ตอนที่ 2 : Chapter : 01 ที่เดิมเธอชอบนั่งตรงนี้ ยิ่งมองยิ่งเหมือนมีเธอ
Chapter : 01
ที่เดิมเธอชอบนั่งตรงนี้ ยิ่งมองยิ่งเหมือนมีเธอ
เคยได้ยินมาก็หลายครั้งว่าไม่มีใครอยากกลับไปอ่านหนังสือเล่มเดิม หากเป็นเมื่อก่อนธาวินคงคิดแบบนั้นทว่าตอนนี้เขากลับไม่เห็นด้วย
ไม่ใช่ทุกคนที่จะไม่อยากกลับไป แต่มันขึ้นอยู่กับโอกาส
และเขากำลังคิดว่าหากตนเองไปขอมันบ้างจะได้โอกาสที่ว่านั้นไหม
ถ้าหากไม่ได้จะเสียใจหนักเท่าไหร่และถ้าหากได้มาเขาจะรักษาความสัมพันธ์นั้นได้ดีขนาดไหน
กลัวว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
หากตัวเองยังไม่ดีขึ้นและไม่พร้อมที่จะดูแลเขาก็ไม่อยากกลับไปทำให้เขาต้องเสียใจอีก
ธาวินเหม่อมองต้นกระบองเพชรที่คนๆนั้นซื้อมาไว้
เขาไม่ได้เก็บกลับไป หลังจากเลิกกันก็มีเจ้ากระบองเพชรและความรู้สึกของเขาเท่านั้นที่คอยย้ำเตือนว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเคยรักกันแค่ไหน
ที่ที่นั่งอยู่ตอนนี้ก็เป็นที่เดียวกับที่เขาชอบนั่ง เขาชอบนั่งมองต้นกระบองเพชร จ้องมองคอยดูมันเติบโตขึ้นแม้ว่าในทุกๆวันจะไม่ได้พบความเปลี่ยนแปลงมากนักทว่ากลับสุขใจที่ได้มองดู
เห็นแล้วก็ยิ่งคิดถึง
คิดถึงมากจนแทบขาดใจ
มองไปทางไหนก็เหมือนมีภาพทับซ้อนขึ้นมา เห็นเพียงใบหน้าที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มและผ่านไปสักพักใบหน้านั้นกลับเต็มไปด้วยความเศร้าและหยดน้ำตา
หยดน้ำตาที่ไหลรินมาก็มีเขาทั้งนั้นที่เป็นสาเหตุ
เป็นคนที่ไม่อยากเห็นเขาร้องไห้ที่สุดแต่กลับเป็นคนที่ทำให้เขาร้องไห้บ่อยที่สุด
แล้วแบบนี้จะเอาหน้าที่ไหนไปขอโอกาสจากเขาอีกครั้ง
ธาวินยังทำทุกอย่างเหมือนเดิม รดน้ำต้นไม้ ลุกขึ้นจัดห้อง กินข้าวและนอนหลับไปจนถึงเช้าของอีกวัน
อืม...และอีกอย่างคือการโทรไปหาเขาคนนั้นโดยไร้ซึ่งคำพูดเหมือนเดิม
กิจวัตรซ้ำเดิมที่น่าเบื่อ
แปลกที่เมื่อก่อนตอนมีเขาก็ใช้ชีวิตแบบนี้และยังอยู่ได้สบายดี มีความสุขมากในทุกๆวันแต่พอเขาจากไปก็กลับกลายเป็นว่ากิจวัตรต่างๆที่เคยทำมันน่าเบื่อไปเสียหมด
วันนี้มีเรียนเช้าอีกวัน ปีสี่ยิ่งเรียนหนัก ไหนจะต้องทำวิจัยส่งอาจารย์อีก
แก้มากี่รอบแล้วก็นับไม่ถ้วน อาจารย์ก็คงจะเหนื่อยแต่ให้ทำยังไงในเมื่อเขาก็พยายามเต็มที่แล้ว
"ไอ้วิน" กรกันต์ส่งเสียงเรียกพลางยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลไปตรงหน้าเพื่อน
"อืม อะไร?"
