ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความปรารถนาที่แปรเปลี่ยน (3)
บทที่หนึ่ง
ความปรารถนาที่แปรเปลี่ยน (3)
ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันโผล่พ้นขอบฟ้า เมื่ออากิโนะลืมตาตื่น นางจัดแจงเก็บที่หลับที่นอน เหลือบดูปฏิทินแว่บหนึ่ง ก่อนเปิดประตูเดินออกไปในสวนหย่อมเล็กๆ หลังเรือนพัก โดยไม่ลืมถือกล้องยาสูบคู่กายติดมือมาด้วย นางจุดมันด้วยชุดเหล็กไฟ พ่นควันสีเทาออกมา มันลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ ก่อนจะค่อยๆ จางหายไปในบรรยากาศเงียบสงบของยามเช้า
อากิโนะรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่น สมองปลอดโปร่งแจ่มใส ริ้วรอยบางๆ แห่งความสุขปรากฎบนใบหน้า เมื่อนางหวนนึกถึงการตัดสินใจที่ได้ทำร่วมกับโอซากิเมื่ออาทิตย์ก่อน ในห้อง ใบไม้แดง ซึ่งเป็นห้องรับรองที่หรูหราและงดงามที่สุดของสำนักทสึกิ
--------------------
บ่ายวันนั้นอากาศแจ่มใส ลมเย็นๆ ต้นฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านช่องประตูเข้ามาในห้อง ใบไม้แดง ทำให้บรรยากาศแห่งพิธีชงชางดงามมีชีวิตชีวาและสมบูรณ์แบบ โอซากินึก นางมองอากิโนะซังผู้กำลังหมุนถ้วยชาในมือซ้าย ก่อนยกขึ้นจิบช้าๆ
“ยอดเยี่ยมมาก” ท่านแม่ ของนางกล่าว ดื่มชาในถ้วยจนหมด โอซากิยิ้มรับคำชมนั้น มันเป็นสิ่งที่หาฟังได้ไม่บ่อยนักจากปากของอดีต นางพญา ผู้เข้มงวดเช่นอากิโนะซัง
หลังจากเช็ดถ้วยชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อากิโนะซังก็วางมันลงตรงหน้าโอซากิ นางหยิบถ้วยขึ้นวางบนถาดเล็กๆ แล้วเลื่อนมันออกไปด้านข้าง พร้อมจะเริ่มต้นการสนทนาซึ่งถูกจัดให้มีขึ้นตามความประสงค์ของอากิโนะซัง
“ตอนนี้ ชาโนยุ ก็ได้ผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว เจ้าไม่ต้องพิธีรีตองอะไรให้มากนักหรอกนะ โอซากิ ทำตัวตามสบายเถอะ” ท่านแม่ ว่า น้ำเสียงมีอำนาจ ทว่านุ่มนวลไปพร้อมกัน แสดงให้เห็นถึงความเคารพที่มีต่อคู่สนทนา เฉกเช่นไดเมียวผู้กำลังปราศรัยกับขุนศึกคู่ใจ
“เจ้าค่ะ” โอซากิรับคำนุ่มนวล ทว่าไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนใด หลังของหญิงสาวยังคงตรงดุจลูกธนูดังเดิม ตั้งแต่ได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นเกอิชา โอซากิก็เคยชินกับการวางท่วงท่าให้สง่างามอยู่เสมอ และนางก็รู้ด้วยว่า ท่านแม่ ชอบที่เธอปฏิบัติตัวเช่นนั้น
