ตอนที่ 4 : Chapter4
Chapter4
ยิ่งมากคนยิ่งมากเรื่อง...
เรามักจะคิดอยู่เสมอว่าการทำงานคนเดียวเป็นความสะดวกสบาย ไม่ต้องคอยตามงานกับใคร ไม่ต้องแบ่งหน้าที่กันและไม่ต้องนัดทำงานข้างนอกด้วยกันเหมือนงานกลุ่ม
แต่กับบางคนงานกลุ่มคืองานที่พวกเขาชอบ อาจจะชอบที่ได้ทำงานร่วมกับคนอื่นหรือจริงๆแล้วอาจจะชอบเพราะไม่ต้องทำงานแต่ก็เอาคะแนนมาได้ง่ายๆ
หลายคนคงเคยเป็น มันเป็นเรื่องน่าหงุดซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย
เสียงจอแจวุ่นวายภายในห้องทำให้เราอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เราต้องมานั่งอยู่คนเดียวท่ามกลางเพื่อนในคณะและเพื่อนต่างคณะที่มีอยู่ประปราย วิชานี้เป็นวิชาเลือกเสรีตอนแรกนัดกับกรไว้ดิบดีว่าจะลงด้วยกันแต่ผลสุดท้ายกรตื่นสายและกลายเป็นว่าเซคเต็ม เราก็เลยต้องมานั่งเรียนคนเดียวแบบนี้ไง
น่าเบื่อชะมัด...
“พีมีกลุ่มหรือยัง?”
เราหันไปมองเพื่อนคนหนึ่งที่เดินเข้ามา คนนี้เรียนอยู่คณะเดียวกับเราแต่ไม่ค่อยได้คุยกันหรือจะบอกว่าคุยกันแทบนับคำได้
ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาถามเรา เราเห็นเขาเถียงกันกับเพื่อนในกลุ่มอะไรสักอย่าง ถ้าให้เราเดาคงจะเกี่ยงกันอยู่ มีแต่ข่าวลือบอกว่าเราหยิ่ง เราถือตัวและเราเข้ากับใครไม่ได้นอกจากกร
มันไม่จริงแต่ก็ขี้เกียจจะอธิบายและไม่เห็นถึงประโยชน์ที่จะต้องไปนั่งอธิบายให้กับคนที่เราไม่อยากรู้จักฟัง
“ยังครับ” เราส่ายหน้า
อาจารย์ให้พวกเราจับกลุ่มกันเพื่อหาข้อมูลและทำแบบสำรวจ เราหนักใจเพราะในกลุ่มที่เราต้องอยู่จะไม่มีกร รู้งี้ถอนรายวิชานี้ออกแล้วไปลงกับกรตั้งแต่แรกดีกว่า ไม่น่าทำเก่งแล้วบอกกรว่าจะหาเพื่อนใหม่มาให้กรดูเลย
“งั้นอยู่กับเราไหม?” เพื่อนคนนั้นถามขึ้นอีกครั้ง
“อยู่ครับ”
เขายื่นกระดาษที่มีรายชื่อสมาชิกในกลุ่มให้เรา เรารับมาและจรดปลายปากกาเพื่อเขียนชื่อและเลขนักศึกษาของตัวเองลงไป
“เอ่อ...คือเรากลัวจะติดต่อพียาก รบกวนแอดไลน์ไปได้ไหม?”
