คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : 2 พี่เหนือจะมีแฟน-1
“พี่เหนือ!! ว่างหรือยัง สอนการบ้านหนูหน่อย” เสียงเรียกชื่อผมดังไปทั่วโรงเรียนในตอนเย็นเมื่อกอบัวตะโกนเรียกจากข้างสนามตะกร้อขณะที่ผมกำลังเล่นอยู่
ใช่แล้วครับ เด็กม.1ที่ผมเตะตะกร้อโดนหัวแล้วต้องขอโทษด้วยการสอนการบ้านในวันนั้นก็คือกอบัว ผู้ที่กำลังตะโกนเรียกผมอยู่ในตอนนี้นั่นเอง ไม่คิดว่าเวลาผ่านไปแค่สองเดือนจะทำให้ผมกับกอบัวสนิทกันได้ขนาดนี้ สนิทที่ว่านี้หมายถึงว่าสามารถพูดคุยกันได้เหมือนพี่น้องเลยแหละ
หลังจากที่ผมสอนการบ้านน้องไปวันนั้น วันต่อมาน้องก็เอาการบ้านวิชาอื่นมาถามผมอยู่บ่อยๆ จนผมแทบจะเป็นครูสอนพิเศษให้น้องไปล่ะติดที่ว่าไม่ได้ค่าจ้างนี่สิ
‘ให้สอนขนาดนี้ มีค่าเสียเวลาให้มั้ย’
‘ไม่มีหรอก แต่จะซื้อน้ำมาให้ครั้งละแก้วก็แล้วกัน’
หลังจากนั้นเวลาที่น้องจะให้ผมสอนการบ้าน น้องก็มักจะซื้อน้ำหวานจากโรงอาหารติดมือมาด้วยเพื่อเป็นค่าตอบแทนที่ผมเป็นครูสอนให้ แล้วก็ทำให้ผมมีเวลาเตะตะกร้อน้อยลงกว่าเดิมเพราะต้องเจียดเวลาไปสอนการบ้านน้องที่แม่งมีมาทุกวันไม่ขาดสาย
“พี่เหนือ!!! ได้ยินมั้ย!!!!” กอบัวยังคงตะโกนเรียกผมจากโต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ไม่ไกลจากสนาม ผมได้ยินแล้วแต่ยังทำเหมือนไม่ได้ยินแล้วเตะตะกร้อต่อ
“พี่เหนือ!!!” นี่ก็ขยันเรียกจัง ผมชักจะรำคาญเสียงนั่นแล้วนะ แล้วแทนที่จะเดินมาเรียกใกล้ๆ น้องกลับไม่ทำแต่เลือกที่จะตะโกนจนเสียงดังลั่นโรงเรียน
“มึงไปเหอะไอ้เหนือ กูเริ่มรำคาญล่ะ” ดีมพูดขึ้นเมื่อเสียงของกอบัวเริ่มทำลายสมาธิของเขา สุดท้ายผมก็จำยอมเดินออกจากสนามแล้วไปหากอบัวที่นั่งเรียกผมอยู่ไม่หยุด
“ให้หนูเรียกอยู่ตั้งนานจนคอแห้งแล้วเนี่ย” ทันทีที่ผมเดินมาน้องก็บ่นทันที ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมขอไม่รู้จักเด็กผู้หญิงที่ชื่อกอบัวจะดีกว่า ตอนนี้เริ่มรำคาญล่ะ
“แล้วจะเรียกทำไม”
“ก็จะให้พี่สอนการบ้านไง วันนี้วิชาภาษาไทย” น้องบอกพร้อมกับหยิบสมุดออกมาจากกระเป๋า ตั้งนานไม่เตรียมไว้พอผมมานั่นแหละค่อยเอามา
“ก็บอกว่าให้ตั้งใจเรียนเวลาครูสอนอ่ะ ทีนี้ก็ทำไม่ได้”
“ตั้งใจแล้ว แต่มันจำไม่ได้ไง สอนหน่อย” กอบัวพูดเสียงออดอ้อน เหอะ…คิดว่าผมจะหลงกลหรือไง
“งั้นก็เก็บโทรศัพท์ แล้วตั้งใจฟังดีๆ พี่จะสอนแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีรอบสองสามแล้วนะ”
“ก็ได้” หลังจากนั้นผมก็เริ่มสอนน้อง จริงๆ แล้ววิชาภาษาไทยไม่ใช่วิชาที่ผมถนัดหรอกออกจะเกลียดด้วยซ้ำ แต่ผมก็พอจะมีความรู้ประดับหัวอยู่บ้าง จึงพอจะสอนการบ้านกอบัวได้บ้างซึ่งการบ้านวันนี้ค่อนข้างง่ายผมใช้เวลาประมาณ15นาทีก็เสร็จ