"ไม่รู้ เพื่อนแพมฝากมาให้มึง"
แพมคือแฟนของกรกันต์ ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
"ให้ทำไม?"
"จีบมึงมั้ง"
"ไม่เอา"
โห แม่งปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดเลย
กรกันต์ถอนหายใจเบาๆ คิดไว้แล้วว่าธาวินคงไม่ยอมรับไปง่ายๆ เขาจึงหันหน้าไปหาพีระเมื่อต้องการตัวช่วย
ไม่ได้อยากยัดเยียดใครให้ธาวินแต่แค่อยากให้เพื่อนลองเปิดใจให้กับคนใหม่ๆดูบ้างเผื่อจะทำให้ลืมคนนั้นได้สักนิดหนึ่งก็ยังดี
"รับไปเถอะวิน ลองคุยก็ไม่เสียหายหรอกมั้ง"
"ไม่เอา"
ธาวินปฏิเสธท่าเดียว เพื่อนทั้งสองก็จนใจ
ไม่เอาก็ไม่เอาวะ
"แล้วจะให้กูทำยังไงกับของในนี้?"
"ไม่รู้"
กรกันต์เกาหัวแกรก ชักจะงงกับเพื่อนหน้านิ่ง ทั้งไม่เอาทั้งไม่รู้ แล้วคนกลางอย่างเขาควรจะต้องทำยังไงดี เมื่อคิดไม่ออกจึงหันไปหาพีระ ตัวช่วยตลอดกาลแม้จะช่วยอะไรได้ไม่มากก็เถอะ
"ทำไงอ่ะ?"
"เขาให้อะไรมันล่ะ ถ้าขนมก็แบ่งกันกิน" พีระเอ่ยพลางพยักเพยิดเป็นสัญญาณให้กรกันต์เปิดดูในถุง
ในเมื่อธาวินไม่ต้องการ พวกเขาก็จำเป็นจะต้องจัดการเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจคนที่ตั้งใจให้มา
กรกันต์เปิดถุงกระดาษดู ตาคมเบิกกว้างก่อนจะหันหน้าไปหาพีระเพื่อบอกกล่าวถึงของในถุง
"ขนมว่ะ"
"ไหนดูหน่อย"
ถุงถูกเปลี่ยนมือมาที่พีระ เขายื่นหน้าเข้าไปดูในถุงก่อนจะถือวิสาสะล้วงขนมที่ว่านั่นออกมาให้ธาวินได้ดูด้วยกัน หากไม่เอาออกมามันก็คงไม่สนใจที่จะมอง
"ของอย่างดี ช็อกโกแลตที่มึงชอบด้วยวิน"
"อืม"
"แน่ใจนะว่าจะไม่เอา?" เลิกคิ้วถามเพื่อนที่คงนิ่งเฉยกับของโปรด เขากับพีระอุตส่าห์ตะล่อมเพื่อนหน้านิ่งแต่มันก็เอาแต่เฉย
แม่งเอ้ย! จนใจจริงๆ
"ขอชิม"
เพื่อนทั้งสองยกยิ้มขึ้นมาหลังจากปล่อยเวลาผ่านไปสักพัก ตอนแรกก็จนใจจะตื๊อให้สนใจทว่าพวกเขาก็รู้ว่าธาวินไม่มีทางเมินของโปรดตนเองแน่นอน
"ไม่ต้องชิมหรอก มึงก็เอาไปหมดนี่แหละ เขาให้มึง" กรกันต์ยื่นถุงหรืออาจจะเรียกว่ายัดไปในมือของธาวินโดยที่คนรับก็ทำหน้าเหรอหรา ไม่อยากรับมาแต่ก็เสียดายของโปรดตนเอง
"กูไม่เอา"
"เอาไปเหอะ เขาอุตส่าห์เอามาให้ ถ้ามึงไม่คิดอะไรก็ส่งสารมาให้กูเดี๋ยวกูไปแจ้งเขาเอง"
"อืม งั้นฝากบอกหน่อยว่าขอบคุณแต่วันหลังไม่ต้องให้ของแล้ว กูยังไม่อยากมีแฟน"
อยากจะแซวว่าไม่อยากมีแฟนหรือรอใครกันแน่แต่ก็กลัวเพื่อนจะนั่งเศร้าอีกเลยทำเพียงพยักหน้า รอส่งสารตอนเย็นให้เพื่อนของแฟนได้รับรู้
"ไม่เป็นแฟนแต่แค่คุยกันก็ไม่ได้เหรอวะ" พีระเอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ไม่คุย ไม่อยากมีใคร"
พอเข้าใจได้ ธาวินไม่อยากมีใครเพราะในใจยังมีเขาคนนั้นอยู่เสมอ
00 : 15 AM.
