ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    B l u e N i g h t i n g a l e B i r d . | DETECTIVE CONAN 「Oc」

    ลำดับตอนที่ #18 : 17 || เหตุผลของท่านผู้นั้น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.96K
      276
      5 ก.ย. 63















    17

    เหตุผลของท่านผู้นั้น


               “หนูจะรอนะคะพี่ชูอิจิ”  ชิองกดสายทิ้ง พิงเอนกับเสาไฟฟ้าหน้าร้านบูติกแห่งหนึ่ง มันเป็นร้านที่สไตล์ลิสต์กับเมคอัพอาร์ทติสที่ทางบริษัทต้นสังกัดส่งมาดูแลเธอเปิดกิจการอยู่  พวกเขาเชื้อเชิญให้เธอมาลองชุดที่ร้านในเมืองโทโตะซึ่งใกล้กับสำนักงานอัยการ และถือโอกาสนี้คุยกับทีมงานคนอื่นๆเรื่องคอนเสิร์ตเปิดตัวในอีกสองวัน 

     

              ส่วนคุณอากาอิที่ต้องผ่านเมืองโทโตะเพื่อกลับเมืองเบย์กะ เลยอาสามารับเธอเนื่องจากเป็นทางผ่าน  ใช้เวลาไม่นานนักเขาก็มาถึงตามโลเคชั่นที่เธอส่งไป  เขาไม่ได้ขับรถคันเดิม?  ไม่ได้ขับเจ้าซูบารุสีแดงคันจิ๋วเหมือนปกติ แต่ดันขับรถสปอร์ตสีแดงมาแทน  เรื่องรถก็ประหลาดใจแล้ว แต่เรื่องที่เขาไม่ได้อยู่ในคราบปลอมตัวนี่สิแปลกกว่า

     

              ชิองเดินขึ้นไปนั่งบนรถ หันซ้ายทีขวาทีสำรวจอย่างใคร่รู้และคาดเข็มขัดนิรภัยไปพลาง  “ฟอร์ด มัสแตง จีที ห้าร้อยสินะคะ”  ซึ่งเขาพยักหน้าว่าใช่เป็นคำตอบ

     

              และชายหนุ่มก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว มือข้างหนึ่งคอยกดส่งข้อความสมาร์ทโฟน  เด็กสาวจับสังเกตความร้อนรนเล็กๆผ่านใบหน้าเรียบเฉยของเขา  แล้วจู่ๆเขาก็วนโค้งที่หัวมุมถนนทำเอาเธอหาที่เกาะแทบไม่ทัน เขาเปลี่ยนเกีย เหยีบคันเร่ง มุ่งตามบางสิ่งซึ่งด้านหน้าคือรถมาสด้ารุ่นอาร์เอ็กซ์เซเว่นสีขาวคุ้นเคย

     

              รถของคุณอามุโร่

     

              “จับไว้แน่นๆนะ”  อากาอิเตือน สิ้นประโยคเขาเหยียบคันเร่งมากขึ้นเมื่อมาถึงสะพานโทโตะ ชายหนุ่มเหยียบเบรคเล็กน้อยเพื่อชะลอแรงเหวี่ยงเข้าโค้ง ขนาบข้างไล่เลี่ยกับรถของอามุโร่

     

              ชิองนั่งพนมมือ สวดหาพระเจ้าหรือพระพุทธองค์มั่วซั่ว ไม่รู้ว่าต้องสวดขอพรบทไหนถึงสามารถช่วยให้ตนรอดจากเวลานี้ได้  พวกเขาเล่นกระแทกรถกันไปมา เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองหลุดเข้าไปในหนังฟาสแอนด์ฟีเรียสภาคโตเกียวดริฟต์ เพียงแต่นี่คือความจริงไม่มีสตั๊นท์แมนหรือเอฟเฟคช่วยใดใด  เด็กสาวเบิกตากว้างมองรถคันหนึ่งที่ถูกเบียดกับรถสิบล้อขนส่งน้ำมันจนกระเด็นลอยสูง

     

