ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แม่กอบัวของพี่

    ลำดับตอนที่ #2 : 1 จุดเริ่มต้นของการมีน้องสาว-2

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 66


    สรุปพักกลางวันนี้ ผมก็ไม่ได้เตะตะกร้อเมื่อมาถึงสนามแล้วพบว่ามีน้องๆ เข้ามาเล่นก่อนแล้ว จึงทำได้แค่หันไปมองแรงใส่ไม้ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนมองน้องๆ พากันเล่น จริงๆ จะเข้าไปแจมด้วยก็ได้แต่ผมเลือกที่จะไม่ไปเพราะสกิลการเล่นมันคนละระดับกัน ผมเป็นถึงดีกรีนักกีฬาของโรงเรียนให้ไปเล่นกับเด็กเพิ่งหัดเล่นแบบน้องๆ มีแต่จะทำให้เสียอารมณ์ไปเปล่าๆ

    จนเสียงเพลงมาร์ชของโรงเรียนดังขึ้น บ่งบอกว่าได้เวลาเข้าเรียนคาบเรียนที่4แล้วผมกับไม้จึงลุกออกจากโต๊ะหินอ่อนข้างสนามบาสแล้วเดินไปยังอาคารใหม่เพื่อเรียนวิชาเคมี แต่ก่อนจะไปเรียนก็ขอแวะเข้าห้องน้ำก่อน

    10นาทีต่อมา ผมกับไม้ก็พากันเดินเข้าห้องเรียน ตอนนี้คุณครูประจำวิชาก็เริ่มทำการสอนแล้ว ทันทีที่เดินมาถึงหน้าห้อง ผมก็ได้รับสายตำหนิจากคุณครูมาทันที

    "ขออนุญาตครับ" ผมกับไม้พูดพร้อมกันก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะ

    "ทำไมเพิ่งมา!"

    "ผมไปเข้าห้องน้ำมาครับ คนเยอะมากกกกก" ไม้ปดออกไป ทั้งที่ความจริงแล้วที่ห้องน้ำไม่มีใครเลยนอกจากผมกับไม้

    "เธอคิดว่าครูจะเชื่อมั้ย"

    "เชื่อครับ" ไม้ตอบแบบไม่ต้องคิด ส่วนผมก็ได้แต่นั่งเงียบมองเพื่อนกับคุณครูเถียงกันไป จนสุดท้ายคุณครูก็ต้องยอมแพ้แล้วหันไปสอนต่อ

    แน่นอนว่าวิชานี้เป็นวิชาที่ผมโคตรจะเกลียด ผมจึงไม่ค่อยตั้งใจฟังคุณครูท่านอธิบาย แต่กลับเปิดเข้าแอปพลิเคชันเกมยอดนิยมในหมู่วัยรุ่นขึ้นมาเล่นแทน ถามว่าคุณครูจะด่ามั้ย ก็ต้องด่าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องแอบเล่นไม่ให้ท่านรู้

    "เดี๋ยวครูจะให้โจทย์ไปฝึกทำ2ข้อ เสร็จแล้วเอามาส่งครูนะคะ" ถึงแม้ว่าหูจะได้ยินเสียงที่คุณครูสั่งงานแต่ผมก็ยังคงเล่นเกมต่อโดยไม่สนใจ ต่างจากไม้ที่ตอนนี้กำลังนั่งลอกโจทย์ตามกระดานไวท์บอร์ดอย่างตั้งใจ เพราะเป็นวิชาที่มันชอบ

    "ไอ้เหนือ ทำงานส่งดิ ครูเก็บคะแนน2คะแนน" ไม้หันมาบอกเมื่อเห็นว่าผมยังนั่งเล่นเกมอยู่

    "เออ กูรอลอกมึงเนี่ย รีบทำให้เสร็จสิ"

    "อ้าวไอนี่? ไม่คิดจะทำเองหรอวะ"

    "ไม่อ่ะ กูไม่ชอบวิชานี้" พอได้ยินผมบอกไปแบบนั้นไม้ก็ไม่พูดอะไรต่อ หันไปทำแบบฝึกที่คุณครูให้จนเสร็จแล้วโยนสมุดมันมาที่โต๊ะของผม ดูเอาแล้วกันขนาดเจ้าของยังไม่ถนอมสมุดตัวเอง แล้วผมจะถนอมให้มันทำไม

