คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 5 ทำอะไรให้น้องงอน-2
10.00 น. ได้เวลาเปลี่ยนคาบเรียนไปเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ผมกับไม้เป็นฝ่ายเดินออกจากห้องหลังเพื่อน เราสองคนไม่ได้ตรงไปที่ห้องเรียนในทันทีแต่ปลายทางที่จะไปนั้นเป็นห้องน้ำชายต่างหาก ปวดฉี่ด้วยแล้วก็จะไปสูบบุหรี่ด้วย
“มึงได้ซื้อมาเผื่อกูมั้ยเนี่ย” ไม้หันมาถามเมื่อพวกเราเดินมาถึงบริเวณหน้าห้องน้ำ ผมจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบบุหรี่ออกมาสองมวนแล้วยื่นให้ไม้มวนหนึ่ง จากนั้นพวกเราก็ยืนดูดบุหรี่อยู่หน้าห้องน้ำจนควันโขมง
“โห นี่สูบบุหรี่หรือเผาโรงเรียนเนี่ย” ระหว่างที่ยืนดูดบุหรี่อยู่นั้นผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้นจากบริเวณหลังห้องน้ำซึ่งเป็นสวนเกษตรของโรงเรียน คาดว่าน่าจะเป็นนักเรียนที่มาเรียนวิชาเกษตรแต่ที่แน่ๆ เสียงที่ผมได้ยินเมื่อกี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องรักของผม
“เห้อ! ร้อนก็ร้อน พอมาได้กลิ่นบุหรี่แล้วยิ่งหนักเข้าไปอีก คอยดูนะฉันจะไปฟ้องครูปกครอง!!” ผมยังยืนดูดบุหรี่แล้วฟังเสียงบ่นของกอบัวอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งบุหรี่หมดมวน ก่อนจะเดินอ้อมไปด้านหลังห้องน้ำเพื่อหาเจ้าของเสียงไม่รู้ว่าไปมุดอยู่ส่วนไหนของสวน เพราะหญ้าที่ขึ้นสูงทำให้ผมมองหาน้องได้ยากลำบาก
“พี่เหนือหาใครคะ” เสียงรุ่นน้องคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อหันมาเห็นผมยืนชะเง้อเหมือนหาอะไรสักอย่าง
“พี่เหมือนได้ยินเสียงกอบัว แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน”
“ทางนู้นค่ะ” รุ่นน้องชี้บอกตำแหน่งที่กอบัวอยู่ ผมมองตามนิ้วที่ชี้ไปก่อนจะเห็นไอ้เด็กผมสั้นกำลังก้มๆ เงยๆ ทำอะไรสักอย่างอยู่ตรงนั้น เข้าไปป่วนสักหน่อยดีหว่าาาาา
“ขุดแบบนี้วันนี้จะได้แปลงปลูกผักมั้ย”
“ยุ่งอะไรด้วย ไม่ได้ไปปลูกให้พี่กินสักหน่อย” อ้าว? ไอ้เด็กคนนี้ น้องด่าผมว่าเสือกใช่มั้ยทุกคน
“มานี่จะทำให้ดู เห็นแล้วมันขัดตา” ผมเดินไปแย่งจอบจากมือน้องมาถือเองก่อนจะจัดการขุดดินตรงหน้าตามแนวที่กอบัววาดเอาไว้ ด้วยความที่เป็นผู้ชายและทำงานจับจอบจับเสียมมาหลายต่อหลายครั้งผมจึงใช้เวลาทำตรงนี้ไม่นานก็ได้แปลงขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าออกมาอย่างสวยงาม
