คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : 7 เจอกันครั้งสุดท้าย-1
“สี่โมงแล้วไวจัง” ขณะที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในเต็นท์ จู่ๆ ฝนก็พูดขึ้นมาผมจึงหันไปมองพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“ได้เวลาที่เราต้องกลับแล้วอ่ะ ไม่งั้นคงถึงบ้านค่ำแน่ๆ”
“แล้วจะกลับยังไง” มาถามฝนเพราะเท่าที่จำได้ เพื่อนที่มาส่งก็ขับรถกลับไปตั้งแต่มาส่งใหม่ๆ แล้ว
“ว่าจะโทรให้เพื่อนมารับแหละ”
“ไม่ต้องบอกเพื่อนหรอก เดี๋ยวเราไปส่งเอง” ถ้าให้เพื่อนมารับฝนก็ต้องเสียเวลารอเพื่อนขับรถมาที่นี่อีก ไหนๆ ก็ไม่มีตารางแข่งแล้วผมเองก็ไม่รู้จะอยู่ทำอะไรเหมือนกัน จึงอาสาไปส่งฝนดีกว่าจะได้ถือโอกาสไปไหว้พ่อตาแม่ยายด้วย
“น่ารักจัง” ฝนชมผมพร้อมกับยื่นมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับผมมาก่อนโคตรเขินเลย
“ไปเดี๋ยวนี้เลยมั้ย” แก้เขินด้วยการถามฝนต่อ ไม่อย่างงั้นผมคงได้นั่งหน้าแดงต่อหน้าเธอแน่ๆ ผู้หญิงอะไรวะเนี่ยทำผู้ชายอย่างผมเขินได้
“เดี๋ยวนี้เลยก็ได้ ถ้าเหนือไม่มีธุระอะไร”
“โอเค เดี๋ยวเราไปรถที่โรงรถก่อน ฝนนั่งรออยู่นี่นะ” บอกฝนเสร็จผมก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังโรงจอดรถของนักเรียน ซึ่งอยู่หลังอาคารคณิตศาสตร์เกือบจะหลังโรงเรียน แต่ระหว่างทางสายตาก็ไปปะทะยัยตัวแสบของผมที่นั่งดูบาสเกตบอลอยู่ข้างสนาม ผมจึงเปลี่ยนเส้นทางเลี้ยวซ้ายไปหากอบัวก่อน วันนี้เพิ่งจะได้เจอกันก็ตอนนี้แหละไม่รู้ทั้งวันไปอยู่ที่ไหนมา
“นี่! มานั่งทำอะไรตรงนี้” ผมเดินไปสะกิดไหล่น้องพร้อมกับถามคำถามที่ผมฟันธงได้เลยว่าน้องมันต้องตอบแบบกวนตีนกลับมาแน่ๆ ซึ่งผมก็ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น
“นั่งข้างสนามบาส ซื้อก๋วยเตี๋ยวกินมั้ง” นั่นไง!ผิดจากที่ผมเดาไว้ซะเมื่อไหร่เล่า
“กวนตีน!”
“พี่เหนือนั่นแหละ ถามอะไรกวนตีนๆ ตลอด”
“วันนี้ไปไหนมา พี่ไม่เห็นเราทั้งวันเลย”
“ก็อยู่ในโรงเรียนนี่แหละ ทำไมคิดถึงบัวหรอ” น้องช้อนสายตาขึ้นมามองด้วยสีหน้าล้อเลียนก่อนจะหุบยิ้มเมื่อผมตอบกลับไป
“ป่าว”
“ไปไหนก็ไป เบื่อขี้หน้า” แหม! ตอบไม่ถูกใจหน่อยก็โกรธกันแล้วไอ้เด็กคนนี้
“เออ ไปอยู่แล้วแค่จะมาบอกว่าวันนี้พี่น่าจะกลับค่ำ รอหน่อยล่ะกัน” ที่เดินมาหาน้องก็จะมาบอกเรื่องนี้ด้วยแหละ เพราะกว่าจะไปส่งฝนถึงบ้านแล้วขับรถกลับมาที่โรงเรียนอีกคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ผมเลยต้องมาบอกน้องเอาไว้ก่อนเดี๋ยวนั่งรอผมนานแล้วมาโวยวายใส่ผมอีก
“ไปไหนก็ไป บัวกลับเองได้” น้ำเสียงที่พูดออกมาทำไมฟังแล้วมันห้วนๆ ว่ะ ผมไม่ได้หูฝาดใช่มั้ยไปทำอะไรให้โกรธอีกวะเนี่ย
“รอพี่ เดี๋ยวจะรีบกลับมาเข้าใจมั้ย”
“เข้าใจ แต่ไม่ทำตาม”
“กอบัว!!!”