“ขอบคุณค่าาา” กอบัวยกมือไหว้ผมก่อนจะเก็บสมุดและปากกาใส่กระเป๋า จากนั้นก็หยิบแก้วชานมที่ส่วนบนเริ่มเป็นน้ำใสๆ บ่งบอกว่าน้ำแข็งได้ละลายไปมากกว่า20เปอร์เซ็นต์แล้วมาให้ผม นี่ผมต้องกินชานมจืดชืดนั้นจริงๆ ดิ
“นี่ค่าาา ค่าตอบแทนสำหรับครูสอนพิเศษ”
“สภาพ!! ชานมผสมน้ำเปล่าป่ะวะ” ผมรับแก้วน้ำนั้นมาถือไว้ เพราะรู้ดีว่ารสชาติของมันก็ไม่น่าจะต่างจากน้ำเปล่าเท่าไหร่ อาจจะต่างตรงที่มีกลิ่นชามาเพิ่มก็เท่านั้น
“ก็พี่มัวลีลาอ่ะ ถ้ารีบมาสอนหนูตั้งแต่แรกๆ ก็คงได้กินชานมรสชาติปกติแล้ว” สรุปผมเป็นคนผิดใช่ไหมครับทุกคน
“พอๆ เสร็จแล้วก็กลับบ้านได้ล่ะ มันเย็นแล้ว” ผมไล่น้องเมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ แสงจากดวงอาทิตย์ก็ค่อยๆ ลดลงจนเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้
“กำลังเก็บของอยู่เนี่ย จะไล่อะไรนักหนา”
“เห้อ…ไม่อยากคุยด้วยล่ะ” พูดจบผมก็ถือแก้วชานมนั้นกลับมาที่สนามตะกร้อ ไม่ได้ดูว่ากอบัวจะกลับบ้านตอนไหน หันมาอีกทีก็ไม่เห็นน้องอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนนั่นแล้ว
18.00 น.ก็ได้เวลาที่ผมและเพื่อนกลับบ้าน เพราะโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนอยู่ได้แค่หกโมงเย็นเท่านั้น ผมจึงเอาตะกร้อไปเก็บยังที่ที่เคยเก็บนั่นก็คือใต้เก้าอี้หินอ่อน จุดที่ผมสอนการบ้านกอบัวในทุกๆ ครั้งนั่นเอง
หลังจากเอาตะกร้อเก็บแล้วหันหลังกำลังจะเดินไปที่รถ สายตาของผมก็ไปปะทะกับสมุดสีชมพูซึ่งเป็นสีประจำโรงเรียนที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมจึงหยิบมันขึ้นมาอ่านชื่อที่เขียนอยู่หน้าปก ‘เด็กหญิงกันยนา’ ชื่อนี้มันคือชื่อของกอบัวนี่ ทำไมถึงลืมได้วะเนี่ย
ผมจึงถือสมุดของกอบัวกลับบ้านไปด้วย นี่ขนาดบอกให้เก็บของให้หมดแล้วนะยังลืมสมุดตัวเองได้อีก สอนเท่าไหร่ก็ไม่เคยจำว่าให้ตรวจดูของของตัวเองก่อนจะลุกไปไหน แล้วผมก็ไม่รู้จักบ้านน้องด้วยสิจะเอาไปคืนเย็นนี้ก็ไม่ได้ คงต้องคืนให้พรุ่งนี้อย่างเดียวแล้วแหละ
8.40 น. ขณะที่นักเรียนกำลังเดินเข้าห้องเรียนของใครของมัน ผมก็รีบเดินไปดูตารางเรียนของชั้นม.1/3ที่บอร์ดใต้ถุนอาคารห้องประชุมเก่าทันที เพื่อที่จะเอาสมุดวิชาภาษาไทยไปคืนกอบัวไม่รู้ป่านนี้จะรู้ตัวหรือยังว่าตัวเองลืมสมุด
“ห้องสังคม201” ผมอ่านตารางเรียนที่อยู่ตรงหน้า หลังจากนั้นก็รีบสาวเท้าตรงไปที่อาคารหมวดวิชาสังคมทันที ไม่ให้รีบได้ยังไงล่ะคาบแรกวันนี้ผมมีเรียนวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งครูประจำวิชาโคตรมหาโหด เข้าสายเกิน5นาทีเช็คขาดทันทีไม่มีข้อแม้อะไรทั้งสิ้น
