ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 - เริ่มต้น
ภายในห้องที่ดูค่อนข้างมืดสลัว  มีเพียงแสงไฟดวงเดียวจากตะเกียงดวงเล็กบนโต๊ะตัวไม่ใหญ่นักที่อยู่กลางห้อง  ตามผนังห้องเต็มไปด้วยชั้นสำหรับวางหนังสือ  มีหนังสือวางอยู่ตามชั้นมากจนนับไม่ถ้วน  แรงลมที่พัดมาจากข้างนอกทำให้ผ้าม่านสีมืดปลิวเบาๆ ตาม  และทำให้ภายในห้องไม่ร้อนไปนักจากความเย็นที่มากับลม  มีเพียงบุรุษวัยเกือบจะกลางคน  ร่างค่อนข้างสูง  ผมสีน้ำตาลอ่อน  ดวงตาสีฟ้านั่งอยู่เพียงลำพังในห้องนั้น  ชายคนนั้นนั่งมองแผ่นกระดาษแผ่นหนึ่งบนโต๊ะด้วยสายตาครุ่นคิด และหนักใจผสมกันไปในความรู้สึก  เขาค่อยๆ หยิบปากกาขนนกจุ่มลงไปในขวดหมึกก่อนจะเริ่มเขียนลงไปในกระดาษที่เขาจ้องด้วยความหนักใจเมื่อครู่
แล้วเขาก็ต้องหยุดมือที่กำลังเขียนอยู่เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
\"เข้ามาสิ\" เขาเอ่ยปากอนุญาตกับผู้ที่มาเคาะประตู
ชายหนุ่มผมสีดำ ร่างสูงเดินเข้ามาในห้องนั้น  พลางพูดกับผู้ที่นั่งอยู่ในห้องก่อนแล้ว
\"มีธุระอะไรกับข้าหรือขอรับ  ท่านแซคคาเรี่ยน\"
\"นั่งก่อนสิ\" แซคคาเรี่ยนผายมือไปที่เก้าอี้อีกด้านหนึ่งของโต๊ะตัวที่ตนกำลังนั่งอยู่
\"ขอรับ\" เลวิสรับคำเบาๆ กับผู้ที่อาวุโสกว่าอย่างสุภาพ  ก่อนจะนั่งลงบนเก้าด้านตรงข้ามกับแซคคาเรี่ยน
แซคคาเรี่ยนพิจารณาดวงหน้าของอีกฝ่ายที่ถูกแสงไฟจากตะเกียงบนโต๊ะข้างหน้าส่องกระทบ  เลวิสมีผิวค่อนข้างขาว  ผมกับคิ้วสีดำทำให้ใบหน้าของเขาดูคมเข้มขึ้น  ดวงตาสีดำราวกับนิลฉายแววฉลาด  จมูกกับปากที่ได้รูปสวยทำให้เจ้าตัวเป็นคนที่จัดว่าหน้าตาน่าดูดีทีเดียว
\"เจ้าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะ  เลวิส\" แซคคาเรี่ยนเอ่ยขึ้นมาก่อน
\"ไม่หรอกมั้งขอรับ\"
\"ถ้าไม่ใช่  ก็คงเป็นเพราะข้าไม่ค่อยได้มาคุยกับเจ้าแบบนี้มานานแล้วสินะ\"
\"คงเช่นนั้นขอรับ\" เลวิสยังตอบด้วยท่าทางนอบน้อมกับอีกฝ่ายเหมือนเดิม
สำหรับเลวิสแล้ว  เขาคิดว่าบุคคลตรงหน้าเป็นผู้ที่เขาเคารพนับถือมากที่สุด  แซคคาเรี่ยนเป็นผู้นำแห่งแคว้นคานาล  หนึ่งในหกแคว้นใหญ่ของดินแดนแถบนี้  ซึ่งประกอบไปด้วยคานาล  เอลวีทีส  เคล  เทรนต์  เนไอ  และซีอาส  นอกจากจะเป็นบุคคลที่มีความสำคัญเพราะหน้าที่ผู้นำแล้ว  แซคคาเรี่ยนยังถือเป็นผู้มีพระคุณอย่างล้นเหลือกับเขาเลยทีเดียว  เพราะตอนที่เกิดสงครามขึ้น  ครอบครัวของเขาก็ถูกฆ่าตายในสงครามหมด  เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น  และแซคคาเรี่ยนก็เป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้โดยการยกให้เขาเป็นบุตรบุญธรรมของตนเอง
แต่แม้ว่าแซคคาเรี่ยนจะบอกให้เลวิสเรียกว่า \'ท่านพ่อ\'  เลวิสก็ยังคงเรียกอีกฝ่ายด้วยคำว่า \'ท่านแซคคาเรี่ยน\' อย่างนอบน้อมเสมอ
\"ข้ามีงานให้เจ้าทำ\" แซคคาเรี่ยนพูดเรียบๆ แต่เป็นคำพูดที่ทำให้ผู้ฟังอดที่จะยินดีไม่ได้  เพราะต้องการที่จะช่วยแซคคาเรี่ยนเพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณให้ได้มากที่สุด
\"งานอะไรหรือขอรับ?\"
\"ข้าอยากให้เจ้าช่วย...ส่งจดหมายสำคัญของข้าให้กับราสเทียร์  ผู้นำของเอลวีทีส\" แซคคาเรี่ยนเอ่ยพร้อมพลิกกระดาษในมือ \"อย่างที่เจ้ารู้  สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก...แต่เจ้าก็ไม่ต้องห่วง  ข้าจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยได้\"
