ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    B l u e N i g h t i n g a l e B i r d . | DETECTIVE CONAN 「Oc」

    ลำดับตอนที่ #4 : 04 || บทเพลง ความรักและรองเท้าแตะ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ย. 63
















    04

    บทเพลง ความรักและรองเท้าแตะ


              เสียงปลายดินสอเคาะโต๊ะไม้ไม่เป็นจังหวะ เลื่อนแผ่นกระดาษสีขาวที่มีตัวอักษรยึกยือครูดไปมา สายลมเอื่อยพัดโชยจากบานหน้าต่างที่เปิดอยู่ มือเล็กขยุ้มผมสีน้ำตาลอ่อน เหนือกว่าสภาพอากาศที่สูงขึ้นตามฤดูกาลก็คืออาการหัวร้อนของชิอง

     

              “ทำไงดีจะถึงเส้นตายแล้วโว้ย!!”  เด็กสาวโวยวายขยี้ผมจนยุ่งเหยิง สุดท้ายก็หมอบราบนอนบนโต๊ะด้วยสภาพเหนื่อยอ่อน แก้มยุ้ยแนบชิดแผ่นกระดาษ สอดส่องสายตาไปยังผ้าม่านที่ปลิวไสว  หัวว่างเปล่าขัดกับเดดไลน์การเขียนเนื้อเพลง

     

              เธอเลื่อนนิ้วเกลี่ยสมาร์ทโฟน ดูคำประกาศหน้าโฮมเพจของตนเองเมื่อหลายเดือนก่อนและคอมเม้นต์จากแฟนเพลงที่กำลังตื่นเต้นกับสองเพลงใหม่ของเธอที่กำลังปล่อยให้ฟังปลายเดือนนี้และเดือนหน้า

     

              จะปล่อยเพลงอยู่แล้วแต่ยังไม่มีแม้แต่เนื้อร้องที่สมบูรณ์  “เฮ้อ.......อยากได้แรงบันดาลใจกระตุ้นจัง”

     

              ชิองบ่นลอยๆและกำลังลุกไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น  แต่พอเธอบิดลูกบิดประตูเปิดเข้าไปก็พบกับคุณอากาอินุ่งกางเกงตัวเดียวยืนแปรงฟันสบายใจ  “หนูบอกหลายครั้งแล้วนะคะว่าให้คุณล็อคประตู”  เธอตะเบ็งเสียงใส่ชายหนุ่ม หลายครั้งหลายคราที่เธอบ่นเรื่องการเข้าห้องน้ำของเขา

     

              “คุณไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วนะคะ อีกอย่างถ้ามีคนอื่นที่ไม่ใช่หนูมาเห็นคุณสภาพนี้จะแย่เอา”  ชิองกำลังปิดประตู แต่สายตาก็หยุดค้างที่ตัวคุณอากาอิ  เธอผงกศีรษะขึ้นลง สแกนเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

     

              “แบบนี้เองสินะ”  เธอพึมพำกับตัวเอง  เพราะแบบนี้นี่เองคุณแม่ที่เคยช่วยเขาปลอมตัวถึงได้หลงหัวปักหัวปำ เอาแต่เอ่ยปากชมเขาไม่หยุดหย่อน พอได้เห็นคุณอากาอิสภาพกึ่งเปลือยเปล่าแบบคุณแม่ถึงได้เข้าใจ เขาทั้งสูง สมาร์ท ฉลาด ผิวแทนนั่นก็มีเสน่ห์ดึงดูด แถม—สัดส่วนกล้ามเนื้อของบอดี้ยังลงตัวอีก 

     

              อืมๆถ้าไม่สังเกต ไม่รู้เลยนะว่าคุณอากาอิก็หล่อเหมือนกัน แถมสไตล์แบบหนุ่มมาดเท่ลึบลับมันช่วยขับส่งให้ดูดีอีกเท่าตัว

     

              “เลิกจ้องฉันแล้วก็ออกไปได้แล้ว”  อากาอิดีดหน้าผากและปิดประตูใส่หน้าชิอง

     

              เธอยกมือลูบหน้าผากที่เจ็บแปล๊บ เขาชอบดีดหน้าผากบ่อยเสียจนมันจะบวมโหนกล้ำจมูกเธออยู่แล้ว  “จริงสิ!”  ชิองเกิดนึกอะไรออกจึงเคาะเรียกคุณอากาอิ  “คุณอากาอิเดี๋ยวเสร็จธุระแล้ว ช่วยมาหาหนูที่ห้องดนตรีด้วยนะคะ” 

