ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โซ่อันงามงอน (มี E-Book ใน meb)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ การพบกัน

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 65


     

     

    คุณเคยเจอเหตุการณ์ที่เหมือนผลักคุณลงสู่ก้นเหวในขณะที่คุณใกล้จะถึงยอดเขาแล้วไหมครับ และขณะที่อยู่ในก้นเหวนั้นดันเกิดความแย้งย้อนภายในเพราะได้เจอความงดงามที่ก้นเหวนั้น

    *****

    ผมได้แต่มองชายที่กำลังเดินเข้ามาเรื่อย ๆ เหมือนหัวใจของผมจะหยุดเต้น ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจมันเหมือนกันเพราะไม่เคยใช้หัวใจไปกับเรื่องพวกนี้มาก่อน คนคนนั้นเส้นผมดำขลับ ใบหน้าคม สันจมูกตรงโด่งเด่นชัด เขาเหมือนรูปปั้นเทพบุตร แต่ว่าต่างออกไปจากเทพบุตรที่เคยจินตนาการ คงเป็นเพราะแววตาที่เศร้าสร้อย ทำให้เหมือนมีเมฆหมอกสีเทาปกคลุมอยู่รอบตัว และทุกย่างก้าวที่เขาเข้ามาใกล้ มันทำปฏิกิริยากับใจของผมจนปั่นป่วนไปหมด

    เขาพุ่งตรงมายืนประจันหน้ากับผม นัยน์ตาลึกล้ำเหมือนปริศนาภาพของเขาจ้องเขม็งมาในตาผม เล่นเอาผมต้องถอยกรูดจนปะทะกับกำแพงเย็นเยียบ… ขะ… เขาจะทำบ้าอะไรน่ะ

    เขาเอามือยันผนังก่อนจะก้มศีรษะลงมาเล็กน้อย ใบหน้าของเขาโน้มลงมาใกล้… ใกล้จนผมกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของผมที่เต้นไม่เป็นจังหวะ น้ำเสียงเรียบเฉยถูกเปล่งออกมาจากปากของเขา “นายรู้หรือเปล่า ว่าที่นี่… คือที่แบบไหน ถ้าไม่ได้อยากมาเองก็รีบหนีกลับไปซะ”

    ผมไม่เข้าใจที่เขาพูดหรอกครับ ผมยังหัวตื้อ ...ก็เพราะเขานั่นแหละ คนที่ทำให้ผมไม่อาจละสายตาและความคิดไปจากเขาได้ อีกอย่างผมก็ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ผมแค่แวะมาทำธุระกับที่บ้าน

    “เว เข้ามานี่สิ” เสียงที่ผมไม่อยากได้ยินตะโกนเรียกดังมาตามทางเดิน ผมหันไปมองตาม ถึงได้เห็นพ่อเลี้ยงยืนจ้องอยู่หน้าห้องตรงสุดทางนั่น แต่ผมจะไปไหนได้ในเมื่อเทพบุตรตรงหน้ายังยืนจ้องหน้าผมไม่เลิก แถมสองแขนของเขาก็ยังยันกำแพงเอาไว้ทั้งซ้ายขวา

    “ไอ้เว กูเรียกทำไมมึงยังไม่มาอีก!” เสียงตะโกนของพ่อเลี้ยงดังขึ้นอย่างกรรโชกอีกครั้งจนผมสะดุ้ง ชายตรงหน้าลดแขนของเขาลง ผมได้แต่หลบสายตาของเขาแล้วหมุนตัวไปยังทิศทางที่ต้องไป

    ผมไม่อยากไปหรอกครับ ไม่ใช่เพราะอยากจะอยู่มองหน้าคนที่ยังตรึงผมให้อยู่กับกำแพงด้วยสายตา แต่เป็นเพราะผมเกลียดพ่อเลี้ยงคนนี้ คุณคงจะคิดว่าแล้วจะไปทำไม อยู่กับคนแปลกหน้าต่อยังดีเสียกว่า ผมก็เห็นด้วยครับ แต่ผมก็ไม่กล้าขัดใจพ่อเลี้ยง ผมเดินไปหาผู้ชายที่ยิ้มอย่างน่ารังเกียจ ไม่อยากจะมองเลย แต่ผมต้องรีบไปห้องนั้นเพราะเขาพาแม่แท้ ๆ ของผมเข้าไปให้ในห้องนั้นนานแล้ว ก่อนผมจะเดินผ่านประตูเข้าไปสายตามันก็หันไปกลับมองชายคนนั้นโดยอัตโนมัติ เขายังอยู่ท่าเดิมแต่กำมือแน่น เขาเป็นอะไรหรือเปล่านะ ก่อนที่ผมจะได้สังเกตอะไรต่อด้านหลังคอเสื้อผมก็ถูกขยำแล้วดันให้เข้าห้อง

