ตอนที่ 3 : Chapter3
Chapter3
นอกจากห้องนอนจะเป็นเซฟโซนของเราแล้ว ห้องสมุดก็ยังเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เราสามารถเรียกว่าเซฟโซนได้อีกเหมือนกัน
ด้วยความที่ห้องสมุดเป็นสถานที่ที่เงียบสงบ มีมุมลับตาคนให้เราได้นั่งและมีหนังสือมากมายที่เราสามารถเลือกอ่านได้อยู่เต็มไปหมด เราจึงจัดห้องสมุดให้เป็นเซฟโซนของตัวเองอีกทีหนึ่ง
วันนี้ที่มหา’ลัยจัดงานอะไรไม่รู้ เสียงดังวุ่นวายมากจนเราอยู่ไม่ไหวต้องมาแอบหามุมเงียบในห้องสมุดนั่งเพื่อหลีกหนีความโหวกเหวกโวยวายของผู้คนภายนอก
ส่วนกรเขามีงานที่ต้องทำในซุ้ม เขาต้องเรียกแขกให้เข้ามาในซุ้มเขาเยอะๆซึ่งซุ้มเขาก็ซุ้มเราเหมือนกันแต่เราขอออกมาก่อนเดี๋ยวค่อยกลับไป
อย่างที่เคยเล่าว่ากรมีคนรู้จักเยอะแยะมากมายแถมยังเป็นอีกคนหนึ่งที่ดังในมหา’ลัย เพื่อนๆจึงเอากรมาเป็นตัวล่อเรียกคนเข้าซุ้ม ยิ่งถ้าซุ้มใครได้คนเยอะซุ้มนั้นก็จะชนะการประกวดแล้วได้รางวัลไป
เราก็ลืมแล้วว่ารางวัลคืออะไรแต่เอาเข้าจริงทุกคนคงไม่หวังจะได้รางวัลหรอก พวกเขาหวังจะชนะกันและได้เป็นที่หนึ่งมากกว่า
สำหรับเราการที่จะแพ้หรือชนะก็ไม่มีผลอะไรแต่ถ้าได้คะแนนเก็บสักวิชามาเพิ่มนั่นแหละเราคงดีใจนั่งอยู่ซุ้มด้วยความเบลอๆเพื่อคะแนนนั้นเลย
เราเดินมาเลือกหนังสือในหมวดวรรณกรรม วันนี้เรามาอยู่ที่ห้องสมุดกลางของมหา’ลัยซึ่งมีหนังสือเยอะกว่าที่ห้องสมุดคณะเรา
เดินเลือกไปเรื่อยๆแต่ก็หาเรื่องที่ถูกใจไม่ได้สักที จนกระทั่งเงยหน้าขึ้นมองหนังสือที่อยู่ชั้นสูงๆ สิ่งที่เราไม่ชอบอย่างหนึ่งคือเขามักจะวางหนังสือน่าอ่านไว้บนชั้นที่สูงซึ่งเราหยิบไม่ถึง ทุกทีมีกรมาด้วยกรก็จะหยิบให้แต่นี่...
“ฮึบ..” เราเอื้อมเท่าไหร่ก็ไม่ถึงสักที
โทรเรียกกรให้มาหยิบหนังสือให้ดีไหมนะ?
“ผมช่วยไหมครับ?”
“อ่า...” เราหันไปมองคนมาใหม่ที่เราไม่รู้จัก คำเอ่ยคำแรกของเขาคือการถามเราเพื่อจะช่วยหยิบหนังสือ
ใจดีจัง..
เราจ้องหน้าเขาอย่างลังเล เราไม่กล้ารบกวนเขาเพราะเราไม่รู้จักกัน เกรงใจไปหมดกลัวเขาเสียเวลาแต่ทำยังไงดีเราก็อยากได้หนังสือเล่มนั้น
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ ผมช่วย” เขายิ้มให้เราก่อนมือของเขาจะเอื้อมไปหยิบหนังสือเล่มนั้นลงมาให้เราอย่างง่ายดาย
เราไม่ได้เตี้ยนะแต่คนนี้เขาสูงเกินไปต่างหาก
เขายื่นหนังสือให้เรา เราก็มองหน้าเขาขบเม้มริมฝีปากแน่น
“รับไปเถอะครับ”
“อือ..ขอบคุณครับ”
“ยินดีครับ”
เขาตอบรับก่อนจะยิ้มให้แล้วเดินไปยังรถที่ใช้เข็นหนังสือเพื่อเอาไปวางเรียงไว้บนชั้น อ่า...เขาเป็นเจ้าหน้าที่ห้องสมุดนั่นเอง
เรายกมือขึ้นมากุมหัวใจที่เต้นถี่รัว บ้าแล้วทำไมใจเต้นได้ขนาดนี้ ครั้งสุดท้ายที่ใจเต้นแรงก็ตอนที่โดนกรจูบครั้งแรกแต่นี่...