“ได้ครับ”
เรารับโทรศัพท์ของเขามาเพื่อพิมพ์ไอดีไลน์ให้ เสียงสั่นครืนของโทรศัพท์เราที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมีแจ้งเตือนขึ้นทันทีเมื่อเพื่อนคนนั้นกดเป็นเพื่อนกับเรา
“เดี๋ยวเราเอาเข้ากลุ่มงานนะ ถ้ามีอะไรก็ตามในกลุ่มเลย”
“อือ ขอบคุณนะ” เราส่งยิ้มน้อยๆไปให้เขา เพื่อนคนนั้นผงะไปนิดหน่อยแต่ก็ส่งยิ้มกลับมาให้เราก่อนจะเดินออกไป
กรบอกว่า...ถ้าอยากมีเพื่อนใหม่ก็ต้องยิ้มเยอะๆ
เราลงมารอกรที่ใต้อาคาร เหลืออีกตั้งหนึ่งชั่วโมงกว่ากรจะเลิกเรียนวิชาเสรีของเขาส่วนของเราอาจารย์ดันปล่อยก่อนเวลาเลยต้องมานั่งกร่อยแบบนี้
เราหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบกับโทรศัพท์ เลือกเปิดรายการในยูทูปดูอย่างที่ชอบทำเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวในสถานที่แบบนี้ บางทีก็คิดว่าถ้าเกิดเรามีเพื่อนอีกหนึ่งคนนอกจากกรก็คงดี เวลากรไม่ว่างเราจะได้อยู่กับเพื่อนคนนั้นได้
แต่ก็นะ...เรารู้ตัวแหละว่าเราก็เปิดใจรับใครเข้ามายาก ถ้าไม่ใช่กรก็ไม่อยากให้ใครเข้ามาในชีวิตเราหรอก
“ขอนั่งด้วยคนได้ไหมครับ?” เพราะเราเปิดเสียงไม่ดังจึงได้ยินเสียงของคนที่เข้ามาใหม่
เราเงยหน้าขึ้นไปมองเขาก่อนจะต้องตกใจกับใบหน้าที่ได้เห็น นี่มัน...คุณเจ้าหน้าที่ห้องสมุดนี่นา ทำไมแต่งชุดนักศึกษาเหมือนเราเลยล่ะ
“อ..เอ่อ” เราถอดหูฟัง พยายามห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นแรง เราตื่นคนอีกแล้วเกิดเราให้เขานั่งด้วยหัวใจเราจะเต้นแรงจนหัวใจล้มเหลวไหม
“ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไรนะครับ พอดีผมหาที่นั่งทานเจ้านี่เฉยๆ” เขาชูแฮมเบอร์เกอร์กับน้ำให้เราดู
“อ่า..นั่งได้ครับ ตามสบายเลย”
เขาเคยช่วยเราหยิบหนังสือเมื่อครั้งก่อน ครั้งนี้เราก็เลยถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจที่เขาเคยหยิบยื่นให้เรา
“รบกวนหน่อยนะครับ” เขาค้อมหัวให้เราก่อนจะนั่งลงตรงม้านั่งฝั่งตรงข้าม
เราเลิ่กลั่ก ไม่รู้จะทำตัวยังไงดีจนเขาคงสังเกตได้เลยส่งยิ้มให้เรา
“คือตามสบายเลย เราไม่มอง” เราว่าแล้วหันหน้าไปทางอื่นแต่สายตาของเราดันเหลือบกลับไปมองเขาที่นั่งกินเบอร์เกอร์เกือบทุกวินาที
“ไม่ต้องเกร็งหรอกครับ มองได้ผมไม่ห้าม”
ถ้าเป็นกรที่พูดคำนี้เราคงคิดว่าเป็นคำพูดที่ค่อนข้างหลงตัวเองอยู่แต่นี่เป็นเขาคนที่เราไม่รู้จักจะให้ไปคิดแบบนั้นมันก็คงไม่ใช่
“ขอโทษครับ” ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรก็ขอโทษไว้ก่อนแล้วกัน
พอเขาได้ยินคำขอโทษของเราเขาก็หัวเราะจนเราขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ เขาหัวเราะอะไรไม่เห็นมีอะไรน่าตลกเลย
“คุณดู...เป็นคนขี้อายนะครับ” เขาว่าและเราได้ยินคำนี้จนชิน เราไม่ได้ขี้อายแค่ไม่รู้จะคุบอะไรกับคนไม่รู้จัก
“เราไม่ใช่ คือ...แค่เราไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร” เราบอกเขาเสียงเบา ก้มหน้ามองโต๊ะอย่างคนที่ไม่มีความกล้าที่จะจ้องตากับคนไม่รู้จัก
“เข้าใจแล้วล่ะครับ”
“ขอโทษนะ”
“เฮ้ยยคุณ ผมเข้าใจครับไม่ต้องขอโทษเลย ผมต่างหากที่ต้องขอโทษคุณที่เข้ามารบกวน”
“ไม่เป็นไรครับ เราอยากตอบแทนที่คุณช่วยเราครั้งก่อน”
“อ๋อ เรื่องนั้นก็เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ ผมทำงานในห้องสมุดนี่นะ”
“อือ คุณเป็นนักศึกษาด้วยเหรอ?”