\"เรื่องที่มีคนรายงานว่ามีกลุ่มคนชุดดำป้วนเปี้ยนแถวๆ นี้หรือขอรับ?\" เลวิสได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง  แต่ก็ไม่ค่อยละเอียดเท่าใดนัก
แซคคาเรี่ยนพยักหน้ารับ  ก่อนจะอธิบายงานที่ต้องการให้อีกฝ่ายช่วยทำให้ละเอียดยิ่งขึ้น
\"เจ้าจะพาไคล์ไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ  ข้าอยากให้เจ้ารีบเดินทางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  คงเป็นพรุ่งนี้เลย  ทางที่จะไปผาแลนดิสที่เป็นที่อยู่ของเผ่าเอลวีทีสต้องผ่านทะเลทราย  แต่คงไปหาอูฐแถวนั้นได้มั้ง  ข้าไม่มีเวลาพอจะติดต่อให้เจ้า  ใช้เวลาสักสองวันคงถึงนะ\"
\"แล้วต้องรีบกลับมั้ยขอรับ?\"
\"ข้าว่าไม่จะเป็น  ราสเทียร์มีวิธีติดต่อมาหาข้าได้ถ้าอยากทำ\" แซคคาเรี่ยนกล่าวเรียบๆ \"นี่ก็ค่ำแล้ว  เจ้ารีบไปเตรียมตัวเถอะ  จะได้รีบออกเดินทางแต่เช้า\"
เลวิสลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ยืนอยู่
\"งั้นข้าขอตัวนะขอรับ\"
เลวิสหันหลังกลับจะเดินออกไปจากห้อง  แต่เมื่อมือเขาแตะประตูแซคคาเรี่ยนก็พูดกับเขาออกมาเบาๆ
\"ข้าไว้ใจเจ้าเสมอ...ในฐานะลูกชาย\"
เลวิสชะงักไปครู่หนึ่ง  แต่ก็ไม่หันกลับไปมอง  เขาเปิดประตูแล้วเดินออกไปปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่ในห้องแต่เพียงลำพังตามเดิม  เลวิสจึงไม่ได้เห็นหน้าที่ดูสงบราบเรียบของแซคคาเรี่ยนแปรเปลี่ยนกลับไปดูเคร่งเครียดอีกครั้งเช่นเดียวกับก่อนที่เลวิสจะเข้ามา
\"รู้สึกว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้วนะ ราสเทียร์\"
------------------------------------------------------------------
เลวิสถอนหายใจเฮือกทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องทำงานของแซคคาเรี่ยน  แม้สีหน้าของแซคคาเรี่ยนจะดูสงบ  แต่อะไรบางอย่างบอกกับเลวิสว่าแซคคาเรี่ยนกำลังเครียดหนัก  จึงทำให้เขาอดห่วงผู้เป็นบิดาบุญธรรมไม่ได้  ถึงจะไม่รู้เหตุผลที่อีกฝ่ายไม่ค่อยสบายใจก็ตาม
เลวิสเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนคนหนึ่งวิ่งมาจับมือเขาเอาไว้
\"เลวิส  ท่านพ่อเรียกเจ้าเข้าไปทำไมเหรอ\"
\"ฮิลเล\" เลวิสเรียกชื่อหญิงสาวคนนั้นเมื่อเห็นชัดว่าเธอคือฮิลเล  ลูกสาวคนเดียวของแซคคาเรี่ยน \"ก็ไม่มีอะไรมาก  ท่านแซคคาเรี่ยนแค่อยากให้ข้ากับไคล์ช่วยงานท่านนิดหน่อย\"
\"งาน?\" เสียงใสของฮิลเลทวนคำอย่างแปลกใจ \"งานอะไร?\"
\"เดี๋ยวข้าบอกเจ้าพร้อมกับไคล์ดีกว่า  ขี้เกียจพูดหลายรอบ  อีกอย่างข้าไม่ค่อยอยากจะรบกวนท่านแซคคาเรี่ยนที่อยู่ในห้องด้วย\"
\"งั้นไปหาไคล์กัน\"
ว่าแล้วหญิงสาวก็ทำการจูงชายหนุ่มเดินไปตามทางเดิน  เลวิสจึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ลูกสาวของท่านแซคคาเรี่ยนเป็นคนตัดสินใจง่าย และค่อนข้างที่จะเอาแต่ใจอย่างนี้เสมอ
\"ไคล์อยู่ไหนล่ะ?\" เลวิสอดถามอย่างสงสัยไม่ได้
\"อยู่หน้าห้องเจ้าน่ะแหละ\"
\"พวกเจ้าไปหน้าห้องข้าทำไมล่ะ?\"
\"ก็เห็นว่าท่านพ่อเรียกเจ้าไปคุย  ข้ากับไคล์ก็เลยอยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร  เลยกะจะไปรอเจ้าอยู่ที่หน้าห้อง  แต่ข้ารอไม่ไหวเลยมาดูเจ้าซักหน่อย แล้วเจอเจ้าออกมาพอดี\" ฮิลเลยังคงอธิบายอย่างอารมณ์ดีต่อไป \"ที่ไคล์ไม่เดินมาด้วยก็เพราะว่าหลับน่ะ\"