ดวงตาสีน้ำตาลของอากิโนะซังจับจ้องใบหน้าโอซากิ ขณะที่นางจุดกล้องยาเส้น ระหว่างนั้นโอซากิยังคงนิ่งเงียบ รอคอยให้ผู้สูงวัยกว่าเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นก่อน แม้ว่าตนจะพอคาดเดาหัวข้อการสนทนาในวันนี้ได้บ้างก็ตาม
“ระยะหลังมานี้ น้องสาว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” อากิโนะซังเอ่ยถามขึ้นในที่สุด แววตานางเป็นประกายสดใส
“ถ้าท่านหมายถึงการฝึกฝนศิลปะแขนงต่างๆ ข้าบอกได้เลยว่าความสามารถของนางพัฒนารุดหน้าไปมาก ตอนนี้นางเก่งกว่าข้าในช่วงวัยเท่าๆ กันเสียอีกเจ้าค่ะ” โอซากิตอบ
ความพึงพอใจปรากฎบนใบหน้า “เด็กคนนั้นมีพรสวรรค์แห่งเกอิชา” อากิโนะซังว่า “แต่พรสวรรค์นั้นจะฉายแววเด่นชัดออกมาไม่ได้เลยหากปราศจาก พี่สาว ผู้คอยแนะนำสอนสั่งด้วยความจริงใจเช่นเจ้า”
“นั่นเป็นเพราะเราเข้ากันได้ดีเจ้าค่ะ” โอซากิพูดยิ้มๆ
...นั่นเป็นความจริง แม้ว่าริเอะจะเป็นคนโปรดของอากิโนะซังโดยที่นางเองไม่รู้ตัว แต่โอซากิผู้ทราบความจริงข้อนั้นมาโดยตลอดก็ไม่เคยคิดอิจฉาริษยา น้องสาว ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเทียบชั้น ตรงกันข้าม...ตลอดสองปีที่ผ่านมา นางกลับเอ็นดูริเอะราวกับน้องสาวแท้ๆ และตั้งใจถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ทั้งหลายให้โดยไม่ปิดบัง
“ข้าชอบริเอะ เด็กคนนั้นนิสัยดีและมีความตั้งใจในการฝึกฝนสูง แม้ว่านางจะปล่อยให้อารมณ์ชักจูงความรู้สึกนึกคิดไปบ้างเป็นบางครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพราะความเยาว์วัยและขาดประสบการณ์ อีกสองสามปีให้หลัง พอริเอะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ข้าคิดว่าข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ นี้คงหมดไปเจ้าค่ะ”
อากิโนะซังหรี่ตาลงด้วยท่าทีครุ่นคิด สีหน้าราบเรียบขณะโบกกล้องยาเส้นไปมาตรงหน้า “นั่นก็เป็นไปได้...แต่ถ้าถามข้านะ โอซากิ ข้าไม่เห็นด้วยกับเจ้าทั้งหมดหรอก”
“แล้ว ท่านแม่ เห็นเป็นประการใดล่ะเจ้าคะ”
“ข้าคิดว่าการทำอะไรตามอารมณ์เป็นนิสัยเฉพาะตัวของริเอะ...เหมือนนิสัยของแมวที่เรายากจะคาดเดา อีกทั้งยังยากที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงเสียด้วย บางครั้งข้าก็นึกเกรงว่ามันจะเป็นอุปสรรคขัดขวางความก้าวหน้าของเด็กคนนั้น”
โอซากิยิ้มน้อยๆ “มันคงไม่ส่งผลกระทบถึงขนาดนั้นหรอกกระมังเจ้าคะ” นางแสดงทรรศนะอย่างสุภาพ
“...พูดถึงเรื่องแมว โอซากิ...เจ้ายังจำเรื่อง มิเกะเนโกะ ตัวนั้นได้หรือเปล่า”
“เจ้าค่ะ...ข้าพอจะจำได้” หญิงสาวตอบไปเช่นนั้น ทั้งที่จริงๆ แล้วภาพของแมวสามสีตัวเมียผอมโซในอดีตยังคงแจ่มชัดในห้วงความคิด...
