ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บทเพลงแห่งหยดจันทรา

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 - เมืองมาซาห์

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 48


    แสงจันทร์สีนวลในยามค่ำคือส่องลงมาทำให้เห็นเมืองเล็กๆ และชายหนุ่มสองคนที่ขี่ม้ามาด้วยกัน  แม้แสงจันทร์จะไม่สามารถทำให้เห็นบรรยากาศโดยรอบได้ชัดนัก  แต่เมื่อประกอบกับแสงตะเกียงที่ส่องออกมาจากบ้านที่อยู่ละแวกนั้นก็ทำให้เห็นบริเวณนั้นได้ชัดพอสมควร



    ชายหนุ่มหน้าคมคายบนหลังม้าสีดำสนิทที่อยู่หน้ากวาดสายตามองไปรอบๆ  ตรงหน้าของเขามีป้ายปักดินเขียนคำว่า \'โรงแรม\' โย้เย้ชี้ไปที่สถานที่ที่ดูเก่าซอมซ่อแห่งหนึ่ง  ลักษณะของมันดูใหญ่กว่าบ้านหลังอื่นที่อยู่ในละแวกเมืองแห่งนี้  ด้านข้างมีคอกม้าที่มีม้าอยู่สามตัว  คอกม้านั้นดูใหม่กว่าตัวโรงแรมนิดหน่อย  ทำให้ชายหนุ่มสันนิษฐานไว้ว่าคงจะสร้างหลังจากสร้างโรงแรมเสร็จแล้ว  



    \"จะพักที่นี่จริงเหรอ?\" ชายหนุ่มบนหลังม้าลายด่างที่อยู่ข้างหลังเพื่อความแน่ใจ  เพราะในความรู้สึกของเขานั้นโรงแรมเก่าสุดๆ แห่งนี้จะพังลงเมื่อไหร่ก็ได้



    \"ถ้าไม่พักนี่  แล้วจะพักไหนล่ะ  นอกจากที่นี่ก็ไม่มีที่อื่นแล้วในเมืองมาซาห์เนี่ย\"



    \"ก็ได้ๆ\" ไคล์กระแทกเสียงหนักๆ ก่อนจะหันไปบ่นพึมพัมเบาๆ กับตนเองอย่างจับใจความไม่ได้



    เลวิสถอนใจเฮือก  เขายักไหล่แล้วกระโดดลงจากหลังม้า  เมื่อไคล์เห็นอย่างนั้นก็ลงจากหลังเช่นกัน  ทั้งสองจูงม้ามาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโรงแรม



    \"เจ้าจะไปกับข้า  หรือจะอยู่กับม้า\" เลวิสหันมาถามไคล์



    \"อยู่กับม้าดีกว่า  หน้าที่ดูแลม้าเป็นหน้าที่ของคนเลี้ยงม้าอย่างข้าอยู่แล้วนี่\" ไคล์พูดพลางลูบแผงคอของม้าทั้งสองตัว \"อีกอย่างข้าขี้เกียจไปกับเจ้า  น่าเบื่อแย่\"



    \"ได้\" เลวิสพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบปกติทั้งๆ ที่รู้ว่าโดนแหย่เล่น



    เลวิสผลักบานประตูไม้เข้าไปในโรงแรมทิ้งไคล์ให้อยู่ข้างนอกเพียงลำพังกับม้าอีกสองตัว  ไคล์ลูบขนม้าไปเรื่อยๆ เหมือนคนไม่มีอะไรทำ



    \'เจ้าบ้า  รู้ก็รู้ว่าข้าเป็นคนกลัวความมืด  แล้วยังรู้อีกว่าที่พูดเมื่อกี้น่ะล้อเล่น  ยังจะทิ้งไปอีก\'