\"หลับ? หน้าห้องของข้าเนี่ยนะ?\"
\"อืม  หลับสนิทเลย\"
แล้วทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าห้องของเลวิส  ซึ่งมีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลไหม้อีกคนนั่งกับพื้น  หัวพิงประตูแล้วก็กำลังหลับอยู่
\"ไคล์ เลวิสมาแล้วนะ\" ฮิลเลเขย่าไหล่เพื่อนชายของเธอเบาๆ
\"หือ  อะไรนะ  เลวิสเหรอ\" เสียงไคล์พึมพัมออกมาพร้อมกับการบิดขี้เกียจ
\"ข้าเอง  จะตื่นได้ยัง\"
เลวิสพูดพร้อมกับยื่นมือให้อีกฝ่ายเพื่อดึงตัวลุกขึ้นยืน  ไคล์บิดขี้เกียจอีกสองสามครั้ง  แล้วขยี้ตาสองสามที  ก่อนจะเอ่ยปากทักเพื่อนทั้งสองที่ยืนอยู่
\"เป็นไงบ้าง เลวิส\"
\"เก็บของ\" เลวิสพูดสั้นๆ ซึ่งทำให้อีกสองคนตกใจไม่น้อย
\"ท่านแซคคาเรี่ยนจะย้ายบ้านเหรอ?\" ไคล์ถามขึ้นก่อน
\"อย่าบอกนะว่าท่านพ่อไล่เจ้าออกจากคานาล\" ฮิลเลรีบพูดแทรก
\"หรือว่าจะ...\"
ทั้งสองพูดพร้อมกัน  แต่ยังพูดไม่ทันจบ  เลวิสก็รีบขยายความของคำว่า \'เก็บของ\' ของตนทันที
\"ท่านแซคคาเรี่ยนจะให้ข้ากับเจ้า\" เลวิสหันไปทางไคล์ \"ไปส่งจดหมายให้ท่านราสเทียร์  ผู้นำแห่งเอลวีทีส...อย่ามัวยืนคุยอยู่ข้างประตูข้าเลย  เอาเป็นว่าเข้าไปคุยในห้องข้าก่อนละกัน  จะได้พูดได้ละเอียดหน่อย\"
------------------------------------------------------------------
ในห้องของเลวิสมีคนสามคนนั่งอยู่ตามที่ต่างๆ ด้วยท่าทางที่ต่างกัน  เลวิสยืนกอดอกพิงตู้เสื้อผ้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย  ไคล์นั่งกอดหมอนอยู่บนเตียงไม้ที่ปูผ้าสีขาวด้วยใบหน้าที่มีคิ้วขมวดพันกันยุ่ง  และฮิลเลที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง  ดวงหน้าของเธอฉายแววครุ่นคิดระคนสงสัย  แล้วเธอก็พูดออกมาทำลายความเงียบ
\"ตกลง...เลวิสกับไคล์ต้องไปผาแลนดิส  ที่อยู่ของพวกเอลวีทีสใช่มั้ย?\"
\"ก็คงงั้นมั้ง\" ไคล์ยักไหล่พลางพูด \"ไม่รู้ท่านแซคคาเรี่ยนคิดยังไง  ทำไมถึงไม่ใช้ภูตส่งสาร  เร็วกว่าคนตั้งเยอะ\"
\"ภูตส่งสาร?\" ฮิลเลทวนคำนั้นอย่างสนใจ \"คล้ายภูตธรรมดาที่เป็นคนตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารัก  แล้วก็มีปีกรึเปล่า\"
เลวิสพยักหน้าแทนคำตอนก่อนจะอธิบายเพิ่มเติม
\"ภูตส่งสารก็คล้ายๆ กับภูตธรรมดานี่แหละ  แต่จะมีความสามารถพิเศษที่ต่างออกไปคือ สามารถบินได้เร็วกว่าภูตธรรมดา  เป็นความสามารถที่มีมาตั้งแต่เกิด  เลยนิยมนำมาใช้ส่งจดหมาย  แต่คนที่สามารถใช้ภูตส่งสารได้ต้องเป็นผู้ที่มีพลังเวทย์สูงเท่านั้น\"
\"แล้วเร็วกว่าคนเท่าไหร่ล่ะ\" ฮิลเลถามต่อ
\"อืม...\" เลวิสนิ่งคิดไปซักพักก่อนจะตอบ \"ถ้าคนใช้เวลาราวสามวัน  ภูตส่งสารก็ใช้เวลาหนึ่งวัน\"
\"อย่างที่ไคล์พูด  ว่าทำไมท่านพ่อถึงไม่ใช้ภูตส่งสาร\" หญิงสาวเม้มปากอย่างครุ่นคิด \"ดีกว่าให้ลูกชายบุญธรรมอย่างเลวิส กับลูกชายคนเลี้ยงม้าอย่างไคล์ต้วมเตี้ยมไปผาแลนดิสอย่างอืดอาด  ก็รู้สึกว่าผาแลนดิสถ้าเป็นคนเดินทางก็วันกว่าๆ เท่านั้นเอง  ภูตส่งสารก็คงจะเร็วเข้าไปใหญ่\"
\"ข้าว่า...การใช้ภูตส่งสารมันเสี่ยงเกินไป\" เลวิสพูดพร้อมกับเริ่มเปิดตู้และหยิบเสื้อผ้าที่จะนำติดตัวในการเดินทางออกมา \"อย่างที่ข้าบอกไปแล้ว  ที่ว่าภูตส่งสารจะรับใช้คนที่พลังเวทย์สูงเท่านั้น  แต่เมื่อเจอคนที่พลังเวทย์สูงกว่าเจ้านายเดิมก็อาจจะแปรพักตร์  หรือไม่ก็เผยความลับ หรือจดหมายที่เจ้านายฝากไปได้ง่ายๆ  แล้วที่รู้มาฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ใช่ย่อย\"