...มันเป็นคืนที่ฝนตกหนักและท้องถนนเจิ่งนองไปด้วยน้ำ เมื่อโอซากิกลับมาจากจวนขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งในอาคายาม่าพร้อมด้วยอากิโนะซัง และพบว่าริเอะในวัยสิบขวบกำลังนั่งอยู่ใต้ชายคาแคบๆ หน้าประตูทางเข้าสำนักทสึกิ มือหนึ่งถือร่มสีชมพูคันเล็กๆ ส่วนอีกมือหนึ่งกำลังลูบหลังแมวสามสีตัวหนึ่งอยู่ ขนของมันเปียกโชก ตัวสั่นระริก ยังไม่ทันที่สตรีทั้งสองจะได้กล่าวว่าอะไร เด็กหญิงก็จับขาหน้าสองข้างของมันยกขึ้น โอซากิเห็นว่าท้องของเจ้าสามสีโตจนเห็นได้ชัด มันกำลังจะมีลูกนั่นเอง
‘ท่านแม่ ...พี่โอซากิ...แมวตัวนี้น่าสงสารจัง ข้าขอเลี้ยงมันไว้ได้ไหมจ๊ะ’
ไม่ต้องสงสัย...คำตอบของอากิโนะซังเป็นไปในเชิงปฏิเสธเด็ดขาด ‘ข้าเป็นเจ้าของ โอชายะ นะ นังหนู ไม่ใช่เจ้าของสถานรับเลี้ยงแมวจรจัด ข้ายอมให้เจ้าเก็บเจ้าสามสีท้องโย้ตัวนี้มาเลี้ยงไม่ได้หรอก ลูกๆ ที่จะเกิดมาของมันไม่เพียงจะทำให้แขกรำคาญ แต่อาจทำให้ข้าวของเสียหายอีกต่างหาก’ นางพูดหนักแน่น
อย่างไรก็ตาม...หลังจากอ้อนวอนอยู่นานสองนาน ทั้งยังได้โอซากิช่วยพูดอีกแรง ในที่สุดอากิโนะซังก็ใจอ่อน ยอมตามคำขอร้องของริเอะ ภายใต้ข้อแม้ที่ว่าเด็กหญิงจะต้องดูแลไม่ให้มันและทายาทที่กำลังจะลืมตาดูโลกสร้างความเดือดร้อนใดๆ ให้เกิดขึ้นเป็นอันขาด เจ้าแมวสามสีตัวนั้นกลายมาเป็นผู้อาศัยในเรือนพักเกอิชาหลังสำนักทสึกิ ในไม่ช้ามันก็ได้ให้กำเนิดลูกแมวน่ารักน่าชังออกมาสี่ตัว ซึ่งกลายเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนใน โอชายะ เว้นก็แต่อากิโนะซังเท่านั้น
...แต่แล้วในวันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อริเอะกลับมาจากการเรียนเย็บผ้าและพบว่าห้องของนางว่างเปล่า ลูกแมวทุกตัวหายไปรวมทั้งเจ้าสามสีด้วย หลังจากพยายามค้นหาและสอบถามคนอื่นๆ ตลอดทั้งบ่าย นางจึงรู้ว่าอากิโนะซังได้วานให้พ่อค้าเร่เอาพวกมันไปปล่อยในวัดเล็กๆ นอกเมือง เมื่อเด็กหญิงรีบวิ่งเข้าไปถามเหตุผลจาก ท่านแม่ ถึงในห้อง นางจึงชูกิโมโนผ้าไหมที่แขนเสื้อขาดเป็นริ้วๆ ให้ดู
‘นังหนู เจ้าเห็นผลงานที่ลูกแมวของเจ้าทำกับ โอฮิกิซุริ ราคาหลายหมื่นเยนของเคียวโกะไหม !’ อากิโนะตวาด...เท่าที่โอซากิจำได้ นั่นเป็นครั้งเดียวที่นางแสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวออกมาต่อหน้าริเอะ ‘ข้าไม่ฟาดพวกมันให้ตายคามือก็ดีเท่าไหร่แล้ว !’
น้ำตาเด็กหญิงไหลพราก ความรักที่มีต่อเจ้าสามสีกับลูกๆ ทำให้นางร้องไห้ตลอดทั้งคืน พอถึงรุ่งเช้าริเอะก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ลงมาร่วมโต๊ะอาหารเช้า ทั้งยังไม่ยอมไปเรียนศิลปะวิชาต่างๆ ของเกอิชาในโรงฝึกตามกำหนด ดังนั้น อากิโนะซังจึงจำต้องสั่งให้คนรับใช้ไปพาตัวนางลงมา จากนั้นก็เฆี่ยนเด็กหญิงเสียจนหลังลายเป็นการลงโทษตามกฎสำนัก โอซากิเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเวทนา เมื่อเห็นสีหน้าของ ท่านแม่ ผู้หวดไม้เรียวขึ้นลงแสดงความเจ็บปวดพอๆ กับริเอะ
อย่างไรก็ตาม ในวันถัดมา อารมณ์ขุ่นมัวเศร้าหมองของเด็กหญิงก็ไม่ได้บรรเทาเบาบางลง นางยังคงยืนกรานปฏิเสธการฝึกฝนโดยไม่แยแสต่อคำขู่ของอากิโนะซังที่บอกว่าจะลงโทษเธอให้หนักขึ้นเป็นสองเท่า...ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาในสวน ริเอะในวัยสิบขวบเพียงแค่เม้มปาก จัดการเปลือยท่อนบนของตัวเอง หันหลังให้ไม้เรียวอันยาวในมืออากิโนะซังเงียบๆ...