“อ่ะ ทีนี้ก็สับดินต่อ” ผมยื่นจอบไปให้น้องตามเดิมก่อนจะยืนรอดูผลงานของน้อง
“ไปไกลๆ หน่อยสิ มายืนขวางทำไมก็ไม่รู้” เอาอีกแล้ว ด่าผมอีกแล้ว อุตส่าห์มาช่วยขุดดินคำขอบคุณสักคำยังไม่มี แถมยังหลอกด่าผมอีก
“นี่! พี่อุตส่าห์ช่วยเราขุดนะ คำขอบคุณยังไม่มีให้ไม่พอยังมาด่าพี่อีก”
“แล้วได้ขอให้ช่วยมั้ย ก็ไม่ เสนอตัวมาช่วยเองเหอะ” ผมว่าผมควรจะชินกับคำพูดของน้องได้แล้วแหละ ครั้งแรกเป็นยังไงมันก็คงจะเป็นอย่างนั้นต่อ เป็นเด็กดีพูดจาๆ เพราะได้ไม่กี่เดือนเอง เห้อผมไม่น่ารู้จักกอบัวเลยจริงๆ เอาใจยากชะมัด
“พูดมากอยู่นั่นแหละ สับดินได้แล้วจะได้เอาน้ำมารด” ผมเลือกที่จะเมินเฉยกับประโยคก่อนหน้าของน้องแล้วสั่งให้น้องสับดินแทน
“ไม่ต้องมาสั่ง ไม่ใช่ครู”
“ไม่ได้สั่งแค่บอกดีๆ เร็วๆ สิเพื่อนเขาจะเสร็จก่อนแล้วนั่น” ผมเร่งน้อง จริงๆ แล้วคนที่จะเสร็จก่อนใครเพื่อนก็คือกอบัวนี่แหละ เพราะคนอื่นกำลังขุดดินกันอยู่เลยแต่น้องได้สับดินแล้ว มีพระเอกมาช่วยก็งี้อ่ะดูสิผมมีน้ำใจขนาดไหน
“พูดมาก จะไปไหนก็ไป” โดนไล่เฉย…ผมทำอะไรผิดอีกวะเนี่ย ทำไมวันนี้น้องดูไม่ชอบขี้หน้าพูดจาแปลกๆ กับผมอ่ะ
“ไล่หรอ?”
“อืม อยู่ไปก็ขวางหูขวางตา” ดูคำพูดคำจาของกอบัวสิ วันนี้ชักจะเอาใหญ่เกินไปล่ะไม่เกรงใจความเป็นพี่ของผมเลย มันน่านัก!
“กอบัว! วันนี้เป็นอะไรเนี่ยทำไมพูดกับพี่แบบนี้” ผมอดไม่ได้ที่จะถามน้อง ตอนแรกที่บอกว่าควรจะชินแต่พอหลังๆ มาผมรู้สึกว่ามันแปลกๆ ล่ะ มันดูผิดปกติอ่ะทุกคนน้องดูตึงๆ ใส่ผม หน้านี่ก็หยิกงอเหมือนใครไปทำให้โมโหมาอย่างงั้นแหละ
“เอ้า? พี่ถามนี่ไม่ได้ยินหรอ”
“ไม่ได้เป็นอะไร พี่หลบดิ๊บัวจะไปตักน้ำ”
“พี่ไม่เชื่ออ่ะ บอกมาดิโกรธอะไรพี่” ในฐานะที่ผมรู้จักกับน้องมาห้าเดือนขอฟันธงได้เลยว่าตอนนี้กอบัวต้องโกรธอะไรผมสักอย่างแน่ๆ แต่ผมไม่รู้นี่สิว่าไปทำอะไรให้น้องโกรธ เมื่อวานก็ยังคุยกันดีๆ อยู่เลย
“ถ้าไม่เต็มใจจะทำ ทีหลังก็บอกกันดีๆ” น้องหันมาพูดกับผมก่อนจะเดินถือบัวรดน้ำออกไป เดินตามไปสิครับรออะไร วันนี้ต้องรู้ให้ได้ผมไปทำอะไรให้น้องโกรธ
“ทำอะไรอ่ะ” ผมถามน้องขณะที่เจ้าตัวกำลังก้มเขย่งปลายเท้าขึ้นไปตักน้ำบนแท่งปูนซีเมนต์ที่สูงขนาดเท่าอกของน้อง อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยตักให้แล้วยกมันมาวางไว้พื้นอย่างง่ายดาย
“ว่าแล้ว…ใช่สิ้บัวไม่ได้สำคัญกับพี่อ่ะเนอะ”
“อย่าเพิ่งงอน บอกพี่มาก่อนพี่จะได้รู้”