    ผมเปิดสมุดของตัวเองไปยังหน้าที่เพิ่งจดไปล่าสุด ก่อนจะนั่งคัดลอกโจทย์จากสมุดของไม้ใส่สมุดของตัวเองพร้อมกันนั้นก็ทำความเข้าใจลำดับการคำนวณไปด้วยแปบเดียวผมก็เข้าใจแล้ว จริงๆ แล้วผมเป็นคนเก่ง อันนี้ไม่ได้อวยตัวเอง แต่การันตีได้จากเกียรติบัตรผลการเรียนดีเด่นที่ผมได้มาตั้งแต่ม.1

    พอผมลอกงานเสร็จผมก็จัดการโยนสมุดเล่มนั้นไปคืนเจ้าของทันที ผมบอกแล้วว่าถ้าเจ้าของไม่ถนอมผมก็ไม่จำเป็นต้องถนอม

    "ไอ้เหนือ!!! สมุดกู!!" ไม้หันมาว่าผมเมื่อสมุดของมันลอยไปกระแทกอกแล้วตกลงไปที่พื้นอย่างทุลักทุเล

    "ก่อนหน้านี้มึงยังโยนให้กูเลย" พูดจบผมก็ลุกออกจากโต๊ะแล้วเอางานไปส่งคุณครูที่หน้าห้อง

    "ไปลอกใครมา? " ทันทีที่คุณครูตรวจงานของผม ท่านก็ถามทันทีคงอึ้งล่ะสิที่ผมทำแบบฝึกได้

    "ทำเองครับ"

    "ครูไม่เชื่อ" พอครูบอกมาแบบนั้นผมก็ยิ้มกริ่มออกมา หึ!คิดว่าผมจะตอบไม่ได้ล่ะสิ ผมจึงเข้าไปอธิบายให้คุณครูฟังทั้งสองข้อ จนคุณครูว่าอะไรผมไม่ได้ สุดท้ายก็คืนสมุดให้ผมแล้วตรวจของเพื่อนต่อ

    “ทำไมนานจังวะ ครูทำอะไรมึง” ไม้ถามขึ้นเมื่อผมกลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเอง

    “ให้กูอธิบายวิธีทำทั้งสองข้อให้ฟัง”

    “แล้วไงต่อ ตอบแกได้ไหม”

    “นี่ใคร? กูไอ้เหนือผู้เป็นอัจฉริยะนะเว้ย ถามอะไรตอบได้หมดแหละ” ผมบอกไม้ก่อนจะยกมือขึ้นมากอดอกเก๊กท่าจนเพื่อนหมั่นไส้

    “เออ เรื่องนี้กูไม่เถียงหรอก” ไม้บอกก่อนจะหันไปเล่นเกมต่อ ส่วนผมก็นั่งดูมันเล่นตอนแรกว่าเข้าเกมไปเล่นเหมือนกันแต่พอดูเวลาแล้วพบว่าใกล้จะหมดคาบแล้ว จึงไม่เข้าดีกว่า

     

    15.30 น. เป็นเวลาเลิกเรียนของที่นี่ ผมกับไม้จึงสะพายกระเป๋าเดินออกจากห้องทันทีที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของโรงเรียน

    “ไอ้เหนือ!! มาทำเวรก่อนวันนี้เวรมึง” เสียงเพื่อนผู้หญิงตะโกนเรียกตามหลังผมเมื่อเห็นว่าผมเดินออกจากห้องโดยไม่อยู่ช่วยเพื่อนทำความสะอาดห้องก่อน

    “เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเลี้ยงข้าว!!” หันไปบอกเพื่อนเสร็จผมก็รีบเดินลงบันไดไปทันที ผมต้องไปถึงสนามตะกร้อให้ได้ก่อนน้องๆ ไม่งั้นผมคงไม่ได้เตะแน่ๆ

    “เดี๋ยวกูไปสนามก่อน ส่วนมึงไปเอารถมานะ” ผมบอกไม้ขณะยืนใส่รองเท้าหน้าชั้นวาง

    “ไม่ได้ว่ะ วันนี้กูต้องรีบกลับบ้าน”

    “เออๆ ช่างหอะ งั้นกูไปล่ะ เดี๋ยวน้องแม่งเต็มสนามก่อน” พูดจบผมก็รีบวิ่งไปที่สนามตะกร้อทันที ไปถึงที่สนามได้ไม่นานน้องๆ ก็เดินมาที่สนามตะกร้อตามที่คิดไว้ไม่มีผิด แต่พอน้องเห็นผมอยู่ที่สนามก็พากันเดินกลับไปเล่นสนามอื่นแทน เย็นนี้ผมจึงได้สนามตะกร้อเล่นกับเพื่อนๆ

