ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Randolph The King Of Wolf (Old)

    ลำดับตอนที่ #3 : ทายาทมนุษย์หมาป่า Re Write

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 49




                    อืม... ผมครางในลำคอพลางเอามือควานหาผ้าห่มทั้ง ๆ ที่ไม่ลืมตา   ผมเป็นคนที่ค่อนข้างนอนขี้เซา   ต้องนอนกลิ้งบนเตียงซักสิบนาทีก่อนจะลุกได้    สมองผมเริ่มแล่นอย่างเชื่องช้า   นัยน์ตาผมปรือขึ้นนิด ๆ ทำให้เห็นแสงสลัว ๆ บนเพดานสีขาวได้  โคมไฟระย้าที่ประดับประดาไปด้วยคริสตัลส่องแสงสีเหลืองนวลทำให้ห้องสว่างไสว   เอ...ผมจำไม่ได้ว่าผมมีเพดานห้องแบบนี้เมื่อไหร่!!!  

                   ทันทีที่ผมลืมตา  ผมก็รู้ได้ทันทีว่าผมไม่ได้อยู่บ้านแล้ว  ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้อง ๆ หนึ่ง  ที่ผมต้องตะลึงค้างเลยเพราะห้อง ๆ นี้เป็นห้องที่สวยมากเลยล่ะ   กำแพงทำมาจากหินขัดสีหม่น ๆ มีการประดับตกแต่งด้วยรูปภาพโบราณ   เตียงที่ผมนอนอยู่ทำมาจากทองหรือไม่ก็ทองเหลือ (ก็มันเป็นสีทองอ่ะ)   มีโต๊ะเขียนหนังสือ   เก้าอี้นวม  กระจกบานใหญ่  ตู้หนังสือ  ทุกอย่างถูกจัดทำขึ้นอย่างประณีตแล้วจัดไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของห้องได้อย่างลงตัว   มีหน้าต่างบานใหญ่อยู่อีกด้านทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลากลางคืน    แถมพระจันทร์ยังเต็มดวงสวยซะด้วย   มีประตูสีขาวสองบาน   ถ้าผมเดาไม่ผิดคงเป็นประตูที่เชื่อมไปถึงส่วนต่าง ๆ ของบ้านกับประตูห้องน้ำ (ก็ปกติบ้านคนเค้าจัดกันอย่างนี้  ไม่ใช่เหรอ?)  

                    ผมขยี้ตาตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าตอนนี้ผมไม่ได้ตาฝาด  ดวงตาของผมเริ่มสำรวจไปทั่ว  จนไปสะดุดลงกับกระจกบานใหญ่ที่ติดไว้บนกำแพง  ภาพของเด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฎขึ้นบกระจกเงา   อายุของเขาคงไล่เลี่ยกับผม   แต่เด็กหนุ่มคนนั้นแปลกประหลาดมากเพราะบนหัวของเขามีหูงอกขึ้นมาเหมือนหูหมาป่า   แถมยังมีหางที่เต็มไปด้วยขนสีขาว ๆ ปุกปุยอีก   เส้นผมสีเงินยาวคลอเคลียหลัง   นัยน์ตาสีเงินจ้องสบกับดวงตาของผมอย่างสนใจ   ผมนึกอยากจะถามเขาเหลือเกินว่าเขากำลังแต่งตัวไปงานฮาโลวีนเหรอ  

     

                    ผมจ้องเด็กหนุ่มคนนั้น   เขาก็จ้องผมกลับมา   ผมเอียงคอปทางซ้าย   เขาก็เอียงคอตาม   ผมเกาหัว   เขาก็เกาหัวตาม   ผมต้องใช้เวลาอยู่ครู่ใหญ่กว่าผมจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้  

                “ ว๊าก!!!  เฮ้ย!!!  อะไรกันเนี่ย !!! ผมร้องขึ้นเสียงดัง   เพราะไอ้สิ่งที่อยู่บนหัวของผมตอนนี้มันเป็นหู!!!!!   ใช่แล้วหูลักษณะแบบนี้ต้องเป็นพวกหูสุนัขหรือไม่ก็หมาป่า   แล้วผมก็ต้องช็อคอีกครั้งเมื่อผมที่เคยเป็นสีดำขลับของผม  มันกลายเป็นสีขาว!!!   สีขาวไม่พอมันยังยาวถึงเอวผมด้วย   แล้วผมก็ต้องสะดุดกับสิ่งผิดปกติอีกอย่าง  นั่นก็คือหาง!!!  ผมมีหาง  นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!!!!!!!

