ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ~ Step One ~ ... จุดเริ่มต้นของความรัก ..
...
... ความรัก ไม่มีนิยามตายตัว  ไม่มีความหมายที่แน่นอน  ไม่มีความรู้สึกที่แน่แน่ว  ไม่มีใครรักได้เหมือนกัน  ไม่มีการสอน  ไม่มีการสอบ  ไม่มีการลอก  ไม่มีแบบฝึกหัด  ไม่เข้าใครออกใคร  ไม่มีให้ในพรสวรรค์  และไม่เคยมีใครเข้าใจอย่างแท้จริง ... ว่าความรักคืออะไร ....
    ... เคยรู้สึกมั้ย ... หวาดกลัวความรัก  อยากจะหันหลังให้ความรักที่ใคร ๆ ก็ว่างดงาม ... แท้จริงนั้นความรักเจ็บปวดยิ่งนัก ... ทำให้เจ็บปวดเจียนตาย ...
    “ ผมว่าเราคงไปกันไม่ได้หรอก” เสียงทุ้ม ๆ ของร่างสูงบอกหญิงสาวแสนสวยตรงหน้าอย่างเรียบ ๆ ราวกับไม่มีอะไรมากมายนักแต่สำหรับอีกฝ่าย ... มันแย่ยิ่งกว่านั้น
    “ทำไมหล่ะ” เธอซักกลับเสียงเบาหวิว
    “ไม่รู้ดิ... เบื่อมั่ง ... คบกันก็เซ็งเปล่าว่ามั้ย”
    ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว ... สีหน้าชายตัวสูงหน้าหวานราวอิสตรีคนนี้ไม่ได้มีความระอาต่อสิ่งที่ตนพูดแต่อย่างใด ... หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว...
    “ผมก็บอกคุณไม่ได้หรอก”
    “แล้วรู้มั้ยว่าเรารักนายมาก”
    พอกันทีกับคำ ๆ นี้ ... รัก...หรอ .เขาสูดหายใจเข้าปอดแล้วทอนด้วยความลำบากใจ ....
    “ผมถามจริง ๆ เถอะนะ ... คุณรักผมตรงไหนหรอ คุณเคยรู้มั่งมั้ยว่าผมชอบอะไร ...” หญิงสาวก้มหน้างุ้มไม่กล้าสบตา “คุณก็ไม่รู้ ... ถ้าผมไม่ได้หน้าตาแบบนี้ ... ให้ตายคนอย่างคุณยังไม่ชายตามองเลยมั่ง”
    ...เพี้ยะ...ฝ่ามือขาว ๆ ประทับบนหน้าจนหันไปทิศตรงข้าม ... แล้วร่างบางของสาวสวยก็เดินจากไปพร้อมน้ำตา...สมควรแล้ว...ก็เล่นไปดูถูกเธอซะขนาดนั้น  .... มือเรียวกุมแก้มราวกับเรื่องธรรมดาของชีวิต...