    ไคล์บ่นเลวิสอุบอิบในใจไปเรื่อย  แต่ก็ยังอดคิดในใจไม่ได้ด้วยว่าคนที่เขากำลังบ่นอยู่เมื่อไหร่จะกลับมา  เจ้าม้าที่อยู่เป็นเพื่อนเขาสองตัวก็ดูท่าทางเหนื่อยไม่ใช่เล่นโดยเฉพาะ \'แซฟไฟร์\' ม้าตัวสีดำ  ขนเป็นมัน  ดวงตาสีฟ้าใสตัวนี้  ม้าตัวนี้เป็นม้าสายพันธุ์ดีจากต่างแคว้นที่แซคคาเรี่ยนซื้อมาให้เป็นของขวัญแก่เลวิส



    แซฟไฟร์เป็นม้าที่ยอมให้เลวิสขี่เท่านั้น  มีคนพยายามขี่เจ้าแซฟไฟร์ตั้งหลายคน  แต่ก็ถูกเจ้าม้าตัวสวยสลัดลงมาอย่างไม่ไว้หน้าเลยทุกคน  ท่านแซคคาเรี่ยนยังไม่ยอมขี่ม้าตัวนี้เลยด้วยซ้ำ  ตอนแรกเลวิสก็ยังขี่ไม่ได้เช่นกัน  เลวิสจึงพยายามคลุกคลีกและคุยกับแซฟไฟร์จนมีคนนึกว่าเลวิสเสียสติไปเสียแล้ว  แต่ในที่สุดเลวิสก็สามารถขี่ม้าตัวนี้ได้ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคน  ก็เพราะแซฟไฟร์ไม่ค่อยยอมให้คนอื่นขี่นั่นแหละถึงได้เหนื่อยง่ายนัก  แม้จะเป็นม้าฝีเท้าดีแต่เลวิสก็ไม่ว่างพอที่จะมานั่งขี่ม้าได้ทุกวัน



    \"ไม่ยอมให้ใครขี่ดีนัก  ที่เหนื่อยนี่ก็สมน้ำหน้าแล้วล่ะ\" ไคล์เริ่มพูดกับม้า \"ขนาดข้าเพื่อนสนิทของเลวิสเจ้ายังไม่ยอมให้ขี่เลย  เจ้าทำตัวเองนะ\"



    แววตาสีฟ้าสวยของม้าจ้องแววตาสีน้ำตาลเข้มของคนเป็นแววตำหนินิดๆ  จะตำหนิจริงๆ หรือคนคิดไปเองไคล์ก็ไม่รู้เหมือนกัน



    แล้วทันได้นั้น  ไคล์ก็ได้ยินเสียงฝีเท้า  เขาคิดว่าเลวิสคงกลับมาแล้ว  แต่ก็ต้องฉุกใจคิดว่าทำไมเสียงฝีเท้าถึงมาจากด้านหลัง  แม้จะไม่ค่อยสบายใจนักแต่ไคล์ก็กลั้นใจหันหลังกลับไปมองข้างหลัง  แล้วไคล์ก็ได้เห็นร่างๆ หนึ่งหนึ่งในผ้าคลุมทั่วร่างสีดำล้วน  เมื่อประกอบกับความมืดในยามวิกาลเช่นนี้แล้วทำให้ไคล์ไม่สามารถเห็นดวงหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมได้เลย  ร่างนั้นอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น



    ไคล์กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ เมื่อเห็นร่างนั้นค่อยๆ เคลื่อนช้าๆ ไปทางด้านคอมม้า  ทำเหมือนไม่เห็นและรับรู้ว่ามีคนหนึ่งคน  กับม้าอีกสองตัวยืนอยู่ตรงนั้น  ร่างนั้นหายไปจนลับสายตาหลังจากมุมมืดหลังคอกม้า



    ...มันหายไปแล้ว...



    ไคล์นึ่งอึ้งราวกับตกอยู่ในภวังค์  ดวงตายังเหม่อมองไปในมุมมืดที่ร่างลึกลับนั่นหายไป



    ...สงสัย...จะถูกผีหลอก...