                    ผมหันกลับไปจ้องกระจกบานใหญ่อีกครั้ง   ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าภาพในกระจกนั้นเป็นใคร   โอ้พระเจ้า!   นี่มันเชื้อไวรัสตัวใหม่หรือไง!   หรือว่าเป็นโรคกลัวน้ำสปีชี่ใหม่   ยิ่งมองหน้าตัวเองในกระจกยิ่งอยากจะบ้าตายให้รู้แล้วรู้รอด

                “ ใจเย็น ๆ แรนดอล์ฟ  นายกำลังฝัน  นายกำลังฝัน............ ผมพยายามขยี้ตาตัวเองหลาย ๆ ครั้ง   มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยแถมยังทำให้ผมปวดตาหนักกว่าเดิมอีก   ผมเดินไปมาในห้องเหมือนเสือติดจั่น   หันไปมองกระจกเงาที   หน้ามืดที   จนในที่สุดก็ทนไมไหวทรุดตัวลงนั่งบนเตียงตามเดิม

     

                    แอ๊ด...

     

                    เสียงประตูห้องเปิดขึ้นเบา ๆ แต่ก็ไม่พ้นหูของผมไป     ผมหันไปทางประตูอย่างรวดเร็วก่อนที่แทบจะเป็นลม

                    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก! ผมร้องเสียงดังก่อนที่จะวิ่งไปทุบกำแพงอย่างเอาเป็นเอาตาย    ราวกับจะพังมันออกไป   จะไม่ให้ตกใจได้ไงเล่า   ก็ในเมื่อไอ้คนที่มันมาเปิดประตูห้องผมมันเป็นซอมบี้อ๊ะ!   แถมท่าทางจะขึ้นอืดด้วยเพราะเล่นผิวเขียวมาเชียว   เจ้าซอมบี้ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาผมอย่างเชื่องช้า   อาจจะเป็นเพราะหลังที่งองุ้มของเขาก็ได้   แต่ผมไม่สนใจหรอก!   ตอนนี้ผมต้องหนีเท่านั้น!!!

     

                    ผมกวาดตาไปรอบ ๆ ห้องอย่างรวดเร็วก่อนที่จะสะดุดเข้ากับหน้าต่างบานใหญ่   เอาไงเอากัน!   งานนี้ไม่ตายก็เดี้ยง!

     

                    ว๊าก!!!!” ผมร้องเสียงดังก่อนที่จะกระโจนออกไปห้องหน้าต่าง   เท่านั้นแหละผมก็ได้รู้ว่าห้องนี้มันอยู่ชั้นสี่!   ร่างของผมพุ่งลงสู้พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียงร้องของผมที่ดังขึ้นเป็นแบล็คกราวน์   ก่อนที่เท้าของผมจะสัมผัสพื้นอย่างแผ่วเบาราวกับว่าผมลอยลงมาก็ไม่ปาน (ทั้ง ๆ ที่ตอนที่ตกลงมานั้นเร็วจี๋)

     

                    บ้าน่า ผมพึมพำพลางหยิกแก้มตัวเอง   ทำไมเมื่อกี้โดดลงมาแล้วไม่ยักกะขาหักแฮะ   ผมเงยห้ามองจุดที่ผมเพิ่งโดดลงมาก่อนที่จะอ้าปากค้าง

     

                    อึ๋ย...สูงขนาดนั้นไม่ต่ำกว่าห้าเมตรแน่   ผมเงยหน้ามองอยู่นานก่อนที่จะสะดุดตาเข้ากับสิ่ง ๆ หนึ่งบนท้องฟ้า

     

                    ประจันทร์สีขาวนวลเปล่งประกายสว่างไสวงดงาม   มันคงจะเป็นเรื่องธรรมดามากถ้าเกิดข้าง ๆ พระจันทร์ดวงนั้นดันไม่มีประจันทร์ครึ่งเสี้ยวลอยขนาบข้างซ้ายขวา   ดวงข้างซ้ายนั้นเกือบจะเต็มดวงแล้ว   ส่วนดวงข้างขวานั้นยังคงเป็นเสี้ยวเล็ก ๆ อยู่    ง่ะ!   ทำไมอยู่ ๆ ถึงมีพระจันทร์สามดวงได้!

