คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 4 พาเด็กแสบกินหมูกระทะ-1
12.00 น. เป็นอีกวันที่ผมต้องมายืนต่อแถวที่โรงอาหารของโรงเรียนเพราะโรงจอดรถล็อก ให้มันได้อย่างนี้สิ คนก็เยอะต่อแถวยาวเป็นหางว่าวเลย ดีนะที่ผมรีบมาก่อนไม่งั้นคงหมดอารมณ์กินข้าวเที่ยงแน่ๆ บางทีผมก็อยากจะเสนอให้ทางโรงเรียนขยายโรงอาหารใหม่เหมือนกัน เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้มันโคตรจะทรมานนักเรียนเลย กว่าจะได้กินข้าวแต่ละทีต้องยืนรอไม่น้อยกว่าห้านาที
“โห!!! คนต่อแถวเยอะมาก ไม่ต้องกินหรอก”
“แต่บัวอยากกินนี่ นิ้งไปเหอะบัวจะต่อแถวซื้อ” ผมหันไปมองตามเสียงที่ดังขึ้นอยู่ในขณะนี้ ก็เห็นกับเด็กม.ต้นร่างเล็กยืนต่อแถวร้านก๋วยเตี๋ยวร้านเดียวกันกับผมอยู่
“บัว!! มานี่!!” ผมเรียกกอบัวที่ยืนต่อแถวอยู่ทางด้านหลังให้เดินมาหาผมที่ตอนนี้ยืนอยู่แถวหน้าๆ แต่ก็ได้รับการส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธกลับมา
“มานี่!!!” ผมยังเรียกน้องอยู่ นี่อุตส่าห์ใจดีจะซื้อให้เลยนะเนี่ย
“ฝากจองคิวให้แปบนึงได้ปะ” ผมหันไปบอกคนที่ยืนต่อแถวอยู่ทางด้านหลังก่อนจะรีบสาวเท้าไปหากอบัวทันที บทจะเรียกยากก็ยากจริงๆ เลย
“พี่เรียกทำไมไม่ไปหา”
“ถ้าหนูไปหาพี่ หนูก็ต้องกลับมาต่อแถวใหม่น่ะสิ”
“ยัยบื้อเอ้ย!! เอาเส้นอะไร” ผมได้แต่ขยี้ผมด้วยตัวเองด้วยความเหนื่อยใจ
“หือ???” น้องแหงนหน้ามองผมด้วยความไม่เข้าใจกับสิ่งที่ผมพูด มันมีอะไรให้เข้าใจยากตรงไหนวะ นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดที่มาหาน้องมันวะเนี่ย
“จะกินก๋วยเตี๋ยวเส้นอะไร พี่จะสั่งให้” เริ่มโมโหแล้วนะ ถ้าถามอีกทีผมจะเดินไปสั่งเส้นเดียวกับที่ผมชอบกินให้ล่ะนะ
“หนูอยากกินบะหมี่น้ำใส” ทันทีที่น้องตอบ ผมก็จำเอาไว้ในสมอง พร้อมกับบอกให้น้องไปยืนรอนอกแถวจากนั้นก็เดินกลับไปที่คิวของตัวเอง ซึ่งเป็นจังหวะเหมาะเจาะพอดี เดินไปถึงก็สั่งเมนูกับป้าคือบะหมี่น้ำใสกับเล็กน้ำตกพิเศษ
“บะหมี่น้ำใสจ้า” ผมรับบะหมี่จากป้ามาถือไว้ก่อนจะเรียกกอบัวให้มาเอาก๋วยเตี๋ยวไปปรุง
“บัว มาเอาเร็ว!” ทันทีที่น้องได้ยินเสียงเรียก น้องก็รีบก้าวไวๆ มาเอาชามก๋วยเตี๋ยวจากผมทันที รออีกไม่นานผมก็ได้ก๋วยเตี๋ยวของผมก่อนจะเดินไปปรุงรสกับน้อง
ผมมองมือเล็กตักน้ำตาลในกระปุกใส่ลงในชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเองอย่างอึ้งๆ และยิ่งอึ้งไปอีกเมื่อเห็นเธอใส่น้ำส้มสายชูลงไปมากกว่าสามช้อนตวง มันต้องขนาดนั้นเลยหรอวะ?