\"ใช่พวกกลุ่มชุดดำนั่นรึเปล่า\" ไคล์ถามขึ้นมา  ซึ่งเลวิสพยักหน้าแทนคำตอบ \"ข้าได้ยินมาว่าพวกนั้นไปป้วนเปี้ยนแถวๆ หมู่บ้านไหนแล้วละก็  หมู่บ้านนั้นก็จะเหลือแต่ชื่อในวันต่อมา...\"
\"พวกโจรมากกว่ามั้ง\" ฮิลเลออกความคิดเห็น \"ก็ไม่น่าจะเป็นศัตรูอะไรกับเราไม่ใช่เหรอ  นอกจากว่า...พวกนั้นจะมาอยู่แถวนี้\" ฮิลเลนิ่งชะงักไปครู่ก่อนจะพูดต่อ \"อย่าบอกนะว่า...พวกนั้น...\"
เลวิสพยักหน้ารับเนิบๆ ทำให้ฮิลเลมีสีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด
\"มีคนเขาลือว่ามาอยู่แถวๆ คานาล\" เลวิสขยายความต่อ \"แล้วข่าวนั่นก็เชื่อถือได้ไม่น้อยเพราะเห็นกันหลายคนแล้ว\"
ทั้งหมดนิ่งเงียบไปครู่  ก่อนที่ไคล์จะลุกขึ้นแล้วพูดออกมา
\"ดึกแล้วนี่\"  ไคล์มองไปนอกหน้าต่างพลางเปรยออกมา \"ข้ารีบไปจัดของก่อนดีกว่า  พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า\"
ฮิลเลพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย  แล้วเธอก็เปิดประตูเดินออกไป  ไคล์ยิ้มให้เลวิสแล้วก็เดินตามหญิงสาวออกไป
------------------------------------------------------------------
ในตอนเช้ามืดของวันต่อมา  เลวิสกับไคล์ยืนอยู่อีกฟากของประตูบานใหญ่ซึ่งเป็นทางออกเมือง  โดยมีฮิลเลและแซคคาเรี่ยนยืนอยู่ข้าง  ไคล์ที่ทำตาปรือๆ เหมือนคนง่วงนอน  ก็ปีนขึ้นม้าสีขาวที่มีรอยสีเทาเป็นจุดกระจายอยู่ทั่วบนขนสีขาวของมัน
\"ข้าว่าเราไปกันได้แล้วนะ\" ไคล์หันมาพูดกับเลวิสพร้อมกับหาว
\"พวกเจ้าระวังตัวด้วยนะ\" ฮิลเลมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
\"อย่าเป็นห่วงเกินเหตุสิ  ฮิลเล\" แซคคาเรี่ยนลูบหัวบุตรสาวเบาๆ เหมือนเป็นการปลอบไม่ให้เธอกังวล \"ไปกลับผาแลนดิสแค่วันกว่าๆ เท่านั้น  ถ้าต้องค้างคืนที่นั่นก็สักคืนสองคืน  รวมแล้วประมาณสามถึงสี่วันเท่านั้น  อีกไม่นานเดี๋ยวก็กลับ\" แล้วแซคคาเรี่ยนก็หันมาพูดกับเลวิส \"อย่าให้คนอื่นนอกจากราสเทียร์ได้อ่านจดหมายฉบับนี้เป็นอันขาด  ข้าอนุญาตให้ทำลายจดหมายนี้ได้ถ้าจำเป็น\"
เลวิสพยักหน้ารับรู้คำสั่งนั้น  แซคคาเรี่ยนจึงใช้มือซ้ายแตะหน้าผากของตนเองแล้วไปแตะที่ไหล่ข้างขวาของเลวิส
\"ขอให้เจ้าได้รับความคุ้มครองจากองค์อาร์โคส  และปลอดภัยในการเดินทางครั้งนี้\"
\"ขอรับ\" เลวิสรับคำอย่างนอบน้อม  แล้วปีนขึ้นม้าขนเป็นมันสีดำสนิทที่อยู่ข้างๆ ม้าของไคล์  เขาก้มหัวให้แซคคาเรี่ยนน้อยๆ เป็นเชิงทำความเคารพแล้วก็พูดออกมา \"ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ\"
แซคคาเรี่ยนยิ้มให้ผู้ที่กำลังจะไปทั้งสองอย่างอ่อนโยน  เลวิสหันมามองฮิลเลและยิ้มให้ก่อนจะบังคับม้าให้ออกวิ่งไปตามทางพร้อมกับไคล์  ฮิลเลได้แต่มองตามม้าทั้งสองตัวที่วิ่งไปตามทางบนทุ่งหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา  ภาพม้ากับคนที่ขี่พวกมันค่อยๆ เล็กลงไปเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นในที่สุด
\"ถ้าเจ้าอยากจะสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าที่นี่อีกสักพัก  พ่อจะเข้าไปก่อน\"
\"ท่านพ่อเข้าไปก่อนเถอะค่ะ  เดี๋ยวลูกจะตามเข้าไป\"