“ในวันแรกข้าเฆี่ยนนางแรงมาก ชนิดที่ว่าถ้าเป็นเด็กคนอื่นคงไม่ยอมทำผิดซ้ำสองแน่ แต่ไม่ใช่กับริเอะ...นางตั้งใจประชดข้า โดยมีอารมณ์ความรู้สึกชั่ววูบเป็นแรงผลักดัน” อากิโนะซังว่า “นั่นไม่ใช่ตัวอย่างที่น่าสนใจหรอกหรือ โอซากิ”
“เจ้าค่ะ...น่าสนใจทีเดียว” เกอิชาสาวคล้อยตาม ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะกางปีกปกป้อง น้องสาว “จริงอยู่ ในอดีตเรื่องอารมณ์ของริเอะอาจจะสร้างปัญหาอยู่บ้าง แต่ในท้ายที่สุดแล้ว...มันก็ไม่อาจหยุดยั้งพรสวรรค์และความมุ่งมั่นของนาง ดังที่เราเห็นในปัจจุบัน ข้ามั่นใจเจ้าค่ะ ว่าในอนาคต เด็กคนนั้นจะสามารถก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดจนได้” โอซากิยืนยันหนักแน่น “นอกจากนี้ ข้าคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้หรอกกระมังเจ้าคะ ที่เราจะมองหาเกอิชาผู้สมบูรณ์พร้อมไร้ที่ติสักคนน่ะ...แม้แต่ นางพญา เช่นข้าเอง ก็ยังเคยพลั้งพลาดมาแล้วหลายครั้ง ดังที่ ท่านแม่ ทราบดี” นางเสริม
“ดูเจ้ามั่นใจในตัว น้องสาว เหลือเกินนะ” อากิโนะซังเอ่ย
“แล้วท่านไม่มั่นใจในตัวนางหรอกหรือเจ้าคะ” โอซากิย้อนถามเสียงใส
ท่านแม่ หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ สีหน้าเคร่งขรึมแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “ข้าก็แค่นึกอยากทดสอบเจ้าเท่านั้นเอง นางพญา ที่รักของข้า” นางยอมรับในที่สุด “อันที่จริง เรื่องข้อบกพร่องของริเอะน่ะ ข้าไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายหรอก เพราะข้าเองก็เชื่อมั่นในตัวเด็กคนนั้นเช่นเดียวกับเจ้า...เพียงแต่ข้าต้องการชี้ให้เจ้าได้เห็นไว้ เผื่อว่าเจ้าจะมองข้ามมันไป เพราะคนเราน่ะ มักจะไม่ทันสังเกตเห็นข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของคนใกล้ตัว แต่มาถึงตอนนี้ ข้าก็รู้แล้วว่า เจ้ามองริเอะได้ทะลุปรุโปร่งดีทีเดียว”
โอซากิค้อมศีรษะน้อมรับคำชม...ลางสังหรณ์บอกนางว่าเรื่องดีๆ กำลังจะเกิดขึ้น “แล้วท่านคิดว่า...ข้าควรพิจารณาหาทางแก้ไขข้อบกพร่องของนางดีไหมเจ้าคะ ?” หญิงสาวถามเอาใจ
อากิโนะซังส่ายหน้าน้อยๆ “ปล่อยให้ต้นไม้เจริญงอกงามไปตามวิถีทางของมันเถอะ” นางว่า “แม้ว่าที่ผ่านมาข้าจะเข้มงวดกับนางมาก...แต่ตอนนี้ริเอะก็ใกล้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ทั้งยังเฉลียวฉลาดและมีความคิดอ่านที่ดี ข้าเชื่อว่านางดูแลตัวเองได้ ดังนั้น มันจึงสมควรแก่เวลาแล้ว ที่พ่อนกแม่นกอย่างเรา จะปล่อยให้นางโบยบินออกไปปรากฎโฉมสู่โลกภายนอกเสียที...”