“เหนือ!” ขณะที่ผมกำลังจะคุยกับน้องต่อ เสียงเรียกชื่อผมก็ขัดขึ้นซะก่อน หันไปมองก็พบว่าเป็นฝนที่เดินถือของมาหาผม
“มัวทำอะไรอยู่หรอ ฝนคิดว่าเหนือจะไปเอารถมาแล้วซะอีกก็เลยเดินมารอ”
“อ่อ เรากำลังจะไปล่ะขอคุยธุระกับน้องแปบนึง” ผมหันไปบอกฝน จากนั้นก็หันมากำชับกับกอบัวเรื่องกลับบ้าน ก่อนจะพาฝนเดินไปที่โรงจอดรถพร้อมกันเลย ไหนๆ ก็เดินมานี่ล่ะผมจะได้ขับพาออกทางหลังโรงเรียน
“เมื่อกี้น้องสาวเหนือหรอ” ระหว่างที่เดินมาโรงจอดรถฝนก็หันมาถามผม
“ครับ” ผมตอบฝนแค่นั้นไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนจะเดินไปเปิดประตูโรงจอดรถเพื่อเอารถออกมาแล้วพาฝนกลับบ้าน วันนี้ผมค่อนข้างขับรถเร็วกว่าปกติเพราะต้องรีบไปส่งฝนให้ถึงบ้านแล้วรีบกลับมารับกอบัวที่โรงเรียน
จากที่คิดไว้ว่าจะอยู่ไหว้พ่อตาแม่ยายก็พับเก็บลงทันทีที่ฝนหันหลังเดินเข้าบ้านผมก็รีบบึ่งรถกลับมาที่โรงเรียนทันที ตอนนี้บรรยากาศก็เริ่มโพล้เพล้แล้ว ไม่รู้ว่าไอ้เด็กแสบจะยังรอผมอยู่เปล่า ถ้ารอก็คงจะนั่งหงอยอยู่คนเดียวแน่ๆ ไม่ได้การล่ะผมต้องรีบขับให้เร็วกว่านี้
แต่ก็เหมือนว่าผมคงขับเร็วไม่พอ เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาบริเวณสนามกีฬากลับมีเพียงความว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่ากอบัว ทุกอย่างดูเงียบสงัดไม่มีใครอยู่ภายในโรงเรียนสักคนแม้กระทั่งคุณครู สุดท้ายผมก็ต้องขับรถกลับบ้านคนเดียวโดยไร้คนซ้อนท้ายอย่างกอบัว ไว้พรุ่งนี้ค่อยตื่นไปหาที่บ้านก็ได้
7.30 น.