แซคคาเรี่ยนยิ้มให้ฮิลเลแล้วเดินกลับเข้าไปในอีกฟากของประตูซึ่งเป็นตัวเมือง
ฮิลเลคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่สักพัก  แถวๆ ประตูเมืองที่เธอยืนอยู่นี้แทบจะไม่มีคนเลยก็ว่าได้  เธอวิ่งออกไปทางทุ่งหญ้าสักพักแล้วก็ตะโกนออกมาเสียงดัง  โดยที่หวังไว้ว่าบุคคลที่ออกไปแล้วทั้งสองจะได้ยินเสียงนั้น
\"รีบกลับมานะ\"
ใช่...กลับมาสู่ที่นี่...สู่จุดเริ่มต้นของเรา
------------------------------------------------------------------
แล้วเขาก็ต้องหยุดมือที่กำลังเขียนอยู่เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
\"เข้ามาสิ\" เขาเอ่ยปากอนุญาตกับผู้ที่มาเคาะประตู
ชายหนุ่มผมสีดำ ร่างสูงเดินเข้ามาในห้องนั้น  พลางพูดกับผู้ที่นั่งอยู่ในห้องก่อนแล้ว
\"มีธุระอะไรกับข้าหรือขอรับ  ท่านแซคคาเรี่ยน\"
\"นั่งก่อนสิ\" แซคคาเรี่ยนผายมือไปที่เก้าอี้อีกด้านหนึ่งของโต๊ะตัวที่ตนกำลังนั่งอยู่
\"ขอรับ\" เลวิสรับคำเบาๆ กับผู้ที่อาวุโสกว่าอย่างสุภาพ  ก่อนจะนั่งลงบนเก้าด้านตรงข้ามกับแซคคาเรี่ยน
แซคคาเรี่ยนพิจารณาดวงหน้าของอีกฝ่ายที่ถูกแสงไฟจากตะเกียงบนโต๊ะข้างหน้าส่องกระทบ  เลวิสมีผิวค่อนข้างขาว  ผมกับคิ้วสีดำทำให้ใบหน้าของเขาดูคมเข้มขึ้น  ดวงตาสีดำราวกับนิลฉายแววฉลาด  จมูกกับปากที่ได้รูปสวยทำให้เจ้าตัวเป็นคนที่จัดว่าหน้าตาน่าดูดีทีเดียว
\"เจ้าดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นนะ  เลวิส\" แซคคาเรี่ยนเอ่ยขึ้นมาก่อน
\"ไม่หรอกมั้งขอรับ\"
\"ถ้าไม่ใช่  ก็คงเป็นเพราะข้าไม่ค่อยได้มาคุยกับเจ้าแบบนี้มานานแล้วสินะ\"
\"คงเช่นนั้นขอรับ\" เลวิสยังตอบด้วยท่าทางนอบน้อมกับอีกฝ่ายเหมือนเดิม
สำหรับเลวิสแล้ว  เขาคิดว่าบุคคลตรงหน้าเป็นผู้ที่เขาเคารพนับถือมากที่สุด  แซคคาเรี่ยนเป็นผู้นำแห่งแคว้นคานาล  หนึ่งในหกแคว้นใหญ่ของดินแดนแถบนี้  ซึ่งประกอบไปด้วยคานาล  เอลวีทีส  เคล  เทรนต์  เนไอ  และซีอาส  นอกจากจะเป็นบุคคลที่มีความสำคัญเพราะหน้าที่ผู้นำแล้ว  แซคคาเรี่ยนยังถือเป็นผู้มีพระคุณอย่างล้นเหลือกับเขาเลยทีเดียว  เพราะตอนที่เกิดสงครามขึ้น  ครอบครัวของเขาก็ถูกฆ่าตายในสงครามหมด  เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น  และแซคคาเรี่ยนก็เป็นผู้ช่วยชีวิตเขาไว้โดยการยกให้เขาเป็นบุตรบุญธรรมของตนเอง
แต่แม้ว่าแซคคาเรี่ยนจะบอกให้เลวิสเรียกว่า \'ท่านพ่อ\'  เลวิสก็ยังคงเรียกอีกฝ่ายด้วยคำว่า \'ท่านแซคคาเรี่ยน\' อย่างนอบน้อมเสมอ
\"ข้ามีงานให้เจ้าทำ\" แซคคาเรี่ยนพูดเรียบๆ แต่เป็นคำพูดที่ทำให้ผู้ฟังอดที่จะยินดีไม่ได้  เพราะต้องการที่จะช่วยแซคคาเรี่ยนเพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณให้ได้มากที่สุด
\"งานอะไรหรือขอรับ?\"
\"ข้าอยากให้เจ้าช่วย...ส่งจดหมายสำคัญของข้าให้กับราสเทียร์  ผู้นำของเอลวีทีส\" แซคคาเรี่ยนเอ่ยพร้อมพลิกกระดาษในมือ \"อย่างที่เจ้ารู้  สถานการณ์ตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก...แต่เจ้าก็ไม่ต้องห่วง  ข้าจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยได้\"
\"เรื่องที่มีคนรายงานว่ามีกลุ่มคนชุดดำป้วนเปี้ยนแถวๆ นี้หรือขอรับ?\" เลวิสได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง  แต่ก็ไม่ค่อยละเอียดเท่าใดนัก
