ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ~ Step Two ~...เธอผู้เปิดประตูหัวใจ
...
ร่างสูงโปร่งพร้อมเพื่อนสนิทอีกสองคนเดินออกจากหอพัก ทางเดินสุดไกลกว่าจะไปถึงตึกเรียนสีขาวที่สุดทางเดิน  ตึกใหญ่ที่สุดของโรงเรียน และตึกเรียนของนักเรียนมัธยมปลาย  นิลนัยกับทิวไผ่พูดคุยกันเรื่องฟุตบอลแมตซ์เมื่อคืนอย่างออกรส  เขาไม่ได้ฟัง เพราะตัวเขากำลังฟังเพลงจากเครื่องเล่นในมือ 
    ... จะมีทางไหนที่ทำให้ชั้นค้นพบคนดีของหัวใจ  ได้เจอกับใครที่ชั้นรอ  อาจเพียงสักครั้งที่เราได้พบรักแท้  เท่านี้ก็เพียงพอ  กับคนหนึ่งคนที่อยากจะขอ ...
    ... เฮ้ย ... นริศหยุดชะงัก  เมื่อหญิงสาวร่างเล็ก  บอบบาง  ตัวเธอขาวราวกับปุยเมฆ  ริมฝีปากสีชมพู เดินกอดหนังสือภาษาญี่ปุ่นฉบับที่ 1 เดินสวนทางไป  ผมยาวสลวยนั้นลู่ตามสายลม  ตากลมโตมองเพียงเบื้องหน้า  หาได้มองมาที่เขาเพียงสักนิด  แต่เท่านี้ก็..เพียงพอแล้ว  แค่ได้เจอนางฟ้า ... นางฟ้าผู้น่ารักคนนี้ ...
    “เฮ้ย..นั่นแกจะยืนอีกนานมั้ย”
    ... เสียงเพื่อนทำให้นริศตื่นจากภวังค์ ... ให้ตายสินี่เขายืนเหม่อนานแค่ไหนแล้วนะ  ไม่น่าเลย ... เขาหันซ้ายขวาหาต้นเหตุที่ทำให้เขาใจลอย ... เธอหายไปแล้ว ... เธอไปไหนกันนะ หรือว่า ...
    “นางฟ้า ... นางฟ้าหายไปแล้ว”
    “แกจะบ้าหรอไง ... เพ้ออะไรของแกกัน”
    “นิล ... ไผ่ ... ชั้นเห็น ... เห็นนางฟ้า  นางฟ้าที่สวย ๆ น่ารัก ๆ หน่ะ รู้จักมั้ย ...”
    “เออ ... นางฟ้าหน่ะชั้นรู้จัก ... แต่นั้นหมายความว่าแกเพ้อแล้ว ไอปาร์ค  ไปโรงพยาบาลมั้ย” ทิวไผ่ซัก ... บ้าไปแล้วหรือไง เห็นนางฟ้าเนี่ยนะ
ไอนี่ท่าจะบ๊องใหญ่
    “ชั้นว่าไปห้องเรียนกันดีกว่า  ขืนยังยืนอยู่ตรงนี้  ดีไม่ดียัยทิวาจะตามมาตื้อแกอีก ... จะยุ่งนะเว้ย”
    “นั่นสิ ... ชั้นยังไม่แน่ใจว่าเค้าจะ ... เฮ้ย ...” สายตานิลนัยมองไปอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ ...
    นั่นทิวา ... หญิงสาวที่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี่มาคุกเข่าขอเพื่อนสนิทของเขาให้โอกาสไม่ใช่เหรอ ... แล้วตอนนี้ ... ทั้งทีเหตุการณ์นั้นเพิ่งผ่านมาราวกับเกิดสด ๆ ร้อน ๆ แต่ตอนนี้สาวเปรี้ยวหน้าตาสะสวยนาม ทิวา นั้น กำลังเดินเกาะกุมมืออยู่กับหนุ่มฮอตระดับแนวหน้าของสถาบัน ... เชื่อเธอเลย
    ทางฝ่ายนริศนั่น  แม้จะอึ้งไปนิดก็จริง แต่ก็ยังส่ายหน้ายิ้ม ๆ ... ดูเหมือนนี่คงเป็นวิสัยของหญิงสาวคนนี้จริง ๆ ... ร้ายจริง ๆ แฮะ ... (ยังมีหน้าไปยอมรับเค้าอีกนะแก : SasSy GirL )
    “อึ้งไปเลยนะ ... ปาร์ค”
    “อึ้งเตี่ยแกดิ ... ยอมรับว่างงนิดหน่อย ... แต่นั่นมันนิสัยของทิวา  อยู่กับยัยนั่นอย่างกะนรก ... ต้องทำนู่นนะ ไปกับทิวาหน่อยสิ ... น่ารำคาญจะตายไป ... ชั้นอยู่ขอชั้นแบบนี้ดีกว่าสบายใจ”
    จบประโยคคนตัวสูงกว่าใครเพื่อนก็เดินไปทางตึกเรียน สาวเท้ายาว ๆ ไปทางห้องริมสุดของทางเดิน ห้องที่มีเสียงดังกว่าที่ไหนทั้งหมดของชั้น เขาเลื่อนประตูห้องดัง ... ครืด ... ประตูห้องมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 5 ก็เปิดขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศชุลมุนของทุกคน  หลังสุดมุมติดหน้าต่างของห้องที่วุ่นวายนั่น  สาวน้อยตัวเล็กนั่งใจจดใจจ่ออยู่กับหนังสือเล่มหนาตรงหน้า  พลางจดอะไรบางอย่างลงสมุดเล่มเล็กน่ารัก ... ตาของเขาปรายไปมองเธออย่างบังเอิญก็ต้องค้าง ... นั่นไง เจอแล้ว  นางฟ้าผู้น่ารักของเขา ... ไม่สิเธอมาเป็นของเขาเสียเมื่อไหร่กันนะ ...