     

                    คุณหนูขอรับเสียงแหบแห้งดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้งโหยง    ผมหันไปมองตามต้นเสียงก่อนที่แทบจะเป็นลม    ก็ไอ้เจ้าซอมบี้ตัวนั้นมันยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว   โดดลงมาตอนไหนเนี่ย!!!  

                    กระผมมีนามว่า เมอร์  ควอตั้น เป็นคนรับใช้ประจำตัวคุณหนู คุณท่านเรียนเชิญคุณหนูไปยังห้องอาหารขอรับ ผมเอ๋อกินครับ  เมื่อกี้เขาเรียกผมว่าอะไรน๊ะ!!!~  มันต้องเกิดการผิดพลาดครั้งใหญ่แน่ ๆ    

     

                    เอ่อ...ผมไม่ใช่คุณหนูของคุณนะครับ   ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆผมพูดพลางสงบสติอารมณ์    เริ่มทำใจได้กับหน้าตาอันบิดเบี้ยวราวกับถูกใครตัดออกแล้วเย็บใหม่อย่างไม่ค่อยประณีตของเมอร์    เขาส่ายหัวให้ผมเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า

     

                    ตามผมมาขอรับ   แล้วคุณหนูจะได้รับรู้ความจริงทั้งหมด ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก   แต่ผมรู้ว่าทางที่ดีผมควรตามชายคนนี้ไปดีกว่า  เพราะจากประสบการณ์เมื่อกี้ผมว่าผมคงหนีเขาไม่พ้นแน่   ซวยแล้วไหมล่ะแรนดอล์ฟ    ติดเชื้อไวรัสบ้าบอขึ้นมาจนกลายเป็นครึ่งคนครึ่งหมาไม่พอดันต้องมาเป็นคุณหนูของซอมบี้อีก   ผมกับเมอร์เดินกลับเข้าคฤหาสน์อีกครั้ง   ตอนที่อยู่ข้างนอกผมแทบจะตะลึงค้างเพราะคฤหาสน์แห่งนี้ปกคลุมด้วยเถาวัลย์ทั้งหลัง   จนเกือบไม่มีเนื้อที่เหลือให้เห็นกำแพงสีขาวนวลเลย   มีเพียงหน้าต่างบางบานเท่านั้นที่ยังสามารถเปิดออกได้   เมอร์ต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่เพื่อที่จะเปิดประตูหน้าของคฤหาสน์ออก

     

                    ปกติกระผมจะใช้ทางใต้ดินเพื่อออกไปซื้อเสบียงน่ะครับเมอร์พูด   ก่อนที่จะเดินนำผมเข้าไปในบ้าน

     

                    สถานที่ ๆ เมอร์พาผมไปเป็นห้องอาหารขนาดใหญ่   ซึ่งมีโต๊ะที่สามารถจุคนได้ถึง 20 คนตั้งอยู่ตรงกลางห้อง   หากเพียงแต่ว่าบนโต๊ะนั้นมีเพียงคน ๆ เดียวที่นั่งอยู่   เธอคนนั้นเป็นหญิงชรา   ซึ่งสามารถเดาได้ว่า 60 up ชัวร์ ๆ    ผมต้องตกใจอีกครั้งเพราะหญิงชราคนนี้มีหูกับหางเหมือนผมเลย!!!   เพียงแต่ว่าเส้นขนของผมจะมีสีขาวแต่ของหญิงชราจะมีสีน้ำตาลอ่อน   รู้สึกว่าผมจะมีเพื่อนติดเชื้อไวรัสนี่กะเค้าด้วยแฮะ      

                    ผมเดินไปนั่งข้างซ้ายของหญิงชราอย่างหวาด ๆ ตามคำเชื้อเชิญของเมอร์   นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอหันมามองผมอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะพูดว่า

     

                    กินซะ  เธอนอนหลับไปนานมาก  คงหิวน่าดู โหย!!!   เวลาแบบนี้ใครมันจะไปหวงกินได้เล่าคุณยายยยยย

     

                    โครก.....