     

              พูดจบวิ่งกลับไปที่ห้องเดิม ใช้เวลาไม่นานคุณอากาอิที่จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยก็มาหาตามคำเรียก

     

              “มีอะไรกับฉันเหรอ?”  อากาอิถาม

     

              “คุณอากาอิช่วยเล่าเรื่องราวความรักของคุณให้ฟังหน่อยค่ะ!”  ชิองถามด้วยความกระตือรือร้น เตรียมปากกาและสมุดโน๊ตพร้อมจดทุกอย่าง  ถ้าเกิดได้ฟังเรื่องราวรักๆใคร่ๆ เธออาจมีไอเดียเอาไปแต่งเพลงก็ได้

     

              เคยได้ยินจากพี่ชินอิจิมาบ้างถึงโศกนาฎกรรมความรักของเขา ถึงจะไม่รู้รายละเอียดแบบเจาะลึกมากก็เถอะ แต่ฟังแล้วต้องเอามาใช้กับโทนเพลงที่เธอกำลังเขียนได้แน่!

     

              “เล่าแล้วมันช่วยเธอเขียนเพลงเสร็จใช่ไหม?”  พอเห็นสายตาคาดหวังจากชิอง เขาจึงตัดสินใจไปนั่งตรงโซฟาและตอบตกลง  “ฉันไม่ค่อยอยากเล่านักหรอก เพราะฉะนั้นเธอถามเป็นข้อๆเลยดีกว่า”

     

              เธอคนนั้นเป็นยังไงคะ”  ผู้หญิงที่สามารถมัดใจคนแบบคุณอากาอิได้นั่นน่ะ

     

              เจอคำถามนี้เข้าไป อากาอิพลันนึกถึงหน้าของมิยาโนะ อาเคมิ ถามว่าเธอเป็นผู้หญิงแบบไหนงั้นเหรอ“เป็นคนที่ต่อหน้ายิ้มแย้ม แต่ชอบแอบไปร้องไห้คนเดียว”  จำได้ดีเลยล่ะ ใบหน้าที่ฝืนยิ้มทั้งน้ำตา ถึงจะรู้ว่าเขาหลอกหวังเข้าองค์กรแต่เธอก็ยังเต็มใจช่วยเขา จะเรียกว่าคนดีหรือบ้ากันแน่

     

              “และเป็นยัยผู้หญิงโง่เง่าที่เอาแต่ขอโทษ”

     

              ชิองลดมือที่ถือสมุดโน๊ตกับปากกาลง ใบหน้าของคุณอากาอิเต็มไปด้วยความเศร้า คงรักเธอคนนั้นมากเลยสินะ แต่ว่า......

     

              “ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ร้องไห้เพราะความโง่เง่าหรอกนะคะ”  เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง  “เหตุผลที่ผู้หญิงแอบร้องไห้น่ะ.....เพราะเธอไม่อยากอ่อนแอให้ใครเห็นยังไงคะ โดยเฉพาะกับคนที่รัก ดังนั้นห้ามบอกว่าเธอโง่เง่าอีกนะคะ”

     

              มิยาโนะ อาเคมิ ผู้หญิงที่คุณอากาอิเป็นต้นเหตุทำให้เธอตายจนกลายเป็นตราบาปติดตัวเขา คุณอากาอิต้องทรมานขนาดไหนกันหนอ? และต้องใช้แรงแค้นเท่าไรถึงสามารถพาตนเองมายังเส้นทางที่ถูกที่ควรได้  ถึงเขาจะไม่พูดก็เถอะ แต่เห็นแววตาเขาแล้วต้องบอกได้คำเดียวว่ารักมากเจ็บมากชนิดเจียนตาย

             

              อากาอิไม่ได้พูดอะไรออกมา ที่บอกว่าโง่เง่ามันคือตัวเขาเองมากกว่า ทุกวันนี้เขานั่งนึกเสียใจอยู่ตลอดว่าหากเขาไม่ต้องแฝงตัวในองค์กร เขากับเธอจะลงเอยอย่างไร เธอจะตายรึเปล่า ตอนเธอเพรียกหาเขาด้วยใบหน้าอ่อนโยนนั้นจะไพเราะขนาดไหน แต่ทุกอย่างมันจบลง ความรักของเขาน่ะมันย้อมไปด้วย “สีแดง” เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมความคิดของเขา

