ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แม่กอบัวของพี่

    ลำดับตอนที่ #6 : 3 ไปส่งน้องที่บ้าน-2

    • อัปเดตล่าสุด 1 เม.ย. 66




    “รอแปบนึงนะหนู” ลุงคนขายบอกน้อง ระหว่างที่ยืนรอไส้กรอกสุก น้องก็ถอยออกมายืนห่างๆ ร้านเพื่อให้ลูกค้าคนอื่นได้เข้าไปซื้อบ้าง ผมเห็นดังนั้นก็เดินตามน้องไป เพราะตอนนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองยืนเกะกะอยู่หน้าร้านของลุงเหมือนกัน 

    “กินเยอะว่ะ” ผมหันไปพูดกับกอบัวที่ตอนนี้ยืนมองลุงพลิกไส้กรอกอยู่ 

    “พี่เหนือหมายถึงหนูหรอ” น้องชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง เป็นเชิงถาม เห้อ..ถ้าไม่ถามน้องแล้วจะให้ผมถามใครล่ะเนี่ย ก็มากันแค่สองคนอ่ะ

    “อืม ซื้อไปกินจริงๆ หรอ” ผมไม่เชื่อหรอกนะว่าน้องจะกินคนเดียวจนหมด4ไม้เลย

    “แล้วใครจะซื้อไปทิ้งห้ะพี่เหนือ คิดได้ยังไง กว่าจะเก็บเงินมาซื้อกินได้ หนูต้องอดขนมไปสามวันเลยนะ” 

    “ก็เห็นว่าซื้อเยอะไง ถามไม่ได้ไง๊?” 

    “ก็ซื้อเผื่อพี่ไง แทนคำขอบคุณที่ช่วยหนูจากน้าตี๋” จังหวะนั้นลุงก็เรียกคิวของน้องพอดี ผมจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ กอบัวเดินไปเอาไส้กรอกที่สั่งเอาไว้ก่อนจะล้วงเอาเงินในกระเป๋าเสื้อยื่นให้คุณลุง เมื่อได้ไส้กรอกมาแล้วน้องก็เดินกลับมาหาผมที่ยืนรอน้องอยู่ 

    “อ่ะ ของพี่เหนือ” กอบัวเอาไส้กรอกออกจากถุงแล้วยื่นให้ผมมาหนึ่งไม้ อือ..นี่คงจะเป็นค่าตอบแทนที่ดีที่สุดตั้งแต่ผมช่วยเหลือน้องมานับครั้งไม่ถ้วนเลยแหละมั้ง ไส้กรอกไม้ละ10บาท 

    ผมรับไส้กรอกจากกอบัวมากัดไปหนึ่งคำโตๆ ก่อนจะขอพริกเขียวจากน้องมากัดแล้วเคี้ยวตามไส้กรอก ส่วนกอบัวก็ทำเช่นเดียวกันกับผม จึงกลายเป็นว่าตอนนี้ผมและกอบัวกำลังยืนกินไส้กรอกร้อนๆ อยู่ที่หน้าร้านไส้กรอก 

    ห้านาทีต่อมาผมมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือก็พบว่าปาไปเกือบหกโมงครึ่งแล้ว ป่านนี้พ่อแม่คงจะชะเง้อมองหาลูกสาวที่ชื่อกอบัวแล้วแหละมั้ง ผมไม่เคยเจอพ่อแม่ของน้องหรอก บ้านน้องผมก็ไม่เคยไป แต่คิดไปตามหลักความเป็นจริง ถ้าลูกสาวกลับจากโรงเรียนมืดค่ำแบบนี้พ่อแม่คงจะเป็นห่วงไม่น้อย 

    “กลับบ้านได้แล้ว เย็นมากแล้วเนี่ย” 

    “ค่ะ งั้นหนูกลับก่อนนะ บ๊ายบาย” 

    “กลับยังไง” ก่อนที่น้องจะหันหลังกลับบ้านผมก็ถามน้องซะก่อน เพราะนึกได้ว่าก่อนหน้าที่ผมเจอน้องคือน้องกำลังเดินกลับ

    “เดินกลับไงคะ”

    “เดี๋ยวพี่ไปส่ง เย็นขนาดนี้แล้วมันอันตราย ไปขึ้นรถเถอะ” ผมพูดรวบรัดเพื่อไม่ให้น้องปฏิเสธก่อนจะดึงแขนน้องให้เดินตามไปที่รถ จากนั้นก็ขับรถไปส่งที่บ้าน

    “บอกทางพี่ด้วย พี่ไม่รู้จักบ้านเรา”