     

                    โธ่เว้ยไอ้ท้องทรยศ!   เห็นอาหารเป็นไม่ได้!   กินก่อนก็ได้!  ผมคิดอย่างหัวเสียก่อนที่จะจัดการอาหารตรงหน้า

     

                    ผมจัดการอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็วเพราะอยากรู้ความจริงทั้งหมดเร็ว ๆ   ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรที่ผมกินเข้า   แต่มันก็อร่อยมากเลยล่ะ   ผมได้แต่หวังว่าอาหารที่ผมพึ่งกินเมื่อกี้คงไม่ใช่ฝีมือของเมอร์นะ...

     

                    อืม...ฉันรู้ว่าเธอมีคำถามมากมายที่อยากจะถามฉัน   แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา? ”หญิงชราเริ่มถามขึ้นก่อน   โหย!   ไม่ใช่แค่ไม่ใช่คนธรรมดานะ   แต่มันเล่นข้ามขั้นไปเป็นครึ่งคนครึ่งหมาเลยอ่ะยาย!

     

    ครับผมตอบ

     

                    รู้ไหมแรนดอล์ฟ   ทุกคนเกิดมาล้วนมีหน้าที่หญิงชราเริ่มเกริ่น   ส่วนผมก็แทบจะหลับคาโต๊ะไปเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด   ก็ไอ้เสียงเนิบ ๆ แบบนี้ไม่ต่างไปจากเสียงของอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์เลยซักนิด

     

                    ชะตาชีวิตของคนเราไม่เหมือนกัน  ต่อให้หนีแค่ไหน...ท้ายที่สุดทุกคนต่างก็ต้องรับหน้าที่ ๆ ทิ้งไว้เบื้องหลังเข้าญานขั้นที่หนึ่ง

     

                    เธอเองก็มีหน้าที่ของเธอเหมือนกันนะแรนดอล์ฟเข้าญานขั้นที่สอง

     

                    หน้าที่ของเธอก็คือ...เข้าญานโดยสมบูรณ์แบบ

     

                    โป้ก!!!!!

     

                    ผมสะดุ้งสุดตัวก่อนที่จะรีบกุมหัวตัวเองอย่างรวดเร็วเนื่องจากโดนของแข็งอะไรซะอย่างกระแทกใส่เต็มรัก   นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของหญิงชราครึ่งหมาป่าตรงหน้ามีแววโมโหอย่างเห็นได้ชัด   มือข้างขวาของหญิงชรายังคงง้างค้างไว้ซึ่งผมคาดว่ามันคงจะเป็นของแข็งที่กระทบหัวผมเมื่อกี้   ผมกลืนน้ำลายเอือกอย่างห้ามไม่อยู่  

     

                    นิสัยเหมือนพ่อเธอไม่มีผิดเลยนะแรนดอล์ฟ   ไม่เคยฟังคำพูดของย่าเลยซักครั้งผมนั่งเอ๋อทันทีที่หญิงชราพูดจบ   ดูเหมือนสมองจะรับคำพูดเมื่อกี้ไม่ทัน   หญิงชรามองหน้าผมอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะพูดว่า

     

                    แรนดอล์ฟ...หน้าที่ของเธอก็คือฝึกฝนตัวเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งราชันย์หมาป่า   ให้สมกับเป็นทายาทของตระกูลมอร์ฟอลรัชและผู้รักษาดวงตาหมาป่าหือ...ราชันย์หมาป่า   ทายาทตระกูลมอร์ฟอลรัช   ผู้รักษาดวงตาหมาป่า   ตายจริง...ยายคนนี้แกจะล่อลวงผมไปเป็นผู้นำลัทธิเหรอ!!!