    ดูเหมือนเจ้าของหน้าตาน่ารักนั่นจะไม่ได้รับรู้เลยถึงสายตาที่จ้องมองอยู่...ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว ... ดูเธอจะไม่เยแสกับเสียงอันดังของเพื่อน ๆ แม้แต่น้อย ยังคงนั่งอ่านหนังสือต่อไป ...
    “เฮ้ย ... ปาร์คระวัง”  ก้อนกระดาษกลม ๆ ถูกปาเข้าให้ด้านข้างของศีรษะเต็ม ๆ ดัง ... ป๊อก .. เบา ๆ
    นริศยืนนิ่งอย่างงง ๆ จู่ ๆ กระดาษก็โดนปาใส่เขาเนี่ยนะ  หน้าคม ๆ หันไปหาคนปา  แล้วกระตุกยิ้มนิดนึงพอเป็นพิธี
    “ชั้นขอโทษนะเว้ย” ตัวการยืนทำหน้าสำนึกผิด
    “นั่งที่ ... ทุกคนเลย  ในฐานะหัวหน้าชั้น  ชั้นขอสั่งให้ทุกคนนั่งที่  มีไรจะบอก”
    “ก่อนแกจะเอ่ยปากบอก ... ชั้นขอถามไรอย่างได้มั้ยปาร์ค” ป๊อป คนปากระดาษ (เรียกอย่างนี้นะ ) ยกมือถาม
    “ว่ามา”
    “แกเลิกกะยัยทิวาแล้วหรอว่ะ”
    “เรื่องส่วนตัว  กรุณาอย่า ....”
    “เออชั้นก็สงสัยหว่ะ ... ชั้นเห็นยัยทิวาเดินควงพี่มิกเมื่อเช้า” ปอฝ้ายร่วมผสมโรง
    “เรื่องของเค้า  พวกแกจะไปยุ่งทำไม  เรื่องของตัวเองเอาให้รอดก่อนเถอะ  งานที่แม่งโครตโหดที่ไม่อยากจะทำกันหน่ะ  ตอนนี้มันอยู่นี่”
    งานโครตโหดนั่นหมายถึง รายงานวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพที่ต้องนั่งเรียบเรียงกันเป็นเดือน ๆ เข้า ๆ ออก ๆ ห้องสมุดของโรงเรียนแทบจะทุก ๆ สองชั่วโมงของการทำงาน  ไม่นับรวมเวลาที่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ในห้องวิจัยอีกนานนับเทอม ... คนถือชีตโจทย์นับสิบ ๆ ข้อยืนยักคิ้ว
    “ไหน  ดูซิว่าใครหน้าไหนมันจะหัวเราะแบบเมื่อกี้อีก” ปาร์คยิ้มเย้ย เขาก็ต้องทำรายงานนี้ ... แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้ยิ้มยันเพื่อน ๆ และ ...
    “ตบให้ตายเลย ... พี่จะยืนยิ้มทำไมเนี่ย” นริศรา เอ่ยปากบ่น “เดี๋ยวพี่ก็ต้องทำอยู่ดี  อย่ามายิ้มหน่อยเลยหน่า”   
    “ขอโทษครับคุณน้องบังเกิดเกล้า  แล้วกระผมเคยไปโครงานกับคุณมั้ย  อย่าบ่นไปหน่อยเลย    ก็แค่งานวิจัย สิบยี่สิบข้อ ต่อหนึ่งเทอม    ไหวมั้ยคับเพื่อน ๆ ”
    ... ไอโหด ... เพื่อน ๆ มองหน้าหัวหน้าชั้น .... นายนี่มันน่าเตะเสียจริง ๆ เลย ...
