ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความปรารถนาที่แปรเปลี่ยน (2)
บทที่หนึ่ง
ความปรารถนาที่แปรเปลี่ยน (2)
นัยน์ตาอันคมของโอซากิซังจับจ้องพิจารณาข้า หยั่งลึกไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ เมื่อนางพูดขึ้น น้ำเสียงยังคงแฝงไว้ด้วยความเมตตาดังเดิม
“ดูท่าทางเจ้าไม่ค่อยสบายใจนัก ริเอะ เป็นเพราะคำพูดของข้าอย่างนั้นเหรอ”
ถ้อยคำนั้นทลายกำแพงบางอย่างในจิตใจข้า ข้ารีบโน้มตัวไปข้างหน้า ศีรษะก้มลงจรดพื้นเสื่อตาตามิ ท่าทีเฉกเช่นผู้ที่พร้อมยอมรับผิด
“พี่สาว...ข้ามีเรื่องจะต้องบอกกล่าวให้ท่านทราบเจ้าค่ะ”
“ว่ามาสิ”
ข้าพยายามฝืนตัวเองให้เงยหน้าขึ้นมองโอซากิซัง ลำคอแห้งผาก “ด้วยความเคารพอย่างเต็มเปี่ยม...ข้ารู้สึกเสียใจนักที่ต้องขอสารภาพกับท่านตามตรงว่า ตอนนี้ความปรารถนาที่จะก้าวขึ้นเป็นเกอิชาของข้าได้จางหายไปเสียแล้วเจ้าค่ะ !”
ไม่มีคำตอบใดหลุดจากปาก มีเพียงความเงียบชวนให้อึดอัดใจ แววตาของนางเป็นประกายวาววับ บางทีอาจเป็นเพราะความโกรธ ข้านึก ใจคอไม่สู้ดีนัก
“ข้าไม่เคยคิดเลย” โอซากิซังพึมพำในที่สุด นางขยับตัวลุกขึ้นยืน เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง “...แม้แต่เกอิชาผู้ถูกยกย่องว่ามีสติปัญญาเฉียบแหลมเช่นข้า ก็ยังพลาดพลั้งไปจนได้ ข้าประเมินอานุภาพของความรักที่หนุ่มสาวมีต่อกันผิดไปโดยสิ้นเชิง สิ่งนั้นเองที่เปลี่ยนแปลงเจ้า...ใช่...มันเปลี่ยนแปลงเจ้า” นางทวนคำ “ตลอดสองสามปีที่ผ่านมา ข้าคิดเสมอว่าความฝันของเจ้าคือการได้เป็นเกอิชาผู้ยิ่งใหญ่ ข้าเห็นความมุ่งมั่นแรงกล้าในดวงตาเจ้า และคิดว่าแม้แต่ความรักความหลงใหลก็ไม่อาจสั่นคลอนมันได้...ทว่าตอนนี้คงไม่มีสิ่งใดในโลก...แม้แต่คำพูดของข้า ที่อาจฉุดรั้งจิตใจเจ้าให้มั่นคงอยู่กับวิถีทางที่เจ้าได้ฝึกฝนมาเกือบตลอดชีวิตแล้วสินะ”
“ข้าเสียใจค่ะ...พี่สาว...เสียใจจริงๆ” น้ำเสียงข้าสั่นเครือ “ถึงแม้จะพยายามสักเพียงใด แต่ข้าก็ไม่อาจฝืนความรู้สึกของตัวเองได้...จริงอยู่ที่ว่าข้าอาจมีพรสวรรค์และคุณสมบัติเพียบพร้อมกับการเป็นเกอิชาที่ดี ทว่าหากไร้ซึ่งจิตใจทะเยอทะยานเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าแล้ว ข้าก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จในฮานะมาจิ...ไม่มีทางขึ้นครอบครองตำแหน่ง นางพญา ได้”
“นั่นเป็นความจริง” โอซากิซังยอมรับเรียบๆ...ข้ามองไม่เห็นวี่แววของความเสียใจหรืออารมณ์ใดๆ ในการแสดงออกของนาง บางทีนางอาจซุกซ่อนมันไว้ใต้หน้ากากแห่งความเฉยเมย “เอาล่ะ...ริเอะ แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป เจ้ามีสัญญากับ ท่านแม่ ยาวนานอีกนับสิบปีนี่”
“ข้ากับเก็นโซได้ปรึกษากันแล้ว...” ข้ารู้สึกเจ็บแปลบ เมื่อนึกว่าจากนี้ไปชื่อของชายคนรักคงระคายหู พี่สาว ไม่น้อย ในฐานะที่เป็นผู้แย่งชิงหัวใจของข้าไป “เขาตกลงว่าจะหาคนมาเจรจากับ 'ท่านแม่' ในเรื่อง ค่าไถ่สัญญา ของข้าเจ้าค่ะ”
..