     

              “ความรักที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดง”  ชิองพูดลอยๆ  “การจากลาที่ไม่แม้แต่ได้เอื้อนเอ่ยและไม่อาจหาคำสิ้นสุดได้”  น้ำตาหนึ่งหยดร่วงเผาะไหลกระทบกับมือที่ถือปากกาค้างเติ่ง

     

              “นี่เธอจะร้องไห้ทำซากอะไร!”  อากาอิกึ่งลุกกึ่งนั่งที่จู่ๆเด็กสาวก็ร้องไห้

     

              “ไม่เป็นไรค่ะคุณอากาอิหนูแค่อินเท่านั้น”  ชิองยกแขนเสื้อปาดหน้าและส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม  ก็แค่นึกถึงเหตุการณ์ที่พี่ชินอิจิเล่าผสมกับเห็นหน้าคุณอากาอิ เลยเผลอนึกตาม พอรู้ตัวอีกทีก็ฝังอารมณ์ถลำลึกลงไป  อารมณ์ของพวกศิลปินก็งี้แหละ  

     

              “ขอบคุณนะคะ หนูจะตั้งใจแต่งเพลงนี้ให้ดีที่สุดเลย”   เธอลุกไปที่เปียโน วางนิ้วลงกับคียบอร์ด กดท่วงทำนองและขับขานบทเพลงออกมาอย่างลื่นไหล  ตัวหนังสือบนหัวฉายออกมาเป็นคำร้องที่พรั่งพรู


     

    笑っていたのは   強がりからじゃなく

    ที่ตัวฉันได้ยิ้มออกมา     ใช่วาฉันจะ “เข้มแข็ง” หรอกนะ
    泣き顔なんか    もう見たくないでしょ?

    ก็เธอน่ะ....ไม่อยากเห็นฉันร้องไห้อีกแล้วใช่ไหม?

    星屑みたいな ひと粒の出会い  サヨナラ?

    การที่คนเราได้พบกัน  ช่างราวกับละอองดาวเลยนะ  การเอ่ยคำลา?

    最後の言葉が見つからない  そうだよ 私は平気だよ 強いから

    คงไม่อาจหาคำสิ้นสุดนั้นมาให้ได้   ใช่แล้วละ ที่ฉันไม่เป็นไรเพราะฉันเข้มแข็งไงล่ะ
    顔あげて 「ゴメンネ」って  もう言わないで ツライから

    เลิกเงยหน้าขึ้นมา แล้วพูดว่าขอโทษนะอีกต่อไปได้แล้วเพราะเจ็บปวด

    It’so precious  こんなはずじゃなかったけど

    (ช่างแสนล้ำค่า) แม้ไม่ได้เป็นดั่งที่หวังไว้ก็เถอะ

    Now I miss it 一人でも歩いてく

    (คิดถึงซะแล้วสิ) เดินต่อไปแม้จะตัวคนเดียวก็ตาม


     

              เสียงทั้งหมดได้สิ้นสุดลง คนที่เฝ้ามองและสดับฟัง จู่ๆก็รู้สึกอุ่นวาบขึ้นกลางอก อากาอิหัวเราะในลำคอดังหึ  เด็กนี่—จะปลอบกันด้วยเพลงสินะ  เขาลุกขึ้นไปยืนด้านหลังชิอง วางมือลงบนผมนิ่ม

     

              “เขียนเพลงรักทั้งที่ไม่เคยมีความรักเลยเนี่ยนะ”  ใจจริงเขาอยากจะบอกว่าเป็นเพลงที่ดีมากอยู่หรอก แต่ถ้าพูดออกมามันไม่สมเป็นเขาเท่าไหร่ อีกอย่างถ้าพูดชมมากไป เดี๋ยวเด็กนี่จะเหลิงเอา

     

              “นักเขียนนิยายแนวสืบสวนยังไม่เป็นนักสืบเลยนะคะ”  ชิองพองแก้มใส่อากาอิ  “หนูไม่เคยมีความรักก็จริง แต่หนูน่ะได้รับเรื่องราวความรักมากมายจากคนรอบตัวเป็นแรงบันดาลใจเขียนเพลง เรื่องของคุณอากาอิเองก็ด้วย เพราะฉะนั้นขอบคุณนะคะ”

     