“ฮื่อ” เราสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง
“หนูครับเหม่ออะไร?”
เราสะดุ้งกับเสียงดังของกรก่อนจะหันไปมองเขาที่กำลังขมวดคิ้วมองเราอยู่
“เราเปล่า”
“พี่เรียกหนูตั้งนานแล้วนะ” เขาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้เพื่อจะเอาหน้าผากมาชนกับหน้าผากเรา
วิธีวัดอุณหภูมิร่างกายของกร...
“เราสบายดีกร เอาหน้าออกไปเลย” เราดันให้เขาออกแต่กรก็ดื้อ ส่ายหน้าปฏิเสธกับหน้าผากเราอีก
“เป็นอะไรครับ?” เขาถามเราย้ำ สีหน้าของกรเป็นห่วงเรา ด้วยความที่ใบหน้าเราอยู่ใกล้กันมากทำให้ลมหายใจของเราที่ทอดถอนออกมากระทบกับใบหน้าของกรเข้าจังๆ
“เรา...เราใจเต้นแรงมาก”
เราตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กรฟังทั้งหมด กรเป็นคนที่เขาใจเราทุกอย่างและกรก็อาจจะสามารถอธิบายเราได้ว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่เขาเรียกว่าอะไร
“หนูแค่ตื่นคนครับ”
คำตอบของกรทำเอาเราขมวดคิ้วมุ่น มันทำให้เราฉุกคิดขึ้นว่าตลอดเวลาเราจะมีกรอยู่ด้วยเราเลยไม่มีอาการแบบนี้เมื่อมีคนเข้ามาหาแต่ทว่ากับเหตุการณ์นี้เราอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีกร
“จริงเหรอกร?” เราถามเขาย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ครับ”
“อือ เรานึกว่าตัวเองเป็นโรคอะไรซะอีก ใจเต้นแรงจนเหนื่อยเลย” เรายิ้มออกมาได้เมื่อรู้ว่าตัวเองแค่ตื่นคน “แต่คนนั้นเขาใจดีมาก”
“ถ้าเป็นกรกรก็เข้าไปช่วย” กรพูดแทรกขึ้นมาทันที
“เราเคยเห็น” เรานึกถึงเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านมาเมื่อไม่นาน “กรช่วยผู้หญิงถือหนังสือ”
เหตุการณ์นั้นมันทำเราหนึบๆคันยิบๆที่อก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไรเพราะเราหวงกรไม่อยากให้กรไปช่วยคนอื่นเหรอ ทำไมดูเป็นคนเห็นแก่ตัวจัง
“นั่นเพื่อนพี่ครับ เขาเป็นผู้หญิงพี่ก็ช่วย”
“อือ”
เราไม่รู้จะพูดอะไร พอนึกถึงภาพเหตุการณ์นั้นทีไรในอกก็คันยุบยิบๆทุกที
“หนู” กรผละใบหน้าออกมาเพียงนิดเพื่อมองหน้าเราที่ก้มหน้าลงเกือบชิดอก “มองพี่ครับ”
เขาเชยคางเราขึ้นแต่เราก็ยังเลือกที่จะหลบตากรอยู่ เราไม่รู้ว่าเป็นอะไรแต่ภาพที่กรเดินพูดคุยยิ้มแย้มกับผู้หญิงหลายๆคนอย่างสนิทสนมก็พลั่งพรูเข้ามาในหัวจนทำเราน้ำตาคลอ
“เรานิสัยไม่ดีเลย”
“ทำไมพูดแบบนั้นครับ?”
เราสะอื้น กัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บแต่กรก็มองดุเอานิ้วมาเขี่ยริมฝากปากเราออก
“เราเห็นแก่ตัว เราหวงกรไม่อยากให้กรไปสนิทกับใครนอกจากเรา เรานิสัยไม่ดีเลย” เรากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เงยหน้ามองกรก็เห็นกรกำลังยิ้มอยู่ “กรยิ้มทำไม?”
“พี่ดีใจที่หนูหวงพี่”
“แต่เราเป็นคนนิสัยไม่ดี เราหวงกร”
“ไม่เป็นไรครับพี่ยอมให้หนู”
“กร” เราเรียกเขา ยื่นใบหน้าไปจูบปลายคางของกร “เราขี้หวงมากเลยนะ กรรับไหวเหรอ?”