.ชั่วแวบหนึ่งที่ข้าคิดว่าโอซากิซังจะหัวเราะเยาะความคิดที่ยากจะเป็นไปได้นี้ แต่นางกลับเพียงแค่พยักหน้าน้อยๆ “นั่นคงเป็นทางเดียวที่เจ้าจะเป็นอิสระได้...ถ้าไม่นับการไต่หลังคาหลบหนีไปในตอนกลางคืนเหมือนแมวขโมย”
ข้าเชิดหน้า ต้องการแสดงศักดิ์ศรีที่พอมีอยู่ให้โอซากิซังเห็น “ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้นแน่เจ้าค่ะ...แม้ว่าความคิดอ่านของข้าจะสร้างความขุ่นเคืองใจให้ ท่านแม่ แต่อย่างน้อยที่สุดข้าก็ไม่ใช่คนอกตัญญู นางมีบุญคุณกับข้า เช่นเดียวกับท่าน...พี่สาว ข้าขอสาบานว่าถ้าข้าไป... ท่านแม่ จะต้องได้รับเงินในจำนวนที่เหมาะสมกับราคาค่าตัวของข้า”
โอซากิซังยิ้มที่มุมปาก “ก็ฟังดูดี ริเอะ ท่านแม่ คงร่ำรวยขึ้นมากจากการชดใช้ของเจ้า แต่ถึงอย่างไร ก็ขอให้เจ้าจดจำเอาไว้ด้วยว่า มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เจ้าไม่อาจชดเชยให้นางได้”
“อะไรกันหรือเจ้าคะ”
“ความรู้สึก” โอซากิซังตอบ “รวมไปถึงความหวังที่นางมีต่อเจ้าด้วย”
ข้าพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าร้อนผ่าว ถึงอย่างไรอากิโนะซังไม่ได้รักข้า ข้าพยายามคิดปลอบใจตัวเอง นางมองข้าเป็นเพียงสินค้าชนิดหนึ่งซึ่งอาจทำกำไรได้ดี ก็แค่นั้น...
แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเช่นนั้นหรือ ? ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ท่านแม่ ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันกับข้าเลยอย่างนั้นหรือ ?
เสียงบานประตูเลื่อนเปิดปลุกข้าจากภวังค์ ข้าเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงโปร่งในชุด โอฮิกิซุริ สีน้ำตาลแดงของโอซากิซัง
“ข้าขอตัวไปนอนก่อนล่ะนะ แม่แมวป่าสาว” น้ำเสียงนางเรียบเรื่อยไร้อารมณ์ “ข้ารู้สึกเพลียเหลือเกิน หลังจากต้องคอยปรนนิบัติลูกค้ามาตลอดทั้งค่ำ”
นางกำลังจะก้าวออกจากห้องอยู่แล้ว เมื่อข้าผุดลุกขึ้นคว้าข้อมือของโอซากิซังไว้ ทำให้นางเหลียวกลับมามอง...น้ำตาข้าไหลอาบแก้มด้วยความสะเทือนใจจากความเย็นชาของ พี่สาว... แม้จะทำใจยอมรับผลที่ตามมาไว้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงหัวใจข้ากลับปวดร้าวเหลือทน
“โอซากิซัง...ข้า...ข้าต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ท่านผิดหวังในตัวข้า แต่ข้า...” คำพูดตีบตันอยู่ในลำคอ “...ข้าอยากขอให้ท่านยกโทษให้กับการตัดสินใจครั้งนี้ของข้าด้วย ข้าขอร้องล่ะ ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ”
อย่างนุ่มนวล...โอซากิซังค่อยๆ ดึงมือออกจากการเกาะกุมของข้า แววตาของนางแฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อยลึกล้ำ ขณะเอ่ยถ้อยคำที่ข้าไม่มีทางลืมเลือน
“ข้าจะไม่บอก ท่านแม่ ถึงเรื่องที่เราคุยกันคืนนี้หรอกนะ ริเอะ” นางพูดเบาๆ “ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้า...เพียงแต่ว่าข้าไม่อาจ ยกโทษ ให้เจ้าได้ ข้าไม่ต้องการโกหกเจ้าโดยการบอกว่าข้าไม่ถือโกรธในสิ่งที่เจ้าได้ทำลงไป อย่างไรก็ตาม ข้าจะพยายามปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีที่สุดเช่นเดียวกับที่ผ่านมา แม้ว่ามันอาจจะฝืนใจข้าบ้างก็ตาม”
ข้าซบหน้าลงกับฝ่ามือ สะอึกสะอื้นออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้ ขณะที่เสียงบานประตูถูกเลื่อนปิดดังแว่วมาเข้าหู
ความปรารถนาที่แปรเปลี่ยน (2)
นัยน์ตาอันคมของโอซากิซังจับจ้องพิจารณาข้า หยั่งลึกไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ เมื่อนางพูดขึ้น น้ำเสียงยังคงแฝงไว้ด้วยความเมตตาดังเดิม
“ดูท่าทางเจ้าไม่ค่อยสบายใจนัก ริเอะ เป็นเพราะคำพูดของข้าอย่างนั้นเหรอ”
ถ้อยคำนั้นทลายกำแพงบางอย่างในจิตใจข้า ข้ารีบโน้มตัวไปข้างหน้า ศีรษะก้มลงจรดพื้นเสื่อตาตามิ ท่าทีเฉกเช่นผู้ที่พร้อมยอมรับผิด
“พี่สาว...ข้ามีเรื่องจะต้องบอกกล่าวให้ท่านทราบเจ้าค่ะ”
“ว่ามาสิ”
ข้าพยายามฝืนตัวเองให้เงยหน้าขึ้นมองโอซากิซัง ลำคอแห้งผาก “ด้วยความเคารพอย่างเต็มเปี่ยม...ข้ารู้สึกเสียใจนักที่ต้องขอสารภาพกับท่านตามตรงว่า ตอนนี้ความปรารถนาที่จะก้าวขึ้นเป็นเกอิชาของข้าได้จางหายไปเสียแล้วเจ้าค่ะ !”