    .... คนอย่างเขามันก็มีดีแค่หน้าตาไม่ใช่หรือ...ร่างสูงเดินกลับไปยังตึกเล็ก ๆ หลังอาคารเรียน ที่ ๆ จะมีเพียงเขากับกลุ่มเพื่อนสนิท...เพียงเท่านี้
    “นี่...แกทิ้งผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วหรอ”
    เสียงเจื้อยแจ้วถามอย่างอยากรู้..ในขณะที่เพื่อนชายสุดซี้นั่งท้าวคาง  แล้วถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้แล้ว มองเพื่อน
    “อ้าว  ไมหล่ะ  ยัยนั้นก็รักแกไม่ใช่เหรอ”
    “รักเหรอ ... ชั้นเบื่อชั้นเซ็งกับคำ ๆ นี้เต็มทีแล้วหว่ะ  คำก็รักสองคำก็รัก ถามจริง ๆ เถอะหว่ะ  ถ้าชั้นไม่ได้หน้าตาแบบนี้ซะอย่าง  หน้าไหนมันจะชายตามองชั้นว่า ไอ้บีมมมมมมมม”
    ... คำว่ารักหรอ ... ชายหนุ่มคนนี้...อย่ามองว่าเขาเป็นคนไม่ใส่ใจกับความรัก  เมื่อเหตุการณ์ในอดีตคอยย้ำเตือนทำให้คนอย่างเขาตระหนักถึงคำว่า...รัก...ถ้อยคำเพียงสั้น ๆ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรับรู้และสัมผัสถึงคำนั้น ... จนวันที่ต้องเจ็บปวดเพราะความรัก...เขาเลือกทีจะหันหลังให้กับสิ่งที่สวยงามที่สุดในโลก ... ความรัก ... เขากลายเป็นชายผู้หวาดกลัวความรัก..กลัวสิ่งที่งดงามที่น่าพิสมัยนี้ ... แต่สำหรับเขาตอนนี้...มันดูเหมือนของเล่นเสียมากกว่า
    ...อิสราเลิกคิ้วขึ้นมองเพื่อน...ไม่ใช่ครั้งแรกที่นริศทำแบบนี้ .. บ่อยครั้งที่เพื่อนสนิทคนนี้...รับรัก...แล้วทิ้งผู้หญิงพวกนั้นไปอย่างดื้อ ๆ .. หน้าเธอเหยเกราวกับครุ่นคิด ... ยัยนั้นจะทำยังไงนะ ถ้ารู้ว่ากลับมาอีกก็โดนเฉดอยู่ดีหน่ะ ... แต่กลับมาแหง ๆ
    “ปาร์ค........”เสียงแจ๋นมาแต่ไกล
    ...คิดได้ไม่ทันไร...กลับมาเสียแล้ว...คนถูกเรียกลุกขึ้นแล้วทำหน้าตาอย่างที่แล้ว ๆ มา  หญิงสาวผู้น่าสงสารก้าวเข้ามา
    “ขอโอกาสให้ทิวาอีกครั้งนะ...เรากลับมารักกันเหมือนเดิมนะ...นะปาร์คนะ” หน้าตาสะสวยของทิวาแดงเรื่อ  ดวงตาบวมช้ำ สายตาวิงวอนปริมจะขาดใจ
    “แล้วผมเคยไปรักคุณตอนไหนหน่ะ  ทิวา”เสียงเขาตัดบทอย่างรวดเร็ว “คุณนี่ตื้อจริง ๆ นะ  ไม่อยากเชื่อเลย  ผมบอกว่าจบก็จบสิ ทิวา  พอกันที  มันไม่เคยมีคำว่า เรา  และจะไม่มีต่อไปด้วย”
    “ทำไมหล่ะ”
    “บอกแล้วไง  ว่า  ผม  ไม่  ได้  รัก คุณ  ย้ำกันชัด ๆ ไปเลยดีมั้ยทิวา  ผม ไม่ ได้ รัก คุณ ไม่ เคย รัก คุณ และ จะ ไม่ รัก คุณ ด้วย  เลิกยุ่งวุ่นวายทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมเสียทีเถอะ ขอร้องล่ะ  ผมไม่ใช่ของคุณ”
    “...ใจร้าย ”หญิงสาวตัดพ้ออย่างเสียใจ
    “ใช่  ใจผมมันก็ร้ายแบบนี้แหละ คุณไปเสียที  ผมขอร้องล่ะนะ”
    ....เมื่อบทสนทนายุติลง..ทิวาพยักหน้าเบา ๆ ราวกับเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง  เธอควรจะลืมมันซะ แล้วจากไป นริศทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยใจ  ถ้าทุกสิ่งที่คิดเป็นอย่างที่ต้องการก็คงจะดีไม่น้อย  เขาไม่นึกว่าคนอย่างทิวาจะตามมาถึงนี้แม้เขาเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลาย  แต่สิ่งที่เขาทำมันเกินตัวไป  เกินไปจริง ๆ ตั้งแต่ที่คิดหันหลังให้กับความรัก..คนอย่างเขาก็ไม่เคยคิดรักใครอีกเลย ... บ่อยครั้งที่คิด  แต่ก็ล้มเลิกเพราะความหวาดกลัว
    ...เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันจบแบบนี้เลย...
