ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แม่กอบัวของพี่

    ลำดับตอนที่ #14 : 7 เจอกันครั้งสุดท้าย-1

    • อัปเดตล่าสุด 6 เม.ย. 66


    “สี่โมงแล้วไวจัง” ขณะที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในเต็นท์ จู่ๆ ฝนก็พูดขึ้นมาผมจึงหันไปมองพร้อมเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

    “ได้เวลาที่เราต้องกลับแล้วอ่ะ ไม่งั้นคงถึงบ้านค่ำแน่ๆ”

    “แล้วจะกลับยังไง” มาถามฝนเพราะเท่าที่จำได้ เพื่อนที่มาส่งก็ขับรถกลับไปตั้งแต่มาส่งใหม่ๆ แล้ว

    “ว่าจะโทรให้เพื่อนมารับแหละ”

    “ไม่ต้องบอกเพื่อนหรอก เดี๋ยวเราไปส่งเอง” ถ้าให้เพื่อนมารับฝนก็ต้องเสียเวลารอเพื่อนขับรถมาที่นี่อีก ไหนๆ ก็ไม่มีตารางแข่งแล้วผมเองก็ไม่รู้จะอยู่ทำอะไรเหมือนกัน จึงอาสาไปส่งฝนดีกว่าจะได้ถือโอกาสไปไหว้พ่อตาแม่ยายด้วย

    “น่ารักจัง” ฝนชมผมพร้อมกับยื่นมือมาหยิกแก้มผมเบาๆ ไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับผมมาก่อนโคตรเขินเลย

    “ไปเดี๋ยวนี้เลยมั้ย” แก้เขินด้วยการถามฝนต่อ ไม่อย่างงั้นผมคงได้นั่งหน้าแดงต่อหน้าเธอแน่ๆ ผู้หญิงอะไรวะเนี่ยทำผู้ชายอย่างผมเขินได้

    “เดี๋ยวนี้เลยก็ได้ ถ้าเหนือไม่มีธุระอะไร”

    “โอเค เดี๋ยวเราไปรถที่โรงรถก่อน ฝนนั่งรออยู่นี่นะ” บอกฝนเสร็จผมก็ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปยังโรงจอดรถของนักเรียน ซึ่งอยู่หลังอาคารคณิตศาสตร์เกือบจะหลังโรงเรียน แต่ระหว่างทางสายตาก็ไปปะทะยัยตัวแสบของผมที่นั่งดูบาสเกตบอลอยู่ข้างสนาม ผมจึงเปลี่ยนเส้นทางเลี้ยวซ้ายไปหากอบัวก่อน วันนี้เพิ่งจะได้เจอกันก็ตอนนี้แหละไม่รู้ทั้งวันไปอยู่ที่ไหนมา

    “นี่! มานั่งทำอะไรตรงนี้” ผมเดินไปสะกิดไหล่น้องพร้อมกับถามคำถามที่ผมฟันธงได้เลยว่าน้องมันต้องตอบแบบกวนตีนกลับมาแน่ๆ ซึ่งผมก็ตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น

    “นั่งข้างสนามบาส ซื้อก๋วยเตี๋ยวกินมั้ง” นั่นไง!ผิดจากที่ผมเดาไว้ซะเมื่อไหร่เล่า

    “กวนตีน!”

    “พี่เหนือนั่นแหละ ถามอะไรกวนตีนๆ ตลอด”

    “วันนี้ไปไหนมา พี่ไม่เห็นเราทั้งวันเลย”

    “ก็อยู่ในโรงเรียนนี่แหละ ทำไมคิดถึงบัวหรอ” น้องช้อนสายตาขึ้นมามองด้วยสีหน้าล้อเลียนก่อนจะหุบยิ้มเมื่อผมตอบกลับไป

    “ป่าว”