เมื่อมาถึงห้องสังคมปรากฎว่ายังไม่มีนักเรียนแม้แต่คนเดียวเข้ามาในห้อง
‘แล้วทำไมถึงพากันเข้าสายแบบนี้วะเนี่ย’
ผมได้แต่ยืนชะเง้อมองหากอบัวจากชั้น2 เมื่อเห็นกลุ่มนักเรียนม.ต้นกำลังเดินตรงมาที่อาคารนี้ แล้วดูการเดินมาเรียนของน้องๆ นะ ผมคิดว่าเข้าค่ายปฏิบัติธรรมแล้วพระอาจารย์ให้เดินจงกรม ซ้ายย่างหนอ ขวาย่างหนอ ถุ้ย!! ไม่ใช่ล่ะ นี่มันเวลาเรียนโว้ย!!! ช่วยเดินให้มันเร็วๆ กว่านี้หน่อยยยยยยย
สุดท้ายก็เป็นผมที่ทนไม่ไหวจนต้องเป็นฝ่ายลงไปหากอบัวที่ชั้นล่างเอง จริงๆ ก็ควรจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้วในเมื่อสุดท้ายผมก็ต้องลงไปเรียนอีกอาคารหนึ่งอยู่ดี
“บัว!” ผมเดินเข้าไปหาน้องขณะที่น้องกำลังเดินคุยกันกับเพื่อนอย่างออกรส
“บัว พี่เขาเรียกแกอ่ะ” ดูเหมือนน้องจะไม่ได้สนใจผมที่ยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าจนเพื่อนต้องเป็นคนสะกิด อยากจะเขกหัวให้สักทีสองที
“ห้ะ…อ้าวพี่เหนือ มีอะไรหรอ”
“เราลืมสมุดไว้ พี่เลยเก็บมาให้” ผมบอกพร้อมกับยื่นสมุดวิชาภาษาไทยให้น้อง ทันทีที่เห็นสมุดของตัวเองน้องก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจทันที เพิ่งจะรู้ตัวสินะว่าตัวเองลืมสมุดไว้
“ต่อไปก็อย่าลืมอีกล่ะ พี่ไม่ได้มาตามเก็บให้ตลอดหรอกนะ”
“ขอบคุณนะพี่เหนือ ก็ว่าอยู่สมุดภาษาไทยหายไปไหน”
“ไปเรียนได้แล้วไป ผ่านมาจะ5นาทีแล้ว” ผมบอกน้องเสร็จก็รีบวิ่งมาที่อาคารหนึ่งชั้นทันที จังหวะนี้ต้องใช้ความเร็วและความคล่องตัวในการถอดรองเท้าวางไว้ที่ชั้นแล้ววิ่งเข้าห้องเรียนให้ไว้ที่สุด เมื่อสายตาชำเลืองไปเห็นครูประจำวิชากำลังเดินมาที่ห้อง
ฟู่ววว!! ผมพ่นลมออกทางปากด้วยความโล่งอกเมื่อวิ่งเข้าห้องเรียนได้ก่อนคุณครู เพราะไม่กี่วินาทีต่อมาคุณครูก็เข้าห้องตามหลังผมพร้อมกับเริ่มเช็คชื่อนักเรียนก่อนเป็นอันดับแรก
“ไปไหนมาวะ” ไม้ถามเมื่อผมเดินไปนั่งที่โต๊ะข้างๆ ไม้ ผมยังไม่ตอบมันแต่กลับนั่งพักจนร่างกายหายหอบจึงค่อยบอก
“เอาสมุดไปให้กอบัวมา”
“ทำไมต้องเอาไปให้” ไม้ถามด้วยความสงสัย เพราะเมื่อวานผมเป็นคนกลับบ้านคนสุดท้ายไม้จึงไม่รู้ว่าผมเก็บสมุดของกอบัวไว้
“น้องมันลืมอ่ะ กูเลยเก็บไว้ให้”
“บริการทุกระดับประทับใจเลยนะมึงอ่ะ เป็นตั้งแต่ครูยังคนเก็บของ”
“ธีรัชชัย จะพูดอีกนานมั้ย ครูจะได้นั่งรอ” คุณครูยืนถือปากกาไวท์บอร์ดมองมาที่ไม้ด้วยสายเอาเรื่องเมื่อเห็นว่ามันพูดไม่หยุด ดีนะที่เป็นจังหวะตอนผมไม่พูด
“เสร็จแล้วครับครู เชิญสอนได้ครับ” ไม้บอกพร้อมกับผายมือให้คุณครูจากนั้นก็หยิบสมุดขึ้นมาเตรียมจดตามที่ครูเขียนไว้ที่กระดาน