    “แม่ล่ะครับ” ผมถามทันทีเพราะคนที่ผมคิดว่าควรนั่งอยู่ที่นี่กลับไม่อยู่ ในห้องมีเพียงผม พ่อเลี้ยง และหญิงวัยกลางคนที่เดาอายุไม่ถูก เธอสวยสง่าแต่ดูแฝงไปด้วยความอันตราย เธอมองหน้าผมแล้วเหยียดยิ้มก่อนจะหันไปบอกพ่อเลี้ยงของผม

    “คนนี้พอได้”

    “ขอบคุณมากครับ” พ่อเลี้ยงผมตอบทันที เขาถูฝ่ามือแล้วยิ้มกว้าง สายตามองไปยังผู้หญิงคนนั้นที่กำลังเซ็นเช็ค 

    “ผมถามว่า…” เสียงที่กำลังเปล่งออกมาอย่างดังของผมขาดห้วงเมื่อเจอสายตาของทั้งคู่ พ่อเลี้ยงมองผมตาเขียว ทำให้เสียงที่ถามต่อของผมนั้นเบาเหมือนเสียงแมลงบิน “แม่อยู่ไหน”

    “แม่แกได้งานทำใหม่แล้ว แกก็เหมือนกัน” ชายตรงหน้าผมตอบและเผยรอยยิ้มดุจปิศาจ ผมรู้สึกใจไม่ดีเสียแล้ว ผมกลอกตามองหาแม่ในทันที ห้องนี้มีประตูบานอื่น เธออาจจะอยู่หลังประตูบานนั้น

    “ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นหรอก ให้เขาเซ็นนี่ซะ” ผู้หญิงวัยกลางคนซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของที่นี่วางกระดาษบนโต๊ะพร้อมกับโบกเช็คในมือ ถึงผมจะไม่ได้ฉลาดอะไรมากแต่ก็พอรู้ว่าที่นี่คือซ่องดี ๆ นี่เอง ผมถามพ่อเลี้ยงตั้งแต่เขาเลี้ยวมาในเขตปกครองพิเศษ ย่านนิมมานรดี เขาบอกว่าแค่จะมาหาเพื่อนก่อนไปส่งผมที่มหาวิทยาลัย

    พ่อเลี้ยงเข้ามากระชากแขนผมทันทีเมื่อเท้าของผมขยับถอยหลัง ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้มือทั้งสองที่กำแน่นของผมคลายออก ยังไงผมก็จะไม่ยอมเซ็น ผมรู้ว่าเขาเป็นผีพนันและมาย่านนี้เป็นประจำเพื่อเข้ากาสิโนซึ่งอยู่อีกฟากของที่นี่ ถึงเขาจะชอบทุบตีผม แต่ไม่คิดว่าเขาจะชั่วร้ายถึงขนาดเอาผมกับแม่มาขาย

    “มึงเซ็นซะ เซ็นเดี๋ยวนี้” เขาเปล่งเสียงกรรโชกใส่ผม

    “ไม่ ยังไงผมก็ไม่ยอมมาทำงานที่นี่ ผมต้องไปมหา’ลัย...” ผมเถียงกลับเสียงดัง

    “มึงว่าไงนะ” พ่อเลี้ยงของผมตวาดกลับ เขานี่มันอัปลักษณ์จริงๆ และความอัปลักษณ์นั้นก็เป็นที่นิสัยของเขา จิตใจเขามันน่าเกลียดเสียงยิ่งกว่าหน้าตาเสียอีก ชายที่นิสัยอัปลักษณ์ยิ่งกว่าหน้าตาดึงตัวผมไปใกล้แล้วกระซิบที่ข้างหู “จำได้ไหมรอยแผลที่หลังมึงได้มายังไง ลองขัดใจกูอีกซิ แล้วมึงจะได้เห็นสภาพแม่มึงแบบนั้นอีก”

    ภาพที่แม่ของผมถูกเขาทำร้ายร่างกายจนตัวเขียวช้ำลอยกลับมาเข้ามาในหัว ทุกครั้งที่ผมเข้าไปห้ามก็จะโดนเขาตบ ต่อด้วยหัวเข็มขัดที่ฟาดเข้ามากลางหลังอย่างเต็มแรง ความเจ็บปวดนั้นไม่เคยจางหายไปจากความรู้สึกของผม ผมยังจำแม้กระทั่งกลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งอยู่ในปากของผมได้ดี ร่างกายของผมตอบสนองต่อเสียงของเขาโดยอัตโนมัติ คำพูดนั้นทำตัวของผมเกร็ง ผมอยากจะตะโกนด่าหรือสวนหมัดเข้าหน้าเขาให้หงายคว่ำ แต่ผมก็ไม่กล้า ทำได้เพียงยืนตัวสั่นให้เขายิ้มเยาะ

    ผมละสายตาจากรอยยิ้มนั้นเมื่อข้อมือของผมเจ็บเหมือนโดนเหล็กรัด ผมพยายามจะสะบัดมือของเขาออก แต่สัตว์นรกตัวนั้นกลับกระชากลากตัวผมไปหาหญิงวัยกลางคนที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่หลังโต๊ะ