    “ไปไหนก็ไป เบื่อขี้หน้า” แหม! ตอบไม่ถูกใจหน่อยก็โกรธกันแล้วไอ้เด็กคนนี้

    “เออ ไปอยู่แล้วแค่จะมาบอกว่าวันนี้พี่น่าจะกลับค่ำ รอหน่อยล่ะกัน” ที่เดินมาหาน้องก็จะมาบอกเรื่องนี้ด้วยแหละ เพราะกว่าจะไปส่งฝนถึงบ้านแล้วขับรถกลับมาที่โรงเรียนอีกคาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ผมเลยต้องมาบอกน้องเอาไว้ก่อนเดี๋ยวนั่งรอผมนานแล้วมาโวยวายใส่ผมอีก

    “ไปไหนก็ไป บัวกลับเองได้” น้ำเสียงที่พูดออกมาทำไมฟังแล้วมันห้วนๆ ว่ะ ผมไม่ได้หูฝาดใช่มั้ยไปทำอะไรให้โกรธอีกวะเนี่ย

    “รอพี่ เดี๋ยวจะรีบกลับมาเข้าใจมั้ย”

    “เข้าใจ แต่ไม่ทำตาม”

    “กอบัว!!!”

    “เหนือ!” ขณะที่ผมกำลังจะคุยกับน้องต่อ เสียงเรียกชื่อผมก็ขัดขึ้นซะก่อน หันไปมองก็พบว่าเป็นฝนที่เดินถือของมาหาผม

    “มัวทำอะไรอยู่หรอ ฝนคิดว่าเหนือจะไปเอารถมาแล้วซะอีกก็เลยเดินมารอ”

    “อ่อ เรากำลังจะไปล่ะขอคุยธุระกับน้องแปบนึง” ผมหันไปบอกฝน จากนั้นก็หันมากำชับกับกอบัวเรื่องกลับบ้าน ก่อนจะพาฝนเดินไปที่โรงจอดรถพร้อมกันเลย ไหนๆ ก็เดินมานี่ล่ะผมจะได้ขับพาออกทางหลังโรงเรียน

    “เมื่อกี้น้องสาวเหนือหรอ” ระหว่างที่เดินมาโรงจอดรถฝนก็หันมาถามผม

    “ครับ” ผมตอบฝนแค่นั้นไม่ได้ลงรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนจะเดินไปเปิดประตูโรงจอดรถเพื่อเอารถออกมาแล้วพาฝนกลับบ้าน วันนี้ผมค่อนข้างขับรถเร็วกว่าปกติเพราะต้องรีบไปส่งฝนให้ถึงบ้านแล้วรีบกลับมารับกอบัวที่โรงเรียน

    จากที่คิดไว้ว่าจะอยู่ไหว้พ่อตาแม่ยายก็พับเก็บลงทันทีที่ฝนหันหลังเดินเข้าบ้านผมก็รีบบึ่งรถกลับมาที่โรงเรียนทันที ตอนนี้บรรยากาศก็เริ่มโพล้เพล้แล้ว ไม่รู้ว่าไอ้เด็กแสบจะยังรอผมอยู่เปล่า ถ้ารอก็คงจะนั่งหงอยอยู่คนเดียวแน่ๆ ไม่ได้การล่ะผมต้องรีบขับให้เร็วกว่านี้

    แต่ก็เหมือนว่าผมคงขับเร็วไม่พอ เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาบริเวณสนามกีฬากลับมีเพียงความว่างเปล่าไร้สิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่ากอบัว ทุกอย่างดูเงียบสงัดไม่มีใครอยู่ภายในโรงเรียนสักคนแม้กระทั่งคุณครู สุดท้ายผมก็ต้องขับรถกลับบ้านคนเดียวโดยไร้คนซ้อนท้ายอย่างกอบัว ไว้พรุ่งนี้ค่อยตื่นไปหาที่บ้านก็ได้

    7.30 น.