    “ถึงสี่แยกก็เลี้ยวซ้ายเลย” น้องตะโกนบอกผมแข่งกับเสียงลม ผมขับไปเรื่อยๆ ตามเส้นทางที่น้องบอกจนในที่สุดก็มาจอดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้แต่ว่าสร้างยังไม่เสร็จ ชั้นล่างจึงกลายเป็นใต้ถุนที่มีแคร่ไม้วางไว้อยู่เพื่อนั่งเล่น

    “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ หนูไปล่ะ” ทันทีที่พูดจบกอบัวก็หันหลังเดินเข้าบ้านไปทันที เด็กนี่! ไม่คิดจะรอให้เขาพูดอะไรสักคำเลยหรอ

    เมื่อเจ้าบ้านเข้าบ้านไปแล้วผมก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะจอดรถอยู่หน้าบ้านของน้องต่อ จึงสตาร์ทรถแล้วขับออกไปทันที แต่เอ๊ะ!!! นี่มันซอยที่ผมขับมาซื้อบุหรี่เป็นประจำนี่หว่า งั้นก็แสดงว่ากอบัวก็อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับร้านขายบุหรี่นะสิ 

    ไหนๆ ก็มาถึงนี่ล่ะ ขอแวะซื้อบุหรี่ไปตุนไว้ก่อนก็แล้วกัน วันหลังจะได้ไม่ต้องมาอีก คิดได้ดังนั้นผมก็ขับรถตรงไปยังร้านขายของชำนั้นทันที เมื่อซื้อเสร็จแล้วผมจึงขับรถกลับไปที่บ้าน 

    19.30 น. หลังจากผมอาบน้ำทำธุระจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ลงมาที่ชั้นล่างของบ้านเพื่อกินข้าวพร้อมกับพ่อและแม่ วันนี้แม่ทำเมนูโปรดเอาไว้ให้ผมนั่นก็คือแกงส้มปลาช่อนนั่นเอง ทันทีที่แม่ตักแกงส้มมาวางตรงหน้า ผมก็รีบหยิบช้อนไปตักน้ำขึ้นมาซดทันที ‘อาหร่อยยยยย’

    “ได้กินของโปรดล่ะยิ้มหน้าบานเชียวนะ” พ่อเอ่ยแซวผมเมื่อเห็นว่าผมกินข้าวไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี จะไม่ดีใจได้ยังไงล่ะนานๆ ทีกว่าผมจะได้กินเมนูโปรด ต่างจากพ่อที่มักจะได้กินเมนูโปรดของตัวเองเป็นประจำเพราะแม่ก็ชอบกินด้วย 

    “กว่าผมจะได้กินนะพ่อ แม่เอาแต่ตามใจพ่อจนลืมลูกชายอย่างผมไปล่ะ” 

    “กินไปเถอะ หม้อนี้ทั้งหม้อแม่ยกให้แกหมดเลย” แม่บอกผมก่อนจะยกหม้อแกงส้มมาไว้ข้างๆ ไม่ได้ประชดเลยจริงจริ๊งงงงง หลังจากนั้นทั้งสามคนก็นั่งกินข้าวพูดคุยสารทุกข์สุกดิบและเล่าเหตุการณ์ที่ได้เจอมาในวันนี้ของแต่ละคนให้ฟังกัน 

    แต่ส่วนมากจะเป็นผมที่เป็นฝ่ายโม้มากกว่า ส่วนพ่อกับแม่ก็เอาแต่กินข้าวและฟังผมพูดอยู่อย่างเดียว สุดท้ายก็กลายเป็นผมที่ยังนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวเมื่อพ่อกับแม่พากันกินอิ่มหมดแล้ว 

    “นี่กินหรือแดกเนี่ยไอ้ลูกชาย คนอื่นเค้าอิ่มกันหมดล่ะเหลือมันอยู่คนเดียว” พ่อหันมาแซวหลังจากเอาจานไปเก็บข้างนอกบ้าน 

    “ไม่ต้องมาแซวเลย ผมมัวแต่คุยจนไม่ได้กินต่างหากล่ะ” ผมหันไปเถียงพ่อแล้วกลับมากินข้าวต่อ สักพักก็รู้สึกอิ่มจึงเก็บรวบรวมจานและชามไปล้างที่หลังบ้าน จากนั้นก็ขึ้นไปนอนเล่นที่ห้องของตัวเอง ส่วนพ่อกับแม่ก็นั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่าง

    “ทำไรอยู่ค้าบบบบบ” ทันทีที่เข้ามาในห้องผมก็ส่งข้อความไปหาฝนทันที ไม่ได้คุยกันตั้งหลายชั่วโมง โคตรคิดถึงเลย

    “หายใจงับ” แล้วดูคำตอบที่ผมได้มาสิ ผู้หญิงคนนี้นี่มันกวนตีนจริงๆ เลย 

    “เห้อ…ขอคำตอบดีๆ ได้บ่ครับ” 