     

                    เอ่อ...ผมขอขอบคุณในความกรุณานะครับ   แต่ผมคงไปเป็นผู้นำลัทธิให้คุณไม่ได้หรอกผมพยายามตอบให้นอบน้อมที่สุด   แต่ทำไมมันเหมือนกับว่าผมยิ่งยั่วให้หญิงชราคนนี้โกรธมากขึ้นไปอีก

     

                    แรนดอล์ฟ   รูดอล์ฟ  มอร์ฟอลรัช!   เธอคือลูกชายของรูดอล์ฟ   ซีนดอล์ฟ   มอร์ฟอลรัชลูกชายของฉัน   ถ้านับกันตามศักดิ์เธอก็คือหลานชายของฉันเสียงของหญิงชราไม่ต่างจากเสียงของสายฟ้าฟาด    ผมกระพริบตาปริบ ๆ อย่างไม่ค่อยเข้าใจ

     

                    เอ่อ...ผมชื่อว่าแรนดอล์ฟ   วอริสครับคำตอบของผมทำเอาหญิงชราแทบกุมขมับ   เธอสบถอะไรซักอย่างในลำคอ   ซึ่งผมพอจะจับใจความได้ว่า

     

                    / เอ๋อเหมือนพ่อไม่มีผิด /

     

                    ชื่อในโลกมนุษย์เธอคือแรนดอล์ฟ  วอริส   แม่ของเธอชื่อว่าเมแกนเนีย  วอริส  น้องสาวของเธอชื่อว่าอลิสเซีย   วอริส   พ่อของเธอก็ชื่อว่ารูดอล์ฟ   วอริส   แต่หลานรัก   ชื่อจริง ๆ ของพ่อเธอก็คือ รูดอล์ฟ  ซีนดอล์ฟ  มอร์ฟอลรัช   ซึ่งเขาคือทายาทผู้สืบเชื้อมอร์ฟอลรัชคนสุดท้ายของฉัน   ซึ่งตระกูลมอร์ฟอลรัชคือตระกูลของราชันย์หมาป่าในอดีตผมอ้าปากค้างทันทีที่หญิงชราพูดจบ   รู้สึกว่าเรื่องมันชักจะไม่ธรรมดาซะแล้วสิ

     

                    ครับ   แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมอ่ะผมพูดอย่างไม่เข้าใจ   หญิงชราถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดว่า

     

                    ฉันบอกแล้วไงว่า...หน้าที่ของเธอก็คือฝึกฝนเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งราชันย์หมาป่า   ให้สมกับเป็นทายาทของตระกูลมอร์ฟอลรัชและผู้รักษาดวงตาหมาป่า  

     

                    ราชงราชาอะไรกันเนี่ย    ยายคนนี้แกต้องเพี๊ยนไปแล้วแน่ ๆ    คนอย่างผมเนี่ยนะราชันย์    กะอีแค่ดูแลตัวเองยังไปไม่รอดเลย

     

                    เอ่อ...ผมคงไม่มีความสามารถถึงขนาดนั้นหรอกครับ  ผมน่ะนะหัวไม่ค่อยดี  พละยิ่งห่วย   แถมยังปกครองใครไม่เป็นอีกต่างหาก ขืนให้ไปเป็นราชันย์มีหวังพาประเทศล่มจม

     

                    ฉันถึงได้บอกไงว่าเธอต้องฝึกฝน แหง่ะ...หัวดื้อเหมือนแม่ผมเลยอ่ะ

     

                    เอ่อ  คุณส่งผมกลับบ้านดีกว่านะครับผมพยายามพูดดี ๆ   นัยน์ตาสีน้ำตาลของหญิงชราจ้องผมอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะพูดว่า

     

                    ฉันชื่อว่ามีเรียล  โคลอี้   มอร์ฟอลรัช   เรียกฉันว่าคุณย่า   ตอนนี้เธอกลับบ้านไม่ได้แล้วแรนดอล์ฟ   เพราะเธอได้ทำพันธะสัญญาปิดเลือดแล้ว