              และรถของพวกเราก็ต้องหยุดค้างอยู่ตรงนั้น เนื่องจากถูกรถขนน้ำมันขวางจนไม่สามารถไปต่อได้  เธอไม่รู้หรอกว่าพวกเขาจะตามล่าใคร อะไร ยังไง แต่เธอไม่น่ามากับคุณอากาอิเลย!!  ชิองทำหน้าตาตื่นจ้องชายหนุ่มหยิบกระเป๋าไรเฟิลไปประกอบ เขาตั้งขาตั้งอยู่หน้ากระโปรงรถ นิ้วขยับเล็กน้อยตรงไกปืน เหนี่ยวกระสุนตะกั่วพุ่งใส่รถอีกคันที่สวนเลนมา

     

              รถคันนั้นแฉลบชนเข้ากับราวกั้นสะพานและล่วงลงไปในแม่น้ำพร้อมๆกับรถขนน้ำมัน สิ่งที่ตามมาคือแรงระเบิดมหาศาล แม้ชิองจะอยู่ในรถ แต่เธอสัมผัสได้ถึงแรงอัดผ่านกระจกฝั่งคนขับที่สั่นผับๆ เรียกได้ว่าการล่าของพวกเขานั้นวินาศสันตะโรชนิดที่เป็นพาดหัวข่าวดังในรุ่งเช้า

     

              ชิองนั่งอยู่บนรถแวน นิ้วเกลี่ยหน้าสมาร์ทโฟนอ่านข่าวและทวิตเตอร์ที่กลายเป็นข่าวดังชั่วข้ามคืน คุณอากาอิบอกเธอว่าคีร์หรือมิสึนาชิ เรย์นะส่งข่าวมาแจ้งการเคลื่อนไหวขององค์กรเรื่องรหัสน็อกซ์อะไรสักอย่าง เขาเองก็ไม่ได้แจงรายละเอียดกับเธอมากนัก บัดนี้ด็กสาวกำลังไปที่สวนน้ำโทโตะเพื่อทดลองสถานที่จริง เห็นทีมงานแจ้งว่าเวทีจะอยู่หน้าชิงช้าสวรรค์ยักษ์ มันน่าตื่นเต้นไม่หยอก เพราะไฮไลท์เด่นของมันคือการแสดงแสงเลเซอร์สีสายรุ้ง

     

              “เฮ้อ”  ชิองถอนหายใจ ตั้งแต่เข้าสังกัดบริษัทเพลง เธอก็ไม่ค่อยมีเวลามากนัก เพราะเดี๋ยวต้องไปออกรายการวิทยุนู้นทีนี้ทีตามโปรแกรมตารางงานที่แน่นขนัด  ตอนซ้อมก็ต้องใส่ชุดมาสค็อตปลาโลมาเพื่อปกปิดใบหน้าก่อนถึงงานแสดงจริง  เหอะ.....มีหวังได้เป็นลมตายก่อนแน่  และที่พวกเขาเลือกซ้อมใหญ่กลางแจ้งก็เพราะต้องการโปรโมทคนอื่นๆที่ไม่ใช่แฟนเพลงติดตามผลงานเพิ่มเติม

     

              เป็นการตลาดที่ใช้ศิลปินซะคุ้มเลยนะ

     

              พอถึงสวนน้ำโทโตะ ชิองที่แต่งชุดสตาฟเดินตัวปลิวผ่านกลุ่มแฟนคลับที่มาดักรออยู่หน้าสวนน้ำโทโตะเพราะหวังจะเห็นใบหน้าแท้จริงของ Amour

     

              “คุณคุโด้คะ พอดีทางเรามีปัญหากับการซาวน์เสียงจึงต้องขอให้คุณรอประมาณหนึ่งชั่วโมง เวลาที่เหลือคุณสามารถเดินเล่นภายในสวนน้ำก่อนได้นะคะ”  สตาฟคนหนึ่งเดินมาแจ้งกับเธอ

     