โอซากิโน้มตัวไปข้างหน้า หัวใจเต้นแรง รู้ดีว่าวันเวลาแห่งการรอคอยกำลังจะสิ้นสุดลง นางได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อฝึกฝนเด็กสาวผู้หนึ่งให้กลายเป็นเกอิชาชั้นยอด และในที่สุดนางก็กำลังจะได้เห็นผลลัพธ์ของมัน
ความปรารถนาที่แปรเปลี่ยน (3)
ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันโผล่พ้นขอบฟ้า เมื่ออากิโนะลืมตาตื่น นางจัดแจงเก็บที่หลับที่นอน เหลือบดูปฏิทินแว่บหนึ่ง ก่อนเปิดประตูเดินออกไปในสวนหย่อมเล็กๆ หลังเรือนพัก โดยไม่ลืมถือกล้องยาสูบคู่กายติดมือมาด้วย นางจุดมันด้วยชุดเหล็กไฟ พ่นควันสีเทาออกมา มันลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ ก่อนจะค่อยๆ จางหายไปในบรรยากาศเงียบสงบของยามเช้า
อากิโนะรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่น สมองปลอดโปร่งแจ่มใส ริ้วรอยบางๆ แห่งความสุขปรากฎบนใบหน้า เมื่อนางหวนนึกถึงการตัดสินใจที่ได้ทำร่วมกับโอซากิเมื่ออาทิตย์ก่อน ในห้อง ใบไม้แดง ซึ่งเป็นห้องรับรองที่หรูหราและงดงามที่สุดของสำนักทสึกิ
--------------------
บ่ายวันนั้นอากาศแจ่มใส ลมเย็นๆ ต้นฤดูใบไม้ผลิพัดผ่านช่องประตูเข้ามาในห้อง ใบไม้แดง ทำให้บรรยากาศแห่งพิธีชงชางดงามมีชีวิตชีวาและสมบูรณ์แบบ โอซากินึก นางมองอากิโนะซังผู้กำลังหมุนถ้วยชาในมือซ้าย ก่อนยกขึ้นจิบช้าๆ
“ยอดเยี่ยมมาก” ท่านแม่ ของนางกล่าว ดื่มชาในถ้วยจนหมด โอซากิยิ้มรับคำชมนั้น มันเป็นสิ่งที่หาฟังได้ไม่บ่อยนักจากปากของอดีต นางพญา ผู้เข้มงวดเช่นอากิโนะซัง
หลังจากเช็ดถ้วยชาเสร็จเรียบร้อยแล้ว อากิโนะซังก็วางมันลงตรงหน้าโอซากิ นางหยิบถ้วยขึ้นวางบนถาดเล็กๆ แล้วเลื่อนมันออกไปด้านข้าง พร้อมจะเริ่มต้นการสนทนาซึ่งถูกจัดให้มีขึ้นตามความประสงค์ของอากิโนะซัง
“ตอนนี้ ชาโนยุ ก็ได้ผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว เจ้าไม่ต้องพิธีรีตองอะไรให้มากนักหรอกนะ โอซากิ ทำตัวตามสบายเถอะ” ท่านแม่ ว่า น้ำเสียงมีอำนาจ ทว่านุ่มนวลไปพร้อมกัน แสดงให้เห็นถึงความเคารพที่มีต่อคู่สนทนา เฉกเช่นไดเมียวผู้กำลังปราศรัยกับขุนศึกคู่ใจ
“เจ้าค่ะ” โอซากิรับคำนุ่มนวล ทว่าไม่มีการเคลื่อนไหวร่างกายส่วนใด หลังของหญิงสาวยังคงตรงดุจลูกธนูดังเดิม ตั้งแต่ได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นเกอิชา โอซากิก็เคยชินกับการวางท่วงท่าให้สง่างามอยู่เสมอ และนางก็รู้ด้วยว่า ท่านแม่ ชอบที่เธอปฏิบัติตัวเช่นนั้น