ผมขับรถมาจอดรอกอบัวที่หน้าบ้านของน้อง หลังจากดับรถแล้วผมก็ถอดหมวกกันน็อคแขวนไว้ที่รถแล้วเดินเข้าไปเรียกน้องในบ้านอย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน แต่ก่อนที่จะตะโกนเรียกน้องหางตาก็เหลือบไปเห็นแม่ของน้องซะก่อน จึงต้องหันไปสวัสดีท่านแทน
“น้าแก้วสวัสดีครับ”
“สวัสดีจ้ะ เจ้าบัวยังไม่เสร็จอีกหรอ” แม่ของกอบัวถามผม ซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้าให้เพราะไม่รู้ว่ากอบัวจะแต่งตัวเสร็จหรือยัง ยังไม่ทันได้ตะโกนถามแม่ของน้องก็เดินมาซะก่อน
“เดี๋ยวน้าไปเรียกให้”
“ขอบคุณครับ” หลังจากน้าแก้วเดินหายเข้าไปในบ้านแล้วผมก็เดินมาทิ้งตัวนั่งรอที่แคร่หน้าบ้านแทนการเข้าไปนั่งข้างใน เพราะไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องเข้าไปในเมื่อน้าแก้วเข้าไปเรียกกอบัวให้ผมแล้ว อีกอย่างผมก็ขี้เกียจถอดรองเท้าด้วยแหละ
“บัว!! เสร็จยังลูก พี่เหนือเขามารอแล้ว!!” เสียงน้าแก้วตะโกนถามลูกสาว สักพักกอบัวก็ตอบกลับมาซึ่งผมได้ยินชัดเต็มสองหูเลย
“ให้พี่เหนือไปก่อนเลย บัวยังไม่เสร็จอีกนานเลย” เสียงเล็กตะโกนกลับมา ก่อนจะเห็นน้าแก้วเดินมาบอกผม
“บัวบอกให้เหนือไปโรงเรียนก่อนได้เลย ยังแต่งตัวไม่เสร็จหน่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้”
“จะเอาแบบนั้นหรอลูก เดี๋ยวก็ไปไม่ทันเข้าแถวนะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้จริงๆ น้าแก้วไม่ต้องรอส่งกอบัวหรอกครับ” เพราะผมรู้ว่าน้าแก้วจะต้องไปทำงานก่อนแปดโมง ถ้าจะอยู่รอส่งลูกสาวไปโรงเรียนก่อนก็คงจะไปทำงานไม่ทันแน่ๆ
“เอางั้นก็ได้จ้ะ” แล้วผมก็นั่งรอกอบัวที่แคร่ไม้หน้าบ้านอีกประมาณสิบนาทีก็เห็นน้องเดินสะพายกระเป๋าออกมา ที่มือข้างหนึ่งถือถุงเท้ามานั่งใส่อยู่ข้างๆ ผม พอเห็นน้องกำลังใส่รองเท้าผมก็เดินไปรอที่รถมอเตอร์ไซต์หน้าบ้าน จากนั้นก็ขับรถตรงไปที่โรงเรียน
วันนี้เป็นการแข่งขันกีฬาสีวันสุดท้าย ทันทีที่ขับรถเข้าไปจอดในโรงรถ กอบัวก็รีบวิ่งออกไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงประชาสัมพันธ์ถึงนักกรีฑาว่าให้ไปรายงานตัวที่กองอำนวยการในเวลานี้ น้องวิ่งไปโดยไม่บอกผมแม้แต่คำเดียว นี่ถ้าผมไม่ได้ยินเสียงเท้าที่วิ่งออกไปผมก็คงจะยืนคุยอยู่คนเดียวไปอีกนาน
9.00 น. เป็นเวลาที่เริ่มการแข่งขันกรีฑา ตอนนี้นักเรียนส่วนใหญ่ก็มายืนออกันอยู่บริเวณขอบสนามฟุตบอลซึ่งเป็นลู่วิ่งในครั้งนี้ด้วย ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน แต่ผมเลือกที่จะไปยืนฝั่งที่เป็นเส้นชัยแทนที่จะยืนดูจากเต็นท์สีของตัวเอง