     

                    ห๊ะผมร้องอย่างไม่ค่อยเข้าใจ

     

                    พันธะสัญญาปิดเลือด   ใช้กับพวกครึ่งสายเลือดที่ไม่ใช่พวกที่เลือดมีปฏิกิริยาต่อต้านกัน   เช่นในกรณีของเธอคือมนุษย์หมาป่าและมนุษย์   เลือดของเธอนั้นจะไม่มีการรวมตัวว่าจะเป็นมนุษย์ หรือมนุษย์หมาป่าจนกว่าเธอจะอายุสิบแปดปี   การทำพันธะสัญญาปิดเลือดจะเป็นการเร่งให้เลือดของเธอรวมตัวกันเป็นที่จะได้เป็นมนุษย์หรือมนุษย์หมาป่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง   ซึ่งผลออกมาก็คือเธอเป็นมนุษย์หมาป่า

     

                    แล้ว...แม่กับน้องของผม...ล่ะ   เค้าคงเป็นห่วงผมนะผมชักเริ่มพูดไม่ออกเมื่อรู้ว่าอาจจะไม่ได้หน้าแม่กับอลิสเซียอีกแล้ว   คุณย่าก้มหน้านิด ๆ ก่อนจะพูดว่า

     

                    แม่ของเธอรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว   ส่วนน้องของเธอก็คงต้องรอจนกว่าจะอายุสิบแปดปีจึงจะรู้ว่าเป็นมนุษย์หมาป่าหรือไม่   ถ้าเป็นมนุษย์หมาป่าเราก็จะรีบนำตัวน้องของเธอมานี้ทันที”’

     

                    แต่ว่า...ผมทำไม่ได้หรอกผมพูดอย่างกระสับกระส่าย   แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของหญิงชราที่จ้องหน้าผมนิ่งนั้นทำให้ผมหยุดค้างไปชั่วขณะ

     

                    ในโลกนี้ไม่มีคำว่าทำไม่ได้แรนดอล์ฟ   มันมีแค่ทำกับไม่ทำเท่านั้น   สงบสติอารมณ์ซะ...แล้วเธอจะได้ยินเสียงของดวงตาหมาป่า...

     

     

    ……………………………………………………..

     

     

                    ...แร...ล์ฟ....

     

                    ...แรน...ดอ...ล์ฟ.....

     

                    ...แรนดอล์ฟ!...

     

                    เฮือก!

     

                    ผมสะดุ้งตื่นพลางเกาหัวอย่างงง ๆ   แสงอาทิตย์ส่องลอดบานหน้าต่างทำให้รู้ว่าตอนนี้เช้าแล้ว   ผมชะงักก่อนที่จะรีบถลาไปหน้ากระจกเงา

     

                    กลับเป็นเหมือนเดิมแล้วววววววววววววววววววว ผมตะโกนลั่นก่อนที่จะเต้นแร้งเต้นกาไปรอบ ๆ ห้องอย่างตื่นเต้น   ไอ้หูกับหางหมาบ้านั่นหายไปแล้ว   ในที่สุดผมก็กลับเป็นปกติซักที!

     

                    ผมกลับมานั่งเท้าค้างบนเตียงอย่างครุ่นคิด   ก่อนที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่   ไอ้ที่กลับเป็นปกติมันก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ   ตามที่คุณย่าผมพูดผมต้องแปลงร่างเป็นครึ่งคนครึ่งหมาป่าทุกครั้งที่พระจันทร์ดวงใดดวงหนึ่งในสามดวงเต็มดวง   แล้วถ้าวันไหนพระจันทร์ทั้งสามดวงเต็มดวง   วันนั้นผมก็ต้องกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเต็มตัว   คิดแล้วก็...เฮ้อ...