    “สงสารก็แต่ยัยทิวา  ป่านนี้คงตาบวมแล้วกระมัง” ทิวไผ่เอ่ย
    “ช่างปะไร” เขาตัดบทของเพื่อนซี้
    “ระวังไว้เถอะปาร์ค...แกหน่ะ” นิลนัยว่าเบา ๆ พลางเก็บกีตาร์เข้าที่เข้าทาง “กรรมจะตามสนอง”
    “ใช่ชั้นกลัว...”
    “แกเกิดไปรักใครเค้าเข้าจริง ๆ หล่ะก็จะเสียใจที่ทำแบบนี้” อิสรากล่าวอย่างเหนื่อยใจ “จำไว้เลยนะปาร์ค...เมื่อถึงวันนั้นเข้าจริง ๆ แกจะเสียใจ...เสียใจอย่างสุดซึ้ง”
    “ให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วพวกแกค่อยมาซ้ำเติมชั้นท่าจะดีกว่า...แล้วก็อ้าปากค้างไว้ได้เลยนะเพื่อน..เพราะมันไม่มีทางมีวันนั้นชัวร์ ๆ ”
    คนพูดกรั้วเสียงหัวเราะอย่างสะใจในอารมณ์  ไม่มีทางจะมีวันนั้นซะหล่ะในเมื่อยังไงซะคนอย่างเขาก็ไม่สนใจในความรักอยู่แล้ว...ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่ของตายสำหรับเขา.....
    ...ไม่นานนัก...สาวน้อยหน้าตาเหมือนกับชายที่นั่งอยู่ที่โซฟาอย่างกับคนเดียวกัน...เดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาอย่างอารมณ์เสีย...แล้วเหวี่ยงกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะดังปัง
    “ให้ตายเถอะปาร์ค...นี่พี่ทิ้งยัยทิวาเหรอ...เดือนนี้รายที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย” เสียงเธอต่อว่าเขาอย่างหัวเสีย....คนถูกถามวางมือบนที่ท้าวโซฟาแล้วยกนิ้ว 3 ....ให้เธอดู  “สามคน...สามคนต่อเดือนหรอ...พี่บ้าไปแล้ว...รู้มั้ยว่าคนอย่างพี่เนี่ยมัน .... มัน...เฮ้อะ  ไม่รู้จีฮุนควรจะทำยังไงกับชีวิตพี่  ล่องลอยอยู่อย่างนี้...มิหน่า..โชคดีชะมัดที่พี่เพลินไม่เลือกพี่”
    ...เพลิน...เพลินตา...ชื่อนี้มันจี้ใจดำ...หญิงสาวรุ่นพี่ที่เขาเคยหลงรัก...ทำให้เขารู้จักคำว่า..รัก...แล้วเธอก็เป็นคนที่ทำให้เขาคิดหันหลังให้กับความรัก...
    ...วันนั้น...วันที่เธอบอก...คิดกับเขาเพียงน้องชาย...ราวกับโลกนี้มีแต่ความมืดมน...ทำไมหล่ะ..ทั้ง ๆ ที่เขารักเธอมากไม่ใช่เหรอ..เพลินตายังอุส่าห์ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดี ๆ แต่สำหรับเขามันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
    ‘ขอบใจนะน้องชายของพี่...’
    แล้วนริศก็ทิ้งให้ชีวิตเขาอยู่กับความว่างเปล่า..เลื่อนลอย...จนตอนนี้..แทบจะลืมไปเลยว่าความรักนั้น..เป็นอย่างไร
    หน้าหวานคมมองหน้าน้องสาวฝาแฝด..นริศรา..อย่างโกรธเคือง..จะขุดเรื่องเจ็บปวดแบบนี้มาพูดถึงมันทำไม
    “เลิกพูดถึงเพลิน..จีฮุน  แกจะขุดเพลินขึ้นมาทำไม”
    “ทำไม...แทงใจหล่ะสิ...คอยดูเถอะสักวันพี่จะเสียใจเพราะตัวพี่เป็นแบบเนี่ยะ”
    “จีฮุน...หยุด...จะยังไงก็แล้วแต่แกไม่มีสิทธิ์มาพูดถึงเพลินแบบนั้น”
    “ยังคิดถึงเค้าอยู่อีกหรือ...ทำไมคนอย่างแกต้องยึดติดอยู่กับอดีต..