“ใช่ครับ ส่วนงานนั่นก็จะทำตอนไม่มีเรียนหารายได้พิเศษนิดๆหน่อยๆพอดีผมชอบอ่านหนังสือด้วย เวลาอยู่กับหนังสือผมรู้สึกสงบ”
“เหมือนเรา”
“จริงหรือครับ?”
“อือ” เราพยักหน้าหงึกหงักให้เขา “เราชอบอ่านหนังสือ ที่ห้องมีหนังสือเต็มไปหมดเลย”
“ดีจังเลยครับ”
“อือ เราก็คิดงั้น”
จู่ๆเรากับเขาก็สนทนากันได้โดยที่ความรู้สึกขลาดเขินหายไปชั่วขณะ เวลาที่มีคนพุดเรื่องอะไรที่ตรงกับความชอบเรา เราจะหยุดพูดเรื่องนั้นกับเขาไม่ได้เลย
“ว่าแต่คุณชื่ออะไรครับ ผมถามได้ไหม?”
“ได้สิ เราชื่อพีครับ” เราบอกชื่อเขาไป ถ้าเรากับเขาได้เป็นเพื่อนกันเราก็จะมีเพื่อนทั้งหมดสองคนในมหา’ลัย
“ผมชื่อวินครับ ปีสาม”
“ปีเดียวกันครับ เราเรียนเศรษฐศาสตร์”
“ผมเรียกอักษรครับ” เขาตอบเรากลับบ้าง “อ่า...คือขออนุญาตแทนตัวเองว่าวินนะ พูดผมแล้วดูพีอายุเยอะกว่าวินเลย”
“ได้ครับ พูดอะไรก็ได้”
เราคุยกับวินอีกสักพักกรก็ส่งข้อความมาบอกว่าอาจารย์กำลังจะปล่อยแล้ว การสนทนาเรื่องหนังสือที่เราแนะนำวินอยู่จึงต้องจบลง
“เสียดายเลยกำลังคุยสนุก” วินว่าขึ้นซึ่งเราก็เห็นด้วย “ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป วินขอไลน์พีไว้ได้ไหม คือเอ่อ...” เขาดูลังเลไม่กล้าที่จะขอเรา
“ได้ครับ ยังไงเราว่าจะขอวินอยู่แล้ว”
“อื้ม...นี่ครับพิมพ์มาเลยเดี๋ยวเราแอดไป” วินยื่นโทรศัพท์ให้เราทันที
ไม่ใช่ใครก็ได้ที่เราจะยอมให้ใจไปง่ายๆแต่กับวินคงเป็นเพราะเขาชอบอะไรหลายๆอย่างเหมือนกันกับเราและบางเรื่องที่กรไม่เข้าใจเราแต่วินกลับบอกว่าเขาก็เป็น เรารู้สึกเหมือนเจอเพื่อนที่เป็นคนประเภทเดียวกัน มันทำให้เรารู้สึกว่าอยากลองเปิดใจเพื่อที่จะได้ทำความรู้จักและเป็นเพื่อนกับวิน
“ไว้เจอกันอีกนะวิน”
“หนูครับ ผู้ชายคนนั้นที่โบกมือให้หนูก่อนกลับเพื่อนหนูเหรอ?”