     

                    ผมสะบัดหัวเพื่อไล่ความเครียดก่อนที่จะเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ   จ้องหน้าตัวเองในกระจกเงาอีกครั้งเพื่อความชื่นใจ   หลังจากที่เกือบบ้าตายทั้งคืนเพราะไอ้หูบ้านั่นดันดีเกินมนุษย์ทำให้ได้ยินเสียงนู้นนี้ไม่หยุด   กว่าจะหลับได้ก็ปาไปเกือบเช้า

     

                    คุณหนูครับ...ได้เวลารับดวงตาหมาป่าแล้วขอรับเสียงแหบแห้งของเมอร์ดังขึ้นเล่นเอาผมเกือบกลิ้งตกเตียง   ผมค้อนเค้านิด ๆ   เล่นโผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้มีหวังผมหัวใจวายตายกันพอดี

     

                    เอ่อ...ผมยังไม่พร้อม ผมพูดอย่างไม่ค่อยแน่ใจ   เมอร์ก้มตัวนิด ๆ ให้ผมก่อนทีจะพูดด้วย่าทางนอบน้อม

     

                    ผมเสียใจขอรับคุณหนู   คุณท่านสั่งมาว่าถ้าคุณหนูขัดขืนให้ใช้กำลังได้เลยขอรับ เท่านั้นแหละผมก็ต้องยอมตามเมอร์ไปแต่โดยดี...

     

     

     

                    ห้องที่เมอร์พาผมมานั้นเป็นห้องใต้ดินที่อยู่ใต้คฤหาสน์   ประตูขนาดยักษ์ของมันถูกแกะสลักเป็นลวดลายต่าง ๆ ที่ถ้าผมเดาคงเป็นตำนานเกี่ยวกับมนุษย์หมาป่าแหละ   เมอร์ใช้มือข้างเดียวกระชากประตูยักษ์เปิดอย่างง่ายดาย   ห้องนั่นเป็นห้องมืด ๆ ที่มีทางเดินหินสีเท่าหม่นปูยาวไป   ทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในห้องคบไฟสองข้างทางก็ลุกพรึ่บขึ้นมา   ผมจึงได้รู้ว่าข้างทางเดินทั้งสองด้านนั้นมีรูปปั้นรูปมนุษย์หมาป่าตั้งเรียงสลับคบเพลิง   ผมหันมามองเมอร์อย่างงง ๆ เมืองไม่เห็นเขาก้าวเข้ามาในห้อง

     

                    ผมมีหน้าที่นำทางคุณหนูมาที่ห้องพิธีเท่านั้น   ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของคุณหนูที่จะเริ่มพิธี...

     

                    พูดจบเขาก็ปิดประตูห้องทันที    ผมพยายามวิ่งไปที่ประตูแต่ก็ไม่ทัน   ทันทีท่ผมสัมผัสประตูผมก็รู้ว่ามันหนักแค่ไหน

     

                    เมอร์!   ปล่อยผมออกไปนะ!” ผมพูดพลางเคาะประตูอย่างเอาเป็นเอาตาย   แต่ดูเหมือนว่าเมอร์จะไปแล้ว   ผมหันกลับไปมองทางเดินที่บัดนี้สว่างไสวด้วยแสงไฟของคบเพลิงอย่างอยากรู้   ไอ้พิธีที่เมอร์นั่นเป็นอะไรอ่ะ

     

                    สุดปลายทางเดินนั้นเป็นแท่นบัลลังก์ซึ่งถูกสร้างมาจากหิน   ผมเดินไปที่แท่นบัลลังก์อย่างงงนิด ๆ  

     

                    ...แรน...........ดอล์ฟ...

     

                    หือ...เสียงอะไรอ่ะผมพูดอย่างหวาด ๆ   นัยน์ตามองแทนพิธีอย่างไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่   แต่เท้ากลับไม่หยุดเดิน

     

                    กล่องไม้เล็ก ๆ ถูกตั้งไว้บนเก้าอี้ที่ตั้งไว้เป็นแท่นบัลลังก์   ผมหยิบมันขึ้นมาดูอย่างไม่ค่อยแน่ใจ   บนกล่องไม้นั้นมีภาษาประหลาดสลักไว้อย่างประณีต

     

                    ...หากจะสู้...จงเปิดออก...หากผมแพ้...จงหลีกหนี...ทางเดินเป็นของเจ้า...