ลืม ๆ มันไปบ้างเถอะปาร์ค  เจ็บเปล่า ๆ ” อิสราบ่น
    นริศเงียบ มันก็จริงของเธอ  ความทรงจำของเขายังคงยึดติดอยู่กับอดีตที่เป็นไปไม่ได้  ความจริงแล้วเขาน่าจะลืมมันไปเสีย  แล้วเริ่มต้นใหม่กับปัจจุบัน
ปัจจุบันที่ไม่มีใครรู้วันข้างหน้า  ว่าเขาจะต้องเจ็บซ้ำสอง  หรือรักที่เริ่มต้นใหม่นั้นจะเป็นไปอย่างไร  คงเป็นเพราะตัวเขา  หญิงสาวมากหน้าหลายตาผ่านเข้ามาในชีวิต  พยายามจะให้เขาเป็นแบบนั้น  แบบนี้  เปลี่ยนตัวเองเพื่อจะให้เข้ากับเขาอย่างนั้นอย่างนี้  ราวกับตัวพวกเธอเป็นเพียงตุ๊กตาบาร์บี้ขนาดเท่าคนจริง ๆ  แล้วเขาก็เบื่อที่จะเสแสร้งไปกับตุ๊กตามีชีวิตเหล่านั้น  บอกตามตรง  ไม่ได้ต้องการให้ใครมาเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขาหรือเขาจะต้องเปลี่ยนเพื่อใคร  แบบนั้นมันมากเกินไป 
    ถ้าหากคิดจะรักกัน  ไม่เห็นจำเป็นต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน  เป็นตัวของตัวเองไม่ดีกว่าหรือ ???
... ความรัก ไม่มีนิยามตายตัว  ไม่มีความหมายที่แน่นอน  ไม่มีความรู้สึกที่แน่แน่ว  ไม่มีใครรักได้เหมือนกัน  ไม่มีการสอน  ไม่มีการสอบ  ไม่มีการลอก  ไม่มีแบบฝึกหัด  ไม่เข้าใครออกใคร  ไม่มีให้ในพรสวรรค์  และไม่เคยมีใครเข้าใจอย่างแท้จริง ... ว่าความรักคืออะไร ....
    ... เคยรู้สึกมั้ย ... หวาดกลัวความรัก  อยากจะหันหลังให้ความรักที่ใคร ๆ ก็ว่างดงาม ... แท้จริงนั้นความรักเจ็บปวดยิ่งนัก ... ทำให้เจ็บปวดเจียนตาย ...
    “ ผมว่าเราคงไปกันไม่ได้หรอก” เสียงทุ้ม ๆ ของร่างสูงบอกหญิงสาวแสนสวยตรงหน้าอย่างเรียบ ๆ ราวกับไม่มีอะไรมากมายนักแต่สำหรับอีกฝ่าย ... มันแย่ยิ่งกว่านั้น
    “ทำไมหล่ะ” เธอซักกลับเสียงเบาหวิว
    “ไม่รู้ดิ... เบื่อมั่ง ... คบกันก็เซ็งเปล่าว่ามั้ย”
    ทำร้ายจิตใจกันเกินไปแล้ว ... สีหน้าชายตัวสูงหน้าหวานราวอิสตรีคนนี้ไม่ได้มีความระอาต่อสิ่งที่ตนพูดแต่อย่างใด ... หรือว่ามันเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว...
    “ผมก็บอกคุณไม่ได้หรอก”
    “แล้วรู้มั้ยว่าเรารักนายมาก”
    พอกันทีกับคำ ๆ นี้ ... รัก...หรอ .เขาสูดหายใจเข้าปอดแล้วทอนด้วยความลำบากใจ ....