รายการแรกเป็นการแข่งขันวิ่ง100 เมตรของนักเรียนหญิงระดับชั้นม.ต้น ผมมองไปยังจุดสตาร์ทของการวิ่งก็เห็นไอ้เด็กแสบเสื้อสีส้มยืนอยู่ลู่วิ่งที่2 สองคิ้วก็ขมวดเข้าหากันไม่ได้อยากจะบูบี้นะแต่ขาสั้นแบบนั้นเนี่ยนะจะแข่งวิ่ง รายการนี้สีส้มต้องได้ที่โหล่แน่ๆ
ปี๊ด!!! เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณให้นักกีฬาออกตัว ผมจ้องมองไปที่นักกีฬาสีส้มอย่างไม่วางตา ตอนนี้กอบัววิ่งมาเป็นลำดับที่3รองจากสีฟ้าและสีแดง แต่สักพักน้องก็วิ่งนำสีฟ้าขึ้นไปเป็นอันดับที่2และก่อนที่จะถึงเส้นชัยน้องก็วิ่งนำสีแดงขึ้นมาเป็นอันดับ1แล้วคว้าชัยชนะนี้ไปได้
สองเท้ารีบก้าวไปหานักกีฬาตัวแสบเพื่อแสดงความยินดี พอเดินมาถึงกอบัวที่นั่งพักใต้ร่มไม้ผมก็ยกนิ้วโป้งให้น้องไปทั้งสองมือเลย ไอ้เด็กแสบของผมโคตรเก่ง
“อยากได้อะไรเป็นรางวัล” ผมทรุดตัวนั่งข้างๆ น้องพร้อมกับยกมือยีผมคนข้างๆ
“อื้อ..พี่เหนือ ทำอะไรของพี่เนี่ย ผมบัวยุ่งหมด” น้องเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางก่อนจะเขยิบออกไปนั่งห่างๆ ผม
“ยุ่งตรงไหน พี่ไม่ได้ทำแรงสักหน่อย” บอกน้องพร้อมกับเขยิบไปนั่งใกล้ๆ นั่งห่างกันแล้วรู้สึกแปลกๆ
พรึ่บ! พอผมขยับไปนั่งใกล้ จู่ๆ กอบัวก็ลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นที่ติดกางเกงสองสามทีก่อนจะเดินหนีผมกลับไปที่เต็นท์สีของตัวเอง ผมได้แต่นั่งเกาหัวแกรกๆ มองไอ้ตัวแสบเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เป็นอะไรอีกว่ะเนี่ย
“บัว! เป็นอะไร” ผมรีบวิ่งมาคว้าข้อมือของกอบัวเอาไว้ขณะที่น้องกำลังเดินไปยังเต็นท์สีส้ม แต่วินาทีต่อมาก็ถูกสะบัดออกมือออกจากคนตัวเล็กตรงหน้า
“เป็นอะไรเนี่ย?”
“เปล่า…” ทำไมกล้าพูดว่าไม่เป็นอะไรวะ การกระทำก็บอกชัดอยู่แล้วว่าอาการน้องตอนนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ
“แล้วทำไมต้องเดินหนีพี่”
“ไม่ได้เดินหนี บัวจะมากินน้ำเฉยๆ”
“แน่ใจ?” จะให้ผมเชื่อเลยมันก็ยังไงอยู่ ปกติเวลาจะไปไหนกอบัวมักจะบอกผมตลอด แต่เมื่อกี้นี้มันไม่ใช่ไงจู่ๆ ก็ลุกออกมาโดยไม่บอกไม่กล่าว
“อือฮึ! ทีนี้บัวจะไปกินน้ำได้ยัง”
“ก็ไปสิ” แล้วน้องก็หันหลังเดินไปที่เต็นท์สีของเรา ส่วนผมก็กลับไปดูการแข่งกรีฑาต่อ ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่และเป็นประธานสีผมต้องไปดูการแข่งขันของน้องๆ ทุกรายการ ถึงแม้ในใจตอนนี้อยากจะไปนั่งพักก็เถอะ ก็แดดเปรี้ยงๆ แบบนี้ใครมันจะอยากยืนตากแดดดูวะ