              “ที่ต้องขอบคุณมันฉันตังหาก” อากาอิละมือออกจากผมของชิอง พูดแผ่วเบาจนเด็กสาวต้องร้องขอให้เขาพูดซ้ำ

     

              “เอ๊ะ? เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะคะ”

     

              “ฉันแค่จะบอกว่ายังเหลืออีกเพลงใช่รึเปล่า”  อากาอิทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุย เขาจำได้ว่าเธอต้องออกเพลงใหม่สองเพลง เดาว่าเพลงของเขาน่าจะปล่อยตอนฤดูฝน แต่เพลงในฤดูร้อนที่ต้องปล่อยสิ้นเดือนนี้ ดูท่าเธอยังไม่ได้แต่งเลย

     

              “อ่าห์.......ใช่เลยค่ะ”   ชิองตอบเสียงอ่อย เอาหัวพาดเปียโนราวหมดอาลัยณ์ตายอยาก เพลงเมื่อครู่ยังพอมีเวลาอีกตั้งเดือนที่จะอัดเนื้อร้องกับทำนอง แต่อีกเพลงนี่สิ—อ้าก!! โจทย์ยากซะด้วย

     

              “เพลงที่ปล่อยสำหรับฤดูร้อนคราวนี้หนูได้รับคำขอร้องจากแฟนๆน่ะค่ะ ว่าขอเพลงแนวแอบรักน่ารักๆได้รึเปล่า”  ปกติเธอแต่งแต่แนวรักเศร้าๆ ไอ้ความรักแบบหัวใจพองโตเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นเธอไม่เข้าใจหรอกและรอบตัวไม่มีใครเหมาะๆคอยให้คำปรึกษาสักคน  “โอ๊ย!!! หรือจะลองหาผู้ชายคบดีนะเรา และเมื่อกี้แต่งเพลงเศร้าไปแล้ว ต้องใช้เวลาปรับอารมณ์พอควรเลย”

     

              “ลองหาคนดีๆถูกใจสักคนดูสิ มีบ้างไหม? ที่โรงเรียนเธอน่ะ”  เขาถาม

     

              “ไม่มีหรอกค่ะ”  ยังไม่เคยเจอคนถูกใจสักคน

     

              “ทั้งที่มีจดหมายรักส่งมามากมายน่ะเหรอ”  ชายหนุ่มพูดพร้อมทั้งหยิบถุงพลาสติกที่ภายในบรรจุจดหมายสารภาพรักจำนวนไม่น้อย  “ดูๆแล้วที่โรงเรียนเธอน่าจะเนื้อหอมน่าดูเลยนี่”

     

              “ก็มีทั้งหญิงทั้งชายคละกันไป ถึงเคยโดนสารภาพรักมาบ้าง แต่ไม่มีเลยค่ะคนที่ถูกใจ”

     

              อากาอิเชยคางครุ่นคิด  “อืม.....งั้นไปเปลี่ยนบรรยากาศข้างนอกกับฉันไหมล่ะ”

     

              “ไปไหนคะ?”  อากาศร้อนๆแบบนี้เธออยากตากแอร์อยู่บ้านมากกว่า

     

              “ไปห้างเบกะน่ะ พอดีฉันมีเรื่องอะไรนิดหน่อย แล้วเดี๋ยวฉันเลี้ยงพาเฟ่ต์ที่นั่นด้วยละกัน”

     

              “ไปค่ะ!!”   ชิองกระเด้งตัว ดูร่าเริงขึ้นมาทันที พาเฟ่ต์ที่ห้างเบกะอร่อยสุดๆเหมาะกับอากาศแบบนี้เลย ถ้ามีของหวานหัวเธออาจแล่นก็ได้

     

              หลังจากที่พวกเราสองคนไปถึงห้างเบกะ อากาอินั่งจิบกาแฟพลางสอดส่องสายตาไปทั่วห้าง และสลับมองเด็กสาวที่จ้วงช็อคโกแลตมิ้นต์พาเฟ่ต์เข้าปากคำโตหมดภายในเวลาไม่กี่นาที  หลายครั้งที่ชิองชอบทำอะไรที่ดูขัดกับหน้าตาเสมออย่างเช่นกินเร็วกว่าผู้ชายเป็นต้น

     

              “ข้างนอกดูเอะอะจังนะคะ”  ชิองเช็ดปากและพูด

     