พักเที่ยงรอเรียนบ่ายก็มาป้วนเปี้ยนแถวๆร้านกาแฟเหมือนทุกวัน
ไม่มีความกล้าที่จะเข้าไป ครั้งนั้นยังตื่นเต้นและประหม่าไม่หาย
คิดทุกวันว่าจะต้องทำยังไงถึงจะได้คุยกันมากกว่าการเป็นลูกค้าและเจ้าของร้านแต่มันก็ไม่มีทางไหนสักทางเพราะคนๆนั้นไม่อยากจะเป็นมากกว่านี้แล้ว
เพื่อนทั้งสองนั่งรอเขาที่โรงอาหารคณะ มีเพียงเขาคนเดียวที่ทำใจกล้าและปากกล้าบอกเพื่อนว่าเขามาคนเดียวได้ พอเอาเข้าจริงก็ไม่กล้าแม้แต่จะเดินไปเปิดประตูร้านด้วยซ้ำ
ยืนชั่งใจอยู่นานก็ตัดสินใจรวบรวมความกล้า เดินไปหน้าประตู ใช้มือผลักก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในร้านกาแฟ
กลิ่นหอมทำให้ผ่อนคลายแต่ใบหน้าของเขาคนนั้นกลับทำให้หัวใจเต้นรัวคล้ายกับไปวิ่งมาราธอน
"สวัสดีครับ รับอะไรดีครับ" เสียงทักทายยังหวานหู อยากฟังอะไรที่แตกต่างทว่าคงไม่ได้ฟังเพราะหลังจากนั้นเขาก็เงียบไป
จะเอาอะไรมากมายขนาดหน้าเขายังไม่อยากมอง สงสัยเครื่องคิดเงินมันน่ามองกว่าใบหน้าของธาวิน
"แบล็คคอฟฟี่น้ำผึ้งมะนาวครับ" เมนูเดิมๆที่เขาเคยแนะนำให้ธาวินสั่ง บัดนี้กลายเป็นเมนูโปรดที่ธาวินขาดไม่ได้
รู้ทั้งรู้ว่าเขาชอบสั่งอะไรแต่ทุกครั้งก็ยังถามกันเหมือนเดิม
"ทั้งหมดหกสิบห้าบาทครับ ไม่ทราบว่ามีบัตรสมาชิกของทางร้านไหมครับ"
คำถามเดิม ไดอะล็อกเดิมที่คุ้นเคย
เขาตอบกลับไปด้วยการพยักหน้าพร้อมกับยื่นเงินและบัตรสมาชิกให้เจ้าของร้านที่ยังคงมีรอยยิ้มการค้าประดับไว้ที่มุมปาก
ใบเสร็จและเงินทอนถูกยื่นกลับมา เป็นอันว่าการพูดคุยและการสบตาจบลงเพียงเท่านั้น
ผ่านไปอีกหนึ่งวันกับการได้พูดคุยประโยคสั้นๆและซ้ำเดิมทว่ามันกลับกลายเป็นน้ำเลี้ยงจิตใจสำหรับธาวินได้เป็นอย่างดี
00 : 15 AM.