    ... เหมือนกับตัวเขาในวันนี้มันไม่ใช่เขาเลย    สายตาของเขามัวแต่ไปจับจ้องอยู่ที่หน้านวลผ่องที่เจือด้วยสีแดงระเรื่อ ทุกครั้งที่สายลมหนาวเย็นพัดผ่าน  สาวน้อยจะใช้มือเรียวบางน่าเกาะกุมนั้นเกี่ยวผมให้ติดไปกับข้างหู 
    ... น่าแปลกที่อยู่ ๆ คนทีไม่จริงจังอย่างนริศมานับจับจ้องเธอผู้นี่อย่างไม่วางตา ... ไม่สิ  จ้องตลอดชั่วโมงเลยตังหาก  เขานึกต่อว่า(และเขกกบาล)ตัวเองอยู่ในใจ ... นี่ตัวเขาเป็นหัวหน้าชั้นภาษาอะไรกัน คนน่ารักราวกับนางฟ้ามาอยู่เป็นสมาชิกในห้องแท้ ๆ เขายังไม่แม้แต่รู้จักเธอด้วยซ้ำไป  รู้สึกราวกับว่า ตัวเธอเองมีแรงดึงดูดที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ  ดวงตากลมโตบนใบหน้าใสนั่น  ทำให้ใจวุ่นวาย  คงไม่ใช่รักหรอกนะ ... มันคงเป็นเพียงความหลงใหลแค่ชั่วครู่ชั่วยาม ... เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปเหมือนที่แล้ว ๆ มา ...ใช่  ผ่านไป
    “แพน  ทำไรอยู่อ่ะ”  อิสราหันมาถามสาวน้อยน่ารักคนนี้
    ... อ๋อ  ชื่อ แพน ชื่อน่ารักจังแถมหน้าตายังน่ารักเสียอีก ...
    “อ่านหนังสือจ้ะ ... อื้ม คาบนี้อาจารย์ไม่เข้าหรอ”
    “ไม่รู้สิ ... เอ้ย  ไอหัวหน้าห้อง  อาจารย์ไปไหนว่ะ”
    “อาจารย์ประชุม” คนถูกถามตอบเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจนั้นสับสนวุ่นวาย  นี่ตัวเขากำลังตกหลุมรัก  ใช่มั้ย  ตอบทีสิว่าไม่ใช่  ต้องไม่ใช่อย่างแน่นอน
    “หรอ ... งั้นคาบนี้ก็ไม่เรียนงั้นสินะ ... กำลังง่วงนอนอยู่พอดีเชียว” พฤติกานต์ คนน่ารักวางหนังสือ แล้วทำทีฟุบลงไปกับโต๊ะ
    “บีม  แกดูห้องหน่อยนะ  ชั้นว่าชั้นไม่ค่อยสบายหน่ะ จะไปนอนห้องพยาบาล”
    ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะ  สีหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงคำพูดเมื่อกี้แม้แต่น้อย  ที่บอกว่าไม่สบายหน่ะใจต่างหาก  ตอนนี้ที่จิตใจของเขามันปั่นป่วนไปหมดแล้ว  อิสราผู้รับตำแหน่งรองหัวหน้าชั้น เงยขึ้นมองหน้า ...  แปลกคน ก็ดูสบายดีนี่
หน่าทำไมถึงบอกมาได้ว่าไม่สบาย ...