              พอชิองได้ยินแบบนั้นจึงส่งยิ้มและบอกไม่เป็นไร  ก็ดี—ถือซะว่ามีเวลาผ่อนคลายทานอาหารก่อนซ้อมใหญ่  และเด็กสาวเลือกไปทานอาหารกลางวันที่โดมในร่ม อันเป็นศูนย์รวมของภัตตาคารกับเครื่องเล่นนานาชนิด  ทว่าเธอกลับเห็นคนคุ้นตาเดินสวนไปยังบันไดเลื่อน อันเป็นสถานที่พานักท่องเที่ยวขึ้นบนชิงช้าสวรรค์

     

              ชารอน

     

              หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีบลอนด์แพลทตินั่มที่ปกปิดตัวเองด้วยหมวกใบใหญ่กับแว่นตาดำกำลังยืนกระซิบกับผู้หญิงผมสีเงินแต่งตัวมอมแมมคนหนึ่ง เธอคนนั้นอยู่รวมกับพวกเด็กๆในขบวนการนักสืบเยาวชน ชิองไม่รีรอที่จะเดินเข้าหาอีกฝ่าย  “มาทำอะไรที่นี่ชารอน”  เธอถาม การที่ดาราใหญ่อย่างเบลม็อทออกมาเพ่นพ่าน นั่นหมายความว่าองค์กรกำลังเคลื่อนไหวจริงๆแบบที่คุณอากาอิบอก

     

              เบลม็อทถอดแว่นกันแดดออก ส่งยิ้มให้เด็กสาวอย่างไม่รีบร้อน เธอไม่ได้ตอบอะไรนอกจากดึงอีกฝ่ายกอด  “หายดีแล้วสินะ”  เธอรู้ทุกอย่าง เธอรู้ว่าชิองป่วย แม้อยากจะเยี่ยมมากแค่ไหนแต่ไม่สามารถเข้าใกล้นกน้อยของเธอได้เลย

     

              “หนูถามคุณนะคะชารอน”  ชิองทวงถาม

     

              “ฉันบอกไม่ได้หรอกนะ และตอนนี้ฉันกำลังรีบอยู่”  พูดจบเบลม็อทสาวเท้าวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเห็นโคนันกำลังเดินมาทางตน

     

              ชิองไม่ได้ตามหญิงสาวไป  การที่พวกเด็กๆมาที่นี่ นั่นหมายความว่าเจ้าพี่ชายของเธอก็อยู่สวนน้ำเช่นกัน 

     

              “นึกว่าจะซ้อมสดแล้วซะอีก”  ชินอิจิเข้าทักทายน้องสาว

     

              “พี่คะ.....”  ชิองโน้มตัวเล็กน้อย พลางเหลือบตาหาไฮบาระ ระวังไม่ให้เสียงดังเกินงามจนเด็กหญิงได้ยินสิ่งที่กำลังพูด  “ฉันเจอเบลม็อท”

     

              “ว่าไงนะ!!?”  เขาร้อง

     

              “ฉันเห็นเธอเดินเข้าไปคุยกับผู้หญิงผมสีเงินที่อยู่กับเด็กๆ”

     

              ชินอิจิแตะคางครุ่นคิด  “เป็นอย่างที่สังหรณ์จริงๆซะด้วย”

     

              ใบหน้าแบบนั้นของพี่ชาย ให้เธอรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นหนึ่งในสมาชิกองค์กรไม่ผิดแน่ และต้องเป็นคนเดียวกับที่คุณอากาอิและคุณอามุโร่ตามล่าที่สะพานโทโตะเมื่อวาน  ชิองก้มตัวอีกครั้ง บอกเรื่องน็อกซ์ให้กับพี่ชายเท่าที่ตัวเองรู้ หากเขาสงสัยอะไรเพิ่มเติม เดี๋ยวเจ้าตัวก็ไปถามกับพวกเจ้าหน้าที่เอฟบีไอคนอื่นอีกที

     