หลังจากจบกิจกรรมกีฬาสีในวันนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาสามเดือนแล้วชีวิตวัยมัธยมของผมกำลังจะจบลงและจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ในเวอร์ชันที่โตกว่าเดิม ตอนนี้ผมสอบติดมหาวิทยาลัยและคณะที่ผมใฝ่ฝันได้แล้วและอีกหนึ่งอย่างที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือผมกับฝนเราเป็นแฟนกันแล้ว วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันครบรอบสามเดือนของพวกเราซึ่งผมตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปเซอร์ไพรส์ที่โรงเรียนของฝนในตอนเย็น
“เห้ย!! ไอ้เหนือนั่นมึงจะไปไหน” ไม้ตะโกนเรียกชื่อผมขณะผมกำลังก้าวเท้าออกจากห้องเรียนคาบสุดท้ายของวัน
“กูจะไปหาฝนที่โรงเรียน มีอะไร”
“อ้าวหรอ กูก็คิดว่ามึงจะไปหากอบัวซะอีก เห็นน้องนั่งรออยู่หน้าห้อง”
“กอบัวมาหากูหรอ?” ผมถามไม้กลับ ก่อนจะรีบก้าวเท้าออกไปที่หน้าห้องเพื่อหาน้องตามที่ไม้บอก พอออกมาก็เห็นน้องนั่งอยู่หน้าห้องจริงๆ ไม่รอช้าผมก็รีบเดินถามน้องทันที
“บัว มาหาพี่มีอะไรหรอ”
“บัวไม่ได้มาหาพี่เหนือ บัวมารอพบคุณครูปิ่น” พอได้รับคำตอบผมก็หน้าเสียขึ้นมาทันที ไอ้เราก็อุตส่าห์คิดเข้าข้างตัวเอง ที่ไหนได้…
“อ่อ งั้นหรอ?” กอบัวพยักหน้ารับก่อนจะมองเข้าไปในห้องที่ผมเพิ่งเดินออกมาเมื่อกี้ ใช่แล้วครับคุณครูปิ่นคือครูที่สอนห้องผมอยู่ในตอนนี้
“แล้วนี่กลับบ้านยังไง”
“บัวเอารถมา” พอน้องตอบมาแบบนั้นผมก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันหลังเดินลงบันไดมาที่ชั้นล่างเพื่อใส่รองเท้าแล้วไปหาฝนที่โรงเรียน
ช่วงนี้ผมกับกอบัวไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนแต่ก่อน ตั้งแต่จบงานกีฬาสีเป็นต้นมาผมก็ไม่ได้ไปรับและไปส่งน้องที่บ้านเหมือนที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน ผมยังจำได้ดีวันนั้นขณะที่ผมกำลังนั่งยิ้มอย่างดีใจที่ฝนตอบรับคำขอเป็นแฟนจากผม กอบัวก็เดินมาบอกผมว่าเย็นนี้ไม่ต้องไปส่งน้องที่บ้านเพราะคุณครูให้อยู่ช่วยงานแล้วท่านจะไปส่งที่บ้านเอง ซึ่งผมก็พยักหน้าเข้าใจแล้วไม่ได้พูดอะไรกลับไปเพราะมัวแต่สนใจกับแชทของฝนอยู่ เงยหน้าจากโทรศัพท์มาอีกทีก็ไม่เห็นกอบัวแล้ว