    แล้วไคล์ก็ต้องสะดุ้งเฮือกอย่างหวาดผวาอีก  เมื่อรู้สึกว่ามีมือมาแตะและวางอยู่ที่ไหล่ขวาของเขา  เขาอดคิดไม่ได้ว่าตนนั้นช่างซวยจริงๆ เจอผีตั้งสองรอบ  แต่ก็ต้องเปลี่ยนความคิดเมื่อมือนั้นเริ่มเขย่าเขาเบาๆ พร้อมกับเสียงเรียกที่คุ้นหู



    \"ไคล์  เป็นอะไรรึเปล่า\"



    ไคล์รีบหันไปทันทีเมื่อรู้ว่าผู้ที่จับไหล่ของเขาอยู่คือเลวิสนั่นเอง  ไคล์ถอนหายใจอย่างโล่งอก  และพยายามตีสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรก็ขึ้นทั้งสิ้น  แล้วก็พูดออกมาด้วยเสียงที่พยายามข่มให้สงบราบเรียบที่สุด  แม้จะทำให้น้ำเสียงนั้นเหมือนคนปกติที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ไม่ดีนัก



    \"เรื่องโรงแรมเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย\"



    \"เรียบร้อยแล้ว  เดี๋ยวเจ้าของโรงแรมจะเอาม้าไปเก็บไว้ให้ในคอกม้า\" ไคล์เพิ่งสังเกตว่ามีชายวัยกลางคนที่ท่าทางจะเป็นเจ้าของโรงแรมอยู่ข้างหลังเลวิส \"ตามมาละกัน  เดี๋ยวจะมีคนพาเราไปห้องพัก\"



    ไคล์พยักหน้ารับแล้วเดินเข้าไปในโรงแรมก่อน  ส่วนเลวิสหันไปลูบหลังเจ้าม้าแซฟไฟร์  พูดอะไรซักอย่างสองสามคำแล้วจึงเดินตามไคล์เข้าไปในโรงแรม



    ------------------------------------------------------------------



    \"เจ้าอ่านหนังสืออะไรอยู่น่ะ  เลวิส\" ไคล์ที่นอนอยู่บนเตียงถามเพื่อนร่วมห้องที่นั่งอยู่บนเก้าอี้  แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสืออะไรสักอย่างด้วยความตั้งใจ  คำถามของไคล์ทำให้เลวิสเงยหน้าขึ้นมามองผู้ถาม



    \"ก็...หนังสือของท่านแซคคาเรี่ยนน่ะ  เกี่ยวกับตำนานความเชื่อของชนเผ่าเอลวีทีส\"



    \"พ่อเจ้านี่มีหนังสือแปลกๆ เยอะแฮะ\"



    \"พ่อข้า?\" เลวิสทวนคำช้าๆ \"ท่านแซคคาเรี่ยนน่ะเหรอ\"



    \"ก็ใช่น่ะสิ  ถามแปลกๆ\" ไคล์บ่นออกมา



    \"นั่นสินะ  ถามแปลกๆ\"



    เลวิสเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  เมื่อพูดจบ ชายหนุ่มก็ก้มหน้าลงอ่านหนังสือในมือต่อไป



    \"เอ่อ...\" ไคล์พยายามที่เริ่มบทสนทนาขึ้นอีก \"เจ้าว่าโรงแรมนี้เป็นไง\"



    เลวิสกวาดสายตาไปรอบแบบมองผ่านๆ ก่อนจะตอบ



    \"ก็ดี  แล้วเจ้าคิดว่าไง\"



    \"ข้าว่านะอาหารก็อร่อยดี  ถ้าไม่ติดว่าเย็นชืดไปหน่อยน่ะนะ  บริการก็ถือว่าดี  เจ้าของโรงแรมก็มารยาทใช้ได้  ลูกสาวเจ้าของโรงแรมก็หน้าตาดี  พูดน้อยไปหน่อยแต่ก็ถือว่าน่ารักดีละกัน  แต่ด้านสถานที่นี่ไม่ไหว  ทั้งเก่า  ทั้งสกปรก  เตียงแข็งจนนอนไม่สบายอีก\"