              “คุณคุโด้คะเตรียมสแตนด์บายได้แล้วนะคะ ทางเราแก้ปัญหาเรียบร้อยแล้วค่ะ”  ขณะนั้น สตาฟก็ตะโกนเรียกเธอให้กลับไปที่เวที ดูเหมือนพวกเขาจะแก้เครื่องเสียงได้เร็วกว่าที่กำหนด

     

              “ถ้าพี่ชินรู้อะไรเพิ่มเติมช่วยบอกหนูด้วยนะ” 

     

              “เอ้อ.....ไว้จะส่งเมลไปหา”

     

     

             

              ถัดไปอีกวันช่วงประมาณหกโมงเย็น ณ สวนน้ำโทโตะ เธอมีโชว์ตอนหนึ่งทุ่มตรง หน้าเวทีแน่นขนัดด้วยผู้คนที่กู่ร้องเรียก Amour  หัวใจเธอพลันสั่นเกร็งจากอาการตื่นเต้น  ทว่า—พี่ชินอิจิกลับโทรหาเธอ  ปลายสายร้อนรนขอให้เธอไปที่ชิงช้าสวรรค์เพื่อไปหยุดเจ้าหน้าที่สันติบาลที่กำลังพาตัวคูราโซ่ไปกระตุ้นความทรงจำ

     

              เมื่อวานพี่เขาโทรมาเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่เกี่ยวกับนอนออฟฟิเชียลหรือน็อกซ์  มันคือข้อมูลของสายลับที่ถูกขโมยไปโดยหญิงสาวผมสีเงินผู้เป็นเจ้าของโค๊ดเนมว่าคูราโซ่  หากเจ้าหล่อนความทรงจำกลับมาต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน

     

              “ได้ค่ะพี่ชิน”  เธอกดสายทิ้ง รู้หรอกว่ามันไม่ดีต่อแฟนๆที่กำลังรอชมผลงาน  แต่ว่าเรื่องความมั่นคงของเพื่อนมนุษย์มันคอขาดบาดตายมากเกินกว่าที่จะออกไปร้องเพลงด้วยใบหน้าระรื่นได้  ชิองแอบออกจากหลังเวทีไปยังชิงช้าสวรรค์คู่ทางฝั่งทิศใต้

     

              “อายูมิจัง!”  เธอตะโกนเรียกเด็กหญิงแต่ว่าไม่ทัน  และเพราะชิงช้าฝั่งนี้ถูกจองไว้ นักท่องเที่ยวคนอื่นจึงไม่สามารถขึ้นได้

     

              โถ่เว้ย!! ทีนี้ทำยังไงดี

     

              “พี่สาวสนใจขึ้นชิงช้าส่วนตัวกับผมไหมครับ” ขณะที่กำลังคิดหาหนทางหยุดยั้ง ชิองบังเอิญพบเข้ากับคุรายามิ เขาเข้ามาจูงมือและลากเธอขึ้นชิงช้าโดยที่พนักงานของสวนน้ำปล่อยให้พวกเราผ่านไปได้อย่างง่ายดาย

     

              “คูจังเธอมาที่นี่ได้ไง”  เธอถามหนุ่มน้อย

     

              “ก็แค่อยากนั่งชิงช้าส่วนตัวเฉยๆ ผมสามารถต่อราคาจนได้ส่วนแบ่งการจองมาจากกลุ่มบริษัทสึสึกิได้น่ะครับ”  เขาตอบ  “พี่สาวล่ะฮะมาทำอะไรที่นี่ ไม่ต้องแสดงคอนเสิร์ตเหรอ?”

     

              เธอเลิกคิ้วฉงน คุรายามิรู้ได้อย่างไรว่าเธอต้องมาแสดงคอนเสิร์ต  “แอบสืบเรื่องของพี่หรือไงจ๊ะ”  ชิองเลือกบ่ายเบี่ยงเพื่อกลบเกลื่อนว่าตนเองต้องการขึ้นมาบนชิงช้าเพราะอะไร

     