    “นอนเล่นซือๆ นี่แหละจ้า” พอเห็นเธอตอบกลับมาผมก็ยิ้มออก ไม่ลืมหรอกนะที่เคยพูดไว้ว่าคืนนี้จะทำอะไร 

    “นอนด้วยได้ไหมครับ” หยอดสิครับรออะไร เธอเปิดทางมาขนาดนี้แล้ว

    “ก็มาสิคะ เปิดประตูรอแล้ว” หื้ม…ถ้าไม่ติดว่าพ่อกับแม่อยู่ชั้นล่างนะ ผมจะรีบขับรถไปหาทันทีเลย แต่บ้านฝนอยู่ไหนก่อน

    “อย่าท้านะ เราคนจริงนะบอกไว้ก่อน” 

    “มาถูกหรือไงล่ะ” ถูกแน่ถ้าเธอแชร์โลให้ ผมอยากจะตอบออกไปแบบนั้น แต่กลัวว่าฝนจะตกใจ ขอสำรวมกายสำรวมใจนิดนึงก่อนอย่าเพิ่งกะโตกกะตาก

    “หยอกเล่นครับ ใครจะกล้าไปหาดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้เล่า ถ้าไปเจอลูกปืนสวนหน้ามาทำไง” 

    “ไม่มีหรอก พ่อเราเป็นคนใจดี” โอ้ย!!!ไอ้เหนืออยากออกไปตะโกนนอกบ้าน เปิดทางมาขนาดนี้แสดงว่ามีใจให้ผมแล้วแหละ ทุกคนคิดเหมือนผมปะ 

    “ขอโทรหานะ” ทนไม่ไหวจริงๆ ผมทนไม่ไหวแล้ว อยากเห็นหน้าคนที่มีพ่อเป็นคนใจดีแล้วครับ ผมแตะที่ไอคอนรูปกล้องเพื่อโทรหาฝน ใจกล้าหน้าด้านมากเพราะเธอยังไม่อนุญาตผมก็โทรไปล่ะ นี่จะเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ผมได้วิดีโอคอลหาเธอ เพราะสามวันที่ผ่านมามากสุดก็ทำได้แค่โทรคุยกันธรรมดาเท่านั้น

    ผมนั่งจ้องจอโทรศัพท์ไม่วางตาเพราะกำลังลุ้นอยู่ว่าเธอจะรับสายผมไหม รับเถอะ สาธุ!!

    “คิดว่าจะไม่รับซะแล้ว” ผมยิ้มและพูดออกมาเมื่อฝนกดรับสาย แต่ตอนนี้ผมเห็นเพียงเพดานห้องของเธอเท่านั้นไม่รู้ว่าคนอยู่ไหน 

    “หายไปไหนอ่ะ” ผมแกล้งถามเมื่อไม่เห็นเธอโผล่หน้าผ่านกล้อง 

    “ไม่หายๆ เรายังอยู่” ได้ยินแต่เสียง แต่ไม่เห็นคนเธออยู่ไหนเนี่ย ผมอยากเห็นหน้าเธอเว้ยไม่ได้อยากมองเพดานบ้านเธอ

    “มาให้เราเห็นหน้าหน่อยยยย เราไม่ได้อยากมองเพดานบ้านเธอนะ” 

    “แปบนึง ขอหวีผมก่อน!” ได้ยินดังนั้นผมก็ยิ้มออกมา กลัวตัวเองไม่สวยสินะถึงได้วิ่งไปหวีผมแบบนั้น อยากจะบอกว่าต่อให้ผมยุ่งมากแค่ไหนเธอก็ยังสวยในสายตาผมอยู่ดี 

    “สวยแล้วครับ ออกมาได้แล้ว” 

    “เสร็จแล้วๆ” เสียงเธอพูดขึ้น หลังจากนั้นโทรศัพท์หมุนตีลังกาไปหนึ่งตลบด้วยฝีมือของเธอ ผมคาดว่ามันน่าจะตกพื้นแน่ๆ

    ในที่สุดผมก็ได้เห็นหน้าฝนแล้ว ไอเชี่ยเอ้ย!!! วันแรกน่ารักยังไง วันนี้ก็ยังน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยวุ้ยยยย ผมว่าผมจีบถูกคนแล้วครับเพื่อนๆ

    “ยิ้มอารายยย” ฝนถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมยิ้มออกมา จะไม่ให้ยิ้มได้ยังไงในเมื่อคนในกล้องน่ารักขนาดนี้ ผมยังแอบเห็นเธอหน้าแดงด้วยนะคงจะเขินผมแน่ๆ

    “เป็นอะไรหน้าแดงอ่ะ ไม่สบายหรอ” ทันทีที่ผมพูดจบฝนก็จับใบหน้าของตัวเองทันที 

    “ไม่ใช่สักหน่อย เราสบายดี” 