    “ผมถามจริง ๆ เถอะนะ ... คุณรักผมตรงไหนหรอ คุณเคยรู้มั่งมั้ยว่าผมชอบอะไร ...” หญิงสาวก้มหน้างุ้มไม่กล้าสบตา “คุณก็ไม่รู้ ... ถ้าผมไม่ได้หน้าตาแบบนี้ ... ให้ตายคนอย่างคุณยังไม่ชายตามองเลยมั่ง”
    ...เพี้ยะ...ฝ่ามือขาว ๆ ประทับบนหน้าจนหันไปทิศตรงข้าม ... แล้วร่างบางของสาวสวยก็เดินจากไปพร้อมน้ำตา...สมควรแล้ว...ก็เล่นไปดูถูกเธอซะขนาดนั้น  .... มือเรียวกุมแก้มราวกับเรื่องธรรมดาของชีวิต...
    .... คนอย่างเขามันก็มีดีแค่หน้าตาไม่ใช่หรือ...ร่างสูงเดินกลับไปยังตึกเล็ก ๆ หลังอาคารเรียน ที่ ๆ จะมีเพียงเขากับกลุ่มเพื่อนสนิท...เพียงเท่านี้
    “นี่...แกทิ้งผู้หญิงคนนั้นอีกแล้วหรอ”
    เสียงเจื้อยแจ้วถามอย่างอยากรู้..ในขณะที่เพื่อนชายสุดซี้นั่งท้าวคาง  แล้วถอนหายใจอย่างเซ็ง ๆ พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้แล้ว มองเพื่อน
    “อ้าว  ไมหล่ะ  ยัยนั้นก็รักแกไม่ใช่เหรอ”
    “รักเหรอ ... ชั้นเบื่อชั้นเซ็งกับคำ ๆ นี้เต็มทีแล้วหว่ะ  คำก็รักสองคำก็รัก ถามจริง ๆ เถอะหว่ะ  ถ้าชั้นไม่ได้หน้าตาแบบนี้ซะอย่าง  หน้าไหนมันจะชายตามองชั้นว่า ไอ้บีมมมมมมมม”
    ... คำว่ารักหรอ ... ชายหนุ่มคนนี้...อย่ามองว่าเขาเป็นคนไม่ใส่ใจกับความรัก  เมื่อเหตุการณ์ในอดีตคอยย้ำเตือนทำให้คนอย่างเขาตระหนักถึงคำว่า...รัก...ถ้อยคำเพียงสั้น ๆ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรับรู้และสัมผัสถึงคำนั้น ... จนวันที่ต้องเจ็บปวดเพราะความรัก...เขาเลือกทีจะหันหลังให้กับสิ่งที่สวยงามที่สุดในโลก ... ความรัก ... เขากลายเป็นชายผู้หวาดกลัวความรัก..กลัวสิ่งที่งดงามที่น่าพิสมัยนี้ ... แต่สำหรับเขาตอนนี้...มันดูเหมือนของเล่นเสียมากกว่า
    ...อิสราเลิกคิ้วขึ้นมองเพื่อน...ไม่ใช่ครั้งแรกที่นริศทำแบบนี้ .. บ่อยครั้งที่เพื่อนสนิทคนนี้...รับรัก...แล้วทิ้งผู้หญิงพวกนั้นไปอย่างดื้อ ๆ .. หน้าเธอเหยเกราวกับครุ่นคิด ... ยัยนั้นจะทำยังไงนะ ถ้ารู้ว่ากลับมาอีกก็โดนเฉดอยู่ดีหน่ะ ... แต่กลับมาแหง ๆ
    “ปาร์ค........”เสียงแจ๋นมาแต่ไกล
    ...คิดได้ไม่ทันไร...กลับมาเสียแล้ว...คนถูกเรียกลุกขึ้นแล้วทำหน้าตาอย่างที่แล้ว ๆ มา  หญิงสาวผู้น่าสงสารก้าวเข้ามา
    “ขอโอกาสให้ทิวาอีกครั้งนะ...เรากลับมารักกันเหมือนเดิมนะ...นะปาร์คนะ” หน้าตาสะสวยของทิวาแดงเรื่อ  ดวงตาบวมช้ำ สายตาวิงวอนปริมจะขาดใจ