              “หัวไวจังนะครับ แต่ว่านะ......”  หนุ่มน้อยเคลื่อนตัวเข้าหาเด็กสาว ก่ายขึ้นบนหน้าตัก แตะนิ้วเล็กๆไปที่ริมฝีปากและจ้องตา  “ชู่ว์  เฉไฉไปก็ไม่ได้อะไรหรอก รู้รึเปล่า—คนเราน่ะ ต่อให้โกหกได้แนบเนียนแค่ไหน แต่ดวงตาของเรานั้นไม่สามารถปกปิดความจริงได้”

     

              “นกน้อยของผมโกหกแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะ”

     

              นัยน์ตาสีฟ้าของชิองพลันขยายกว้าง รูปประโยคและน้ำเสียงที่แก่เกินเด็กนั้นฟังแล้วเหมือนกับคำพูดของเรนยะ ผู้ชายที่ช่วยเธอในกองเพลิงไม่มีผิดเพี้ยน ยิ่งเขาพูดคำว่านกน้อยด้วยใบหน้าเย้ยหยัน สลัดซึ่งคราบไร้เดียงสาแบบที่ผ่านมา ขนแขนของชิองกลับลุกชัน ความกระอักกระอ่วนเข้าแทรกราวกับสัญชาติญาณลึกๆมันสั่งให้เธอหนีตอนนี้

     

              “ระ.....เรนยะ”   ปากสั่นๆอ้าพูดชื่อเขา ชื่อที่พอจำได้ในความทรงจำ  “นายคือคนที่ช่วยฉันไว้เมื่อสิบปีก่อน”

     

              “อุหวา....จับได้แล้วล่ะ”  เขาแสร้งทำหน้าเสียใจครู่นึงก่อนจะหันไปกระตุกมุมปากใส่เธอ  “ใช่—ฉันชื่อเรนยะ แต่เป็นคาราสุมะ เรนยะ ไม่คิดเลยว่าเธอจะจำฉันได้ไวขนาดนี้นะ ใจจริงไม่อยากให้นึกออกด้วยซ้ำ”

     

              คาราสึมะ เรนยะ!!!  

     

              ชิองขาอ่อน ทรุดฮวบกับพื้นพรม ยกสองมือขึ้นปิดปากตัวเอง  จู่ๆน้ำตาก็ไหลไม่รู้ตัว แม้เธอจะชอบเสี่ยงตายหรือบ้าดีเดือดขนาดไหน แต่นี่คือครั้งแรกที่เธอกลัวที่สุดในชีวิต  เขาคนนี้เนี่ยนะ—เขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคือหัวหน้าสูงสุดขององค์กรชุดดำ  แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำ  คาราสึมะ เรนยะคือมหาเศรษฐีที่ตายไปเมื่อครึ่งศตวรรษก่อนด้วยอายุเกือบร้อยปี

     

              “โอ๋เอ๋ นกน้อยของฉัน ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะ”  เรนยะเดินเข้าหาชิองและปาดน้ำตา  “ตาแก่คนนี้ไม่ทำอะไรเธอหรอก”

     

              เธอยิ่งสั่นเกร็งเมื่อเขาสวมกอดเธอทั้งตัวราวกับรักใคร่ปนเอ็นดู  ชิองนั่งตัวแข็ง เขากลอกกระซิบถ้อยคำอยู่ข้างหู  ถ้าฉันคิดจะฆ่าเธอฉันฆ่าไปนานแล้ว 

     

              “นี่คาราสึมะ”  แม้ใจจะกลัวขนาดไหน ในที่สุดชิองก็ตัดสินใจเปิดปากเพื่อสนทนากับอีกฝ่าย  “ทำไมตอนนั้นถึงช่วยฉัน”

     

              คนโดนถามได้แต่อมยิ้ม ถามหาเหตุผลกับเขางั้นเหรอนั่นสิ—เขายังตอบตัวเองไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ด้วยซ้ำ  เรนยะเอื้อมมือเกี่ยวผมของเด็กสาวเล่น  “ถ้าอยู่บนโลกมานานแบบฉัน เงินทอง ทรัพย์สิน อำนาจล้วนไร้ค่า”  ต่อให้เขารวยล้นฟ้าจนมีคฤหาสน์ทองคำ มีอำนาจและเหล่าบริวารที่ซื่อสัตย์หรือแค่หวังบารมีแล้วอย่างไร  สุดท้ายตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง

     

              แม้ตอนนี้เขาเกือบบรรลุเป้าหมายสูงสุดของเขาแล้ว ได้มาซึ่งตัวยาที่ทำให้เขาไม่ต้องตายและอ่อนเยาว์  ทว่าทุกอย่างล้วนมีราคาต้องจ่ายเพื่อความเท่าเทียม  ถึงเขาจะกินยาเข้าไปแล้วกลายเป็นเด็ก แต่ตัวยากลับส่งผลข้างเคียงให้เขาป่วยออดๆแอดๆตลอด ดั่งที่เขาไปนอนอยู่โรงพยาบาลจนได้พบกับชิองนั่นไง

     

              มีตัวยาล็อตที่สองที่ผลิตโดยเชอร์รี่ที่เขากินเข้าไปแล้วไม่ได้รับผลกระทบอะไร เสียดาย—เสียดายในความสามารถ แต่กฎก็คือกฏ ผู้ที่คิดคดทรยศต้องหายออกไปจากองค์กร  เขาสำเหนียกตัวเองตอลดเวลาว่าจิตใจห่างไกลความเป็นมนุษย์เข้าไปทุกที  ชีวิตของคนมากมายต่างอยู่ในกำมือของเขา จะเป็นจะตายล้วนอยู่กับคำประกาศิต

     

              เป็นได้ทั้งพระเจ้าและปีศาจ

     

              แต่เขาก็หวังมาตลอด—หวังว่าจะมีใครสักคนหยุดยั้งเขา คนที่ไม่สามารถหามาได้ด้วยอำนาจหรือเงินตรา คนที่อยู่บนความเที่ยงธรรมไปถึงวิญญาณ และต้องผุดผ่อง

     

              ใช่แล้ว.....เด็กคนนี้ยังไงล่ะ

     

              “บลูไนติงเกล....”  เรนยะช้อนตาหาชิอง  “ฉันคาดหวังกับเธอไว้มากเลยนะ”

     

              เขาเลือกไว้แล้ว คนที่จะล้มเขาน่ะ การที่ทำให้เด็กที่ราวกับผ้าหลากสีสันแปดเปื้อนด้วยเลือดจากคนโสมม ก่อนตายก็อยากเห็นสักครั้ง

     

              ความหนักอึ้งสอดแทรกอยู่ในบรรยากาศ ชิองลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง คำถามที่ไม่ได้คำตอบ สิ่งที่ได้มาจากคาราสึมะ เรนยะคือคำกำกวมกับใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าคละเศร้าสร้อย เธอกำลังถามต่อแต่ต้องหยุดทุกสิ่งเมื่อสายริงโทนบนมือถือดังขึ้น

     

              พี่ชินอิจิ—เธอกดรับสายอย่างระแวดระวัง  เสียงของพี่ดูร้อนรน เขาบอกให้เธอมาหาเขาที่โซนเครื่องจักรของชิงช้า บริเวณสำหรับเจ้าหน้าที่เท่านั้น เธอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เปิดฝาเพดานของตู้ชิงช้าสวรรค์ ก้าวขาขึ้นบนเก้าอี้ กระโดดเกาะขอบฉุดรั้งตัวเองออกมาได้อย่างสบายๆ เธอพอมีความสามารถในการทรงตัวจากการเล่นยิมนาสติคอยู่บ้าง

     

              ชิองก้มมองเรนยะที่เขาเองก็แหงนหน้าจ้องเธอเหมือนกัน สายตานั้นบ่งบอกว่าไม่อยากให้เธอไป

     

              “ไม่ต้องกลัวหรอก”  เขาพูด  “ถึงฉันจะเลว แต่รับปากว่าไม่ทำอะไรก็คือไม่ทำอะไร ไปเถอะนกน้อย.......”