    “ไม่สบายหรอ  เอายามั้ย  พอดีแพนพกยาแก้ปวดติดมาหน่ะ  เอามั้ย จะได้หายไว ๆ” เสียงเจื้อยแจ้วน่ารักนั้นฟังดูตื่นตระหนก และสาละวนกับการหาซองยาให้กระเป๋านักเรียน 
    “ไม่เป็นไรครับ  ผมไม่ได้เป็นอะไรมากมาย  คงไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดหรอกคับ”
    “ไม่จริงอ่ะ ลมเย็น ๆ แบบนี้ทำนริศเป็นไข้แน่ ๆ เลย  เดี๋ยวจะเป็นหนักกว่าเดิมอีกนะ”
    ... โอ้ย  พระเจ้า  ได้โปรดช่วยบอกไอปาร์คคนนี้ทีว่าหัวใจของเขาไม่ได้เต้นแรงผิดปกติ ... ท่าทางเป็นห่วงของพฤติกานต์ ( ที่มีต่อทุกคนอยู่แล้ว ) แทบจะทำเอาใจนริศเต้นแรงจนหลุดออกจากร่าง  ... เธอน่ารักจน ... เอ่อ ... นางฟ้าลงมาจุติแล้วโว้ยยยยยยย
    “ไม่เป็นไรจริง  ๆ คับ  แพนเก็บไว้เถอะ  ตัวแพนดูไม่ค่อยสบายยิ่งกว่าผมเสียอีก ผมหน่ะ แค่นอนเดี๋ยวเดียวก็หายแล้วหล่ะ  ขอบคุณแพนมากนะคับ ถ้ายังไงเรียกผมว่า ปาร์ค นะ  ผมจะขอบคุณมาก ๆ เลย”
    “เอ๋....” หน้าใสเอียงคอ “เอางั้นก็ได้  งั้นก็ไปนอนเถอะจะได้หายเร็ว ๆ นะ” ยิ้ม
    “คับ”
    ... นริศเลื่อนบานประตูห้องแล้วเดินออกมา ... มันน่าจะจับหัวตัวเองโขกกับเสาสักทีสองที  ทำไมวันนี้หัวใจของเขาถึงไม่เป็นตัวของตัวเองนักนะ  ...     ... บอกว่าพอแล้วกับความรักก็พอแล้วสิ  ทำไมถึงได้ดื้อดึงไม่ยอมฟังอย่างนี้ แกอยากเจ็บอีกหรือไง  อดีตมันยังย้ำเตือนหัวใจแกไม่พอใช่มั้ย  มั่นใจแล้วหรือว่าเธอจะไม่ทำให้แกต้องเสียใจอีก ถ้าเจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอยครานี้ไม่มีการแก้ตัวแล้วนะ ...
    ... เฮ้อ ... ร่างทั้งร่างทิ้งตัวลงบนเตียงนอนในห้องพยาบาล ... สับสนจังแฮะ  ทำไมโชคชะตาถึงชอบเล่นตลกกับคนอย่างเขาเสียอยู่เรื่อย ...
    ในเมื่อเธอก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้น  ทำไมถึงมามีบทบาทเข้ามาทำให้หัวใจของเขาปั่นป่วนได้ถึงเพียงนี้  ไม่เข้าใจตัวเองเลย ...
    ตัวเขาพลิกไปมาอยู่บนเตียงขนาดกลางนานพอดู  ทำไมเรื่องแค่นี้  คนอย่างเขาถึงคิดไม่ออกนะ นี่มันถึงทางตันของความคิดที่จะวิ่งหนีความรักแล้วใช่มั้ย  คราวนี้เขาคงต้องเลือกที่จะเผชิญหน้างั้นสินะ  ไม่อยากเชื่อเลย  ไม่ทันได้ตั้งตัวความรักก็เข้ามาอย่างประชันชิดเสียแล้ว ... แล้วทีนี่คนอย่างเขาจะทำยังไงดี .... ยิ่งเป็นโรคหวาดกลัวความรักเสียด้วย
    ... แต่เอาก็เอา ( ว่ะ )งานนี้เป็นไงเป็นกัน  ลองเอาหัวใจเสี่ยงดูอีกสักครั้ง ถ้าเจ็บอีกก็โทษตัวเองแล้วกันว่ะ ...
    คนตัวสูงนอนยิ้มให้ตัวเอง  มองเห็นหน้าขาว ๆ เจือสีชมพูลอยอยู่ในอิมเมจ น่ารักจัง  นางฟ้า  เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าบนโลกเราที่แสนจะวุ่นวายก็มีนางฟ้า ... นางฟ้าผู้น่ารักกับเค้าเหมือนกัน ...
    “เฮ้ย ...” ม่านสีฟ้าสว่างรูด  ทำให้เขาสะดุ้งลุกขึ้นอย่างตกใจ
    “แกจะตกใจหาพระแสงไรว่ะ ยังกะเห็นผี” อิสราโผล่หน้าเข้ามา ( เจ้นี่ทุกทีอ่ะ ) ข้าง ๆ เธอคือนิลนัยกับทิวไผ่
    “ไอบีมสั่งให้มาเก็บศพแกหน่ะปาร์ค” ทิวไผ่กล่าว
    “เหรอ” ตาเขาปรายไปมองเพื่อน “ขอบใจด้วยความปรารถนาดีอย่างสุดซึ้ง คุณอิสรา  แต่คงต้องเสียใจไปกับคุณด้วยที่ตัวกระผมนั้นยังอยู่ ไม่ได้ตาย”
    “ป่าว  อิสราไม่ได้มาเก็บศพคุณนริศ อิสรามาดูหน้าคนที่กำลังตกหลุมรัก แล้วเขาก็ปากแข็งเสียด้วย”
      .... เอาแล้ว  ลืมไปว่ายัยอิสรารู้ไปหมด  นริศถึงกับหน้าซีด  ทำไงดีว่ะ
ปฏิเสธยังไง..เธอก็จับได้อยู่ดี..