แซคคาเรี่ยนพยักหน้ารับ  ก่อนจะอธิบายงานที่ต้องการให้อีกฝ่ายช่วยทำให้ละเอียดยิ่งขึ้น
\"เจ้าจะพาไคล์ไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ  ข้าอยากให้เจ้ารีบเดินทางให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  คงเป็นพรุ่งนี้เลย  ทางที่จะไปผาแลนดิสที่เป็นที่อยู่ของเผ่าเอลวีทีสต้องผ่านทะเลทราย  แต่คงไปหาอูฐแถวนั้นได้มั้ง  ข้าไม่มีเวลาพอจะติดต่อให้เจ้า  ใช้เวลาสักสองวันคงถึงนะ\"
\"แล้วต้องรีบกลับมั้ยขอรับ?\"
\"ข้าว่าไม่จะเป็น  ราสเทียร์มีวิธีติดต่อมาหาข้าได้ถ้าอยากทำ\" แซคคาเรี่ยนกล่าวเรียบๆ \"นี่ก็ค่ำแล้ว  เจ้ารีบไปเตรียมตัวเถอะ  จะได้รีบออกเดินทางแต่เช้า\"
เลวิสลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ยืนอยู่
\"งั้นข้าขอตัวนะขอรับ\"
เลวิสหันหลังกลับจะเดินออกไปจากห้อง  แต่เมื่อมือเขาแตะประตูแซคคาเรี่ยนก็พูดกับเขาออกมาเบาๆ
\"ข้าไว้ใจเจ้าเสมอ...ในฐานะลูกชาย\"
เลวิสชะงักไปครู่หนึ่ง  แต่ก็ไม่หันกลับไปมอง  เขาเปิดประตูแล้วเดินออกไปปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่ในห้องแต่เพียงลำพังตามเดิม  เลวิสจึงไม่ได้เห็นหน้าที่ดูสงบราบเรียบของแซคคาเรี่ยนแปรเปลี่ยนกลับไปดูเคร่งเครียดอีกครั้งเช่นเดียวกับก่อนที่เลวิสจะเข้ามา
\"รู้สึกว่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแล้วนะ ราสเทียร์\"
------------------------------------------------------------------
เลวิสถอนหายใจเฮือกทันทีที่ก้าวออกมาจากห้องทำงานของแซคคาเรี่ยน  แม้สีหน้าของแซคคาเรี่ยนจะดูสงบ  แต่อะไรบางอย่างบอกกับเลวิสว่าแซคคาเรี่ยนกำลังเครียดหนัก  จึงทำให้เขาอดห่วงผู้เป็นบิดาบุญธรรมไม่ได้  ถึงจะไม่รู้เหตุผลที่อีกฝ่ายไม่ค่อยสบายใจก็ตาม
เลวิสเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็มีหญิงสาวผมสีน้ำตาลอ่อนคนหนึ่งวิ่งมาจับมือเขาเอาไว้
\"เลวิส  ท่านพ่อเรียกเจ้าเข้าไปทำไมเหรอ\"
\"ฮิลเล\" เลวิสเรียกชื่อหญิงสาวคนนั้นเมื่อเห็นชัดว่าเธอคือฮิลเล  ลูกสาวคนเดียวของแซคคาเรี่ยน \"ก็ไม่มีอะไรมาก  ท่านแซคคาเรี่ยนแค่อยากให้ข้ากับไคล์ช่วยงานท่านนิดหน่อย\"
\"งาน?\" เสียงใสของฮิลเลทวนคำอย่างแปลกใจ \"งานอะไร?\"
\"เดี๋ยวข้าบอกเจ้าพร้อมกับไคล์ดีกว่า  ขี้เกียจพูดหลายรอบ  อีกอย่างข้าไม่ค่อยอยากจะรบกวนท่านแซคคาเรี่ยนที่อยู่ในห้องด้วย\"
\"งั้นไปหาไคล์กัน\"
ว่าแล้วหญิงสาวก็ทำการจูงชายหนุ่มเดินไปตามทางเดิน  เลวิสจึงได้แต่ถอนหายใจเบาๆ ลูกสาวของท่านแซคคาเรี่ยนเป็นคนตัดสินใจง่าย และค่อนข้างที่จะเอาแต่ใจอย่างนี้เสมอ
\"ไคล์อยู่ไหนล่ะ?\" เลวิสอดถามอย่างสงสัยไม่ได้
\"อยู่หน้าห้องเจ้าน่ะแหละ\"
\"พวกเจ้าไปหน้าห้องข้าทำไมล่ะ?\"
\"ก็เห็นว่าท่านพ่อเรียกเจ้าไปคุย  ข้ากับไคล์ก็เลยอยากรู้ว่าเป็นเรื่องอะไร  เลยกะจะไปรอเจ้าอยู่ที่หน้าห้อง  แต่ข้ารอไม่ไหวเลยมาดูเจ้าซักหน่อย แล้วเจอเจ้าออกมาพอดี\" ฮิลเลยังคงอธิบายอย่างอารมณ์ดีต่อไป \"ที่ไคล์ไม่เดินมาด้วยก็เพราะว่าหลับน่ะ\"
\"หลับ? หน้าห้องของข้าเนี่ยนะ?\"
\"อืม  หลับสนิทเลย\"
แล้วทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าห้องของเลวิส  ซึ่งมีชายหนุ่มผมสีน้ำตาลไหม้อีกคนนั่งกับพื้น  หัวพิงประตูแล้วก็กำลังหลับอยู่
\"ไคล์ เลวิสมาแล้วนะ\" ฮิลเลเขย่าไหล่เพื่อนชายของเธอเบาๆ