    ผมขับรถมาจอดรอกอบัวที่หน้าบ้านของน้อง หลังจากดับรถแล้วผมก็ถอดหมวกกันน็อคแขวนไว้ที่รถแล้วเดินเข้าไปเรียกน้องในบ้านอย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน แต่ก่อนที่จะตะโกนเรียกน้องหางตาก็เหลือบไปเห็นแม่ของน้องซะก่อน จึงต้องหันไปสวัสดีท่านแทน

    “น้าแก้วสวัสดีครับ”

    “สวัสดีจ้ะ เจ้าบัวยังไม่เสร็จอีกหรอ” แม่ของกอบัวถามผม ซึ่งผมก็ได้แต่ส่ายหน้าให้เพราะไม่รู้ว่ากอบัวจะแต่งตัวเสร็จหรือยัง ยังไม่ทันได้ตะโกนถามแม่ของน้องก็เดินมาซะก่อน

    “เดี๋ยวน้าไปเรียกให้”

    “ขอบคุณครับ” หลังจากน้าแก้วเดินหายเข้าไปในบ้านแล้วผมก็เดินมาทิ้งตัวนั่งรอที่แคร่หน้าบ้านแทนการเข้าไปนั่งข้างใน เพราะไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องเข้าไปในเมื่อน้าแก้วเข้าไปเรียกกอบัวให้ผมแล้ว อีกอย่างผมก็ขี้เกียจถอดรองเท้าด้วยแหละ

    “บัว!! เสร็จยังลูก พี่เหนือเขามารอแล้ว!!” เสียงน้าแก้วตะโกนถามลูกสาว สักพักกอบัวก็ตอบกลับมาซึ่งผมได้ยินชัดเต็มสองหูเลย

    “ให้พี่เหนือไปก่อนเลย บัวยังไม่เสร็จอีกนานเลย” เสียงเล็กตะโกนกลับมา ก่อนจะเห็นน้าแก้วเดินมาบอกผม

    “บัวบอกให้เหนือไปโรงเรียนก่อนได้เลย ยังแต่งตัวไม่เสร็จหน่ะ”

    “ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้”

    “จะเอาแบบนั้นหรอลูก เดี๋ยวก็ไปไม่ทันเข้าแถวนะ”

    “ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้จริงๆ น้าแก้วไม่ต้องรอส่งกอบัวหรอกครับ” เพราะผมรู้ว่าน้าแก้วจะต้องไปทำงานก่อนแปดโมง ถ้าจะอยู่รอส่งลูกสาวไปโรงเรียนก่อนก็คงจะไปทำงานไม่ทันแน่ๆ

    “เอางั้นก็ได้จ้ะ” แล้วผมก็นั่งรอกอบัวที่แคร่ไม้หน้าบ้านอีกประมาณสิบนาทีก็เห็นน้องเดินสะพายกระเป๋าออกมา ที่มือข้างหนึ่งถือถุงเท้ามานั่งใส่อยู่ข้างๆ ผม พอเห็นน้องกำลังใส่รองเท้าผมก็เดินไปรอที่รถมอเตอร์ไซต์หน้าบ้าน จากนั้นก็ขับรถตรงไปที่โรงเรียน

    วันนี้เป็นการแข่งขันกีฬาสีวันสุดท้าย ทันทีที่ขับรถเข้าไปจอดในโรงรถ กอบัวก็รีบวิ่งออกไปทันทีเมื่อได้ยินเสียงประชาสัมพันธ์ถึงนักกรีฑาว่าให้ไปรายงานตัวที่กองอำนวยการในเวลานี้ น้องวิ่งไปโดยไม่บอกผมแม้แต่คำเดียว นี่ถ้าผมไม่ได้ยินเสียงเท้าที่วิ่งออกไปผมก็คงจะยืนคุยอยู่คนเดียวไปอีกนาน

    9.00 น. เป็นเวลาที่เริ่มการแข่งขันกรีฑา ตอนนี้นักเรียนส่วนใหญ่ก็มายืนออกันอยู่บริเวณขอบสนามฟุตบอลซึ่งเป็นลู่วิ่งในครั้งนี้ด้วย ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นกัน แต่ผมเลือกที่จะไปยืนฝั่งที่เป็นเส้นชัยแทนที่จะยืนดูจากเต็นท์สีของตัวเอง