     

              “เดี๋ยวก่อนค่ะ”  ก่อนไปเธอมีอีกคำถาม  “ตกลงคุณมาทำอะไรที่นี่กันแน่”

     

              “หึ.....มาประเมินผลงานลูกน้องล่ะมั้ง”  เรนยะลูบบานกระจก เบนสายตาออกไปด้านนอก อ้างๆไปงั้นแหละ เขาก็แค่.....มารับคูราโซ่เท่านั้นเอง พวกลูกน้องจะทำอะไรหรือใช่อะไร ตอนนี้เขารู้แค่บางส่วน

     

              “รู้ไหมคะว่ามีระเบิดติดที่เพลาชิงช้า” 

     

              “ว่าไงนะ!!?”  หนุ่มน้อยเบิกตาด้วยความตกใจ  เรนยะรีบกดเอียโฟนโทรหาเบลม็อท เขาแค่สั่งให้ติดเครื่องรบกวนกระแสไฟฟ้าในสวนน้ำแห่งนี้ดับเพื่ออำพรางเครื่องบิน หากคูราโซ่ยอมไปก็แค่รับกลับ ทว่าถ้าอีกฝ่ายมีทีท่าคิดทรยศ ให้ทำการสังหารอย่างเงียบเชียบ แต่ไม่ได้สั่งให้ทำลาย!!!

     

              แล้วยัยนั่นรู้รึเปล่าว่าเขาอยู่บนนี้  ไอ้เวรยิน.....ถ้าออกไปได้ จะจัดการสั่งสอนมันให้เข็ดหลาบซะ! ที่ไม่แจ้งรายละเอียดว่าเขาอยู่บนนี้ด้วย คงกะปล่อยให้เขาเละไปกับระเบิดสิท่า งามหน้านัก

     

              ชิองปิดฝาฝ้าอย่างเงียบเชียบ ทำเป็นไม่สนใจ ไหนๆเรื่องก็มาขนาดนี้แล้ว  ก่อนหน้าพี่ชินอิจิบอกให้เธอช่วยไปบอกคุณอากาอิกับคุณอามุโร่ที่คาดว่าน่าจะอยู่บนชิงช้านี่ด้วย  เธอหยิบหนังยางรวบผม ถอดรองเท้าส้นสูง และเริ่มออกตัววิ่งปีนป่ายขึ้นไปด้านบน

     

              เป็นเวลาประจวบเหมาะพอดีกับที่พลุไฟถูกยิงขึ้นฟ้า เด็กสาวเห็นสองหนุ่มกำลังห้ำหั่นใส่กันอย่างดุเดือด  “ทั้งสองคนหยุดก่อนได้ไหมคะ!”  ชิองตะโกนสุดเสียง แต่พวกเขาไม่ฟัง

     

              “ขอร้องล่ะค่ะ หยุดทีเถอะ ชิงช้านี่ติดตั้งระเบิดไว้นะคะ!

     

              แล้วพวกเขาก็ไม่ฟังอีก ต่อยกันจนล่วงลงไปด้านล่าง  โถ่ว!! เจ้าพวกแหกกฎฟิสิกส์  กระโดดเตะไปมาแบบชิวๆ โดยไม่สนแรงลม นิวตันเห็นนิวตันคงหลั่งน้ำตาแน่  ชิองเริ่มกัดฟันกราม ตัดสินใจกระโดดตาม เขวี้ยงรองเท้าส้นสูงปาใส่ทั้งสองคน

     

              พวกเขาดูงุนงงว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร โชคดีที่พี่ชินอิจิเห็นพวกเราเข้า และเริ่มสาธยายสถานการณ์ในปัจจุบันให้ฟัง และสักพักไฟฟ้าทั้งสวนน้ำโทโตะก็ดับ

     

              “นั่นเธอจะไปไหน”  ชินอิจิถามน้องสาว

     