“ถ้าเป็นหนูจะมากแค่ไหนพี่ก็ไหวครับ”
“กรพูดแล้วนะ”
“อืม”
เรายิ้มกว้าง โผกอดกรแล้วซุกใบหน้าของตัวเองบนอกของกร ขยับหาท่าทางที่สบายสักพักก็นั่งกอดเขานิ่งอยู่แบบนั้นจนตัวเองหลับไป
เราตื่นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของกรเหมือนเดิมแต่ที่เปลี่ยนไปคือเราย้ายมานอนในห้องตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เราขยับตัวยุกยิกจนกรตื่นตาม
“เราขอโทษ กรนอนต่อเลย”
“หิวไหม” กรลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงีย ฉุดให้เราลุกขึ้นนั่งตาม
“หิว” ที่ตื่นมาก็เพราะหิวนี่แหละ ท้องเราดังโครกครากจนนอนต่อไม่ไหว
ตั้งแต่กลับมาจากมหา’ลัยก็ยังไม่ได้กินอะไรกันเลยมัวแต่นั่งคุยกันและเพราะความเหนื่อยล้าจึงทำให้เราทั้งคู่สลบเหมือดไปแบบนี้
“กินอะไรดี ข้าวผัดไหม?”
“ข้าวผัดกุ้ง” เราชอบกินกุ้งแต่ว่าในตู้เย็นไม่รู้จะมีกุ้งให้กินหรือเปล่านี่สิ
“เดี๋ยวพี่ไปทำให้ครับ”
“เราขอช่วย” เรากระตือรือร้น มองกรตาปริบๆ
“แน่ใจนะ?”
“อื้อ”
และแล้วกรก็ยอมให้เราเข้ามาในครัวเพื่อทำอาหารกับเขาอีกครั้ง กรดูเหมือนไม่มีสมาธิในการทำอาหารวันนี้เลยเพราะมัวแต่เอาเวลาเดินมาดูเราที่กำลังแกะกุ้งอยู่
“ระวังหนวดกุ้งด้วย”
“พี เดี๋ยวหางกุ้งก็ทิ่มเข้านิ้วหรอก
“หนูครับ ค่อยๆแกะเดี๋ยวเจ็บ”
เราถอนหายใจ หันไปมองกรที่ทำท่าจะพูดประโยคเดิมซ้ำๆให้เราฟังอีก
“เรารู้แล้วกร เราจะระวังครับไม่ต้องห่วง”
หน้าของเขายังกังวลไม่หายจนเราหลุดหัวเราะออกมา ซีเรียสไปได้กรเนี่ย แค่เราเคยโดนมีดบาดก็ห้ามนู่นห้ามนี่เรา บอกว่ามันคมเราห้ามจับ อันนั้นแหลมไปก็ห้ามแตะอีก พอมาเรื่องกุ้งก็บอกว่ากลัวมันทิ่มนิ้ว เราล่ะชักจะเอ็นดูกรขึ้นมาเลย
“หัวเราะอะไรพี นี่กรไม่อยากให้พีทำด้วยซ้ำเดี๋ยวก็เจ็บ”
“นักรบย่อมมีบาดแผลเป็นธรรมดา”
“ยังจะมาพูดเล่น”
“โธ่กรครับ...เราจะระวังนะ ถ้าเกิดเรามีแผลสักนิดเดียวเราให้กรตีเลย” เราเสนอเขา กรจะได้มั่นใจว่าเราจะไม่ทำให้ตัวเองมีแผลแน่ๆ เราก็ไม่อยากโดนตีนะ
“พี่ไม่ตีครับ พี่จะจูบให้หนูปากบวมจนไม่กล้าเขาครัวเลย”
“กร!”
พอเราปล่อยให้เรียกหนูโดยที่เราไม่ดุหน่อยก็ชักจะเหลิงแล้วนะ
“ถ้าเบะกรจูบ”
เรามุ่ยหน้าใส่เขาก่อนจะหันกลับมาสนใจแกะกุ้งดีกว่า ขี้เกียจคุยกับกรแล้ว คนอะไรชอบแกล้งคนอื่นเดี๋ยวสักวันเถอะเราจะแกล้งกรกลับบ้าง
ข้าวผัดมื้อนั้นเป็นข้าวผัดที่เรากินไปภูมิใจไปน้ำตาจะไหลเลย ไม่น่าเชื่อว่าเราจะมีส่วนร่วมในการทำข้าวผัดจานอร่อยแบบนี้ แค่แกะกุ้งเราก็ถือว่ามีส่วนร่วมแล้วนะถ้าเกิดว่าไม่มีกุ้งที่เราแกะข้าวผัดก็ไม่สมบูรณ์ขนาดนี้หรอก
“ล้างจานเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันนอนนะ เข้าใจไหม?”