    รายการแรกเป็นการแข่งขันวิ่ง100 เมตรของนักเรียนหญิงระดับชั้นม.ต้น ผมมองไปยังจุดสตาร์ทของการวิ่งก็เห็นไอ้เด็กแสบเสื้อสีส้มยืนอยู่ลู่วิ่งที่2 สองคิ้วก็ขมวดเข้าหากันไม่ได้อยากจะบูบี้นะแต่ขาสั้นแบบนั้นเนี่ยนะจะแข่งวิ่ง รายการนี้สีส้มต้องได้ที่โหล่แน่ๆ

    ปี๊ด!!! เสียงนกหวีดดังขึ้นเป็นสัญญาณให้นักกีฬาออกตัว ผมจ้องมองไปที่นักกีฬาสีส้มอย่างไม่วางตา ตอนนี้กอบัววิ่งมาเป็นลำดับที่3รองจากสีฟ้าและสีแดง แต่สักพักน้องก็วิ่งนำสีฟ้าขึ้นไปเป็นอันดับที่2และก่อนที่จะถึงเส้นชัยน้องก็วิ่งนำสีแดงขึ้นมาเป็นอันดับ1แล้วคว้าชัยชนะนี้ไปได้

    สองเท้ารีบก้าวไปหานักกีฬาตัวแสบเพื่อแสดงความยินดี พอเดินมาถึงกอบัวที่นั่งพักใต้ร่มไม้ผมก็ยกนิ้วโป้งให้น้องไปทั้งสองมือเลย ไอ้เด็กแสบของผมโคตรเก่ง

    “อยากได้อะไรเป็นรางวัล” ผมทรุดตัวนั่งข้างๆ น้องพร้อมกับยกมือยีผมคนข้างๆ

    “อื้อ..พี่เหนือ ทำอะไรของพี่เนี่ย ผมบัวยุ่งหมด” น้องเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางก่อนจะเขยิบออกไปนั่งห่างๆ ผม

    “ยุ่งตรงไหน พี่ไม่ได้ทำแรงสักหน่อย” บอกน้องพร้อมกับเขยิบไปนั่งใกล้ๆ นั่งห่างกันแล้วรู้สึกแปลกๆ

    พรึ่บ! พอผมขยับไปนั่งใกล้ จู่ๆ กอบัวก็ลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นที่ติดกางเกงสองสามทีก่อนจะเดินหนีผมกลับไปที่เต็นท์สีของตัวเอง ผมได้แต่นั่งเกาหัวแกรกๆ มองไอ้ตัวแสบเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เป็นอะไรอีกว่ะเนี่ย

    “บัว! เป็นอะไร” ผมรีบวิ่งมาคว้าข้อมือของกอบัวเอาไว้ขณะที่น้องกำลังเดินไปยังเต็นท์สีส้ม แต่วินาทีต่อมาก็ถูกสะบัดออกมือออกจากคนตัวเล็กตรงหน้า

    “เป็นอะไรเนี่ย?”

    “เปล่า…” ทำไมกล้าพูดว่าไม่เป็นอะไรวะ การกระทำก็บอกชัดอยู่แล้วว่าอาการน้องตอนนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ

    “แล้วทำไมต้องเดินหนีพี่”

    “ไม่ได้เดินหนี บัวจะมากินน้ำเฉยๆ”

    “แน่ใจ?” จะให้ผมเชื่อเลยมันก็ยังไงอยู่ ปกติเวลาจะไปไหนกอบัวมักจะบอกผมตลอด แต่เมื่อกี้นี้มันไม่ใช่ไงจู่ๆ ก็ลุกออกมาโดยไม่บอกไม่กล่าว

    “อือฮึ! ทีนี้บัวจะไปกินน้ำได้ยัง”

    “ก็ไปสิ” แล้วน้องก็หันหลังเดินไปที่เต็นท์สีของเรา ส่วนผมก็กลับไปดูการแข่งกรีฑาต่อ ในฐานะที่เป็นรุ่นพี่และเป็นประธานสีผมต้องไปดูการแข่งขันของน้องๆ ทุกรายการ ถึงแม้ในใจตอนนี้อยากจะไปนั่งพักก็เถอะ ก็แดดเปรี้ยงๆ แบบนี้ใครมันจะอยากยืนตากแดดดูวะ