ร่างสูงโปร่งพร้อมเพื่อนสนิทอีกสองคนเดินออกจากหอพัก ทางเดินสุดไกลกว่าจะไปถึงตึกเรียนสีขาวที่สุดทางเดิน  ตึกใหญ่ที่สุดของโรงเรียน และตึกเรียนของนักเรียนมัธยมปลาย  นิลนัยกับทิวไผ่พูดคุยกันเรื่องฟุตบอลแมตซ์เมื่อคืนอย่างออกรส  เขาไม่ได้ฟัง เพราะตัวเขากำลังฟังเพลงจากเครื่องเล่นในมือ 
    ... จะมีทางไหนที่ทำให้ชั้นค้นพบคนดีของหัวใจ  ได้เจอกับใครที่ชั้นรอ  อาจเพียงสักครั้งที่เราได้พบรักแท้  เท่านี้ก็เพียงพอ  กับคนหนึ่งคนที่อยากจะขอ ...
    ... เฮ้ย ... นริศหยุดชะงัก  เมื่อหญิงสาวร่างเล็ก  บอบบาง  ตัวเธอขาวราวกับปุยเมฆ  ริมฝีปากสีชมพู เดินกอดหนังสือภาษาญี่ปุ่นฉบับที่ 1 เดินสวนทางไป  ผมยาวสลวยนั้นลู่ตามสายลม  ตากลมโตมองเพียงเบื้องหน้า  หาได้มองมาที่เขาเพียงสักนิด  แต่เท่านี้ก็..เพียงพอแล้ว  แค่ได้เจอนางฟ้า ... นางฟ้าผู้น่ารักคนนี้ ...
    “เฮ้ย..นั่นแกจะยืนอีกนานมั้ย”
    ... เสียงเพื่อนทำให้นริศตื่นจากภวังค์ ... ให้ตายสินี่เขายืนเหม่อนานแค่ไหนแล้วนะ  ไม่น่าเลย ... เขาหันซ้ายขวาหาต้นเหตุที่ทำให้เขาใจลอย ... เธอหายไปแล้ว ... เธอไปไหนกันนะ หรือว่า ...
    “นางฟ้า ... นางฟ้าหายไปแล้ว”
    “แกจะบ้าหรอไง ... เพ้ออะไรของแกกัน”
    “นิล ... ไผ่ ... ชั้นเห็น ... เห็นนางฟ้า  นางฟ้าที่สวย ๆ น่ารัก ๆ หน่ะ รู้จักมั้ย ...”
    “เออ ... นางฟ้าหน่ะชั้นรู้จัก ... แต่นั้นหมายความว่าแกเพ้อแล้ว ไอปาร์ค  ไปโรงพยาบาลมั้ย” ทิวไผ่ซัก ... บ้าไปแล้วหรือไง เห็นนางฟ้าเนี่ยนะ
ไอนี่ท่าจะบ๊องใหญ่
    “ชั้นว่าไปห้องเรียนกันดีกว่า  ขืนยังยืนอยู่ตรงนี้  ดีไม่ดียัยทิวาจะตามมาตื้อแกอีก ... จะยุ่งนะเว้ย”
    “นั่นสิ ... ชั้นยังไม่แน่ใจว่าเค้าจะ ... เฮ้ย ...” สายตานิลนัยมองไปอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ ...
    นั่นทิวา ... หญิงสาวที่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี่มาคุกเข่าขอเพื่อนสนิทของเขาให้โอกาสไม่ใช่เหรอ ... แล้วตอนนี้ ... ทั้งทีเหตุการณ์นั้นเพิ่งผ่านมาราวกับเกิดสด ๆ ร้อน ๆ แต่ตอนนี้สาวเปรี้ยวหน้าตาสะสวยนาม ทิวา นั้น กำลังเดินเกาะกุมมืออยู่กับหนุ่มฮอตระดับแนวหน้าของสถาบัน ... เชื่อเธอเลย
    ทางฝ่ายนริศนั่น  แม้จะอึ้งไปนิดก็จริง แต่ก็ยังส่ายหน้ายิ้ม ๆ ... ดูเหมือนนี่คงเป็นวิสัยของหญิงสาวคนนี้จริง ๆ ... ร้ายจริง ๆ แฮะ ... (ยังมีหน้าไปยอมรับเค้าอีกนะแก : SasSy GirL )
    “อึ้งไปเลยนะ ... ปาร์ค”
    “อึ้งเตี่ยแกดิ ... ยอมรับว่างงนิดหน่อย ... แต่นั่นมันนิสัยของทิวา  อยู่กับยัยนั่นอย่างกะนรก ... ต้องทำนู่นนะ ไปกับทิวาหน่อยสิ ... น่ารำคาญจะตายไป ... ชั้นอยู่ขอชั้นแบบนี้ดีกว่าสบายใจ”
    จบประโยคคนตัวสูงกว่าใครเพื่อนก็เดินไปทางตึกเรียน สาวเท้ายาว ๆ ไปทางห้องริมสุดของทางเดิน ห้องที่มีเสียงดังกว่าที่ไหนทั้งหมดของชั้น เขาเลื่อนประตูห้องดัง ... ครืด ... ประตูห้องมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 5 ก็เปิดขึ้น ท่ามกลางบรรยากาศชุลมุนของทุกคน  หลังสุดมุมติดหน้าต่างของห้องที่วุ่นวายนั่น  สาวน้อยตัวเล็กนั่งใจจดใจจ่ออยู่กับหนังสือเล่มหนาตรงหน้า  พลางจดอะไรบางอย่างลงสมุดเล่มเล็กน่ารัก ... ตาของเขาปรายไปมองเธออย่างบังเอิญก็ต้องค้าง ... นั่นไง เจอแล้ว  นางฟ้าผู้น่ารักของเขา ... ไม่สิเธอมาเป็นของเขาเสียเมื่อไหร่กันนะ ...