    “งั้นก็แปลว่าเขินใช่ป่ะ เธอเขินเราใช่มั้ยอ่ะ” ดูเหมือนว่ามันจะเริ่มแดงขึ้นไปอีกเมื่อผมพูดไปแบบนั้น แสดงว่าสิ่งที่ผมสงสัยนั้นเป็นเรื่องจริง

    “งื้อ…อย่าถามแบบนี้สิ เราไม่ได้เขินสักหน่อย” 

    “แน่ใจ หน้าแดงขนาดนี้ไม่เรียกเขินแล้วเรียกอะไร” 

    “อือ..เขินก็เขิน” เห็นมั้ย สุดท้ายเธอก็ยอมรับ นี่เป็นเครื่องการันตีได้เลยนะว่าผมหน้าตาดีขนาดไหน 

    “โอเคๆ ไม่แกล้งล่ะ ฝนกินข้าวยัง” มันก็ดีที่เห็นเธอเขิน แต่ผมก็ไม่อยากแกล้งเธอไปมากกว่านี้แล้ว เพราะผมเองก็เมื่อยปากเหมือนกันที่ต้องยิ้มให้กับความน่ารักของเธอเนี่ย 

    “กินแล้ว เหนือล่ะ” 

    “กินแล้วเหมือนกัน วันนี้แม่ทำแกงส้มของชอบให้กิน เรากินหมดไปตั้งหลานจานแหนะ” บอกไว้ก่อนนะครับทุกคน โดยปกติผมไม่ใช่คนพูดมากหรือคนขี้โม้ แต่ที่เห็นนี่มันเป็นแค่กับบางคนเท่านั้น ซึ่งฝนก็เป็นหนึ่งในนั้น

    “ไม่กลัวอ้วนหรอ กินเยอะขนาดนั้นอ่ะ” 

    “ไม่กลัว เราเป็นนักกีฬานะออกกำลังกายทุกวันอยู่แล้ว” ผมบอกเธอพร้อมกับมองคนที่ตอนนี้ก้มๆ เงยๆ อยู่จนอดสงสัยไม่ได้ 

    “ฝนทำอะไรหรอ” 

    “ทำการบ้านน่ะ” ได้ยินดังนั้นผมก็เงียบไปสักพัก หรือผมจะรบกวนเวลาทำการบ้านของเธอว่ะ ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ดีแน่ๆ คะแนนผมจะต้องติดลบเพราะไปรบกวนเธอแน่ๆ

    “งั้นเราวางสาย จะได้ไม่รบกวนฝนทำการบ้าน” 

    “ไม่เป็นไรคุยได้ เราทำการบ้านไปคุยไปได้” ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มสิครับรออะไร 

    เมื่อฝนบอกมาแบบนั้นผมก็ไม่ได้วางสาย แต่เปลี่ยนเป็นนั่งเงียบๆ ดูเธอทำการบ้านแทน ไม่รู้ว่าผมชมเธอไปรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แต่เธอน่ารักจริงๆ นะทุกคน ยิ่งตอนที่ใส่แว่นแล้วยิ่ง..โอ้วววว อยากขอบคุณพระเจ้าที่ส่งเธอมาให้ 

    21.30 น. ผมยังคงนั่งดูฝนการบ้านอยู่ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอน่าจะทำเสร็จแล้วเพราะผมเห็นเธอเก็บของต่างๆ มารวมไว้ที่กลางโต๊ะก่อนจะหยิบโทรศัพท์แล้วเดินไปยังที่นอน 

    “ฮาาโหลลล ยังอยู่มั้ย” 

    “อยู่ค้าบบบบ” 

    “เราง่วงแล้วอ่ะ ขอไปนอนก่อนได้ป่ะ” นาทีอันลุ้นระทึกมาแล้ว ผมต้องเริ่มปฏิบัติการขอเธอคาสายตั้งแต่วันนี้ให้ได้ ทุกคนเป็นกำลังให้ผมด้วยนะ

    “ขอคาสายได้ปะ อยากนอนหลับไปพร้อมกับฝนอ่ะ” ผมตัดสินใจบอกฝนออกไป ในใจก็ลุ้นให้เธออนุญาต 

    “ได้ดิ ฝันดีนะ” เยส!!! สำเร็จแล้วทุกคน

    “ฝันดีครับ” แล้วผมก็ได้คาสายกับฝนไปจนถึงเช้า ผมเชื่อเลยว่าคืนนี้ผมต้องนอนฝันดีกว่าทุกๆ วันที่ผ่านมาแน่นอน ใกล้เวลาที่ผมจะมีแฟนกับเขาแล้วทุกคน!!!


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×