     

    หลังจากจบกิจกรรมกีฬาสีในวันนั้น ตอนนี้ก็ผ่านมาสามเดือนแล้วชีวิตวัยมัธยมของผมกำลังจะจบลงและจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ในเวอร์ชันที่โตกว่าเดิม ตอนนี้ผมสอบติดมหาวิทยาลัยและคณะที่ผมใฝ่ฝันได้แล้วและอีกหนึ่งอย่างที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็คือผมกับฝนเราเป็นแฟนกันแล้ว วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันครบรอบสามเดือนของพวกเราซึ่งผมตั้งใจเอาไว้ว่าจะไปเซอร์ไพรส์ที่โรงเรียนของฝนในตอนเย็น

    “เห้ย!! ไอ้เหนือนั่นมึงจะไปไหน” ไม้ตะโกนเรียกชื่อผมขณะผมกำลังก้าวเท้าออกจากห้องเรียนคาบสุดท้ายของวัน

    “กูจะไปหาฝนที่โรงเรียน มีอะไร”

    “อ้าวหรอ กูก็คิดว่ามึงจะไปหากอบัวซะอีก เห็นน้องนั่งรออยู่หน้าห้อง”

    “กอบัวมาหากูหรอ?” ผมถามไม้กลับ ก่อนจะรีบก้าวเท้าออกไปที่หน้าห้องเพื่อหาน้องตามที่ไม้บอก พอออกมาก็เห็นน้องนั่งอยู่หน้าห้องจริงๆ ไม่รอช้าผมก็รีบเดินถามน้องทันที

    “บัว มาหาพี่มีอะไรหรอ”

    “บัวไม่ได้มาหาพี่เหนือ บัวมารอพบคุณครูปิ่น” พอได้รับคำตอบผมก็หน้าเสียขึ้นมาทันที ไอ้เราก็อุตส่าห์คิดเข้าข้างตัวเอง ที่ไหนได้…

    “อ่อ งั้นหรอ?” กอบัวพยักหน้ารับก่อนจะมองเข้าไปในห้องที่ผมเพิ่งเดินออกมาเมื่อกี้ ใช่แล้วครับคุณครูปิ่นคือครูที่สอนห้องผมอยู่ในตอนนี้

    “แล้วนี่กลับบ้านยังไง”

    “บัวเอารถมา” พอน้องตอบมาแบบนั้นผมก็พยักหน้าเข้าใจก่อนจะหันหลังเดินลงบันไดมาที่ชั้นล่างเพื่อใส่รองเท้าแล้วไปหาฝนที่โรงเรียน

    ช่วงนี้ผมกับกอบัวไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนแต่ก่อน ตั้งแต่จบงานกีฬาสีเป็นต้นมาผมก็ไม่ได้ไปรับและไปส่งน้องที่บ้านเหมือนที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน ผมยังจำได้ดีวันนั้นขณะที่ผมกำลังนั่งยิ้มอย่างดีใจที่ฝนตอบรับคำขอเป็นแฟนจากผม กอบัวก็เดินมาบอกผมว่าเย็นนี้ไม่ต้องไปส่งน้องที่บ้านเพราะคุณครูให้อยู่ช่วยงานแล้วท่านจะไปส่งที่บ้านเอง ซึ่งผมก็พยักหน้าเข้าใจแล้วไม่ได้พูดอะไรกลับไปเพราะมัวแต่สนใจกับแชทของฝนอยู่ เงยหน้าจากโทรศัพท์มาอีกทีก็ไม่เห็นกอบัวแล้ว

    หลังจากวันนั้นผมก็ติดโทรศัพท์มากขึ้น จากที่เคยปิดโทรศัพท์และจะไม่จับเวลาเข้าเรียนก็เปลี่ยนไปเป็นจับโทรศัพท์บ่อยจนคุณครูต้องเตือน จากที่เคยนั่งรอกอบัวในตอนเย็นทุกวันก็เปลี่ยนเป็นรอบ้างไม่รอบ้างแล้วแต่ว่าวันนั้นฝนจะให้ไปรับที่โรงเรียนหรือไม่ ซึ่งผมก็คิดว่านี่คงจะเป็นสาเหตุที่ทำให้กอบัวเอาขับรถมาที่โรงเรียนเองจนถึงทุกวันนี้ แต่ให้ทำยังไงได้ล่ะ ผมก็ต้องเลือกคนที่สำคัญกับผมที่สุดอยู่แล้ว