“ใส่ขนาดนี้ป้าเค้าขาดทุนกันพอดี”
“นิดเดียวเอง ใส่น้อยกว่านี้มันไม่อร่อย” น้องบอกผมพร้อมกับคนเครื่องปรุงให้ละลายเข้าด้วยกันจากนั้นก็ตักน้ำซุปขึ้นมาชิม เมื่อได้รสชาติที่พอใจแล้วก็ถือชามก๋วยเตี๋ยวออกไป ส่วนผมก็ยืนปรุงของตัวเองต่อจนได้รสชาติกลมกล่อมแล้วก็ถือก๋วยเตี๋ยวของตัวเองไปที่โต๊ะนั่ง
“แล้วทำไมไม่ไปนั่ง มายืนขวางทางเดินคนอื่นทำไมเนี่ย” ผมถามกอบัวที่ตอนนี้กำลังยืนขวางทางเดินผมอยู่ น้องไม่ได้ตอบผมแต่กลับมองตรงไปข้างหน้า ผมจึงมองตามไปก็พบว่าโต๊ะที่มีเพื่อนน้องนั่งอยู่ ตอนนี้มันเต็มจนไม่มีที่นั่งเหลือให้น้องนั่งแล้ว
“ไปนั่งกับพี่ก็ได้มา” ผมถือชามก๋วยเตี๋ยวข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งก็ดึงแขนของน้องให้ตามไปนั่งโต๊ะที่ให้ไม้จองไว้ให้
“อ้าว!! กอบัว” ไม้พูดขึ้นเมื่อเงยหน้าจากจานข้าวแล้วเห็นกอบัวมาพร้อมกับผม จากนั้นไม้ก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ อยากถามว่ามันจะพูดทำไม ถ้าพูดมาแค่นี้
“นั่งสิ จะได้กินสักที” ผมหันไปบอกน้อง
ไม้เป็นฝ่ายที่กินข้าวเสร็จก่อนคนแรก ทันทีที่มันกินข้าวเสร็จมันก็ลุกออกจากโต๊ะทันที ผมทำได้แต่มองตามมันไปเท่านั้นเพราะรู้ว่ามันต้องรีบกินเพื่อที่จะไปจองสนามตะกร้อให้ได้ก่อนรุ่นน้อง ส่วนผมก็กินได้เรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ
พรึ่บ! ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่จู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เป็นอะไรอีกวะ
“หนูจะไปซื้อน้ำ พี่เหนืออยากกินน้ำอะไร”
“น้ำอะไรก็ซื้อมาเถอะ พี่กินได้หมดนั่นแหละ” พอผมตอบไปแบบนั้นน้องก็เดินตรงไปที่ร้านขายน้ำทันที ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับแก้วน้ำในมือทั้งสอง น้องยื่นแก้วหนึ่งมาให้ผมก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวของตัวเองต่อ เห็นลุกไปซื้อน้ำ คิดว่าอิ่มแล้วซะอีก
“ซื้อน้ำอะไรมาเนี่ย” ผมยกแก้วน้ำขึ้นมาดูเห็นว่ามันแปลกตาเพราะไม่เคยซื้อรสนี้มาก่อน สีมันออกชมพูอ่อนๆ ดูจืดชืดยังไงก็ไม่รู้
“น้ำสตอว์เบอรี่ อร่อยนะ พี่ลองชิมดูสิ”
“อร่อยจริงหรอ มันดูจืดชืดอ่ะ” ผมไม่ค่อยเชื่อน้องสักเท่าไหร่ น้ำหน้าตาแบบนี้อ่ะหรอจะอร่อย
“จริงค่ะ พี่กินสิจะได้รู้” ผมยกแก้วขึ้นจ่อปากก่อนจะจิบมันเข้าไปนิดนึง ไม่อยากกินไปเป็นอึกกลัวเผลอพ่นมันออกมาถ้ารสชาติไม่ถูกปาก
“เป็นไง อร่อยใช่มั้ยล่ะ” อืม..รสชาติก็ถือว่าไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้ดีอ่ะ มันออกเปรี้ยวๆ หวานๆ สไตล์ผู้หญิงมากกว่า
“งั้นๆ อ่ะ สู้โอเลี้ยงพี่ไม่ได้หรอก”
“พี่เข้าไม่ถึงอ่ะ น้ำเค้าโคตรจะอร่อย” น้องบอกผมพร้อมกับยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มบ้าง จากนั้นผมกับน้องก็กินก๋วยเตี๋ยวต่อจนเสร็จ และได้แยกย้ายกันทางใครทางมันตรงทางแยกหน้าตึกวิทย์ น้องบอกผมว่าจะไปนั่งเล่นที่ห้องสมุด ส่วนผมก็ไปเตะตะกร้อกับเพื่อนที่สนาม
14.00 น. ผมและเพื่อนเดินออกจากห้องเรียนวิชาพลศึกษาเพื่อที่จะไปเรียนวิชาฟิสิกส์ที่ตึกวิทย์ หลังจากใส่รองเท้าเสร็จ ผมกับไม้ก็เดินเอ้อระเหยลอยชายไปยังห้องน้ำทันที นี่แหละครับกิจวัตรของนักเรียนชายโรงเรียนนี้ เรียนเสร็จหนึ่งคาบก็เข้าห้องน้ำหนึ่งครั้ง ทั้งวันเรียนไปเจ็ดคาบก็เข้าห้องน้ำเจ็ดครั้ง ดูขยันเนอะ!