หลังจากวันนั้นผมก็ติดโทรศัพท์มากขึ้น จากที่เคยปิดโทรศัพท์และจะไม่จับเวลาเข้าเรียนก็เปลี่ยนไปเป็นจับโทรศัพท์บ่อยจนคุณครูต้องเตือน จากที่เคยนั่งรอกอบัวในตอนเย็นทุกวันก็เปลี่ยนเป็นรอบ้างไม่รอบ้างแล้วแต่ว่าวันนั้นฝนจะให้ไปรับที่โรงเรียนหรือไม่ ซึ่งผมก็คิดว่านี่คงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กอบัวเอาขับรถมาที่โรงเรียนเองจนถึงทุกวันนี้ แต่ให้ทำยังไงได้ล่ะ ผมก็ต้องเลือกคนที่สำคัญกับผมที่สุดอยู่แล้ว
“พี่เหนือ!!” ขณะที่กำลังจะขับรถออกไป เสียงใสที่คุ้นหูก็ดังขึ้นทำให้ผมชะลอรถแล้วหันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นกอบัววิ่งกระหืดหอบมาที่ผม ไหนว่ามาหาครูปิ่นไงแล้วนี่วิ่งตามผมมาทำไมเนี่ย
“มีอะไร”
“บัวมีอะไรจะให้” กอบัวตอบผมพร้อมกับปลดกระเป๋าเป้จากไหล่มาข้างหนึ่ง จากนั้นก็รูดซิบกระเป๋าแล้วหยิบของบางอย่างออกมา
“อ่ะ ขอบคุณที่ช่วยพี่เหนือช่วยดูแลให้คำปรึกษาบัวในทุกเรื่อง แล้วยังพาบัวไปเที่ยวด้วยบ่อยๆ แล้วก็ยินดีด้วยที่ได้เรียนมหาลัยและคณะที่ใฝ่ฝันและมีความรักที่สดใส” ผมมองไปที่ช่อดอกไม้ขนาดเล็กตรงหน้าสลับกับมองใบหน้าของคนให้ก็รู้สึกงงๆ เล็กน้อย
“ของขวัญวันปัจฉิมไง” น้องขยายความเมื่อเห็นว่ามีสีหน้าแปลกๆ
“ยังไม่ถึงวันนั้นเลย เราจะรีบไปไหนล่ะเนี่ย”
“ก็วันนั้นบัวไม่ว่างนี่ ต้องไปทำธุระกับแม่ก็เลยถือโอกาสให้วันนี้เลย”
“ไปไหน?” ผมถามต่อด้วยความสงสัย ปากมันไปเองอ่ะจริงๆ ไม่ได้อยากถามอะไรเจาะลึกขนาดนั้นหรอก เพราะมันดูไม่มีมารยาททั้งๆ ที่น้องก็บอกแล้วว่าเป็นธุระ
“ไม่รู้เหมือนกัน แม่บอกมาแค่นี้”
“อ่อ” ผมพยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้คิดว่าน้องไม่อยากบอกหรอก แต่ดูแล้วน้องก็น่าจะไม่รู้จริงๆ นั่นแหละ
“สรุปพี่จะเอามั้ยเนี่ย บัวถือรอจนเมื่อยแล้วนะ” มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ พอน้องพูดมาแบบนั้นผมก็ได้สติรีบรับช่อดอกไม้และของขวัญอื่นๆ มาถือไว้ทันที
“ขอบใจนะ น้องพี่นี่มันน่ารักจริงๆ” อดไม่ได้ที่จะยกมือไปยีผมคนตรงหน้าถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผมมักจะบ่นกอบัวอยู่บ่อยๆ แต่จริงๆ แล้วน้องเป็นน้องสาวคนหนึ่งที่น่ารักกับผมมาก ก็ถือว่าเป็นความโชคดีที่เราได้รู้จักกัน
“งั้นบัวไปล่ะ ป่านนี้คุณครูรอนานแล้ว”
“โอเค พี่ก็ต้องไปหาฝนแล้วเหมือนกัน”
“บ๊ายบาย” กอบัวโบกมือลา ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ กลับไปที่อาคารเรียน ส่วนผมก็จัดการเก็บช่อดอกไม้ที่น้องให้เอาไว้ที่ตะกร้าหน้ารถจากนั้นก็ขับรถออกจากโรงเรียนเพื่อไปหาแฟนของผม
ความคิดเห็น