    “พี่เหนือ!!” ขณะที่กำลังจะขับรถออกไป เสียงใสที่คุ้นหูก็ดังขึ้นทำให้ผมชะลอรถแล้วหันไปมองทางต้นเสียงก็เห็นกอบัววิ่งกระหืดหอบมาที่ผม ไหนว่ามาหาครูปิ่นไงแล้วนี่วิ่งตามผมมาทำไมเนี่ย

    “มีอะไร”

    “บัวมีอะไรจะให้” กอบัวตอบผมพร้อมกับปลดกระเป๋าเป้จากไหล่มาข้างหนึ่ง จากนั้นก็รูดซิบกระเป๋าแล้วหยิบของบางอย่างออกมา

    “อ่ะ ขอบคุณที่ช่วยพี่เหนือช่วยดูแลให้คำปรึกษาบัวในทุกเรื่อง แล้วยังพาบัวไปเที่ยวด้วยบ่อยๆ แล้วก็ยินดีด้วยที่ได้เรียนมหาลัยและคณะที่ใฝ่ฝันและมีความรักที่สดใส” ผมมองไปที่ช่อดอกไม้ขนาดเล็กตรงหน้าสลับกับมองใบหน้าของคนให้ก็รู้สึกงงๆ เล็กน้อย

    “ของขวัญวันปัจฉิมไง” น้องขยายความเมื่อเห็นว่ามีสีหน้าแปลกๆ

    “ยังไม่ถึงวันนั้นเลย เราจะรีบไปไหนล่ะเนี่ย”

    “ก็วันนั้นบัวไม่ว่างนี่ ต้องไปทำธุระกับแม่ก็เลยถือโอกาสให้วันนี้เลย”

    “ไปไหน?” ผมถามต่อด้วยความสงสัย ปากมันไปเองอ่ะจริงๆ ไม่ได้อยากถามอะไรเจาะลึกขนาดนั้นหรอก เพราะมันดูไม่มีมารยาททั้งๆ ที่น้องก็บอกแล้วว่าเป็นธุระ

    “ไม่รู้เหมือนกัน แม่บอกมาแค่นี้”

    “อ่อ” ผมพยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้คิดว่าน้องไม่อยากบอกหรอก แต่ดูแล้วน้องก็น่าจะไม่รู้จริงๆ นั่นแหละ

    “สรุปพี่จะเอามั้ยเนี่ย บัวถือรอจนเมื่อยแล้วนะ” มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ พอน้องพูดมาแบบนั้นผมก็ได้สติรีบรับช่อดอกไม้และของขวัญอื่นๆ มาถือไว้ทันที

    “ขอบใจนะ น้องพี่นี่มันน่ารักจริงๆ” อดไม่ได้ที่จะยกมือไปยีผมคนตรงหน้าถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผมมักจะบ่นกอบัวอยู่บ่อยๆ แต่จริงๆ แล้วน้องเป็นน้องสาวคนหนึ่งที่น่ารักกับผมมาก ก็ถือว่าเป็นความโชคดีที่เราได้รู้จักกัน

    “งั้นบัวไปล่ะ ป่านนี้คุณครูรอนานแล้ว”

    “โอเค พี่ก็ต้องไปหาฝนแล้วเหมือนกัน”

    “บ๊ายบาย” กอบัวโบกมือลา ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กๆ กลับไปที่อาคารเรียน ส่วนผมก็จัดการเก็บช่อดอกไม้ที่น้องให้เอาไว้ที่ตะกร้าหน้ารถจากนั้นก็ขับรถออกจากโรงเรียนเพื่อไปหาแฟนของผม

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×