              “สงสัยมีเรื่องอะไรล่ะมั้ง”  อากาอิบอกแล้วเดินไปเช็คบิลที่เคาท์เตอร์  “ไปดูกันเถอะ”

     

              ชิองเดินตามชายหนุ่มไปที่แผนกขายเสื้อผ้าของห้างสรรพสินค้าเบกะและกำลังฝ่าวงล้อมฝูงชนขึ้นไปด้านหน้า จากที่เด็กสาวลองฟัง มีคนร้ายเอาระเบิดมาผูกบนตัวคุณลุงแล้วขู่ให้หาคนส่งเสื้อสีแดงอะไรสักอย่าง  “อ้ะ นั่นพี่ชินอิจินี่”  บังเอิญสายตาไปเตะเข้ากับพี่ชายย่อส่วน  ขณะที่เธอจะแทรกไปหาเขา สายตาของชิองก็สะกิดเข้ากับชายคนหนึ่งที่เหมือนคุณอากาอิ—เนื่องจากเขาคนนั้นดูเหมือนคุณอากาอิราวกับออกมาจากพิมพ์เดียวกัน จึงทำให้เธอต้องหยุดมองอย่างใคร่ครวญ

     

              “คุณอากาอิ”  ชิองสะกิดเรียกเขา ขณะที่ปากกำลังอ้าถาม คุณอากาอิกลับยกยิ้มและจ้องไปที่ผู้ชายที่เหมือนตนเอง 

     

              “เคลื่อนไหวประเจิดประเจ้อจังนะ”  อากากิพูด

     

              “หรือว่าจะเป็น......”

     

              “อื้ม แบบที่เธอคิดนั่นแหละ”

     

              คนในองค์กร ว่าแต่ใครล่ะ เบลม็อทเหรอ? คนที่ปลอมตัวได้อย่างแนบเนียนแบบนั้นก็มีแต่เบลม็อทนั่นแหละ

     

              “ไม่ใช่ยัยแอปเปิ้ลเน่า”  อากาอิพูดขัดความคิดชิอง  “เบอร์เบิ้น”  เขาพูดแล้วล่นถอยไปด้านหลัง

     

              พอรู้ตัวชิองก็ไม่เห็นเขาแล้ว  “ให้ตายสิ—หายตัวเก่งอย่างกับผี”  เธอนิ่วหน้า จากนั้นก็เดินไปสะกิดเรียกพี่ชายตัวจิ๋ว  “พี่ชินอิจิ”

     

              “เธอมาได้ไงเนี่ย?”  โคนันแอบตกใจ

     

              “มากับคุณอากาอิน่ะ”  เธอกระซิบตอบ  “ว่าแต่หาคนร้ายได้แล้วเหรอคะพี่ชิน?”

     

              “เอ้อ เพิ่งนึกออกเมื่อกี้เอง”  เด็กชายเหยียดยิ้มราวปีศาจน้อยขี้แกล้ง

     

              “อ้าวชิองจัง” รันเดินเข้ามาแทรก  “มาคนเดียวเหรอ”

     

              “มากับคุณซึบารุค่ะพี่รัน พอดีมาหาอะไรทานเปลี่ยนบรรยากาศ แล้วกะเดินเล่นกับเขา แต่ดันต้องติดอยู่บนชั้นนี้น่ะค่ะ”

     

              “เหรอ......แล้วคุณซึบารุหายไปไหนแล้วล่ะ”  รันหันซ้ายหันขวามองหาคุณซึบารุ

     

              “เขาคงเบื่อเลยแวบออกไปมั้งคะพี่รัน”  ชิองแสร้งเฉไฉ พอผ่านไปสักระยะ หลังจากที่พี่ชินอิจิยิงยาสลบใส่ลุงโมริและคลี่คลายคดีระเบิด เขาก็รีบวิ่งตามผู้ชายที่ปลอมเป็นคุณอากาอิทันที

     

              ว่าแต่คุณอากาอิตัวจริงไปไหนแล้วล่ะเนี่ย?