หลังจากสูบบุหรี่จนหมดมวนผมและไม้ก็เดินไปที่ตึกวิทย์ทันที แต่วิชานี้คุณครูท่านเป็นคนใจดี ผมและไม้จึงเดินไปห้องเรียนอย่างเชื่องช้าเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบเหมือนวิชาอื่น
“พี่เหนือ!!” ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าขึ้นบันได ก็มีเสียงหนึ่งรั้งผมเอาไว้ให้ผมหันไปมอง ซึ่งก็เห็นกอบัววิ่งมาจากอีกอาคารหนึ่ง ผมจึงยืนรอน้อง จะป่วนอะไรผมอีกวะเนี่ย ร่างกายมันอยากจะเดินหนีทำเป็นไม่สนใจนะ แต่ใจมันกลับสั่งให้ผมยืนรอ
“แฮ่ก! พี่เหนือ” น้องวิ่งมาถึงผมก่อนจะยืนหอบอยู่ตรงหน้า แล้วจะรีบวิ่งทำไมวะเดินก็ได้มั้ย อาคารสองอาคารก็ไม่ได้ห่างกันขนาดนั้น
“เรียกพี่ทำไม”
"จะมาบอกว่า เย็นนี้สอนการบ้านหนูหน่อย" ไงล่ะงานเข้าอีกแล้วผม
"นะๆ วิชานี้หนูทำไม่ได้จริงๆ " น้องยืนเขย่าแขนผมไปมา จนตอนนี้นักเรียนคนอื่นๆ เริ่มมองล่ะ ถ้าผมไม่รีบตกลงไม่นานคงจะกลายเป็นจุดสนใจของนักเรียนที่ผ่านไปผ่านมาแน่ๆ ผมจึงได้แต่พยักหน้าตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ก่อนจะรีบไล่น้องให้ไปเรียน ส่วนผมก็รีบวิ่งขึ้นบันไดตามเพื่อนไป
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ชีวิตที่โรงเรียนของผมก็มีกิจวัตรประจำวันเพิ่มมาอีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือสอนการบ้านให้กอบัว เพราะช่วงนี้ดูเหมือนว่าคุณครูจะเริ่มสอนแบบเคร่งครัดมากขึ้นเพราะอีกไม่กี่อาทิตย์ก็สอบปลายภาคแล้ว นั่นทำให้ผมต้องมาเป็นติวเตอร์ให้เด็กหญิงกันยนาในทุกๆ เย็น
จันทร์ถึงศุกร์ผมจะอยู่ติวให้น้องตั้งแต่หลังเลิกเรียนไปจนถึงหกโมงเย็น โดยที่ผมไม่ได้เล่นตะกร้อกับเพื่อนแม้แต่น้อย คิดดูว่าผมเสียสละมากแค่ไหน พอติวเสร็จผมก็ยังมีน้ำใจไปส่งน้องถึงบ้านด้วยนะ จะหาคนดีแบบผมได้จากไหนอีก
“พี่เหนือ!!! คะแนนคณิตศาสตร์ออกแล้ว” ขณะที่ผมกำลังเดินไปหาไม้ที่หน้าอาคาร3 กอบัวก็ตะโกนเรียกชื่อผมแต่ไกลพร้อมกับรีบวิ่งมาหา ผมจึงหยุดและยืนรอน้อง
“หนูได้ท็อปสายชั้นด้วยแหละพี่เหนือ” เมื่อวิ่งมาถึงน้องก็บอกผมทันที
“เท่าไหร่ล่ะ เกินครึ่งหรือเปล่า”
