ตอนที่ 13 : Chapter13
Chapter13
พอเข้าช่วงสอบจริงๆพีก็ยิ่งนอนดึก เขางอแงกับผมว่าเขากลัวทำข้อสอบไม่ได้ น้องตื่นข้อสอบแบบนี้มาตั้งแต่ปีหนึ่ง ผมก็ช่วยเขาทุกทางแต่พีก็ไม่หายกังวล
จริงๆแล้วน้องทำได้แค่บางทีน้องไม่มั่นใจในตัวเอง
ออกจากห้องสอบทุกครั้งน้องก็แทบจะร้องไห้ บางทีก็ไม่แทบ น้องร้องไห้ออกมาจนผมสงสารเพราะน้องทำผิดและน้องก็ทำไม่ทันในบางข้อ
ผมพยายามทำให้เขาเลิกคิดมากโดยการพาไปหาอะไรอร่อยๆกิน พาเขาไปเที่ยวเล่นที่สวนสาธารณะใกล้ๆเผื่ออากาศปลอดโปร่งและอาหารอร่อยๆจะช่วยให้น้องหายเครียดได้
และมันก็เพียงแค่ชั่วคราวเพราะพอเราได้กลับถึงห้อง น้องเห็นกองชีตและหนังสือเรียนน้องก็กลับมาหงอยกลับมาเครียดต่อ ผมทนไม่ไหวก็เริ่มดุเขา ผลสุดท้ายน้องก็ร้องไห้และเป็นผมเองที่ต้องมาปลอบพี
“พี่ไม่ดุแล้วๆ”
ผมกอดน้องจนจมอก มือก็คอยลูบหลังปลอบเขาไปด้วย เข้าใจว่าน้องเครียดแต่ผมก็คิดในมุมของผมว่าเครียดไปมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาในเมื่อเราทำข้อสอบไปแล้ว ออกจากห้องสอบไปแล้วเราก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้
เอฟมันก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นถ้าติดขึ้นมาจริงๆผมก็พร้อมที่จะช่วยน้องแต่ผมแน่ใจว่าเขาคงไม่ติดเพราะน้องก็ไม่ใช่คนที่ไม่เก่ง น้องหัวดีและน้องเข้าใจกับอะไรได้ง่ายแต่แค่บางทีเขาก็กลัวและกังวลจนเกินไป
“รำคาญเราไหม” น้องถามเสียงแผ่ว ใบหน้าคลอเคลียอยู่กับหน้าอกของผม
“ไม่ครับ พี่ไม่เคยรำคาญหนูเลยแต่พี่ไม่อยากให้หนูเครียดกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว” ผมค่อยๆอธิบายให้เขาได้เข้าใจ “เราสอบไปแล้วและคงกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ สิ่งที่พีต้องทำตอนนี้คือทำใจให้สบายและเตรียมสอบวิชาสุดท้ายอย่างเต็มที่ก็พอ”
น้องเงียบไป มือของน้องก็เกาะชายเสื้อผมไว้แน่น ผมปล่อยให้น้องได้คิดตามก่อนน้องจะผละออกจากอกผมแล้วเงยหน้าขึ้นมอง
“ถ้าวิชาสุดท้ายเราทำไม่ได้ล่ะกร”
ผมอยากถอนหายใจแต่เพราะถ้าทำแบบนั้นน้องก็คงคิดว่าผมเบื่อหน่ายกับการตอบคำถามเขา ผมแค่อยากถอนหายใจเพราะผมจนใจหาคำพูดมาพูดให้น้องเข้าใจ พีไม่ใช่คนเข้าใจยากแต่บางครั้งเพราะความรั้นความดื้อของเขาทำให้เขากลายเป็นคนที่ไม่คิดจะเข้าใจอะไรเลย
เป็นผมที่ต้องพยายามอธิบายโดยใช้คำพูดดีๆกับเขา
“ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ครับแต่หนูยังไม่ได้ไปสอบเลยจะรู้ได้ไงว่าตัวเองทำไม่ได้ อีกอย่างหนูควรต้องเอาเวลาที่กังวลที่เครียดตอนนี้ไปทุ่มเทให้ความสนใจกับการอ่านหนังสือดีกว่าไหมหืม?”