ดวงตาสีน้ำตาลของอากิโนะซังจับจ้องใบหน้าโอซากิ ขณะที่นางจุดกล้องยาเส้น ระหว่างนั้นโอซากิยังคงนิ่งเงียบ รอคอยให้ผู้สูงวัยกว่าเป็นฝ่ายเริ่มพูดขึ้นก่อน แม้ว่าตนจะพอคาดเดาหัวข้อการสนทนาในวันนี้ได้บ้างก็ตาม
“ระยะหลังมานี้ น้องสาว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” อากิโนะซังเอ่ยถามขึ้นในที่สุด แววตานางเป็นประกายสดใส
“ถ้าท่านหมายถึงการฝึกฝนศิลปะแขนงต่างๆ ข้าบอกได้เลยว่าความสามารถของนางพัฒนารุดหน้าไปมาก ตอนนี้นางเก่งกว่าข้าในช่วงวัยเท่าๆ กันเสียอีกเจ้าค่ะ” โอซากิตอบ
ความพึงพอใจปรากฎบนใบหน้า “เด็กคนนั้นมีพรสวรรค์แห่งเกอิชา” อากิโนะซังว่า “แต่พรสวรรค์นั้นจะฉายแววเด่นชัดออกมาไม่ได้เลยหากปราศจาก พี่สาว ผู้คอยแนะนำสอนสั่งด้วยความจริงใจเช่นเจ้า”
“นั่นเป็นเพราะเราเข้ากันได้ดีเจ้าค่ะ” โอซากิพูดยิ้มๆ
...นั่นเป็นความจริง แม้ว่าริเอะจะเป็นคนโปรดของอากิโนะซังโดยที่นางเองไม่รู้ตัว แต่โอซากิผู้ทราบความจริงข้อนั้นมาโดยตลอดก็ไม่เคยคิดอิจฉาริษยา น้องสาว ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเทียบชั้น ตรงกันข้าม...ตลอดสองปีที่ผ่านมา นางกลับเอ็นดูริเอะราวกับน้องสาวแท้ๆ และตั้งใจถ่ายทอดประสบการณ์ความรู้ทั้งหลายให้โดยไม่ปิดบัง
“ข้าชอบริเอะ เด็กคนนั้นนิสัยดีและมีความตั้งใจในการฝึกฝนสูง แม้ว่านางจะปล่อยให้อารมณ์ชักจูงความรู้สึกนึกคิดไปบ้างเป็นบางครั้ง แต่นั่นก็เป็นเพราะความเยาว์วัยและขาดประสบการณ์ อีกสองสามปีให้หลัง พอริเอะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ข้าคิดว่าข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ นี้คงหมดไปเจ้าค่ะ”
อากิโนะซังหรี่ตาลงด้วยท่าทีครุ่นคิด สีหน้าราบเรียบขณะโบกกล้องยาเส้นไปมาตรงหน้า “นั่นก็เป็นไปได้...แต่ถ้าถามข้านะ โอซากิ ข้าไม่เห็นด้วยกับเจ้าทั้งหมดหรอก”
“แล้ว ท่านแม่ เห็นเป็นประการใดล่ะเจ้าคะ”
“ข้าคิดว่าการทำอะไรตามอารมณ์เป็นนิสัยเฉพาะตัวของริเอะ...เหมือนนิสัยของแมวที่เรายากจะคาดเดา อีกทั้งยังยากที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงเสียด้วย บางครั้งข้าก็นึกเกรงว่ามันจะเป็นอุปสรรคขัดขวางความก้าวหน้าของเด็กคนนั้น”
โอซากิยิ้มน้อยๆ “มันคงไม่ส่งผลกระทบถึงขนาดนั้นหรอกกระมังเจ้าคะ” นางแสดงทรรศนะอย่างสุภาพ
“...พูดถึงเรื่องแมว โอซากิ...เจ้ายังจำเรื่อง มิเกะเนโกะ ตัวนั้นได้หรือเปล่า”
“เจ้าค่ะ...ข้าพอจะจำได้” หญิงสาวตอบไปเช่นนั้น ทั้งที่จริงๆ แล้วภาพของแมวสามสีตัวเมียผอมโซในอดีตยังคงแจ่มชัดในห้วงความคิด...