    “นี่! อย่าทำเขาเป็นรอยซิ” เธอตะโกนลั่นจนพ่อเลี้ยงของผมปล่อยมือทันที เขาหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด พ่อเลี้ยงของผมโค้งหัวให้เธอ ผมเพิ่งเคยเห็นเขาทำแบบนี้กับคนอื่น สายตาของผมมองกลับไปที่ผู้หญิงคนนั้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของเธอ เธอจ้องผมกลับเหมือนผมเป็นแค่แมลงตัวเล็ก ๆ เรียวนิ้วของเธอเคาะลงบนโต๊ะใกล้ ๆ เอกสารแผ่นหนึ่ง “จะไปเรียนคนเดียว แล้วปล่อยแม่ไว้ให้ลำบากที่นี่เหรอ คิดดี ๆ น้า... ไม่งั้นอาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้วก็ได้”

    พ่อเลี้ยงเปลี่ยนจากข้อมือมาขยำหลังเสื้อคอผมแล้วลากไปยืนหน้าโต๊ะนั่น เหงื่อของผมชุ่มฝ่ามือ ผมต้องพยายามกำมือตัวเองต้านแรงแกะของอีกคน เขาพยายามยัดปากกาเข้ามาในมือ หญิงคนนั้นมองหน้าผมแล้วทำปากเหมือนจะพูดคำว่า ‘แม่’ แต่ไม่มีเสียงลอดออกมา เธอเหยียดยิ้มหยัน ผมคลายมือออกเพื่อจับปากกา อ่านกระดาษนั่นครู่หนึ่งก่อนหลับตา แล้วจำใจเซ็นชื่อ ‘เวหา’ ลงไป

    เสียงปรบมือดังขึ้นหนึ่งครั้งทำให้ผมลืมตา แล้วมีเสียงเปิดประตูดังขึ้นทางด้านหลังเรียกให้ผมหันกลับไปมอง คนที่ขายผมเรียบร้อยแล้วถือเช็คก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว เขาสวนกับพ่อเทพบุตรที่ผมเพิ่งได้เจอก่อนเข้ามาในห้องนี้ ชายคนนั้นเดินมายืนข้างผมแต่สายตามองหญิงที่เพิ่งซื้อตัวผมไป ผมอ่านสายตานั้นไม่ออก มันช่างดูว่างเปล่าเสียเหลือเกิน

    “เด็กใหม่ เธอจัดการด้วยคาธ” เธอบอกพร้อมกับหยิบสัญญาที่ผมเพิ่งลงชื่อมาดู ก่อนจะเก็บมันลงลิ้นชัก ให้ตายเถอะทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย 

    “เดี๋ยวครับ” เสียงของผมทำให้เธอช้อนตาขึ้นมอง “ในสัญญาระบุว่าถ้าผมหาเงินมาไถ่ตัวเองได้ผมจะเป็นอิสระใช่ไหม”

    “รอบคอบดี ใช่ หาเงินให้ได้ล่ะ สามล้าน” เธอเหยียดยิ้มเยาะอีกครั้งเพราะรู้ว่าผมคงไม่มีเงินมากขนาดนั้นมาคืนให้ ราคาชีวิตของผมตอนนี้ คือ สามล้านบาท ซึ่งสามล้านอาจจะดูสูงไปสำหรับลูกคนใช้แบบผมด้วยซ้ำ เธอยิ้มอย่างอารมณ์ดีและพูดต่อ “นี่ยังไม่รวมกับของแม่เธอนะ”

    “แม่ผมอยู่ไหน” ผมแผดเสียงลั่น

    “จะให้เธอชื่ออะไรดีน้า...” ผู้หญิงคนนี้พึมพำกับตัวเอง เธอไม่ฟังอะไรผมเลย น่าหงุดหงิดชะมัดคนแบบนี้ ผมหันไปหาชายคนข้าง ๆ เขาเหมือนเป็นหุ่นยืนนิ่งไปเสียแล้ว คงเพราะผู้หญิงคนนี้แหละ น่ากลัวเสียจริง เธอหันมามองหน้าผมอีกครั้ง “เวหาเหรอ งั้นชื่อสีฟ้าแล้วกัน”

    “ผมชื่อเว” 

    “เธอคงไม่อยากใช้ชื่อจริง ๆ ทำงานที่นี่หรอกเชื่อฉันสิ ทุกคนก็มีชื่อในวงการทั้งนั้น” เธอบอกและยิ้มอย่างผู้ชนะเมื่อควบคุมความคิดของผมได้ ผมเถียงไม่ออก ถ้าผมกลับไปเรียนผมก็ไม่อยากให้ใครรู้หรอกว่าเคยมาทำงานที่นี่ เธอยกมือโบกไล่พวกเรา “คาธ เธอพาเด็กคนนี้ออกไปได้แล้ว”

    ผมหันไปมองชายที่ชื่อคาธ ชื่อแปลกชะมัด ชื่อในวงการเหมือนกันหรือ เขาหันมาสบตากับผมแล้วเดินนำไปยังประตู สิ่งที่ผมทำได้ตอนนี้มีเพียงก้าวเท้าตามเขาออกไป

     

    ...โปรดติดตามตอนต่อไป...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×