              “ฉันต้องกลับไปที่ชิงช้านั่น”  พูดจบเธอรีบวิ่งกลับไปที่ชิงช้า ระหว่างทางชิองบังเอิญพบเข้ากับคูราโซ่และไฮบาระ หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีเงินดูท่าจะฟื้นความทรงจำกลับมาอย่างสมบูรณ์ ทว่ากลับดูแตกต่าง ไร้ซึ่งกลิ่นขององค์กร

     

              “ชิอง!?”  ไฮบาระวิ่งเข้าหาชิอง  “พวกเด็กๆอยู่บนชิงช้า พาฉันไปที” 

     

              เด็กสาวพยักหน้า อุ้มไอจังขี่หลัง  “คูราโซ่.....ฉันมีข้อเสนอ”

     

              “ข้อเสนอ?”  คูราโซ่เลิกคิ้วมีคำถาม แต่ก่อนจะได้เสวนาอะไรกัน สายโทรศัพท์ของเด็กสาวก็ดังขึ้น

     

              เบอร์ที่โทรมานั้นเป็นเบอร์แปลก แต่สุดท้ายชิองก็กดรับ เสียงจากปลายสายนั้นคือเสียงของเบลม็อท  “ชารอน!!?”

     

              [รีบออกมาจากตรงนั้นโดยด่วน เขาบอกฉันหมดแล้ว]

     

              “ไม่ได้หรอก บนนั้นน่ะมีเด็กๆอยู่นะ!!

     

              [เด็กๆน่ะปลอดภัยแล้ว ฉันล่นระยะเวลาให้ไฟดับ รอตู้ชิงช้าของเด็กๆกับเขามาถึงด้านล่างก่อน]

     

              “เดี๋ยวสิชารอน!”  เธอตะคอก แต่อีกฝ่ายกดสายทิ้งเรียบร้อย ชิองหันไปหาไฮบาระ บอกเรื่องของเด็กๆ และเตรียมตัวอุ้มเด็กหญิงอีกครั้ง ทว่ากลับมีห่ากระสุนยิงกราดใส่พวกเรา

     

              “พาเด็กคนนั้นหนีไปก่อนนะ ฉันจะล่อพวกมันเอง”  คูราโซ่บอก

     

              “เดี๋ยวคูราโซ่! ถ้าเธอรอดไปได้ตามฉันมาที่นี่นะ”  เธอส่งบัตรสตาฟให้หญิงสาวและวิ่งหลบกระสุนอย่างรวดเร็ว

     

              ไฮบาระคล้องคอกอดชิองแน่น “นี่เธอ.....คิดจะทำอะไรกันแน่?

     

              “ทำในสิ่งที่ควรทำ”  เธอตอบสั้นๆ พลางกระชับกอดร่างเล็กๆแน่นขึ้น ก่อนที่จะกระโดดหลบไปที่บ่อน้ำพุ  แหงนหน้าหาชิงช้าสวรรค์ที่ถูกยิงจนแยกส่วน พี่ชายของเธอคงง่วนอยู่กับการหยุดยั้งมันเพื่อรักษาชีวิตของทุกคนไว้  ส่วนสิ่งที่เขาสั่งไว้เธอจะจัดการเอง

     

              เพราะการหยิบยื่นครั้งนี้ชิองคิดว่า มันคุ้มที่จะเสี่ยง จริงไหม? พี่ชินอิจิ

     


    _____________________


           ไม่มีอะไรมากค่ะ ตอนหน้าของพี่ยิน จริงๆไรต์มีโปรเจคร่วมกับนักเขียนท่านนึง ไรต์เขาน่าจะแจ้งไปแล้ว จะมีตัวละครของนักเขียนท่านนั้นมาเป็นส่วนเสริมด้วยนะคะ แฮร่......รอชมค่ะ ตอนแรกกะให้เป็นโลกคู่ขนาน แต่ว่าถ้าเชื่อมกันเลยคงดีกว่า อาจจะกล่าวเล็กๆน้อยๆนะคะ ^^ ขอบคุณค่ะ ปล.ลืมแจ้งนะคะว่าสถานะของนักเขียนท่านนั้นคือข้อมือหัก นามปากการะฆังยามเช้านั่นแหละค่ะ

            

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×