“อื้อ พึ่งเป็นเพื่อนกันวันนี้ คนที่เราเคยบอกกรไงว่าเราใจเต้นกับเขา”
เราเล่าให้กรฟังจนจบเรื่องที่เรากับวินคุยกัน คิดว่าพอเล่าจบแล้วกรจะพูดอะไรตอบกลับมาแต่เขาก็เงียบเราเลยหันไปมองเขาที่นั่งอยู่บนเตียงเรา
“พี่ดีใจนะที่หนูยอมเปิดใจ”
“เราก็ดีใจ จากนี้เราอาจจะมีเพื่อนตั้งสองคน มีกรกับวิน” เรานับนิ้วแล้วหันไปฉีกยิ้มให้กร
กรลุกจากที่นอนแล้วเดินมาหาเราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โต๊ะทำงาน เรากำลังทำการบ้าน กรก็เข้ามาทำด้วยกันในห้องแต่เขาเสร็จแล้วเลยไปนั่งเล่นเกมในไอแพดบนเตียงของเรา
“คนเก่ง” เขาเข้ามาโอบรอบคอเราก่อนจะก้มหน้าลงมาหอมแก้มซ้ายขวาสองฟอดโตๆ
“ก็เก่งนานแล้ว”
“มันเขี้ยวเด็กหลงตัวเอง” เขาเอาปลายจมูกขยี้บนแก้มเราจนเริ่มเจ็บ
“พอแล้ว แดงแน่เลย กรขี้แกล้ง” เราผลักหน้าเขาออกก่อนจะยกมือขึ้นมากุมแก้มของตัวเอง
เงยหน้ามองกรอย่างคาดทา ตีเข้าที่หน้าท้องของเขาจนเขากุมท้องตัวเอง ไม่ใช่กุมเพราะเจ็บแต่กุมเพราะกำลังหัวเราะอยู่ต่างหาก
“ทำไมโกรธได้น่ารักขนาดนี้เนี่ยเด็กคนนี้”
“ไม่เด็กแล้ว แล้วก็เลิกเรียกเราว่าหนูด้วย!” ที่เขาเรียกเราว่าหนูเรายังไม่ลืมนะ
กรเอาแต่หัวเราะ เราเลยเลิกสนใจแล้วหันมาทำการบ้านของตัวเองต่อ หางตาเหลือบไปเห็นว่ากรเดินกลับไปนั่งบนเตียงเราอีกครั้งแล้ว
“วันนี้เรียนเสรีเป็นยังไงบ้าง?”
เขามักจะถามเราแบบนี้ทุกครั้งหลังจากที่มีเรียนคาบเสรี ทุกครั้งเราจะตอบว่าน่าเบื่อเพราะเราไม่มีกรนั่งข้างๆเหมือนวิชาอื่น ถ้ามีกรอยู่ด้วยเราก็ยังมีเพื่อนที่คุยด้วยได้แต่นี่เราไม่สนิทกับใครเราเลยไม่กล้าคุย
ความจริงเราก็ไม่รู้ว่าการที่ต้องเริ่มชวนใครสักคนคุยกันให้บทสนทนาไหลลื่นไปเรื่อยๆต้องทำยังไง เราไม่รู้วิธีจะเริ่มทำความรู้จักใครเลยด้วยซ้ำถ้าไม่มีกรคอยแนะนำเราให้เพื่อนรู้จักป่านนี้เราคงเป็นคนหนึ่งที่ไร้ตัวตนในคณะไปแล้ว
“ก็...เหมือนเดิมแล้วก็ได้ทำงานกลุ่ม เพื่อนให้แลกไลน์ไว้ เขาจะดึงเราเข้ากลุ่มงาน”
“แล้วพีอยู่กลุ่มใคร?”