“ช่างมันเถอะ พี่ไม้มาพาเพื่อนพี่ไปเรียนได้แล้ว” จู่ๆ น้องมันก็ตะโกนเรียกไม้ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าห้องน้ำให้มาลากตัวผมไป
“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งสิเรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ”
“พี่ไม้!!” น้องไม่ฟังผมเลย เอาแต่ตะโกนเรียกไม้จนนักเรียนคนอื่นๆ เริ่มหันมามองล่ะ จะไม่ได้มองได้ยังไงเสียงดังลั่นสวนเกษตรขนาดนี้ ผมว่าอีกไม่นานครูคงจะเดินมาดูแน่ๆ ถ้าน้องมันยังตะโกนอยู่แบบนี้
“เออ! ไปก็ได้ว่ะ งั้นไว้คุยกันตอนเย็นนะ” พูดจบผมก็เดินไปหาไม้ที่กำลังจะเดินมาทางนี้พอดี พอมันเห็นผมกำลังเดินไปมันก็หยุดยืนรอผมอยู่ที่เดิม
“มึงไปแกล้งอะไรกอบัวอีก” ทันทีที่ผมมาถึงไม้ก็ถามขึ้น ไอนี่ก็มองผมในแง่ลบตลอดเลย ไม่คิดว่าผมจะถูกน้องแกล้งบ้างหรอวะ
“กูไม่ได้แกล้งอะไรเลย ไปช่วยน้องมันขุดดินด้วยซ้ำ”
“แล้วทำไมน้องมันเรียกกูให้ไปลากตัวมึงล่ะ” ไม้ถามต่อขณะที่พวกเรากำลังเดินไปเรียนวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งผ่านไปประมาณ20นาทีได้ล่ะ
“กูไปทำอะไรให้โกรธก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็พูดจาตึงๆ ใส่”
“กูเหนื่อยกับพวกมึงสองคนจริงๆ เลย แฟนก็ไม่ใช่งอนง้อกันอยู่นั่นแหละ”
“ไปไหนมา!! ทำไมเข้าห้องเอาป่านนี้” ขณะกำลังถอดรองเท้าอยู่ชั้นวางรองเท้า เสียงอันทรงพลังก็ดังขึ้นจากชั้นบนของอาคาร ผมเงยหน้าไปมองสบตากับใบหน้าดุๆ ของครูประจำวิชาที่ยืนกอดอกพิงวงกบประตูอยู่ ซวยแล้วไง!
“ปะ..ไปเข้าห้องน้ำมาครับ” ผมตอบคุณครูเสียงตะกุกตะกัก
“เธอใช้เวลาเข้าห้องน้ำ20นาทีเลยหรอภาสกร”
“ครับครู ผมปวดหนักครับ” เมื่อได้รับคำตอบจากผมคุณครูก็หันไปฟังคำตอบจากไม้บ้าง กลายเป็นว่าตอนนี้เราสองคนกำลังยืนอยู่นอกห้องโดยที่มีคุณครูยืนสอบสวนอยู่หน้าประตู
“ธีรัชชัยล่ะ”
“ผมก็ยืนรอภาสกรไงครับครู เพื่อนกันไม่ทิ้งกันครับ” ผมหันไปยกนิ้วโป้งให้ไม้อย่างแอบๆ หัวไวมากเลยเพื่อน
“เคๆ งั้นก็เข้าไปทำแบบฝึกหัดในห้องได้ล่ะ” สุดท้ายพวกเราสองคนก็ไม่โดนคุณครูลงโทษ ผมรีบเดินมาที่โต๊ะของตัวเองก่อนจะเริ่มจดแบบฝึกหัดที่อยู่บนกระดาน โจทย์แค่นี้ทำอะไรผมไม่ได้หรอกแปบเดียวก็เสร็จแล้ว
“ไอ้เหนือ เอามาลอกหน่อยดิ” ขณะที่ผมกำลังขีดเส้นใต้บรรทัดสุดท้ายของแบบฝึก ไม้ก็ยื่นมือมาดึงสมุดผมไปจนทำให้เส้นที่ขีดนั้นบิดเบี้ยวไปตามแรงดึง
“ไอ้ไม้!!! เส้นกูเบี้ยวเลยเนี่ย!!”