    “ไหนตะกร้อล่ะ” ไอ้ดีม เพื่อนต่างห้องและเป็นนักกีฬาตะกร้อด้วยกันถามขึ้น ผมจึงวางกระเป๋าไว้ที่เสาของสนามก่อนจะเดินไปเอาลูกตะกร้อที่ผมซ่อนไว้

    แต่บังเอิญว่าจุดที่ผมซ่อนนั้นมีน้องคนหนึ่งกำลังนั่งทำการบ้านอยู่ ในใจก็ไม่อยากจะไปรบกวนเพราะดูท่าทางแล้ว น้องคงกำลังเครียดกับการบ้าน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อลูกตะกร้อมันอยู่ใต้เก้าอี้ที่น้องนั่ง

    “น้อง!! พี่ขอเอาตะกร้อหน่อยสิ” ผมเดินไปบอกน้องแล้วชี้นิ้วไปที่เก้าอี้ตัวที่น้องนั่งอยู่ น้องได้ยินผมบอกแบบนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

    “ลุกให้พี่แปบนึง พี่จะเอาตะกร้อจริงๆ” ผมพูดย้ำอีกครั้งเมื่อน้องมองกลับมาด้วยอาการงงๆ

    จนสุดท้ายน้องก็ยอมลุกจากเก้าอี้ให้ ผมจึงเข้าไปเอียงเก้าอี้ตัวนั้นแล้วหยิบลูกตะกร้อที่อยู่ใต้ฐานเก้าอี้กลมออกมาก่อนจะหมุนมันไปไว้ตามเดิมให้น้อง แล้ววิ่งกลับไปที่สนามทันที

    “อ่ะ” ผมโยนตะกร้อส่งให้เพื่อนก่อนจะจัดการดึงเสื้อนักเรียนออกนอกกางเกงแล้วเข้าไปเล่นกับเพื่อนๆ

    นี่เป็นกิจกรรมในตอนเย็นที่ผมและเพื่อนมักจะทำกันหลังเลิกเรียน พวกเราจะอยู่เล่นกันจนประมาณหกโมงเย็นถึงจะแยกย้ายกันกลับบ้าน เรียกว่าเป็นภารโรงของโรงเรียนเลยแหละ ออกจากโรงเรียนแล้วก็ดึงประตูปิดให้ด้วยเพราะโรงเรียนของผมจะปิดประตูตั้งแต่เวลาหกโมงเย็นเป็นต้นไป เพื่อกันคนนอกเข้าไปขโมยหรือทำลายทรัพย์สินของโรงเรียน

    “ไอ้เหนือ!!” ดีมเรียกชื่อผมพร้อมกับตั้งลูกตะกร้อให้ผมกระโดดตบ

    ปั่ก!! แต่เหมือนว่าผมจะใส่แรงเยอะไปหน่อยลูกตะกร้อที่ผมกระโดดตบถึงได้ลอยออกไปนอกสนามแล้วชนเข้ากับหัวคนที่นั่งเล่นตรงโต๊ะหินอ่อนใกล้ๆ ตรงนั้น ‘ฉิบหายแล้ว’

    “ใครทำ คนนั้นรับผิดชอบเลย” เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้นก่อนจะหันหน้าหนีทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เมื่อเห็นน้องที่โดนลูกตะกร้อตีหัวหันมามองทางสนาม ตอนนี้จึงมีแค่ผมคนเดียวที่อยู่ในสนามเรียกว่าหลักฐานคาตาเลยแหละ

    ผมจึงต้องเดินไปเก็บลูกตะกร้อที่มันกลิ้งตกลงพื้นใกล้ๆ คนเจ็บและตั้งใจจะไปขอโทษน้องด้วย เพราะผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

    “ขอโทษนะ” ผมเดินไปเก็บลูกตะกร้อมาถือไว้ก่อนจะเดินไปขอโทษน้องที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่ค่อยจะโอเคสักเท่าไหร่ เอาจริงผมก็ไม่ได้ผิดคนเดียวนะ น้องเองก็ผิดด้วยที่มานั่งทำการบ้านใกล้สนามตะกร้อแบบนี้ มันมีโอกาสสูงที่จะโดนแบบเมื่อกี้ เพราะฉะนั้นผิดคนละครึ่งก็แล้วกัน

    “ขอโทษแล้วมันหายเจ็บมั้ยล่ะ” ‘อ้าว? ’ คำๆ นี้ผุดขึ้นมาในหัวผมทันที แล้วผมต้องทำไงอ่ะ