    เลวิสเลิกคิ้วขึ้นนิดนึง  ก่อนจะปรายสายตามองรอบห้องอย่างละเอียดกว่าเมื่อครู่  ห้องพักนี้ปูด้วยพื้นไม้สากๆ ที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่เดิน  เก้าอี้ที่เขานั่งอยู่สภาพก็ไม่ได้ดีสักเท่าไหร่  ทั้งเก้าอี้ที่เขานั่งและโต๊ะที่เข้าชุดกันกับเก้าอี้ก็เก่าจนกลายเป็นโต๊ะกับเก้าอี้ชุดโยกเยกไปโดยปริยาย  สร้างความรู้สึกอึกครึมให้แก่มุมห้องซึ่งเป็นที่ตั้งได้ไม่น้อยทีเดียว  ตะเกียงบนโต๊ะก็สามารถส่องแสงออกมาได้เพียงริบหรี่  คล้ายจะดับเต็มที  จนเลวิสต้องเพ่งสายตาอย่างมากในการอ่านหนังสือตรงนี้  ตู้เก็บของที่อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง  มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าตู้นั้นผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน  ถัดมาจากตู้ก็เป็นเตียงสองตัวที่ถูกตั้งอยู่ชิดริมผนัง  โดยที่มีโต๊ะตัวเล็กกั้นอยู่ระหว่างกลาง  ผ้าปูเตียงนั้นมีชายผ้าขาดๆ วิ่นๆ  และรอยเปื้อนด่างพร้อยอยู่เป็นบางส่วน



    เป็นอย่างที่ไคล์พูดว่าทั้งเก่าและสกปรก  แต่สำหรับเขาแล้วมีอาหารให้กิน  มีที่ให้นอนก็เพียงพอแล้ว  เขาเคยอยู่ในสถานที่ที่แย่กว่านี้มาแล้ว  หรือแม้แต่ผ่านค่ำคืนอันเหน็บหนาวโดยไม่มีทั้งที่พัก  ผ้าห่ม  และไม่มีอาหารกิน  เขาก็เคยผ่านมาแล้ว



    \"มีอาหารกิน  มีที่ซุกหัวนอนก็ดีถมเถแล้วน่า\" เลวิสหันมามองหน้าไคล์พลางพูดต่อ \"มีคนตั้งมากที่ไม่มีอาหาร  ไม่มีน้ำ  ไม่มีที่ซุกหัวนอน  พวกนั้นยังอยู่กันได้เลย  อย่าบ่นเลยน่า\"



    \"ไม่บ่นก็ได้  เจ้าพูดเหมือนตอนเด็กที่เรายังเพิ่งรู้จักกันไม่นานไม่มีผิด\" ไคล์ยิ้มเมื่อนึกถึงภาพความทรงจำในอดีต \"ตอนนั้นเจ้ายังเป็นแค่เด็กกำพร้าจากสงครามระหว่างแคว้นคานาล กับแคว้นเทรนต์ที่ท่านแซคคาเรี่ยนช่วยไว้เท่านั้นเอง  ตอนนี้เป็นถึงลูกชายบุญธรรมของท่านแซคคาเรี่ยนซะแล้ว\"



    \"แต่สงครามระหว่างแคว้นคานาลกับแคว้นเทรนต์เมื่อสิบกว่าปีก่อนแย่จริงๆ\" เลวิสถอนหายใจช้าๆ \"เจ้าอยู่ที่เมืองหลวงคงไม่ค่อยรู้สึกอะไรหรอกว่าแถวชายแดนน่ะแย่แค่ไหน  ดูอย่างเมืองมาซาห์ที่เรามาพักตอนนี้สิ  หลายปีแล้วสภาพยังเสื่อมโทรมอยู่เลย...ถ้าท่านแซคคาเรี่ยนไม่เจอข้า  ป่านนี้ข้าตายไปนานแล้ว\"



    \"แต่ก็ดีที่คานาลกับเทรนต์สงบศึกกันได้\"



    เลวิสพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย  ทั้งสองเงียบไปครู่ใหญ่  ก่อนที่เลวิสจะพูดด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมขึ้น