“28คะแนน!!” ผมได้ยินดังนั้นก็อึ้งเล็กน้อย ไม่คิดว่าน้องจะได้เยอะขนาดนี้ รู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที ลูกศิษย์ที่ผมสอนเองกับมือสอบได้คะแนนท็อปสายชั้น แสดงว่าผมก็มีคุณภาพเหมือนกันนะเนี่ย
“อืม…เก่งมาก”
“อย่าลืม!!! ที่สัญญากับหนูไว้” ได้ยินที่น้องบอกผมก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ‘กูไปสัญญาอะไรไว้วะ’ และดูเหมือนจะดูออกว่าผมลืมสัญญาที่เคยให้กับน้องไว้ น้องจึงบอกให้ผมกระจ่าง
“พี่เหนือสัญญาว่าถ้าหนูสอบได้คะแนนท็อปห้อง พี่เหนือจะเลี้ยงหมูกระทะ” ‘ฉิบหายล่ะ’ ผมไปสัญญาตอนไหนวะเนี่ย หาเรื่องเสียเงินชัดๆ
“พี่พูดงั้นหรอ” ผมถามน้องเพราะไม่ค่อยอยากเชื่อสักเท่าไหร่ ละตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออกด้วยว่าไปสัญญาเรื่องนี้กับน้อง
“พี่เหนือคิดจะเบี้ยวกันหรอ นิสัยไม่ดี ขี้โกหก ต่อไปหนูจะไม่เชื่อพี่แล้ว” อ้าว? ผมแค่ถามย้ำเพื่อความแน่ใจเท่านั้นเอง ทำไมตัดพ้อกันขนาดนี้วะเนี่ย
“ไม่ใช่แบบนั้น จะไปวันไหนล่ะ”
“ไปไหน?” อะไรของน้องมันวะเนี่ย
“กินหมูกระทะไง จะไปวันไหนพี่จะได้พาไป” ผมยืนเท้าเอวรอคำตอบจากกอบัวที่ตอนนี้ยืนครุ่นคิดเหมือนกับคำถามของผมมันยากระดับโอลิมปิกยังงั้นแหละ
“ทำไมต้องคิดนาน”
“ไปวันนี้เลย” เออแค่นั้นก็จบล่ะ แล้วจะยืนคิดนานเพื่ออะไรวะ
“โอเค เลิกเรียนเสร็จก็ไปรอพี่ที่เดิมก็แล้วกัน เดี๋ยวพี่พาไป” พูดจบผมก็เดินไปหาไม้ทันที ส่วนน้องก็หันหลังไปหาเพื่อนๆ ที่ยืนรออยู่
“น้องป่วนอะไรมึงอีกวะ” ทันทีที่ผมเดินไปถึงไม้ก็ถามขึ้น แสดงว่ามันเห็นตอนที่ผมยืนคุยกันกอบัว
“พาไปกินหมูกระทะ ไม่รู้กูไปสัญญาตอนไหนไม่เห็นจำได้เลย”
“สมองปลาทอง!!” เพียะ! ผมตบไปที่หัวของไม้ทันทีที่มันพูดจบ กล้ามากที่ว่าผมเป็นสมองปลาทอง
“ไอ้สัส!!”
“มึงด่ากูก่อนนะ” ผมชี้หน้าไม้ สองเท้าก็ถอยห่างตัวมันไว้เผื่อว่ามันจะมาตบหัวผมคืน มันยิ่งไว้ใจไม่ได้อยู่
“เออ! งั้นเย็นนี้กูไม่ไปกินหมูกระทะกับมึงหรอก เชิญมึงไปกันสองคนกับกอบัวเลย!!”
“กูก็ไม่ได้จะชวนตั้งแต่แรกอยู่แล้วอ่ะ” ทันทีที่พูดไปแบบนั้นไม้ก็หน้าเสียขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินหนีผมเข้าห้องเรียนไป
ความคิดเห็น