\"หือ  อะไรนะ  เลวิสเหรอ\" เสียงไคล์พึมพัมออกมาพร้อมกับการบิดขี้เกียจ
\"ข้าเอง  จะตื่นได้ยัง\"
เลวิสพูดพร้อมกับยื่นมือให้อีกฝ่ายเพื่อดึงตัวลุกขึ้นยืน  ไคล์บิดขี้เกียจอีกสองสามครั้ง  แล้วขยี้ตาสองสามที  ก่อนจะเอ่ยปากทักเพื่อนทั้งสองที่ยืนอยู่
\"เป็นไงบ้าง เลวิส\"
\"เก็บของ\" เลวิสพูดสั้นๆ ซึ่งทำให้อีกสองคนตกใจไม่น้อย
\"ท่านแซคคาเรี่ยนจะย้ายบ้านเหรอ?\" ไคล์ถามขึ้นก่อน
\"อย่าบอกนะว่าท่านพ่อไล่เจ้าออกจากคานาล\" ฮิลเลรีบพูดแทรก
\"หรือว่าจะ...\"
ทั้งสองพูดพร้อมกัน  แต่ยังพูดไม่ทันจบ  เลวิสก็รีบขยายความของคำว่า \'เก็บของ\' ของตนทันที
\"ท่านแซคคาเรี่ยนจะให้ข้ากับเจ้า\" เลวิสหันไปทางไคล์ \"ไปส่งจดหมายให้ท่านราสเทียร์  ผู้นำแห่งเอลวีทีส...อย่ามัวยืนคุยอยู่ข้างประตูข้าเลย  เอาเป็นว่าเข้าไปคุยในห้องข้าก่อนละกัน  จะได้พูดได้ละเอียดหน่อย\"
------------------------------------------------------------------
ในห้องของเลวิสมีคนสามคนนั่งอยู่ตามที่ต่างๆ ด้วยท่าทางที่ต่างกัน  เลวิสยืนกอดอกพิงตู้เสื้อผ้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย  ไคล์นั่งกอดหมอนอยู่บนเตียงไม้ที่ปูผ้าสีขาวด้วยใบหน้าที่มีคิ้วขมวดพันกันยุ่ง  และฮิลเลที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง  ดวงหน้าของเธอฉายแววครุ่นคิดระคนสงสัย  แล้วเธอก็พูดออกมาทำลายความเงียบ
\"ตกลง...เลวิสกับไคล์ต้องไปผาแลนดิส  ที่อยู่ของพวกเอลวีทีสใช่มั้ย?\"
\"ก็คงงั้นมั้ง\" ไคล์ยักไหล่พลางพูด \"ไม่รู้ท่านแซคคาเรี่ยนคิดยังไง  ทำไมถึงไม่ใช้ภูตส่งสาร  เร็วกว่าคนตั้งเยอะ\"
\"ภูตส่งสาร?\" ฮิลเลทวนคำนั้นอย่างสนใจ \"คล้ายภูตธรรมดาที่เป็นคนตัวเล็กๆ หน้าตาน่ารัก  แล้วก็มีปีกรึเปล่า\"
เลวิสพยักหน้าแทนคำตอนก่อนจะอธิบายเพิ่มเติม
\"ภูตส่งสารก็คล้ายๆ กับภูตธรรมดานี่แหละ  แต่จะมีความสามารถพิเศษที่ต่างออกไปคือ สามารถบินได้เร็วกว่าภูตธรรมดา  เป็นความสามารถที่มีมาตั้งแต่เกิด  เลยนิยมนำมาใช้ส่งจดหมาย  แต่คนที่สามารถใช้ภูตส่งสารได้ต้องเป็นผู้ที่มีพลังเวทย์สูงเท่านั้น\"
\"แล้วเร็วกว่าคนเท่าไหร่ล่ะ\" ฮิลเลถามต่อ
\"อืม...\" เลวิสนิ่งคิดไปซักพักก่อนจะตอบ \"ถ้าคนใช้เวลาราวสามวัน  ภูตส่งสารก็ใช้เวลาหนึ่งวัน\"
\"อย่างที่ไคล์พูด  ว่าทำไมท่านพ่อถึงไม่ใช้ภูตส่งสาร\" หญิงสาวเม้มปากอย่างครุ่นคิด \"ดีกว่าให้ลูกชายบุญธรรมอย่างเลวิส กับลูกชายคนเลี้ยงม้าอย่างไคล์ต้วมเตี้ยมไปผาแลนดิสอย่างอืดอาด  ก็รู้สึกว่าผาแลนดิสถ้าเป็นคนเดินทางก็วันกว่าๆ เท่านั้นเอง  ภูตส่งสารก็คงจะเร็วเข้าไปใหญ่\"
\"ข้าว่า...การใช้ภูตส่งสารมันเสี่ยงเกินไป\" เลวิสพูดพร้อมกับเริ่มเปิดตู้และหยิบเสื้อผ้าที่จะนำติดตัวในการเดินทางออกมา \"อย่างที่ข้าบอกไปแล้ว  ที่ว่าภูตส่งสารจะรับใช้คนที่พลังเวทย์สูงเท่านั้น  แต่เมื่อเจอคนที่พลังเวทย์สูงกว่าเจ้านายเดิมก็อาจจะแปรพักตร์  หรือไม่ก็เผยความลับ หรือจดหมายที่เจ้านายฝากไปได้ง่ายๆ  แล้วที่รู้มาฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ใช่ย่อย\"
\"ใช่พวกกลุ่มชุดดำนั่นรึเปล่า\" ไคล์ถามขึ้นมา  ซึ่งเลวิสพยักหน้าแทนคำตอบ \"ข้าได้ยินมาว่าพวกนั้นไปป้วนเปี้ยนแถวๆ หมู่บ้านไหนแล้วละก็  หมู่บ้านนั้นก็จะเหลือแต่ชื่อในวันต่อมา...\"