“รู้แล้ว”
เรามองกรที่เดินออกไปจากครัวก่อนจะหันกลับมาล้างจานของตัวเองต่อ
วันเสาร์นี้เราต้องกลับไปที่บ้านเพราะแม่โทรมากบอกว่าคิดถึงเรามากไม่เจอกันตั้งหนึ่งเดือน ก็หนึ่งเดือนนี้เรายุ่งๆด้วยเลยไม่มีเวลาไปไหน อีกทั้งพอเรียนเสร็จก็กลับคอนโดกินข้าว อ่านหนังสือ และเข้านอนเลย
“เป็นไงครับหนูพี พี่กรเข้าเลี้ยงดีใช่ไหมเนี่ยขุนหนูจนมีเนื้อเยอะเลย” แม่จับเนื้อตัวเราหมุนไปมาก่อนจะหอมแก้มเราซ้ายขวาฟอดโต
“พีทานจุมากครับคุณน้า”
“กรขี้ฟ้อง”
เราหันไปดุกรที่เขาฟ้องแม่เรา กรอาสามาส่งเราที่บ้าน แม่เลยชวนให้กรนอนที่บ้านเราเลยเพราะแม่อยากจะให้เราค้างที่นี่แล้วค่อยกลับกันวันอาทิตย์
“อย่าไปว่าพี่เขาครับ”
แม่รักกรมากกว่าเราอีก พอเราดุกร แม่ก็ปกป้องแต่ทีกับเราแม่กลับบอกกรว่าดุเราได้ตามสบายเลย ตกลงระหว่างกรกับเราใครเป็นลูกแม่กันแน่ก็ไม่รู้
“เริ่มเบะแล้วครับคุณน้า”
กรกับแม่หันมามองหน้าเราก่อนเขาทั้งสองคนจะหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน เราไม่ได้เบะสักหน่อย เราแค่ทำหน้าบึ้งนิดเดียวเอง
แม่ขอตัวออกไปทำธุระข้างนอกก่อน ตอนนี้เลยเหลือเรากับกรที่อยู่บ้านกันสองคน
“ไปว่ายน้ำไหม?”
เราพยักหน้าหงึกหงักให้กรโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรเลย เราชอบว่ายน้ำมาก เวลาโดนน้ำเย็นๆแล้วรู้สึกสดชื่นที่สุดเลย บวกกับอากาศร้อนตอนนี้ถ้าได้ว่ายน้ำคงรู้สึกดี
“งั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันครับ”
เราเดินขึ้นไปยังชั้นสอง มีห้องนอนของเราอยู่ฝั่งซ้ายของบ้าน ห้องนอนเราตกแต่งตามสไตล์ที่เราชอบ มีของทีเราสะสมคือหนังสือวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่ในตู้ มีพวกตุ๊กตาโมเดลด้วยอยู่ในตู้โชว์เป็นกระจก ของพวกนี้เราได้มาจากการไปเที่ยวต่างประเทศกับครอบครัวปีละครั้ง
“ชุดกรอยู่ในตู้เดี๋ยวหาให้”
กรมักจะมานอนที่บ้านเราบ่อยๆเมื่อมีโอกาส เขาเลยจะทิ้งชุดตัวเองไว้บ้างเผื่อวันไหนไม่ได้เอาชุดมาจะได้ไม่ต้องวุ่นวายให้ใครมาหาชุดให้
ตอนนี้นะ กรน่ะสนิทกับครอบครัวเรามากกว่าเราซะอีกมั้ง เห็นวันก่อนบอกว่าพ่อเราชวนไปเตะฟุตบอลกับสมาคมที่พ่ออยู่ด้วย เห็นไหมกรเป็นลูกรักของบ้านเราเลย
“เปลี่ยนพร้อมกันไหมหนู”
“อย่าเรียกหนู”
“เมื่อกี้แม่หนูยังเรียกเลย”
“ก็นั่นแม่แต่กรเป็นเพื่อน”
“โธ่หนู...”