“ภาสกร ข้อ2อัตราส่วนร่วมได้เท่าไหร่” คุณครูถามโจทย์ที่เขียนอยู่หน้ากระดาน ผมใช้เวลาคำนวณอยู่สักพักก่อนจะตอบคุณครู
“1ส่วน2ครับ”
“ถูกต้อง! พอเราได้อัตราส่วนร่วมมาแล้วก็เอาไปแทนในสูตรได้เลย ทีนี้ก็จะได้คำตอบออกมา ทุกคนเข้าใจมั้ยคะ” แน่นอนอยู่แล้วว่านักเรียนต้องพยักหน้าเข้าใจ ต่อให้ความจริงจะไม่เข้าใจก็เถอะ
ตึ๊ง! ตึง! ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ค่ะ เสียงประชาสัมพันธ์ดังขึ้นทำให้คุณครูและนักเรียนในห้องต่างพากันนั่งเงียบอัตโนมัติรอฟังข่าวจากฝ่ายประชาสัมพันธ์
ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ถึงนักกีฬาตะกร้อของโรงเรียนทุกคน ในเวลา10นาฬิกาให้นักตะกร้อทุกคนมาพบครูต้นที่โดมหน้าเสาธงด้วยค่ะ อีกครั้งนะคะ ในเวลา10นาฬิกาให้นักตะกร้อทุกคนมาพบครูต้นที่โดมหน้าเสาธงด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
“ห้องนี้มีนักกีฬามั้ย” หลังจากเสียงประชาสัมพันธ์จบลงคุณครูก็หันมาถามนักเรียนในห้องทันที ผมและไม้จึงยกมือขึ้นเพราะเป็นนักกีฬาที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์พูดถึง
“ได้ยินแล้วเนอะ สิบโมงไปหาครูที่โดม”
“ได้ยินครับ” ผมกับไม้ตอบพร้อมกัน หลังจากนั้นคุณครูก็เริ่มสอนต่อ เพราะเวลานี้มันเพิ่งจะ9โมงเองยังเหลือเวลาอีกตั้งชั่วโมงนึง
“ครูต้นเรียกพวกเราไปทำไมวะ มึงพอรู้มั้ย” ผมหันไปถามไม้เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าจะมีงานการแข่งขันอะไรเข้ามาหรือเปล่า
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ เดี๋ยวสิบโมงก็รู้เองแหละ” ไม้บอกผมพร้อมกับลงมือจดโจทย์บนกระดานตามครู
กระทั่งถึงเวลานัดหมาย ผมกับไม้ก็สะพายกระเป๋าออกจากห้องพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ เพียงแต่ว่าผมสองคนต้องไปที่โดมส่วนเพื่อนๆ ก็ไปเรียนวิชาถัดไป ก่อนจะแยกตัวไปหาครูต้นผมก็ไม่ลืมที่จะฝากเพื่อนบอกคุณครูประจำวิชาให้ด้วย ไม่เช่นนั้นก็อาจจะถูกเช็คขาดได้
สิบนาทีต่อมาผมและไม้ก็ได้กลับมาเรียนต่อ จากการที่ครูต้นนัดไปคุยวันนี้สรุปได้ว่า อีก2อาทิตย์ข้างหน้าจะมีการแข่งขันกีฬาระดับเขตพื้นที่ จึงอยากให้นักกีฬาทุกคนเริ่มซักซ้อมกันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปด้วยความจริงจัง ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติสำหรับผมอยู่แล้วที่มักจะอยู่เล่นตะกร้อทุกวันในตอนเย็น แต่วันนี้ผมคงจะอยู่ซ้อมไม่ได้เมื่อแม่ให้ผมพาไปทำธุระในตัวอำเภอ พอถึงเวลาเลิกเรียนผมจึงต้องรีบกลับบ้าน
ความคิดเห็น