    ดูเหมือนเจ้าของหน้าตาน่ารักนั่นจะไม่ได้รับรู้เลยถึงสายตาที่จ้องมองอยู่...ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้ว ... ดูเธอจะไม่เยแสกับเสียงอันดังของเพื่อน ๆ แม้แต่น้อย ยังคงนั่งอ่านหนังสือต่อไป ...
    “เฮ้ย ... ปาร์คระวัง”  ก้อนกระดาษกลม ๆ ถูกปาเข้าให้ด้านข้างของศีรษะเต็ม ๆ ดัง ... ป๊อก .. เบา ๆ
    นริศยืนนิ่งอย่างงง ๆ จู่ ๆ กระดาษก็โดนปาใส่เขาเนี่ยนะ  หน้าคม ๆ หันไปหาคนปา  แล้วกระตุกยิ้มนิดนึงพอเป็นพิธี
    “ชั้นขอโทษนะเว้ย” ตัวการยืนทำหน้าสำนึกผิด
    “นั่งที่ ... ทุกคนเลย  ในฐานะหัวหน้าชั้น  ชั้นขอสั่งให้ทุกคนนั่งที่  มีไรจะบอก”
    “ก่อนแกจะเอ่ยปากบอก ... ชั้นขอถามไรอย่างได้มั้ยปาร์ค” ป๊อป คนปากระดาษ (เรียกอย่างนี้นะ ) ยกมือถาม
    “ว่ามา”
    “แกเลิกกะยัยทิวาแล้วหรอว่ะ”
    “เรื่องส่วนตัว  กรุณาอย่า ....”
    “เออชั้นก็สงสัยหว่ะ ... ชั้นเห็นยัยทิวาเดินควงพี่มิกเมื่อเช้า” ปอฝ้ายร่วมผสมโรง
    “เรื่องของเค้า  พวกแกจะไปยุ่งทำไม  เรื่องของตัวเองเอาให้รอดก่อนเถอะ  งานที่แม่งโครตโหดที่ไม่อยากจะทำกันหน่ะ  ตอนนี้มันอยู่นี่”
    งานโครตโหดนั่นหมายถึง รายงานวิชาวิทยาศาสตร์กายภาพที่ต้องนั่งเรียบเรียงกันเป็นเดือน ๆ เข้า ๆ ออก ๆ ห้องสมุดของโรงเรียนแทบจะทุก ๆ สองชั่วโมงของการทำงาน  ไม่นับรวมเวลาที่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ในห้องวิจัยอีกนานนับเทอม ... คนถือชีตโจทย์นับสิบ ๆ ข้อยืนยักคิ้ว
    “ไหน  ดูซิว่าใครหน้าไหนมันจะหัวเราะแบบเมื่อกี้อีก” ปาร์คยิ้มเย้ย เขาก็ต้องทำรายงานนี้ ... แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ได้ยิ้มยันเพื่อน ๆ และ ...
    “ตบให้ตายเลย ... พี่จะยืนยิ้มทำไมเนี่ย” นริศรา เอ่ยปากบ่น “เดี๋ยวพี่ก็ต้องทำอยู่ดี  อย่ามายิ้มหน่อยเลยหน่า”   
    “ขอโทษครับคุณน้องบังเกิดเกล้า  แล้วกระผมเคยไปโครงานกับคุณมั้ย  อย่าบ่นไปหน่อยเลย    ก็แค่งานวิจัย สิบยี่สิบข้อ ต่อหนึ่งเทอม    ไหวมั้ยคับเพื่อน ๆ ”
    ... ไอโหด ... เพื่อน ๆ มองหน้าหัวหน้าชั้น .... นายนี่มันน่าเตะเสียจริง ๆ เลย ...