“กร! ไม่ให้เรียกหนูนะ”
“ครับพี่เข้าใจแล้วครับ” เข้าโน้มหน้าเข้ามาหาเราก่อนจะกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูว่า “...หนู”
ฮึ่ย! วันไหนไม่ได้แกล้งเรากรจะนอนไม่หลับหรือไง
เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเสร็จเรียบร้อย เรากับกรก็พากันเดินมาที่สระหลังบ้าน เราถอดชุดคลุมที่ใส่มาออกก่อนจะวิ่งไปที่ขอบสระแล้วกรโดดลงน้ำเสียงดังตู้มจนน้ำกระเซ็น
“พี บอกให้รอก่อนไง”
ขนาดว่ายน้ำกรก็ยังจะตามมาบ่นอีก ระหว่างที่เดินมาที่สระกรบอกว่าให้เรากระโดดลงน้ำพร้อมกันแต่เราก็อดใจไม่ไหว พอเห็นน้ำในสระก็รีบวิ่งมากระโดดลงน้ำกรก่อนเลย
“กร ลงมาเร็วน้ำเย็นมาก” เราตีน้ำแปะๆเรียกให้กรรีบกระโดดลงมาตามเรา
เห็นเขาส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจก่อนจะเดินเข้ามาที่ขอบสระแล้วพูดคาดโทษเราไว้
“ถ้าจับได้เดี๋ยวจะจับฟัดให้ช้ำเลย”
เราหัวเราะร่าตอนกรกระโดดลงสระแล้วว่ายน้ำมาหาเราทันที เราไม่ได้กลัวคำคาดโทษของกรแต่ก็ต้องว่ายน้ำหนีถ้าเกิดกรฟัดเราขึ้นมาจริงๆเราไม่มีแรงเล่นน้ำต่อแน่
“อ๊า..ก่อนทำไมว่ายน้ำเร็วจังเนี่ย” เราบ่นตอนที่เขารวบตัวเราไปไว้ในอ้อมกอด
“บอกแล้วนะถ้าจับได้จะฟัดให้ช้ำเลย”
“อื้อ”
กรเอาปลายคางของเขาที่มีตอหนวดอยู่ประปรายมาขยี้ที่คอเราจนจั๊กจี้ไปหมด เราหัวเราะเสียงดังตอนที่มือกรข้างนึงจี้เข้าที่เอวของเรา
“ดื้อนักใช่ไหมหือ?”
“ฮ่าๆ..เราไม่ดื้อ ฮึก กรมันจั๊กจี้”
เสียงหัวเราะของเราสองคนดังไปทั่วสระว่ายน้ำพอเราหายใจไม่ทันกรก็หยุดก่อนจะให้เราขี่หลังแล้วพาเราลอยไปลอยมาในน้ำ
“สบายล่ะสิ”
“อื้อสบายมาก” เราเกาะเกี่ยวรอบคอของกรไว้แน่นกันตก เราว่ายน้ำเป็นแต่ไม่แข็งเท่าไหร่ เวลาเล่นน้ำจึงมักจะเอาห่วงยางลงเล่นด้วยแต่พอมีกรเราก็ไม่ต้องใช้ห่วงยางเล่นอีกเลย
ขี่หลังกรสนุกกว่านั่งบนห่วงยางอีก
“ลูบทำไมเนี่ย”
“โทษทีพี่เพลินมือ”
“กรลามก!”
มีสิ่งเดียวเท่านั้นแหละที่ห่วงยางดีกว่ากรคือการที่ห่วงยางจะไม่ลูบก้นเราเหมือนตอนนี้ที่กรลูบอยู่นี่ไง
คนอะไร...มือปลาหมึกมาก
*******
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เรากำลังคิด 2 อย่างค่ะ ความจริงคือเราไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ introvert เท่าไหร่ เราเลยไม่รู้ว่าการที่น้องใจเต้นกับพี่ห้องสมุดคือชอบเขาหรือกลัว แต่จากที่น้องบอกถ้ากรอยู่ด้วยน้องจะไม่เป็นไร ก็เลยคิดว่ากรเองก็คงเป็นเซฟโซนเคลื่อนที่ได้ของน้องนะคะ ฮือออ แต่เราชอบอารมณ์น่ารักแบบนี้มากเลยค่ะ กรคะ เขาไม่ให้เรียกหนูลองเรียกที่รักดููไหมคะ กรี๊ดดดดด อยากรู้จังเลยค่ะว่าเขาจะขยับความสัมพันธ์อะไรกันยังไงนะคะ เพราะเอาจริงน้องดูหวงดูน้อยใจกรอยู่นะคะที่มีแต่คนเข้าหานั่น อยากให้เขาใจดีแค่กับตัวเองล่ะซี่