    \"พรุ่งนี้คิดว่าคงถึงผาแลนดิส  แต่ทางระหว่างเมืองมาซาห์กับผาแลนดิสเป็นทะเลทราย  ใช้ม้าคงไม่สะดวกนัก  เจ้าของโรงแรมเลยแนะนำให้เดินทางไปกับขบวนสินค้าของพ่อค้าที่ชื่อเฟอา  ตอนนี้เฟอาก็อยู่ที่เมืองมาซาห์เหมือนกัน  แล้วก็จะออกเดินทางคืนพรุ่งนี้  เฟอากำลังจะเดินทางไปค้าขายที่แคว้นเทรนต์  แต่ทางที่สะดวกที่สุดในการเดินทางไปนั้นก็ต้องผ่านผาแลนดิส  ที่ๆ เราจะไปก็เลยถือเป็นทางผ่านของพวกนั้น\"



    ไคล์พยักหน้ารับด้วยสีหน้าครุ่นคิด  ก่อนจะเอ่ยถาม \"แล้วพวกนั้นจะให้เราไปด้วยเหรอ\"



    \"ไม่รู้สินะ\" เลวิสปิดหนังสือในมือแล้วลุกจากเก้าอี้ไปนั่งบนเตียงอีกตัว \"แต่ฟังจากเจ้าของโรงแรมพูดนี่ไม่น่าจะมีปัญหา  เพราะเฟอาเป็นคนมีน้ำใจ  และการนำคนสักคนสองคนติดขบวนสินค้าไปด้วยคงไม่เสียหาย  หรือถ้าอยากได้เงินพวกเราก็พอมีจ่าย...\"



    \"สงสัยงานนี้อาจจะโดนรีดไถกันน่าดูเลยนะ\" ไคล์พูดยิ้มๆ



    \"ก็อาจจะเป็นอย่างนั้น\" เลวิสยิ้มออกมา  เขาล้มตัวลงนอนบนเตียงที่นั่งอยู่เมื่อครู่ \"นอนแล้วดีกว่า  ราตรีสวัสดิ์\"



    เลวิสพลิกตัวหันหลังให้ไคล์  เพื่อเป็นการจบบทสนทนาเพียงเท่านั้น...



    ------------------------------------------------------------------



    แสงแดดยามเย็นส่องเข้ามาทางหน้าต่างกรอบไม้สีซีด  ส่องกระทบใบหน้าของเลวิสและไคล์ที่นั่งกินข้าวเย็นกันอยู่ที่ชั้นล่างของโรงแรม  มีบุคคลอีกสามคนนั่งอยู่ที่โต๊ะเช่นกัน  แต่ทั้งสามคนนั้นแยกกันนั่งที่โต๊ะคนละมุมห้องราวกับจะเป็นการประกาศทางอ้อมว่าไม่ต้องการให้คนอื่นมาสุงสิงด้วย



    \"ออกเดินทางตอนกลางคืนจะเป็นยังไงนะ\" ไคล์ชวนคุย



    \"ก็คงเย็นดีมั้ง  ขืนเดินทางในทะเลทรายตอนกลางวันก็คงเหมือนการถูกย่างทั้งเป็นละมั้ง\" เลวิสตอบเรียบๆ แล้วก็ปรายตามองไปรอบๆ \"แล้วพ่อค้าคนนั้น  ที่ชื่อเฟอาน่ะ อยู่ไหนเนี่ย  เห็นเจ้าของโรงแรมบอกว่าจะมาหาเราตอนเย็นนี่นา\"



    \"เดี๋ยวก็มามั้ง  รีบร้อนไปได้\" ไคล์พูดอย่างใจเย็น  ในขณะที่นักเดินทางสองในสามที่นั่งกินข้าวอยู่กินเสร็จอย่างรีบร้อนแล้วก็ออกเดินทางไปจากโรงแรมแล้ว



    เมื่อทั้งสองกินข้าวเย็นของตนเสร็จแล้วจึงขึ้นไปนำของที่ห้องพักลงมา  ทั้งสองคนเก็บของเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว  การขึ้นมาครั้งนี้จึงเป็นการนำสัมภาระลงไปรอเฟอาที่ชั้นล่างเท่านั้น  นั่นจึงทำให้ไคล์แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นเลวิสมีท่าทีร้อนรนแล้วก็หาของอะไรสักอย่างไปทั่วห้อง