“กูขอโทษ ไม่ได้มองว่ะ” ไม้หันมาขอโทษด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด ผมเห็นดังนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรมันต่อทำเพียงเอาสมุดมาลบเส้นนั้นออกก่อนจะขีดใหม่แล้วยื่นให้มัน
“ขอบใจ ลอกเสร็จเดี๋ยวกูไปส่งให้” พอทำงานที่คุณครูสั่งเสร็จแล้วผมก็ว่างขึ้นมาทันที ไม่รู้จะทำอะไรดีเหลือเวลาอีกตั้ง10นาทีกว่าจะหมดคาบ จะเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าเกมก็คงไม่ทัน สุดท้ายก็ได้แต่นั่งเป็นหมาหงอยเลื่อนจอโทรศัพท์ไปมาด้วยความเบื่อหน่าย
“กูส่งให้มึงแล้วนะ” ไม้เดินมาบอกผมหลังจากที่เอาสมุดไปส่งคุณครูแล้ว ผมพยักหน้าตอบรับก่อนจะก้มเล่นโทรศัพท์ต่อ
“วันเสาร์ไปเตะบอลกันปะ” จู่ๆ ไม้ก็หันมาชวน ผมจึงขมวดคิ้วด้วยความสงสัยร้อยวันพันปีไม่เคยชวนผมเตะบอลวันนี้กลับมาชวนซะงั้น
“เตะที่ไหน”
“ในเมืองสนามหญ้าเทียม” ผมชั่งใจอยู่สักพักว่าจะตอบตกลงเพื่อนไปดีไหม ใจหนึ่งก็ขี้เกียจด้วยเพราะเตะฟุตบอลมันต้องวิ่งผมไม่อยากวิ่งอ่ะ
“ไปเหอะ กูรับปากพวกนั้นไปแล้วว่าจะพามึงไปเตะด้วย”
“แล้วมึงก็ไม่ถามกูก่อนไอ้สัส!!” ผมหันไปด่าไม้ทันทีที่มันพูดจบ ถ้าตอบตกลงไปแล้วจะมาถามผมไปเพื่ออะไรวะ
“สรุปไปนะ เจอกันที่สนามเลยประมาณบ่ายสาม”
“เออ” พูดจบผมก็ลุกเดินออกจากห้องทันทีเมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโรงเรียนว่าได้เวลาเลิกเรียนแล้ว ใส่รองเท้าที่หน้าบันไดเสร็จก็เดินดึงเสื้อนักเรียนออกนอกกางเกงตรงไปที่โรงจอดรถเพื่อขับไปจอดรอกอบัวที่ข้างสนามตะกร้ออย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงได้ที่ผมนั่งรอน้องอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน จนตอนนี้นักเรียนในโรงเรียนก็เริ่มเบาบางจนแทบจะไม่มีใครแล้วแต่ผมก็ยังไม่เห็นไอ้เด็กมอต้นเดินมาทางนี้สักที
“ไปไหนอีกวะ” ผมสบถออกมาพร้อมกับลงจากรถแล้วเดินหาน้องตามอาคารเรียนใกล้ๆ แต่ก็ไม่พบ จนสุดท้ายก็ต้องเดินกลับมานั่งรอที่รถดังเดิมเผื่อว่าน้องมาแล้วไม่เห็นผม ต่างคนต่างหากันก็คงไม่ได้กลับบ้านกันพอดี
“น้อง! พี่ถามอะไรหน่อยสิ” ขณะที่นั่งรอกอบัวอยู่นั้นผมก็หันไปเห็นเด็กมอต้นคนหนึ่งที่ผมพอจะจำได้ว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มของกอบัว จึงเรียกน้องเอาไว้เพื่อถามไถ่หาไอ้เด็กแสบ
“กอบัวอยู่ไหนหรอ”
“อยู่สวนเกษตรค่ะ” ผมพยักหน้าให้น้องก่อนจะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ของตัวเองแล้วขับกลับไปบริเวณหลังโรงเรียนเพื่อไปหากอบัวที่ไม่รู้ว่าอยู่ทำอะไรที่นั่น
“กอบัว!!!!” ผมตะโกนเรียกคนที่ก้มๆ เงยๆ ทำอะไรสักอย่างใกล้ๆ กับกอต้นกล้วยที่โรงเรียนปลูกเอาไว้เป็นสวน พอได้ยินชื่อของตัวเองน้องก็เงยหน้ามามองจึงพูดต่อ
“กลับบ้านได้แล้ว มัวทำอะไรอยู่!!”