     

              ชิองออกตามหาคุณอากาอิตัวจริง เธอตัดสินใจวิ่งตามพี่ชินอิจิไปชั้นล่าง เผื่อคุณอากาอิจะตามหาคนคนเดียวกับที่พี่ชายเธอหา พอเห็นหลังเขาไวๆกำลังอ้าปากตะโกนเรียก แต่เธอถูกฝูงชนที่แตกตื่นดันออกไปด้านนอกห้าง ทว่าผู้คนจำนวนมากที่ออกันอยู่หน้าประตูอัตโนมัติต่างยื้อแย่งกรูกลับเข้าไปด้านในอีกรอบ 

     

              เธอที่เสียเปรียบเพราะตัวเล็กเลยโดนชนล้มก้มจ้ำเบ้ากับพื้น  “คลาดกันซะแล้วสิ โทรหาเขาดีกว่า”  ชิองปัดฝุ่นตามตัวออก เดินไปที่ถนน หยิบโทรศัพท์กดหาคุณอากาอิเพื่อบอกว่าเธอจะรอเขาอยู่หน้าห้างเบกะ

     

              “ฮัลโหลวชิอง”  อากาอิรับสาย

     

              “คุณอากาอิเดี๋ยวหนูรออยู่หน้าประตูทางเข้าห้างนะ......” 

     

              ปึ่ก!

     

              เอ๊ะ!!? 

     

              ชิองรู้สึกร่างกายหวิวๆ เธอถูกใครบางคนผลักจากด้านหลังอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัว หน้าเธอถลาออกจากราวกั้นไปยังถนน  ประจวบเหมาะพอดีที่รถปอร์เช่ของยินกำลังเลี้ยวกลับมาที่อีกฝั่งของถนน หลังจากพบว่าอากาอิที่เป็นเป้าหมายของเขานั้น เป็นเพียงหนึ่งในสมาชิกองค์กรเช่นกัน  เลนส์นัยน์ตาสีฟ้าของเด็กสาวพลันเบิกกว้าง จะลุกหนีก็สายไปเสียแล้ว  วอดก้าเหยียบเบรคกะทันหัน เสียงยางล้อรถเสียดสีพื้นถนนยางพารา กลิ่นไหม้ผสมปนเปกับเสียงโครมอันดังลั่นคละฟุ้งอากาศ

     

              “เฮ้! เกิดอะไรขึ้นชิอง ชิอง......ชิอง!!”  อากาอิเรียกเด็กสาวจากปลายสาย เขาได้ยินเสียงดังโครมครามและเสียงกรี๊ดลอดผ่านลำโพง  ชายหนุ่มพยายามเรียกเธอแต่ไร้การตอบกลับ

     

              “คุณซึบารุเกิดอะไรขึ้นกับชิองครับ!”  โคนันกระชากขากางเกงเรียก หน้าตาร้อนรนของคนข้างตัวพาลให้เขากังวล คุณอากาอิไม่ได้ตอบ รีบวิ่งไปหน้าห้างซึ่งเขาตามไปติดๆ

     

              อากาอิเห็นผู้คนจำนวนไม่กี่คนกำลังยืนแตกตื่น ชี้มือไม้ไปตรงถนน โคนันเห็นมือถือของน้องสาวตกอยู่ตรงฟุตบาทแล้วจึงรีบวิ่งไปเก็บมัน หน้าจอที่เป็นรอยร้าวยังคงแสดงสายของคุณอากาอิค้างไว้อยู่ เขากดสายทิ้งมองตามชายหนุ่มที่กระโดดข้ามรั้วกั้นไปยังถนน

     

              อากาอิเห็นเพียงหยดเลือดสองสามจุดเปรอะเลอะและรองเท้าแตะสีขาวหนึ่งข้างตกอยู่  ชายหนุ่มหยิบขึ้นมาสำรวจดู ในใจหวังไม่ให้เป็นแบบที่เขาคิด  แต่มันใช่--นี่คือรองเท้าแตะของชิอง

     

              “บ้าจริง!”  ทั้งสองสะบดขึ้นพร้อมกัน ในใจร้อนรุ่มไม่เป็นสุข

     

              เกิดอะไรขึ้นกับชิองและเธอหายไปไหน!!?


    ____________________

    วางบอมบ์และจากไป ฟิ้ว.......ส่วนเพลงที่เอามาแต่งเป็นเพลงของ

     Aimer - Sleepless Nights - 星屑ビーナス ไปหาฟังกันได้นะคะ 

    ส่วนคนแปลเขาไม่ได้ให้เครดิตไว้ในคลิป ไรต์เอามาจากช่อง 

    CH Music Channel และใครกันนะที่ผลักชิอง? โปรดติดตาม


    สปอย || ตอนหน้าของพี่แกค่ะ

             

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×