    \"อะไรหายเหรอ\" ไคล์ถามอีกฝ่าย \"ข้าจะได้ช่วยหา\"



    \"จดหมายน่ะสิ\" เลวิสพูดพลางขมวดคิ้ว



    \"จดหมาย...อย่าบอกนะว่าจดหมายของ...\"



    \"ก็ใช่น่ะสิ\" เลวิสเริ่มมีท่าทีหงุดหงิด \"ข้าว่าข้าเก็บใส่กระเป๋าตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วนะ  ไปซุกอยู่ตรงไหนเนี่ย\"



    \"ให้ข้าช่วยหามั้ย\"



    \"ไม่เป็นไร  เจ้าลงไปก่อนเถอะ  บอกเฟอาด้วยว่าช่วยรออีกสักครู่  ถ้าข้ายังไม่ลงไป\"



    \"ได้\"



    ไคล์รับคำแล้วออกจากห้องไป  ทิ้งให้เลวิสนั่งหาจดหมายสำคัญอย่างรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นที่สุด  แต่เมื่อเลวิสหยิบหนังสือที่เขาอ่านเมื่อคืนออกมาจากกระเป๋า  จดหมายที่เขาหาอยู่ก็หล่นลงมาด้วย  ทำให้เลวิสถอนหายใจอย่างโล่งอก  แล้วก็เก็บจดหมายเข้ากระเป๋าในที่เดิมที่มันควรอยู่  ก่อนจะเดินออกจากห้องตามไคล์ไป



    ทันทีที่เลวิสก้าวเท้าออกจากห้องและปิดประตู  ก็มีเสียงห้าวของชายคนหนึ่งพูดขึ้น  ทำให้เขาหยุดชะงักไป



    \"ถ้าเจ้าเป็นนักเดินทางน่าจะรีบไปได้แล้วนะ\"



    เลวิสหันไปมองผู้พูดซึ่งเป็นบุรุษร่างสูงในเสื้อคลุมตัวสีดำสนิท  ส่วนผ้าปิดบังดวงหน้าของอีกฝ่ายไว้มิดชิด  จึงไม่สามารถรู้ได้ว่าหน้าตาของชายคนนี้เป็นยังไง



    \"ทำไมล่ะ\" เลวิสถามอย่างสงสัย



    \"เจ้าไม่รู้จริงเหรอ\" น้ำเสียงนั้นเริ่มเยาะหยัน



    \"ข้าไม่ใช่นักเดินทางจริงๆ หรอก  ข้าจะไปทำธุระที่แคว้นเทรนต์\" เลวิสโกหกเพราะเรื่องการไปผาแลนดิสครั้งนี้ต้องเก็บเป็นความลับ \"ท่านต้องการจะบอกอะไรข้าล่ะ\"



    \"เจ้าอยากรู้มั้ยล่ะ  ถ้าเจ้าอยาก  ข้าก็จะบอก\"



    \"ข้าเกรงว่าจะไม่อยากรู้\"



    \"ถ้าไม่รู้นี่...น่าเสียดายนะ\"



    \"ถ้าท่านไม่มีอะไรจะพูดแล้ว...\" เลวิสฝืนยิ้มให้บุรุษปริศนา \"ข้าขอตัว\"



    โดยไม่รอคำตอบ  เลวิสก็เดินผ่านชายคนนั้น  และเดินลงบันไดไปอย่างไม่สนใจชายคนนั้นเลยแม้แต่น้อย  ทำให้ชายปริศนายิ้มออกมาน้อยๆ ใต้ผ้าคลุมราวกับพอใจในอะไรสักอย่าง  เขาพูดออกมาเบาๆ คล้ายจะรำพึงกับตนเอง



    \"อวดดีไปก่อนเถิด...เลวิส  เฟอร์ดินานด์  แล้วอีกไม่นานเจ้าจะรู้จักข้า  และลืมชื่อของข้าไม่ลง\"



    ------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×