\"พวกโจรมากกว่ามั้ง\" ฮิลเลออกความคิดเห็น \"ก็ไม่น่าจะเป็นศัตรูอะไรกับเราไม่ใช่เหรอ  นอกจากว่า...พวกนั้นจะมาอยู่แถวนี้\" ฮิลเลนิ่งชะงักไปครู่ก่อนจะพูดต่อ \"อย่าบอกนะว่า...พวกนั้น...\"
เลวิสพยักหน้ารับเนิบๆ ทำให้ฮิลเลมีสีหน้าไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด
\"มีคนเขาลือว่ามาอยู่แถวๆ คานาล\" เลวิสขยายความต่อ \"แล้วข่าวนั่นก็เชื่อถือได้ไม่น้อยเพราะเห็นกันหลายคนแล้ว\"
ทั้งหมดนิ่งเงียบไปครู่  ก่อนที่ไคล์จะลุกขึ้นแล้วพูดออกมา
\"ดึกแล้วนี่\"  ไคล์มองไปนอกหน้าต่างพลางเปรยออกมา \"ข้ารีบไปจัดของก่อนดีกว่า  พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า\"
ฮิลเลพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย  แล้วเธอก็เปิดประตูเดินออกไป  ไคล์ยิ้มให้เลวิสแล้วก็เดินตามหญิงสาวออกไป
------------------------------------------------------------------
ในตอนเช้ามืดของวันต่อมา  เลวิสกับไคล์ยืนอยู่อีกฟากของประตูบานใหญ่ซึ่งเป็นทางออกเมือง  โดยมีฮิลเลและแซคคาเรี่ยนยืนอยู่ข้าง  ไคล์ที่ทำตาปรือๆ เหมือนคนง่วงนอน  ก็ปีนขึ้นม้าสีขาวที่มีรอยสีเทาเป็นจุดกระจายอยู่ทั่วบนขนสีขาวของมัน
\"ข้าว่าเราไปกันได้แล้วนะ\" ไคล์หันมาพูดกับเลวิสพร้อมกับหาว
\"พวกเจ้าระวังตัวด้วยนะ\" ฮิลเลมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
\"อย่าเป็นห่วงเกินเหตุสิ  ฮิลเล\" แซคคาเรี่ยนลูบหัวบุตรสาวเบาๆ เหมือนเป็นการปลอบไม่ให้เธอกังวล \"ไปกลับผาแลนดิสแค่วันกว่าๆ เท่านั้น  ถ้าต้องค้างคืนที่นั่นก็สักคืนสองคืน  รวมแล้วประมาณสามถึงสี่วันเท่านั้น  อีกไม่นานเดี๋ยวก็กลับ\" แล้วแซคคาเรี่ยนก็หันมาพูดกับเลวิส \"อย่าให้คนอื่นนอกจากราสเทียร์ได้อ่านจดหมายฉบับนี้เป็นอันขาด  ข้าอนุญาตให้ทำลายจดหมายนี้ได้ถ้าจำเป็น\"
เลวิสพยักหน้ารับรู้คำสั่งนั้น  แซคคาเรี่ยนจึงใช้มือซ้ายแตะหน้าผากของตนเองแล้วไปแตะที่ไหล่ข้างขวาของเลวิส
\"ขอให้เจ้าได้รับความคุ้มครองจากองค์อาร์โคส  และปลอดภัยในการเดินทางครั้งนี้\"
\"ขอรับ\" เลวิสรับคำอย่างนอบน้อม  แล้วปีนขึ้นม้าขนเป็นมันสีดำสนิทที่อยู่ข้างๆ ม้าของไคล์  เขาก้มหัวให้แซคคาเรี่ยนน้อยๆ เป็นเชิงทำความเคารพแล้วก็พูดออกมา \"ข้าขอตัวก่อนนะขอรับ\"
แซคคาเรี่ยนยิ้มให้ผู้ที่กำลังจะไปทั้งสองอย่างอ่อนโยน  เลวิสหันมามองฮิลเลและยิ้มให้ก่อนจะบังคับม้าให้ออกวิ่งไปตามทางพร้อมกับไคล์  ฮิลเลได้แต่มองตามม้าทั้งสองตัวที่วิ่งไปตามทางบนทุ่งหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา  ภาพม้ากับคนที่ขี่พวกมันค่อยๆ เล็กลงไปเรื่อยๆ จนมองไม่เห็นในที่สุด
\"ถ้าเจ้าอยากจะสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าที่นี่อีกสักพัก  พ่อจะเข้าไปก่อน\"
\"ท่านพ่อเข้าไปก่อนเถอะค่ะ  เดี๋ยวลูกจะตามเข้าไป\"
แซคคาเรี่ยนยิ้มให้ฮิลเลแล้วเดินกลับเข้าไปในอีกฟากของประตูซึ่งเป็นตัวเมือง
ฮิลเลคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยอยู่สักพัก  แถวๆ ประตูเมืองที่เธอยืนอยู่นี้แทบจะไม่มีคนเลยก็ว่าได้  เธอวิ่งออกไปทางทุ่งหญ้าสักพักแล้วก็ตะโกนออกมาเสียงดัง  โดยที่หวังไว้ว่าบุคคลที่ออกไปแล้วทั้งสองจะได้ยินเสียงนั้น
\"รีบกลับมานะ\"
ใช่...กลับมาสู่ที่นี่...สู่จุดเริ่มต้นของเรา
------------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น