เสียงเพลงที่ดังขึ้นเป็นจังหวะแดนซ์แปรผกผันกับใบหน้าเรียบเฉย สงบนิ่งและแสนเบื่อหน่าย ธาวินยกแก้วขึ้นเขย่าเบาๆก่อนจะกระดกที่เหลือนั่นลงไปจนหมดแก้ว
รสชาติขมปร่าทว่าทำให้รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย
เขาเติมเหล้า ชงเองโดยที่สายตาก็มองน้ำในแก้วไปเพลินๆ
เพื่อนพากันเดินไปเต้นหมดแล้ว จึงเหลือเพียงแค่เขาที่ได้แต่นั่งนิ่งๆอยู่ตรงนี้กับความรู้สึกเดิมๆที่เด่นชัดขึ้นเสมอ
คิดถึง...
ไม่ว่าจะทำอะไร เวลาไหนหรือตอนไหนเขาก็เอาแต่คิดถึงคนๆนั้นไม่เคยเปลี่ยนไป
หากเป็นเมื่อก่อนคงไม่ได้มาดื่มเหล้ากับเพื่อนบ่อยๆ ต้องมีเขาคอยห้ามไม่ก็มีเขาคอยมารับกลับในเวลาเกือบๆเที่ยงคืน
โดนดุอีกนิดเพราะเมาไม่รู้เรื่อง ฟังบ้างไม่ฟังบ้างเพราะมัวแต่คลอเคลียกับเจ้าของเสียงบ่น
หึ...ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังขี้บ่นเหมือนเดิมอีกหรือเปล่า
ว่าแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมา มองรูปเขาที่ถ่ายเอาไว้ในตอนที่ยังคบกัน รอยยิ้มนั้นทำให้วันที่หม่นหมองสดใสขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
ตั้งเป็นวอลเปเปอร์ตั้งแต่คบกันจนถึงวันนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนรูปอื่นมาแทน
นิ้วโป้งกดปุ่มโทรออกหลังจากดเลขสิบหลักที่จำได้ขึ้นใจ เที่ยงคืนสิบห้านาทีเวลาเดิมที่ต้องโทรไป ได้ฟังเสียงลมหายใจจากปลายสายก็เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้
เสียงกุกกักดังขึ้นจากปลายสายเหมือนอย่างทุกๆวัน
เขานิ่งเงียบ สายตาจับจ้องแก้วบรรจุของเหลวที่อยู่ในมือขณะที่กำลังตั้งใจฟังเผื่อปลายสายจะพูดอะไรออกมา
จะด่าจะว่าหรือจะพูดอะไรก็ได้เขาก็เต็มใจรับฟัง
"โทรมาอีกทำไม"
"...."
"บอกไปกี่ครั้งแล้วว่าเลิกกันก็ไม่ต้องโทรมา"
"...."
"นี่วิน ถ้าจะโทรมาแล้วเงียบเราจะวางแล้วนะ"
น่าแปลกที่เขาพร่ำบอกว่าไม่ให้โทรหาอยู่ทุกวี่ทุกวัน ทั้งที่เขาก็บล็อคเบอร์ไม่ก็ตัดสายทิ้งได้แต่เขาก็ไม่เลือกที่จะทำ
เข้าข้างตัวเองได้หรือเปล่าว่าเขา...ก็ยังคิดถึงอยู่เหมือนกัน
"...."
"เหนื่อยแล้วนะ ทำแบบนี้ทำไม"
เสียงเขาค่อยๆเบาลง เหมือนคืนนั้นที่เขาเคยพูดคำว่าเหนื่อยออกมา มันเป็นเสียงของคนที่หมดแรงและเหนื่อยล้า
อย่าร้องไห้ได้ไหม ไม่อยากให้ร้องไห้เพราะคนอย่างเขาอีกเลย
"ธาม"
"ฮึก...โทรมาอีกทำไม...ไหนว่าเลิกกันแล้ว โทรมาหากันอีกทำไม ต้องการอะไรจากเราอีก"
จะกี่ครั้งๆก็เป็นเขาที่มักจะทำให้ธามร้องไห้เสมอ
ตั้งแต่คบจนเลิกกัน กระทั่งตอนนี้ที่กลายเป็นแฟนเก่ากัน
ธาม...ก็ยังร้องไห้ให้กับเขาเหมือนเดิม
00 : 15 AM.