“กลุ่มป้อง”
“อ้อ คนนี้ทำงานเก่ง มีความรับผิดชอบพอใช้ได้” บอกแล้วว่ากรรู้จักคนเยอะ พอพูดชื่อนิดเดียวเขาก็รู้เลยว่าเป็นใครและเป็นยังไง
“อือ เราจำได้ตอนปีหนึ่งเคยทำงานด้วยกันแต่เขาคงจำเราไม่ได้”
“ไม่หรอกน่า แล้วอาจารย์ให้ทำเกี่ยวกับอะไร”
เราเริ่มเล่าเรื่องงานที่อาจารย์สั่งให้กรฟังในขณะที่มือก็เขียนงานลงบนแผ่นกระดาษไปด้วยกรเขาเงียบฟังเราอย่างตั้งใจ ไม่มีพูดขัดพูดแทรกเลยจนกระทั่งเราเล่าจบ
“วันไหนถ้าเพื่อนนัดไปทำงานข้างนอกพี่จะไปเป็นเพื่อน”
“อือ ขอบคุณนะ”
หลังจากนั้นกรก็ปล่อยให้เราได้นั่งทำงานเงียบๆ มีเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศแล้วเสียงถอนหายใจบางครั้งบางคราวที่เราได้ยิน กรเขาชอบถอนหายใจเวลาที่เล่นเกมแพ้ทุกที
เรานั่งเขียนงานของเราไปจนเสร็จก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบบนร่างกาย หันไปมองกรอีกครั้งก็เห็นว่าเขานอนหลับบนที่นอนเราไมซะแล้ว ถึงว่าล่ะทำไมเงียบจัง
เริ่มเก็บของบนโต๊ะและงานเข้าแฟ้มให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนจะเดินไปหาคนที่นอนอยู่บนเตียงของเรา อมยิ้มให้เขาที่นอนกรนอยู่บนที่นอนของคนอื่นอย่างไม่อาย เวลากรเหนื่อยๆกรจะนอนกรน เรารู้ดีเพราะเวลาเหนื่อยเขาจะชอบอ้อนมานอนกับเราไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
เราเลื่อนผ้าห่มมาห่มให้กรถึงหน้าอก จัดแจงอีกนิดหน่อยก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวก่อนนอน เดินออกมาปิดไฟทั้งนอกห้องและในห้องให้เรียบร้อยแล้วก็ล้มตัวลงนอนตามอีกคนที่ตอนนี้พลิกตัวเข้ามากอดเราทันทีที่ตัวเราสัมผัสที่นอน
“อืม ฝันดีครับ” กรว่าเสียงเบาแล้วหลับลงไปต่อ
เราอมยิ้มบอกฝันดีกรกลับ
“ฝันดีเหมือนกันครับ”
วันต่อมาแจ้งเตือนในไลน์ของเราก็ดังขึ้นถี่ๆ ตอนแรกนึกว่าโฆษณา พอเปิดเข้าไปอ่านก็เป็นวินที่ส่งรูปภาพหนังสือที่เขากำลังอ่านมาให้เราดู
วิน: คนนี้เป็นนักเขียนฝรั่งเศส เราอ่านแบบแปลภาษาอังกฤษแล้วรู้สึกว่ามันดีมากเลยอยากแนะนำให้พีอ่าน
เรามองรูปหนังสือที่วินส่งมาให้ ค่อยๆเลื่อนดูทีละรูปจนมาเจอรูปสุดท้ายที่วินถ่ายรูปหน้าตัวเองกับหน้าปกหนังสือเราเห็นแล้วก็อดที่จะขำไม่ได้เลย
พี: เดี๋ยวเราต้องหามาอ่านบ้างแล้ว หน้าปกสวยมากเลย คำโปรยก็น่าสนใจ
วิน: ยืมของวินไหม เดี๋ยวอีกไม่กี่หน้าก็อ่านจบแล้ว
พี : เราเกรงใจ
วิน: ไม่เป็นไรครับ วินเต็มใจ
พี: อื้อ ขอบคุณนะ
เรานั่งขำกับสติ้กเกอร์ที่วินส่งมาให้ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อแขนของคนข้างๆคว้าตัวเราขึ้นไปนอนบนตัวเขา
“คุยกับใครแต่เช้าเชียวหืม?”