ไม่มีคำตอบใดหลุดจากปาก มีเพียงความเงียบชวนให้อึดอัดใจ แววตาของนางเป็นประกายวาววับ บางทีอาจเป็นเพราะความโกรธ ข้านึก ใจคอไม่สู้ดีนัก
“ข้าไม่เคยคิดเลย” โอซากิซังพึมพำในที่สุด นางขยับตัวลุกขึ้นยืน เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง “...แม้แต่เกอิชาผู้ถูกยกย่องว่ามีสติปัญญาเฉียบแหลมเช่นข้า ก็ยังพลาดพลั้งไปจนได้ ข้าประเมินอานุภาพของความรักที่หนุ่มสาวมีต่อกันผิดไปโดยสิ้นเชิง สิ่งนั้นเองที่เปลี่ยนแปลงเจ้า...ใช่...มันเปลี่ยนแปลงเจ้า” นางทวนคำ “ตลอดสองสามปีที่ผ่านมา ข้าคิดเสมอว่าความฝันของเจ้าคือการได้เป็นเกอิชาผู้ยิ่งใหญ่ ข้าเห็นความมุ่งมั่นแรงกล้าในดวงตาเจ้า และคิดว่าแม้แต่ความรักความหลงใหลก็ไม่อาจสั่นคลอนมันได้...ทว่าตอนนี้คงไม่มีสิ่งใดในโลก...แม้แต่คำพูดของข้า ที่อาจฉุดรั้งจิตใจเจ้าให้มั่นคงอยู่กับวิถีทางที่เจ้าได้ฝึกฝนมาเกือบตลอดชีวิตแล้วสินะ”
“ข้าเสียใจค่ะ...พี่สาว...เสียใจจริงๆ” น้ำเสียงข้าสั่นเครือ “ถึงแม้จะพยายามสักเพียงใด แต่ข้าก็ไม่อาจฝืนความรู้สึกของตัวเองได้...จริงอยู่ที่ว่าข้าอาจมีพรสวรรค์และคุณสมบัติเพียบพร้อมกับการเป็นเกอิชาที่ดี ทว่าหากไร้ซึ่งจิตใจทะเยอทะยานเพื่อที่จะก้าวไปข้างหน้าแล้ว ข้าก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จในฮานะมาจิ...ไม่มีทางขึ้นครอบครองตำแหน่ง นางพญา ได้”
“นั่นเป็นความจริง” โอซากิซังยอมรับเรียบๆ...ข้ามองไม่เห็นวี่แววของความเสียใจหรืออารมณ์ใดๆ ในการแสดงออกของนาง บางทีนางอาจซุกซ่อนมันไว้ใต้หน้ากากแห่งความเฉยเมย “เอาล่ะ...ริเอะ แล้วเจ้าคิดจะทำอย่างไรต่อไป เจ้ามีสัญญากับ ท่านแม่ ยาวนานอีกนับสิบปีนี่”
“ข้ากับเก็นโซได้ปรึกษากันแล้ว...” ข้ารู้สึกเจ็บแปลบ เมื่อนึกว่าจากนี้ไปชื่อของชายคนรักคงระคายหู พี่สาว ไม่น้อย ในฐานะที่เป็นผู้แย่งชิงหัวใจของข้าไป “เขาตกลงว่าจะหาคนมาเจรจากับ 'ท่านแม่' ในเรื่อง ค่าไถ่สัญญา ของข้าเจ้าค่ะ”
..