    “แล้วผมเคยไปรักคุณตอนไหนหน่ะ  ทิวา”เสียงเขาตัดบทอย่างรวดเร็ว “คุณนี่ตื้อจริง ๆ นะ  ไม่อยากเชื่อเลย  ผมบอกว่าจบก็จบสิ ทิวา  พอกันที  มันไม่เคยมีคำว่า เรา  และจะไม่มีต่อไปด้วย”
    “ทำไมหล่ะ”
    “บอกแล้วไง  ว่า  ผม  ไม่  ได้  รัก คุณ  ย้ำกันชัด ๆ ไปเลยดีมั้ยทิวา  ผม ไม่ ได้ รัก คุณ ไม่ เคย รัก คุณ และ จะ ไม่ รัก คุณ ด้วย  เลิกยุ่งวุ่นวายทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมเสียทีเถอะ ขอร้องล่ะ  ผมไม่ใช่ของคุณ”
    “...ใจร้าย ”หญิงสาวตัดพ้ออย่างเสียใจ
    “ใช่  ใจผมมันก็ร้ายแบบนี้แหละ คุณไปเสียที  ผมขอร้องล่ะนะ”
    ....เมื่อบทสนทนายุติลง..ทิวาพยักหน้าเบา ๆ ราวกับเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง  เธอควรจะลืมมันซะ แล้วจากไป นริศทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยใจ  ถ้าทุกสิ่งที่คิดเป็นอย่างที่ต้องการก็คงจะดีไม่น้อย  เขาไม่นึกว่าคนอย่างทิวาจะตามมาถึงนี้แม้เขาเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลาย  แต่สิ่งที่เขาทำมันเกินตัวไป  เกินไปจริง ๆ ตั้งแต่ที่คิดหันหลังให้กับความรัก..คนอย่างเขาก็ไม่เคยคิดรักใครอีกเลย ... บ่อยครั้งที่คิด  แต่ก็ล้มเลิกเพราะความหวาดกลัว
    ...เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันจบแบบนี้เลย...
    “สงสารก็แต่ยัยทิวา  ป่านนี้คงตาบวมแล้วกระมัง” ทิวไผ่เอ่ย
    “ช่างปะไร” เขาตัดบทของเพื่อนซี้
    “ระวังไว้เถอะปาร์ค...แกหน่ะ” นิลนัยว่าเบา ๆ พลางเก็บกีตาร์เข้าที่เข้าทาง “กรรมจะตามสนอง”
    “ใช่ชั้นกลัว...”
    “แกเกิดไปรักใครเค้าเข้าจริง ๆ หล่ะก็จะเสียใจที่ทำแบบนี้” อิสรากล่าวอย่างเหนื่อยใจ “จำไว้เลยนะปาร์ค...เมื่อถึงวันนั้นเข้าจริง ๆ แกจะเสียใจ...เสียใจอย่างสุดซึ้ง”
    “ให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วพวกแกค่อยมาซ้ำเติมชั้นท่าจะดีกว่า...แล้วก็อ้าปากค้างไว้ได้เลยนะเพื่อน..เพราะมันไม่มีทางมีวันนั้นชัวร์ ๆ ”
    คนพูดกรั้วเสียงหัวเราะอย่างสะใจในอารมณ์  ไม่มีทางจะมีวันนั้นซะหล่ะในเมื่อยังไงซะคนอย่างเขาก็ไม่สนใจในความรักอยู่แล้ว...ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่ของตายสำหรับเขา.....