“วิน”
“เพื่อน?”
“อือ ที่เราเล่าให้ฟังเมื่อวานไง”
“อ่อ” กรพยักหน้า ยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเองเบาๆ “วันนี้จะไปไหนหรือเปล่า?”
วันนี้เราสองคนไม่มีเรียน เป็นวันขี้เกียจทีควรจะนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงมากกว่าการที่ต้องออกไปข้างนอกเพื่อพบเจอความวุ่นวาย
“ไม่ไป จะนอน ฮื่อปล่อยลงได้แล้ว” เราปัดมือกรที่ลูบก้นเราเล่น “ลูบทำไมเนี่ย!”
“พี่หาที่วางมือ หนูอยู่นิ่งๆครับ” เขาว่าเสียงดุเมื่อเราขยับตัวยุกยิกไปมาบนตัวเขา ก็เราอยากลงแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยตัวให้เราลงสักที
“กร” เราเรียกกรเสียงเบา เสสายตาไปมองทางอื่นเมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง “คือ..น้องชายกรมันทิ่มเรา”
พอกรได้ยินสิ่งที่เราบอกเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“พี่บอกหนูแล้วว่าอย่าดิ้น เป็นไงล่ะทีนี้ กว่ามันจะลงได้ก็นานโขเลย”
“ฮื่อ ทะลึ่ง!” เราตีอกเขาจนเกิดเสียงดังแต่กรก็ยังหัวเราะหน้าระรื่นเหมือนที่เราตีไปไม่เจ็บเลยสักนิด “ไปเข้าห้องน้ำเลย!”
“เบะอีกแล้ว พี่ขอจูบหนูก่อน”
กรไม่รอให้เราปฏิเสธเลย พอเขาพูดเสร็จก็จู่โจมเราทันทีแถมยังพลิกตัวเราให้ไปนอนข้างล่างโดยที่มีเขาขึ้นคร่อมอยู่อีก
“อื้อ พอแล้วหายใจไม่ออก” เราเบี่ยงหน้าหลบแต่กรก็ไม่ยอมแพ้เปลี่ยนเป้าหมายจากริมฝีปากมาซุกไซร้ซอกคอเราแทน “เดี๋ยวขึ้นรอย อย่ากัดนะ”
กรผละออกจากซอกคอเรา เขามองหน้าเราพลางหายใจหอบ เราสบตากรก่อนจะพุดกับกรว่า
“กร มันจะทะลุออกจากางเกงกรแล้วนะ ฮือออ”
หลังจากนั้นกรก็หัวเราะเสียงดัง เขาหงายท้องหัวเราะอยู่บนที่นอนโดยที่เราก็นอนมองเขาตาปริบๆ พอเลื่อนสายตาไปมองน้องกรตอนนี้มันก็สงบลงแล้วทั้งที่กรยังไม่ทำอะไรเลย
เรางงจัง...
*******
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

วินจะเริ่มทำคะเเนนไม่ได้
คนเก่ง น้องเก่งแล้ววว เราดีใจที่น้องมีเพื่อนนะคะ แต่แบบอีก จเรากังวลม้ามากเลยค่ะ คือถ้าวินมาแบบเพื่อนเราจะเีใจมากที่น้องจะมีเพื่อนเพิ่ม แต่ถ้ามาจีบคือเราว่าสักวันมันอาจพัง เรากลัวมองหน้ากันไม่ติดแล้วน้องจะเสียเพื่อนไป แบบนั้นเหงาแย่เลย ฮือ ส่วนพี่กรนั้น เฮ้อ พี่คะ ลวนลามน้องตลอด! 555555555555555 นี่อะไรจะเป็นจุดเปลี่ยนให้กรเริ่มจีบน้องแบบให้น้องรู้ตัวนะคะ รอวันนั้น แต่ก็กลัวอีกอะ กรเป็นเพื่อนคนสำคัญเลยอะ จะกล้าเลื่อนความสัมพันธ์กันไหมนะคะ ฮืออ