    ... เหมือนกับตัวเขาในวันนี้มันไม่ใช่เขาเลย    สายตาของเขามัวแต่ไปจับจ้องอยู่ที่หน้านวลผ่องที่เจือด้วยสีแดงระเรื่อ ทุกครั้งที่สายลมหนาวเย็นพัดผ่าน  สาวน้อยจะใช้มือเรียวบางน่าเกาะกุมนั้นเกี่ยวผมให้ติดไปกับข้างหู 
    ... น่าแปลกที่อยู่ ๆ คนทีไม่จริงจังอย่างนริศมานับจับจ้องเธอผู้นี่อย่างไม่วางตา ... ไม่สิ  จ้องตลอดชั่วโมงเลยตังหาก  เขานึกต่อว่า(และเขกกบาล)ตัวเองอยู่ในใจ ... นี่ตัวเขาเป็นหัวหน้าชั้นภาษาอะไรกัน คนน่ารักราวกับนางฟ้ามาอยู่เป็นสมาชิกในห้องแท้ ๆ เขายังไม่แม้แต่รู้จักเธอด้วยซ้ำไป  รู้สึกราวกับว่า ตัวเธอเองมีแรงดึงดูดที่เขาเองก็ไม่เข้าใจ  ดวงตากลมโตบนใบหน้าใสนั่น  ทำให้ใจวุ่นวาย  คงไม่ใช่รักหรอกนะ ... มันคงเป็นเพียงความหลงใหลแค่ชั่วครู่ชั่วยาม ... เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปเหมือนที่แล้ว ๆ มา ...ใช่  ผ่านไป
    “แพน  ทำไรอยู่อ่ะ”  อิสราหันมาถามสาวน้อยน่ารักคนนี้
    ... อ๋อ  ชื่อ แพน ชื่อน่ารักจังแถมหน้าตายังน่ารักเสียอีก ...
    “อ่านหนังสือจ้ะ ... อื้ม คาบนี้อาจารย์ไม่เข้าหรอ”
    “ไม่รู้สิ ... เอ้ย  ไอหัวหน้าห้อง  อาจารย์ไปไหนว่ะ”
    “อาจารย์ประชุม” คนถูกถามตอบเสียงเรียบ ทั้งที่ในใจนั้นสับสนวุ่นวาย  นี่ตัวเขากำลังตกหลุมรัก  ใช่มั้ย  ตอบทีสิว่าไม่ใช่  ต้องไม่ใช่อย่างแน่นอน
    “หรอ ... งั้นคาบนี้ก็ไม่เรียนงั้นสินะ ... กำลังง่วงนอนอยู่พอดีเชียว” พฤติกานต์ คนน่ารักวางหนังสือ แล้วทำทีฟุบลงไปกับโต๊ะ
    “บีม  แกดูห้องหน่อยนะ  ชั้นว่าชั้นไม่ค่อยสบายหน่ะ จะไปนอนห้องพยาบาล”
    ร่างสูงลุกขึ้นจากโต๊ะ  สีหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงคำพูดเมื่อกี้แม้แต่น้อย  ที่บอกว่าไม่สบายหน่ะใจต่างหาก  ตอนนี้ที่จิตใจของเขามันปั่นป่วนไปหมดแล้ว  อิสราผู้รับตำแหน่งรองหัวหน้าชั้น เงยขึ้นมองหน้า ...  แปลกคน ก็ดูสบายดีนี่
หน่าทำไมถึงบอกมาได้ว่าไม่สบาย ...