    ...ไม่นานนัก...สาวน้อยหน้าตาเหมือนกับชายที่นั่งอยู่ที่โซฟาอย่างกับคนเดียวกัน...เดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาอย่างอารมณ์เสีย...แล้วเหวี่ยงกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะดังปัง
    “ให้ตายเถอะปาร์ค...นี่พี่ทิ้งยัยทิวาเหรอ...เดือนนี้รายที่เท่าไหร่แล้วเนี่ย” เสียงเธอต่อว่าเขาอย่างหัวเสีย....คนถูกถามวางมือบนที่ท้าวโซฟาแล้วยกนิ้ว 3 ....ให้เธอดู  “สามคน...สามคนต่อเดือนหรอ...พี่บ้าไปแล้ว...รู้มั้ยว่าคนอย่างพี่เนี่ยมัน .... มัน...เฮ้อะ  ไม่รู้จีฮุนควรจะทำยังไงกับชีวิตพี่  ล่องลอยอยู่อย่างนี้...มิหน่า..โชคดีชะมัดที่พี่เพลินไม่เลือกพี่”
    ...เพลิน...เพลินตา...ชื่อนี้มันจี้ใจดำ...หญิงสาวรุ่นพี่ที่เขาเคยหลงรัก...ทำให้เขารู้จักคำว่า..รัก...แล้วเธอก็เป็นคนที่ทำให้เขาคิดหันหลังให้กับความรัก...
    ...วันนั้น...วันที่เธอบอก...คิดกับเขาเพียงน้องชาย...ราวกับโลกนี้มีแต่ความมืดมน...ทำไมหล่ะ..ทั้ง ๆ ที่เขารักเธอมากไม่ใช่เหรอ..เพลินตายังอุส่าห์ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดี ๆ แต่สำหรับเขามันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว
    ‘ขอบใจนะน้องชายของพี่...’
    แล้วนริศก็ทิ้งให้ชีวิตเขาอยู่กับความว่างเปล่า..เลื่อนลอย...จนตอนนี้..แทบจะลืมไปเลยว่าความรักนั้น..เป็นอย่างไร
    หน้าหวานคมมองหน้าน้องสาวฝาแฝด..นริศรา..อย่างโกรธเคือง..จะขุดเรื่องเจ็บปวดแบบนี้มาพูดถึงมันทำไม
    “เลิกพูดถึงเพลิน..จีฮุน  แกจะขุดเพลินขึ้นมาทำไม”
    “ทำไม...แทงใจหล่ะสิ...คอยดูเถอะสักวันพี่จะเสียใจเพราะตัวพี่เป็นแบบเนี่ยะ”
    “จีฮุน...หยุด...จะยังไงก็แล้วแต่แกไม่มีสิทธิ์มาพูดถึงเพลินแบบนั้น”
    “ยังคิดถึงเค้าอยู่อีกหรือ...ทำไมคนอย่างแกต้องยึดติดอยู่กับอดีต..
ลืม ๆ มันไปบ้างเถอะปาร์ค  เจ็บเปล่า ๆ ” อิสราบ่น
    นริศเงียบ มันก็จริงของเธอ  ความทรงจำของเขายังคงยึดติดอยู่กับอดีตที่เป็นไปไม่ได้  ความจริงแล้วเขาน่าจะลืมมันไปเสีย  แล้วเริ่มต้นใหม่กับปัจจุบัน
ปัจจุบันที่ไม่มีใครรู้วันข้างหน้า  ว่าเขาจะต้องเจ็บซ้ำสอง  หรือรักที่เริ่มต้นใหม่นั้นจะเป็นไปอย่างไร  คงเป็นเพราะตัวเขา  หญิงสาวมากหน้าหลายตาผ่านเข้ามาในชีวิต  พยายามจะให้เขาเป็นแบบนั้น  แบบนี้  เปลี่ยนตัวเองเพื่อจะให้เข้ากับเขาอย่างนั้นอย่างนี้  ราวกับตัวพวกเธอเป็นเพียงตุ๊กตาบาร์บี้ขนาดเท่าคนจริง ๆ  แล้วเขาก็เบื่อที่จะเสแสร้งไปกับตุ๊กตามีชีวิตเหล่านั้น  บอกตามตรง  ไม่ได้ต้องการให้ใครมาเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขาหรือเขาจะต้องเปลี่ยนเพื่อใคร  แบบนั้นมันมากเกินไป 
    ถ้าหากคิดจะรักกัน  ไม่เห็นจำเป็นต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน  เป็นตัวของตัวเองไม่ดีกว่าหรือ ???
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น