“พี่กลับก่อนเลย บัวยังไม่กลับตอนนี้!!!” น้องหันมาตะโกนตอบผมก่อนจะหันไปทำงานของตัวเองต่อ สุดท้ายผมก็ต้องดับรถของตัวเองแล้วเดินไปหาน้อง
“ทำอะไรอ่ะ”
“พรวนดิน” น้องบอกผมมือก็ยังคงสาละวนอยู่กับจอบโดยไม่หันมามองผมแม้แต่น้อย อะไรวะทำตั้งแต่บ่ายโมงยังไม่เสร็จอีกหรอ
“ทำตั้งแต่บ่ายโมง ยังไม่เสร็จอีกหรอ”
“แล้วพี่เห็นมันเสร็จมั้ย” กอบัวเงยหน้ามาถามผมพร้อมกับใช้มือปาดเหงื่อที่มันค่อยๆ ไหลตามกรอบใบหน้าของน้อง ผมจะโดนด่าอีกมั้ยทุกคนไม่น่าถามเลยจริงๆ
“มานี่เดี๋ยวทำเอง” ผมแย่งจอบจากมือน้องมาถือไว้ก่อนจะจัดการพรวนดินในแปลงผักที่ผมเป็นคนขุดให้เมื่อตอนบ่าย ส่วนกอบัวก็ทรุดตัวลงไปนั่งใต้ร่มต้นกล้วยอย่างหมดแรง เห็นแล้วก็แอบสงสารตัวเล็กแค่นี้แต่ต้องมาจับจอบขุดดินที่หนักเกือบสิบกิโลไม่เหนื่อยสิแปลก
ผมช่วยน้องพรวนดินจนเสร็จสรรพเรียบร้อยก่อนจะให้น้องเอาจอบไปล้างเก็บ ส่วนผมก็เดินไปล้างไม้ล้างมือที่ก๊อกน้ำแล้วมานั่งรอน้องที่มอเตอร์ไซต์เพื่อที่จะได้กลับบ้านพร้อมกัน
“วันเสาร์ว่างมั้ย” ขณะขับรถออกจากบริเวณโรงเรียนผมก็ถามคนที่นั่งซ้อนด้านหลังทันที
“ว่าง ทำไมอ่ะ”
“ไปในเมืองกับพี่หน่อยดิ บ่ายสามเดี๋ยวไปรับ”
“ไปทำไม?”
“เดี๋ยวไปถึงก็รู้เองหน่า” พอผมพูดไปแบบนั้นน้องก็ไม่ได้ถามอะไรต่อจนผมขับรถมาจอดอยู่หน้าบ้านของน้อง ทันทีที่รถจอดสนิทกอบัวก็เดินเข้าไปในบ้านโดยไม่หันมาขอบคุณหรือบอกลาผมเลยสักคำ สไตล์เค้าแหละไอ้เรื่องไม่มีมารยาทเนี่ย!!!
ความคิดเห็น