    “ไม่สบายหรอ  เอายามั้ย  พอดีแพนพกยาแก้ปวดติดมาหน่ะ  เอามั้ย จะได้หายไว ๆ” เสียงเจื้อยแจ้วน่ารักนั้นฟังดูตื่นตระหนก และสาละวนกับการหาซองยาให้กระเป๋านักเรียน 
    “ไม่เป็นไรครับ  ผมไม่ได้เป็นอะไรมากมาย  คงไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวดหรอกคับ”
    “ไม่จริงอ่ะ ลมเย็น ๆ แบบนี้ทำนริศเป็นไข้แน่ ๆ เลย  เดี๋ยวจะเป็นหนักกว่าเดิมอีกนะ”
    ... โอ้ย  พระเจ้า  ได้โปรดช่วยบอกไอปาร์คคนนี้ทีว่าหัวใจของเขาไม่ได้เต้นแรงผิดปกติ ... ท่าทางเป็นห่วงของพฤติกานต์ ( ที่มีต่อทุกคนอยู่แล้ว ) แทบจะทำเอาใจนริศเต้นแรงจนหลุดออกจากร่าง  ... เธอน่ารักจน ... เอ่อ ... นางฟ้าลงมาจุติแล้วโว้ยยยยยยย
    “ไม่เป็นไรจริง  ๆ คับ  แพนเก็บไว้เถอะ  ตัวแพนดูไม่ค่อยสบายยิ่งกว่าผมเสียอีก ผมหน่ะ แค่นอนเดี๋ยวเดียวก็หายแล้วหล่ะ  ขอบคุณแพนมากนะคับ ถ้ายังไงเรียกผมว่า ปาร์ค นะ  ผมจะขอบคุณมาก ๆ เลย”
    “เอ๋....” หน้าใสเอียงคอ “เอางั้นก็ได้  งั้นก็ไปนอนเถอะจะได้หายเร็ว ๆ นะ” ยิ้ม
    “คับ”
    ... นริศเลื่อนบานประตูห้องแล้วเดินออกมา ... มันน่าจะจับหัวตัวเองโขกกับเสาสักทีสองที  ทำไมวันนี้หัวใจของเขาถึงไม่เป็นตัวของตัวเองนักนะ  ...     ... บอกว่าพอแล้วกับความรักก็พอแล้วสิ  ทำไมถึงได้ดื้อดึงไม่ยอมฟังอย่างนี้ แกอยากเจ็บอีกหรือไง  อดีตมันยังย้ำเตือนหัวใจแกไม่พอใช่มั้ย  มั่นใจแล้วหรือว่าเธอจะไม่ทำให้แกต้องเสียใจอีก ถ้าเจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอยครานี้ไม่มีการแก้ตัวแล้วนะ ...
    ... เฮ้อ ... ร่างทั้งร่างทิ้งตัวลงบนเตียงนอนในห้องพยาบาล ... สับสนจังแฮะ  ทำไมโชคชะตาถึงชอบเล่นตลกกับคนอย่างเขาเสียอยู่เรื่อย ...
    ในเมื่อเธอก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้น  ทำไมถึงมามีบทบาทเข้ามาทำให้หัวใจของเขาปั่นป่วนได้ถึงเพียงนี้  ไม่เข้าใจตัวเองเลย ...
    ตัวเขาพลิกไปมาอยู่บนเตียงขนาดกลางนานพอดู  ทำไมเรื่องแค่นี้  คนอย่างเขาถึงคิดไม่ออกนะ นี่มันถึงทางตันของความคิดที่จะวิ่งหนีความรักแล้วใช่มั้ย  คราวนี้เขาคงต้องเลือกที่จะเผชิญหน้างั้นสินะ  ไม่อยากเชื่อเลย  ไม่ทันได้ตั้งตัวความรักก็เข้ามาอย่างประชันชิดเสียแล้ว ... แล้วทีนี่คนอย่างเขาจะทำยังไงดี .... ยิ่งเป็นโรคหวาดกลัวความรักเสียด้วย
    ... แต่เอาก็เอา ( ว่ะ )งานนี้เป็นไงเป็นกัน  ลองเอาหัวใจเสี่ยงดูอีกสักครั้ง ถ้าเจ็บอีกก็โทษตัวเองแล้วกันว่ะ ...
    คนตัวสูงนอนยิ้มให้ตัวเอง  มองเห็นหน้าขาว ๆ เจือสีชมพูลอยอยู่ในอิมเมจ น่ารักจัง  นางฟ้า  เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าบนโลกเราที่แสนจะวุ่นวายก็มีนางฟ้า ... นางฟ้าผู้น่ารักกับเค้าเหมือนกัน ...
    “เฮ้ย ...” ม่านสีฟ้าสว่างรูด  ทำให้เขาสะดุ้งลุกขึ้นอย่างตกใจ
    “แกจะตกใจหาพระแสงไรว่ะ ยังกะเห็นผี” อิสราโผล่หน้าเข้ามา ( เจ้นี่ทุกทีอ่ะ ) ข้าง ๆ เธอคือนิลนัยกับทิวไผ่
    “ไอบีมสั่งให้มาเก็บศพแกหน่ะปาร์ค” ทิวไผ่กล่าว
    “เหรอ” ตาเขาปรายไปมองเพื่อน “ขอบใจด้วยความปรารถนาดีอย่างสุดซึ้ง คุณอิสรา  แต่คงต้องเสียใจไปกับคุณด้วยที่ตัวกระผมนั้นยังอยู่ ไม่ได้ตาย”
    “ป่าว  อิสราไม่ได้มาเก็บศพคุณนริศ อิสรามาดูหน้าคนที่กำลังตกหลุมรัก แล้วเขาก็ปากแข็งเสียด้วย”
      .... เอาแล้ว  ลืมไปว่ายัยอิสรารู้ไปหมด  นริศถึงกับหน้าซีด  ทำไงดีว่ะ
ปฏิเสธยังไง..เธอก็จับได้อยู่ดี..
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น