     

                    เสียงประหลาดนั้นพูดกับผมเล่นเอาผมผวาทำกล่องนั้นตกลงบนเก้าอี้   เสียงประตูทางเข้าถูกดังเอี๊ยดอ๊าด   ผมหันกลับไปมองตรงทางเดินก่อนที่แทบจะร้อยเย้ออกมาดัง ๆ เพราะตนอนนี้ประตูเปิดแล้ว   ผมจัดการวิ่งไปอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องหยุดชะงักไป

     

                    ผมกำลังลังเล...อา...ผมเกลียดความรู้สึกแบบนี้ชะมัด   ผมอยากรู้...อยากรู้ว่ามันจะเป็นยังไง   ผมหันกลับไปที่กล่องอย่างไม่แน่ใจ   ความรู้สึกบางอย่างบอกว่าถ้าเปิดกล่องนั่นออกชีวิตของผมจะไม่สามารถกลับมาเป็นแบบเดิมได้ตลอดกาล...

     

                    ถ้าของผมก้าวเดินไปหากล่องนั่นช้า ๆ   นี่ผมกำลังปล่อยให้ความอยากรู้เข้าควบคุมร่างกายเหรอ???   ความอยากรู้ไม่ใช่เหรอที่จะพาเหล่าคนโง่ลงสู่ความตาย???    ไม่!   มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกอยากรู้อย่างเดียวหรอก   แต่มันมีบางอย่างบังคับให้ผมเข้าหาเจ้ากล่องนั้น   ความรู้สึกบางอย่างที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน...

     

                    ผมเอี้อมมือ อันสั่นเทาไปเปิดกล่องนั่นช้า ๆ    ทันทีที่ผมแง้มมันออกแสงสีทองก็ส่องออกมาจากกล่อง   ผมเปิดมันให้อ้าเต็มที่ก่อนที่แสงสีทองจะสว่างไสวจนผมตาพร่าไป   ผมรีบหลับ   ก่อนที่จะกรีดร้องออกมาเสียงดังเมื่ออยู่ ๆ ก็รู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังแทรกซึมเข้าสู่หน้าผากของผม   มันเหมือนเอามีดมากรีดเนื้อแล้วยัดอะไรเข้าไปในรอยแผลที่กรีดนั้น   ผมรู้สึกเจ็บจนน้ำตาซึม   แสงสีทองค่อย ๆ จางลงจนหายไปในที่สุด   พร้อม ๆ กลับความรู้สึกเจ็บหน้าผากที่หายไปเป็นปลิดทิ้ง   

     

                    เกิดอะไรขึ้นผมพูดอย่างงง ๆ   ก่อนที่จะหันกลับไปที่ทางเดิน   คุณย่ากับเมอร์กำลังยืนยิ้มมาให้ผม   ผมอดที่จะเกาหัวแกรกอย่างงง ๆ ไม่ได้     

     

                    ตอนนี้เธอคือ...แรนดอล์ฟ  รูดอล์ฟ  มอร์ฟอลรัช...ทายาทตระกูลมอร์ฟอลรัช...และว่าที่ผู้นำตระกูลคนที่ 17...หรืออีกนัยหนึ่งตอนนี้เธอคือว่าที่ราชาแห่งมนุษย์หมาป่าเต็มตัวแล้ว...ความพูดของย่านั้นก้องกังวานไปทั่วห้อง  

     

                    ห๋า!”ผมร้องตะโกนเสียงดังก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง    โดยที่หารู้ไม่ว่าไอ้สิ่งที่ผมนั่งนั้นคือแท่นบัลลังก์!

     

                    เริ่มต้นไม่เลวหลานรัก  แท่นบัลลังก์นั่นสักวันยังไงเธอก็ต้องได้ขึ้นนั่งอยู่แล้ว ย่าพูดพลางยิ้มมุมปากให้ผม   ส่วนผมก็รู้สึกขนลุกขนพองอย่างอดไม่ได้    แค่ชั่วข้ามคืน...ชีวิตของผมกลับแปรเปลี่ยนได้อย่างเหลือเชื่อ!   ผมแทบจะมองเห็นอนาคตที่วุ่นวายออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้วสิ...


    .................................................................. 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×