...มันเป็นคืนที่ฝนตกหนักและท้องถนนเจิ่งนองไปด้วยน้ำ เมื่อโอซากิกลับมาจากจวนขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งในอาคายาม่าพร้อมด้วยอากิโนะซัง และพบว่าริเอะในวัยสิบขวบกำลังนั่งอยู่ใต้ชายคาแคบๆ หน้าประตูทางเข้าสำนักทสึกิ มือหนึ่งถือร่มสีชมพูคันเล็กๆ ส่วนอีกมือหนึ่งกำลังลูบหลังแมวสามสีตัวหนึ่งอยู่ ขนของมันเปียกโชก ตัวสั่นระริก ยังไม่ทันที่สตรีทั้งสองจะได้กล่าวว่าอะไร เด็กหญิงก็จับขาหน้าสองข้างของมันยกขึ้น โอซากิเห็นว่าท้องของเจ้าสามสีโตจนเห็นได้ชัด มันกำลังจะมีลูกนั่นเอง
‘ท่านแม่ ...พี่โอซากิ...แมวตัวนี้น่าสงสารจัง ข้าขอเลี้ยงมันไว้ได้ไหมจ๊ะ’
ไม่ต้องสงสัย...คำตอบของอากิโนะซังเป็นไปในเชิงปฏิเสธเด็ดขาด ‘ข้าเป็นเจ้าของ โอชายะ นะ นังหนู ไม่ใช่เจ้าของสถานรับเลี้ยงแมวจรจัด ข้ายอมให้เจ้าเก็บเจ้าสามสีท้องโย้ตัวนี้มาเลี้ยงไม่ได้หรอก ลูกๆ ที่จะเกิดมาของมันไม่เพียงจะทำให้แขกรำคาญ แต่อาจทำให้ข้าวของเสียหายอีกต่างหาก’ นางพูดหนักแน่น
อย่างไรก็ตาม...หลังจากอ้อนวอนอยู่นานสองนาน ทั้งยังได้โอซากิช่วยพูดอีกแรง ในที่สุดอากิโนะซังก็ใจอ่อน ยอมตามคำขอร้องของริเอะ ภายใต้ข้อแม้ที่ว่าเด็กหญิงจะต้องดูแลไม่ให้มันและทายาทที่กำลังจะลืมตาดูโลกสร้างความเดือดร้อนใดๆ ให้เกิดขึ้นเป็นอันขาด เจ้าแมวสามสีตัวนั้นกลายมาเป็นผู้อาศัยในเรือนพักเกอิชาหลังสำนักทสึกิ ในไม่ช้ามันก็ได้ให้กำเนิดลูกแมวน่ารักน่าชังออกมาสี่ตัว ซึ่งกลายเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนใน โอชายะ เว้นก็แต่อากิโนะซังเท่านั้น
...แต่แล้วในวันหนึ่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อริเอะกลับมาจากการเรียนเย็บผ้าและพบว่าห้องของนางว่างเปล่า ลูกแมวทุกตัวหายไปรวมทั้งเจ้าสามสีด้วย หลังจากพยายามค้นหาและสอบถามคนอื่นๆ ตลอดทั้งบ่าย นางจึงรู้ว่าอากิโนะซังได้วานให้พ่อค้าเร่เอาพวกมันไปปล่อยในวัดเล็กๆ นอกเมือง เมื่อเด็กหญิงรีบวิ่งเข้าไปถามเหตุผลจาก ท่านแม่ ถึงในห้อง นางจึงชูกิโมโนผ้าไหมที่แขนเสื้อขาดเป็นริ้วๆ ให้ดู
‘นังหนู เจ้าเห็นผลงานที่ลูกแมวของเจ้าทำกับ โอฮิกิซุริ ราคาหลายหมื่นเยนของเคียวโกะไหม !’ อากิโนะตวาด...เท่าที่โอซากิจำได้ นั่นเป็นครั้งเดียวที่นางแสดงอารมณ์โกรธเกรี้ยวออกมาต่อหน้าริเอะ ‘ข้าไม่ฟาดพวกมันให้ตายคามือก็ดีเท่าไหร่แล้ว !’
น้ำตาเด็กหญิงไหลพราก ความรักที่มีต่อเจ้าสามสีกับลูกๆ ทำให้นางร้องไห้ตลอดทั้งคืน พอถึงรุ่งเช้าริเอะก็หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ลงมาร่วมโต๊ะอาหารเช้า ทั้งยังไม่ยอมไปเรียนศิลปะวิชาต่างๆ ของเกอิชาในโรงฝึกตามกำหนด ดังนั้น อากิโนะซังจึงจำต้องสั่งให้คนรับใช้ไปพาตัวนางลงมา จากนั้นก็เฆี่ยนเด็กหญิงเสียจนหลังลายเป็นการลงโทษตามกฎสำนัก โอซากิเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเวทนา เมื่อเห็นสีหน้าของ ท่านแม่ ผู้หวดไม้เรียวขึ้นลงแสดงความเจ็บปวดพอๆ กับริเอะ
อย่างไรก็ตาม ในวันถัดมา อารมณ์ขุ่นมัวเศร้าหมองของเด็กหญิงก็ไม่ได้บรรเทาเบาบางลง นางยังคงยืนกรานปฏิเสธการฝึกฝนโดยไม่แยแสต่อคำขู่ของอากิโนะซังที่บอกว่าจะลงโทษเธอให้หนักขึ้นเป็นสองเท่า...ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาในสวน ริเอะในวัยสิบขวบเพียงแค่เม้มปาก จัดการเปลือยท่อนบนของตัวเอง หันหลังให้ไม้เรียวอันยาวในมืออากิโนะซังเงียบๆ...