ไม่รู้อะไรดลใจให้รีบบึ่งรถมาหา หลังจากวางสายไปก็รีบรุดไปบอกเพื่อนว่าจะกลับ ไม่รอฟังเสียงเพื่อนก็วิ่งออกมาขึ้นรถแล้วขับมายังหน้าบ้านของธามทันที
คิดไม่ทันและไม่ได้คิดว่าจะเข้าไปหาธามได้ยังไง ธามไม่ได้อยู่คนเดียวแต่เขาอาศัยอยู่กับแม่และพี่สาวอีกหนึ่งคน
ถ้ากดกริ่งเรียกให้คนมาเปิดบ้านตอนนี้คงจะเป็นการเสียมารยาทและรบกวนเกินไป
ธาวินเงยหน้าขึ้นมองหน้าต่างที่ยังเปิดไฟก่อนจะล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อต่อสายหาคนที่เขากำลังคิดถึง
"อะไร" เสียงห้วนสั้นตอบกลับมาทันทีหลังจากรับสาย
เขายกยิ้มเอ็นดู นึกถึงใบหน้าบึ้งตึงของธามในตอนนี้
"อยู่หน้าบ้าน" ตอบกลับไปสั้นๆ ตื่นเต้นมากที่ได้คุยกับปลายสายสักที
โทรไปหาเขาทุกคืนและเอาแต่เงียบทุกคืน คืนนี้คงเป็นคืนแรกที่ธามได้ฟังเสียงของธาวิน
หลังจากบอกไปผ้าม่านสีขาวถูกแทนที่ด้วยเจ้าของห้องที่โผล่หน้าออกมามองเพื่อพิสูจน์ว่าเขาอยู่หน้าบ้านจริงๆอย่างที่บอก
เขาเงยหน้ามองธาม ถือโทรศัพท์ไว้แนบหูก่อนที่ปลายสายจะพูดขึ้นมาอย่างตกใจ
"มาทำไม เมาแล้วก็กลับห้องไปนอน"
"ไม่ได้เมา" ยืนพิงรถที่จอดอยู่ใกล้ๆ มองตรงไปยังหน้าต่างบานนั้นที่ธามยืนอยู่
ชุดนอนลายเดิมลายเดียวกับที่เคยใส่ตอนคบกัน
ก็เหมือนเดิมเลย
น่ารักเหมือนเดิม
"ไม่เมาแล้วมาทำไม"
"ธามร้องไห้"
"ไม่ร้องแล้ว"
"อืม"
ตอบกลับไปแค่นั้นทว่าเขาก็ไม่ยอมกลับไปสักทีจนเป็นธามที่ต้องเอ่ยบอกอีกครั้ง
"กลับไปได้แล้ว"
"...."
"วิน"
"...."
"โทรมาทำไม โทรมาแล้วเงียบทุกคืนอ่ะ"
"...."
"งั้นก็ไม่ต้องโทรมาแล้ว" เป็นฝ่ายบอกเลิกเขาเองแต่ธาวินกลับทำท่าทีเหมือนจะเข้ามาง้อกัน
หลังจากเลิกกันไปหนึ่งเดือนก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทว่าเดือนที่สองเป็นต้นไปเขาต้องคอยรับสายโทรศัพท์จากธาวินที่โทรมาแต่ไม่ยอมพูดอะไรจนเขาต้องเป็นฝ่ายตัดสายไปเองทุกคืน
"...."
"เด็กดื้อด้าน"
คำๆนี้คงเหมาะกับธาวินที่สุดแล้ว
00 : 15 AM.
เรื่องนี้จะแนวแบบเรื่อยๆนะคะ ฟีลกู้ดไม่ม่าจริงๆค่ะ
#เที่ยงคืนสิบห้านาทีที่คิดถึงเธอ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไปเรื่อยๆน้ำตาก็ใหลเรื่อยๆ