    “แล้วจะให้ทำยังไง” ดูท่าน้องคงจะไม่ยอมจบเรื่องง่ายๆ แน่ๆ ผมจึงโยนลูกตะกร้อส่งให้เพื่อนไปเล่นต่อ ส่วนผมก็มาเคลียร์ปัญหากับคนตรงหน้าให้เสร็จ

    “แล้วน้องจะเอายังไง” ผมกอดอกยืนถามน้อง พอตั้งใจมองดีๆ ก็พบว่าน้องเป็นคนเดียวกับที่เขาเจอเมื่อเช้าแล้วก็เมื่อเที่ยงด้วย และตอนนี้ก็เป็นตอนเย็นที่ผมได้เจอน้องอีก แต่ทำไมมันคนละฟิวเลยวะ สองช่วงเวลาก่อนน้องดูนุ่มนิ่มอ่อนน้อมน่าถนุถนอม แต่มาตอนนี้สิ คนละคนเลย

    “อืม…” น้องเอาปากจิ้มแก้มทำท่าครุ่นคิดก่อนจะมองสมุดตรงหน้าของตัวเอง ผมที่ยืนรอคำตอบจากน้องก็เริ่มหงุดหงิดทำไมผมต้องมาทำอะไรไร้สาระแบบนี้ด้วยวะเนี่ย

    “เร็วๆ หน่อยดิ พี่จะได้ไปเล่นต่อ”

    “สอนการบ้าน พี่ต้องสอนการบ้านหนูแทนคำขอโทษที่เตะตะกร้ออัดหัวหนู”

    “ไม่ได้เตะอัด แค่ลงแรงผิดพลาด” ผมแก้ต่างให้กับคำกล่าวหาจากน้อง

    “นั่นแหละ พี่ต้องสอนหนู” ได้ยินแบบนั้นแล้วผมก็ยิ่งหัวเสียขึ้นไปใหญ่ ก็บอกอยู่ว่าจะรีบไปเตะตะกร้อต่อนี่ยังมาบอกให้สอนการบ้านอีก

    “แล้วทำไมไม่ทำเอง คุณครูก็สอนแล้วไม่ใช่หรอ” ผมถามน้องต่อ การที่คุณครูจะให้การบ้านได้นั้นแสดงว่าท่านจะต้องสอนมาก่อนแล้ว ถูกป่ะ งั้นก็แปลว่าน้องจะต้องเรียนมาก่อนแล้วจึงจะทำได้ แต่ถ้าน้องทำไม่ได้แสดงว่าน้องไม่ตั้งเรียน

    “สอนแล้ว แต่หนูไม่ได้เรียน”

    “แล้วทำไมไม่เรียน?”

    “ก็ครูใช้งานอ่ะ” คงจะเป็นตอนที่ผมเจอน้องเมื่อเช้านี้แน่ๆ

    “แล้วทำไมไม่ถามเพื่อน นั่งอยู่แบบนี้จะได้คำตอบมั้ย”

    “แล้วมีเพื่อนอยู่ให้หนูถามมั้ยล่ะ ถามอะไรโง่ๆ!!” ผมเบิกตากว้างทันทีที่น้องพูดจบ นี่เป็นใครมาจากไหนถึงได้กล้าด่าผมว่าโง่เนี่ย ไม่เกรงใจเกียรติบัตรการเรียนดีเด่นที่ผมได้เลย!!!

    “นี่!!! พี่เป็นพี่น้องนะทำไมถึงได้กล้าด่ากันแบบนี้” ผมชี้หน้าน้องด้วยความโมโห เกิดมา18ปีนอกจากพ่อแม่ คุณครูและคนที่ผมเคารพนับถือก็ไม่มีใครกล้าด่าผมต่อหน้าแม้แต่น้อย แล้วน้องคนนี้เป็นใครกัน?

    “ก็พี่อยากถามอะไรโง่ๆ ทำไมล่ะ จะสอนหนูได้ยัง? รอนานแล้วเนี่ย”

    “จะให้สอนคนที่ด่าตัวเองว่าโง่งั้นหรอ ใครยอมทำก็บ้าล่ะ” ไม่มีทางอ่ะ ผมไม่สอนการบ้านน้องหรอกแม่งหยามผมเกินไปแล้ว