.ชั่วแวบหนึ่งที่ข้าคิดว่าโอซากิซังจะหัวเราะเยาะความคิดที่ยากจะเป็นไปได้นี้ แต่นางกลับเพียงแค่พยักหน้าน้อยๆ “นั่นคงเป็นทางเดียวที่เจ้าจะเป็นอิสระได้...ถ้าไม่นับการไต่หลังคาหลบหนีไปในตอนกลางคืนเหมือนแมวขโมย”
ข้าเชิดหน้า ต้องการแสดงศักดิ์ศรีที่พอมีอยู่ให้โอซากิซังเห็น “ข้าไม่มีวันทำเช่นนั้นแน่เจ้าค่ะ...แม้ว่าความคิดอ่านของข้าจะสร้างความขุ่นเคืองใจให้ ท่านแม่ แต่อย่างน้อยที่สุดข้าก็ไม่ใช่คนอกตัญญู นางมีบุญคุณกับข้า เช่นเดียวกับท่าน...พี่สาว ข้าขอสาบานว่าถ้าข้าไป... ท่านแม่ จะต้องได้รับเงินในจำนวนที่เหมาะสมกับราคาค่าตัวของข้า”
โอซากิซังยิ้มที่มุมปาก “ก็ฟังดูดี ริเอะ ท่านแม่ คงร่ำรวยขึ้นมากจากการชดใช้ของเจ้า แต่ถึงอย่างไร ก็ขอให้เจ้าจดจำเอาไว้ด้วยว่า มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เจ้าไม่อาจชดเชยให้นางได้”
“อะไรกันหรือเจ้าคะ”
“ความรู้สึก” โอซากิซังตอบ “รวมไปถึงความหวังที่นางมีต่อเจ้าด้วย”
ข้าพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าร้อนผ่าว ถึงอย่างไรอากิโนะซังไม่ได้รักข้า ข้าพยายามคิดปลอบใจตัวเอง นางมองข้าเป็นเพียงสินค้าชนิดหนึ่งซึ่งอาจทำกำไรได้ดี ก็แค่นั้น...
แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเช่นนั้นหรือ ? ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ท่านแม่ ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันกับข้าเลยอย่างนั้นหรือ ?
เสียงบานประตูเลื่อนเปิดปลุกข้าจากภวังค์ ข้าเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงโปร่งในชุด โอฮิกิซุริ สีน้ำตาลแดงของโอซากิซัง
“ข้าขอตัวไปนอนก่อนล่ะนะ แม่แมวป่าสาว” น้ำเสียงนางเรียบเรื่อยไร้อารมณ์ “ข้ารู้สึกเพลียเหลือเกิน หลังจากต้องคอยปรนนิบัติลูกค้ามาตลอดทั้งค่ำ”
นางกำลังจะก้าวออกจากห้องอยู่แล้ว เมื่อข้าผุดลุกขึ้นคว้าข้อมือของโอซากิซังไว้ ทำให้นางเหลียวกลับมามอง...น้ำตาข้าไหลอาบแก้มด้วยความสะเทือนใจจากความเย็นชาของ พี่สาว... แม้จะทำใจยอมรับผลที่ตามมาไว้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงหัวใจข้ากลับปวดร้าวเหลือทน
“โอซากิซัง...ข้า...ข้าต้องขอโทษจริงๆ ที่ทำให้ท่านผิดหวังในตัวข้า แต่ข้า...” คำพูดตีบตันอยู่ในลำคอ “...ข้าอยากขอให้ท่านยกโทษให้กับการตัดสินใจครั้งนี้ของข้าด้วย ข้าขอร้องล่ะ ได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ”
อย่างนุ่มนวล...โอซากิซังค่อยๆ ดึงมือออกจากการเกาะกุมของข้า แววตาของนางแฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อยลึกล้ำ ขณะเอ่ยถ้อยคำที่ข้าไม่มีทางลืมเลือน
“ข้าจะไม่บอก ท่านแม่ ถึงเรื่องที่เราคุยกันคืนนี้หรอกนะ ริเอะ” นางพูดเบาๆ “ข้าเคารพการตัดสินใจของเจ้า...เพียงแต่ว่าข้าไม่อาจ ยกโทษ ให้เจ้าได้ ข้าไม่ต้องการโกหกเจ้าโดยการบอกว่าข้าไม่ถือโกรธในสิ่งที่เจ้าได้ทำลงไป อย่างไรก็ตาม ข้าจะพยายามปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีที่สุดเช่นเดียวกับที่ผ่านมา แม้ว่ามันอาจจะฝืนใจข้าบ้างก็ตาม”
ข้าซบหน้าลงกับฝ่ามือ สะอึกสะอื้นออกมาอย่างไม่อาจหักห้ามได้ ขณะที่เสียงบานประตูถูกเลื่อนปิดดังแว่วมาเข้าหู
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น