“ในวันแรกข้าเฆี่ยนนางแรงมาก ชนิดที่ว่าถ้าเป็นเด็กคนอื่นคงไม่ยอมทำผิดซ้ำสองแน่ แต่ไม่ใช่กับริเอะ...นางตั้งใจประชดข้า โดยมีอารมณ์ความรู้สึกชั่ววูบเป็นแรงผลักดัน” อากิโนะซังว่า “นั่นไม่ใช่ตัวอย่างที่น่าสนใจหรอกหรือ โอซากิ”
“เจ้าค่ะ...น่าสนใจทีเดียว” เกอิชาสาวคล้อยตาม ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะกางปีกปกป้อง น้องสาว “จริงอยู่ ในอดีตเรื่องอารมณ์ของริเอะอาจจะสร้างปัญหาอยู่บ้าง แต่ในท้ายที่สุดแล้ว...มันก็ไม่อาจหยุดยั้งพรสวรรค์และความมุ่งมั่นของนาง ดังที่เราเห็นในปัจจุบัน ข้ามั่นใจเจ้าค่ะ ว่าในอนาคต เด็กคนนั้นจะสามารถก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดจนได้” โอซากิยืนยันหนักแน่น “นอกจากนี้ ข้าคิดว่าคงเป็นไปไม่ได้หรอกกระมังเจ้าคะ ที่เราจะมองหาเกอิชาผู้สมบูรณ์พร้อมไร้ที่ติสักคนน่ะ...แม้แต่ นางพญา เช่นข้าเอง ก็ยังเคยพลั้งพลาดมาแล้วหลายครั้ง ดังที่ ท่านแม่ ทราบดี” นางเสริม
“ดูเจ้ามั่นใจในตัว น้องสาว เหลือเกินนะ” อากิโนะซังเอ่ย
“แล้วท่านไม่มั่นใจในตัวนางหรอกหรือเจ้าคะ” โอซากิย้อนถามเสียงใส
ท่านแม่ หัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ สีหน้าเคร่งขรึมแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “ข้าก็แค่นึกอยากทดสอบเจ้าเท่านั้นเอง นางพญา ที่รักของข้า” นางยอมรับในที่สุด “อันที่จริง เรื่องข้อบกพร่องของริเอะน่ะ ข้าไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายหรอก เพราะข้าเองก็เชื่อมั่นในตัวเด็กคนนั้นเช่นเดียวกับเจ้า...เพียงแต่ข้าต้องการชี้ให้เจ้าได้เห็นไว้ เผื่อว่าเจ้าจะมองข้ามมันไป เพราะคนเราน่ะ มักจะไม่ทันสังเกตเห็นข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ของคนใกล้ตัว แต่มาถึงตอนนี้ ข้าก็รู้แล้วว่า เจ้ามองริเอะได้ทะลุปรุโปร่งดีทีเดียว”
โอซากิค้อมศีรษะน้อมรับคำชม...ลางสังหรณ์บอกนางว่าเรื่องดีๆ กำลังจะเกิดขึ้น “แล้วท่านคิดว่า...ข้าควรพิจารณาหาทางแก้ไขข้อบกพร่องของนางดีไหมเจ้าคะ ?” หญิงสาวถามเอาใจ
อากิโนะซังส่ายหน้าน้อยๆ “ปล่อยให้ต้นไม้เจริญงอกงามไปตามวิถีทางของมันเถอะ” นางว่า “แม้ว่าที่ผ่านมาข้าจะเข้มงวดกับนางมาก...แต่ตอนนี้ริเอะก็ใกล้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ทั้งยังเฉลียวฉลาดและมีความคิดอ่านที่ดี ข้าเชื่อว่านางดูแลตัวเองได้ ดังนั้น มันจึงสมควรแก่เวลาแล้ว ที่พ่อนกแม่นกอย่างเรา จะปล่อยให้นางโบยบินออกไปปรากฎโฉมสู่โลกภายนอกเสียที...”
โอซากิโน้มตัวไปข้างหน้า หัวใจเต้นแรง รู้ดีว่าวันเวลาแห่งการรอคอยกำลังจะสิ้นสุดลง นางได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดเพื่อฝึกฝนเด็กสาวผู้หนึ่งให้กลายเป็นเกอิชาชั้นยอด และในที่สุดนางก็กำลังจะได้เห็นผลลัพธ์ของมัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น