    “ที่ไม่สอนนี่เพราะว่าไม่เก่งพอใช่มั้ยล่ะ เหอะ…อย่าเอาเรื่องอื่นมาเป็นข้ออ้างให้ดูดีเลย” ได้ยินดังนั้นผมก็ยิ่งโมโหมากกว่าเดิม ไอ้เด็กคนนี้นี่มันเป็นใครกัน ทำไมถึงกล้ามาต่อล้อต่อเถียงผมขนาดนี้เนี่ยไม่เกรงใจความเป็นพี่ม.6ของผมเลยแม้แต่น้อย

    “จะให้สอนเรื่องอะไร” ผมจะยอมให้น้องเข้าใจว่าผมเป็นคนที่โง่ไม่ได้ น้องจะต้องรับรู้ความเพอร์เฟคของผมว่านอกจากหน้าตาที่ดี กีฬาที่เด่นแล้วการเรียนของผมก็ไม่น้อยหน้าใคร

    “เรื่องนี้ค่ะ” น้องยื่นสมุดมาตรงหน้า ผมจึงปรายตาก้มอ่านลายมือที่เขียนอย่างเป็นระเบียบสวยงามอ่านง่ายนั่น แวบแรกก็รู้เลยว่าเรื่องอะไร มันโคตรง่ายไม่เข้าใจตรงไหนวะ

    “เรื่องสถิติเนี่ยนะ มีอะไรยากตรงไหน” ผมบ่นพร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ น้อง ก็คิดว่าจะเป็นเรื่องแก้สมการพหุนามอะไรเทือกนั้นเห็นบอกว่าทำไม่ได้

    “ก็พี่อยู่ม.6แล้วไง อะไรๆ มันก็ง่ายไปหมดนั่นแหละ สอนได้แล้วหนูจะได้กลับบ้านสักที” ผมหันไปมองแรงใส่น้อง สั่งได้สั่งดีผมไม่ได้เต็มใจมาสอนเลยนะเนี่ย

    “เออ!!” จากนั้นผมก็เริ่มอธิบายเนื้อหาคร่าวๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้น้องฟัง เห็นน้องว่าไม่ได้เรียนจึงมีแก่ใจอธิบายให้ฟังอีกครั้ง และดูเหมือนว่านักเรียนคนนี้จะตั้งใจฟังเป็นพิเศษเพราะน้องดูให้ความสนใจมาก หัวข้อไหนที่ไม่เข้าใจน้องก็ถามทันทีไม่ปล่อยผ่านให้เล็ดลอดแม้แต่น้อย

    บางหัวข้อผมอธิบายไปประมาณห้าครั้งกว่าน้องจะเข้าใจ ผมนี่ยั้งมือไว้แทบไม่ไหว ไม่เคยสอนใครที่เข้าใจอะไรยากขนาดนี้มาก่อน ถ้าเป็นไอ้ไม้นะมันคงโดนผมตบหัวไปหลายทีล่ะข้อหาที่ไม่เข้าใจสักที

    “อ่ะลองทำดู” บอกน้องพร้อมกับเลื่อนสมุดให้น้องทำเองบ้างหลังจากทำให้ดูเป็นตัวอย่างไปสองสามข้อ แล้วน้องก็นั่งทำต่อสักพักก็ยื่นสมุดมาให้ผมตรวจดูว่าถูกต้องหรือยัง ผมกวาดสายตาอ่านคำตอบที่น้องเขียนมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อเห็นว่าถูกหมดทุกข้อแล้วก็คืนมันให้เจ้าของ

    “มีอะไรอีกมั้ย จะได้ไปเตะตะกร้อกับเพื่อนต่อ โคตรเสียเวลา”

    “จะไปไหนก็ไป”

    “คำว่าขอบคุณอ่ะพูดเป็นมั้ย” ไอ้เด็กคนนี้นิ ปากดีนัก พอใช้งานผมจนหมดประโยชน์แล้วก็รีบไล่เลยนะ คำขอบคุณสักคำยังไม่มีให้

    “ขอบคุณค่ะคุณพี่ที่ช่วยสอนการบ้านหนู” น้องยกมือไหว้แล้วก้มลงจนหัวชนกับโต๊ะ ไม่บอกก็รู้ว่ากำลังประชดผมแต่เอาเถอะผมไม่อยากถือสาให้ปวดกบาล ไปเตะตะกร้อกับเพื่อนต่อดีกว่า

    หลังจากนั้นผมก็เดินไปที่สนามตะกร้อทันที ไม่ได้สนใจว่าน้องจะทำอะไรต่อ เพราะถือว่าเราสองคนได้ลบล้างบาปซึ่งกันและกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็อย่าหาเตะไปโดนหัวใครอีกนะ ผมได้แต่เตือนตัวเองอยู่ในใจ

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×