน่อยก็ดนสะดุดขาล้มแล้ว  อะไรมันจะไร้ประสิทธิภาพขนาดนั้น  แถมไอ้สองคนนั้นมันจะจำหน้าผมได้ไหมเนี่ย  โอ้ย!  ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว...
    “ ไม่เข้าห้องหรือ ”เสียงเรียบนิ่งที่แสนจะคุ้นดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว  ผมหันไปจ้องหน้าผู้มาใหม่ก่อนที่จะตัวแข็ง!  ไอ้หมอนี่!  ไอ้หมอนี่  โอ้!  ชีวิตมันไม่ยุติธรรมเลย
    “ ไม่เข้าห้องหรือ? ”เขายังคงย้ำคำเดิม  หมอนี่จำผมไม่ได้เหรอ  ผมไปคลำแถวศีรษะเส้นผมของผมสั้นลงแล้ว  เขี้ยวของผมก็หายไปแล้ว!  เล็บด้วย!  นี่ผมกลับเป็นปกติแล้วเหรอ?  เย้!  ผมดีใจซะจนอยากเต้นระบำวูดูเลยล่ะ (เต้นเป็นด้วยเรอะ - -\")
    “ เอ่อ  นายพักห้องนี้เหรอ? ”ผมถามเรียบ ๆ ทั้งที่ในใจลุ้นจนตัวโก่ง  ขออย่าให้ไอ้หมอนี่อยู่ห้องเดียวกับผมเลย!  แหม  คุณคงอยากอยู่ห้องเดียวกับคนที่ใส่เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่หรอกน๊ะ (ไม่ว่าเลือดนั่นจะมาจากสาเหตุอะไรผมก็ขอปฏิเสธไว้ก่อน)   
    “ ถ้าห้องนี้เป็นห้องหมายเลข 111 ล่ะก็...ใช่ ”เขาเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง  ดวงตายังคงเหม่อลอย  ผมถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อเปิดทางให้เขาเข้าห้อง  เขาเปิดประตูห้องก่อนที่จะหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า
    “ ฉันชื่อว่าโซเล็ม  ริทชาโด้ ”
“ ฉันแรนดอล์ฟ  ฟอล  มอร์รัช ” วันนี้ไม่ใช่วันขอผม!
    โอเค  มาทบทวนความจำกันหน่อย  ผมมีเพื่อนร่วมห้องทั้งหมด 4 คน  ถ้ารวมผมไปด้วยก็จะเป็น 5 คน  ซึ่งมีคนหนึ่งเป็นลูกชายนักล่าค่าหัวชื่อดัง  อีกสองคนเป็นผีดูดเลือดจากตระกูลผู้ถือคริสตัลสีเลือด  ส่วนอีกคนเป็นคนที่บอกได้ความเดียวว่าน่ากลัว!  แค่ดูจากชุดสีขาวที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาวันนี้ก็กินขาดแล้ว!  และผมหมาป่าตัวน้อย ๆ น่ารัก ๆ ขนปุกปุย  ถามจริงผมจะนอนหลับได้ไง!  ตอนนี้  พูดได้คำเดียวว่าต่อไปชีวิตของผมคงมันส์แน่!
..........................................................................
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น