“อือก็จริงของกร”
พีเริ่มคล้อยตามผมก็เริ่มใจชื้นขึ้น น้องจะได้เลิกเครียดกับวิชาที่ผ่านๆมาสักที
“งั้นก็ไปอ่านหนังสือกันครับหรือจะงอแงให้พี่กอดแบบนี้ต่อ?” ผมเลิกคิ้วถามเขาด้วยท่าทางยียวน น้องยู่ปากใส่ผมก่อนที่เขาจะทำให้ผมตกใจกับการกระทำของเขาซึ่งผมไม่คาดคิดว่าพีจะเป็นคนเริ่ม
“ขอบคุณครับ”
น้องผละออกจากผมก่อนเขาจะเดินเข้าห้องตัวเองไปเอาหนังสือ ปล่อยให้ผมต้องนั่งนิ่งอึ้งอยู่บนโซฟาคนเดียวโดยที่มือก็ลูบริมฝีปากเหมือนคนที่กำลังสติหลุดลอยไปไกล
เมื่อกี้น้องจูบผม...จูบแบบที่ใช้ลิ้นและยังไม่ทันตอบโต้ คนดีของผมก็ผละออกแล้วหนีเข้าห้องนอนตัวเองไปเลย
เด็กน้อยช่างร้ายกาจ เดี๋ยวนี้ร้ายกาจขนาดที่เริ่มจูบผมก่อนแล้ว
แต่ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แม้เขาจะทำเพียงหอมแก้มผม ผมก็ชอบทั้งนั้นแหละ เวลาที่โดนเขาเป็นฝ่ายสัมผัสก่อน ผมรู้สึกตื่นเต้นและหัวใจพองโต ใจเต้นเร็วเหมือนวัยแรกเริ่มที่พึ่งมีความรักเป็นครั้งแรก
“แล้วอย่างนี้พี่จะไปไหนรอด”
บ่นกับตัวเองเบาๆด้วยรอยยิ้มสุขใจ จริงๆก็ไม่ได้อยากไปไหน อยากอยู่แบบนี้ แบบที่มีพีอยู่กับผมไปตลอดชีวิตเลย
สอบวันสุดท้ายเป็นวันที่นักศึกษาหลายๆคนรอคอย รวมทั้งผมและพีที่รอคอยวันนี้ไม่ต่างจากคนอื่นๆ แม้วิชานี้จะไม่ยากนักทว่าเราก็ประมาทไม่ได้เลย
เมื่อถึงเวลาเข้าห้องสอบทุกคนก็ทยอยเข้าไปในห้อง ผมกับพียืนมองคนในคณะทยอยเข้าห้องไปเรื่อยๆก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายหันไปหาน้องเพื่อให้กำลังใจเขา
“สู้ๆครับ ทำเต็มที่ก็พอนะคนดี”
ผมลูบหัวน้องส่งท้าย เมื่อเห็นพีพยักหน้าผมก็ทำท่าจะเดินนำเขาเข้าห้องแต่ก็ต้องชะงักเพราะน้องจับแขนผมไว้ ผมหันไปมองน้อง คิดว่าน้องคงอยากจะพูดอะไรกับผม
“กรก็สู้ๆนะ”
ผมยิ้มและพยักหน้าตอบรับกำลังใจจากเขา
“เข้าห้องสอบกันครับ”
ผมเดินนำพีเข้าห้องสอบและน้องก็เดินตามหลัง หวังว่าสอบเสร็จผมจะไม่เห็นน้องออกมาแล้วร้องไห้งอแงนะ
ผมใช้เวลาสอบไปสองชั่วโมงครึ่งทั้งๆที่วิชานี้มีเวลาสอบให้สามชั่วโมงส่วนพีเขามักจะออกจากห้องตอนที่หมดเวลาสอบของวิชานั้นๆเสมอ
พีบเคยบอกผมว่าบางทีก็เสร็จแล้วแต่จะนั่งตรวจคำตอบและอ่านทวนไปเรื่อยๆ ถ้าผิดพลาดจุดไหนจะได้แก้และเขาก็จะทำอยู่แบบนั้นซ้ำๆจนกระทั่งเวลาหมด
“ไง รอพีเหรอวะ?”
เพื่อนที่ผมไปเล่นฟุตบอลกับพวกมันบ่อยๆถามขึ้นตอนที่ผมกำลังกดโทรศัพท์เล่นเพื่อฆ่าเวลาคนที่กำลังนั่งสอบอยู่ในห้อง
“อืม พวกมึงจะกลับแล้ว?” ผมเลิกคิ้วถาม
“เออ เย็นนี้พวกไอ้เปลวมันนัดไปกินเหล้า มึงจะไปด้วยกันไหมล่ะ”
“ที่มันบอกในกลุ่มน่ะเหรอ?”
“เออนั่นแหละ”
พวกไอ้เปลวก็คือกลุ่มคนที่เล่นบอลกับผมเช่นกัน มันอยู่คนละคณะและสอบเสร็จก่อนพวกผมหนึ่งวัน ส่วนกลุ่มที่พูดถึงก็คือไลน์กลุ่มฟุตบอล เป็นกลุ่มที่ไว้นัดแนะเวลาเล่นบอลหรือนัดรวมตัวกันและบางครั้งก็จะคุยไร้สาระบ้างตามประสาผู้ชาย
“ดูก่อนว่ะ เดี๋ยวยังไงบอกอีกที”
พอได้คำตอบจากผม พวกมันก็พากันเอ่ยลาก่อนจะเดินออกไป
จริงๆก็อยากไปกินเหล้ากับพวกมันแต่ผมก็ไม่รู้ว่าวันนี้พีจะอยากไปไหนหรือเปล่า เนื่องจากเป็นวันสอบวันสุดท้ายน้องอาจจะอยากไปหาอะไรกินเพื่อฉลองเล็กๆน้อยๆกับตัวเองหลังจากที่ต้องนั่งอ่านหนังสือจนเวลานอนไม่พอ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งเวลาสอบหมด พีเป็นคนสุดท้ายที่เดินออกมาจากห้อง พอเขาเห็นผมเขาก้เดินตรงดิ่งเข้ามาหา
“เราทำได้”
เป็นประโยคสั้นๆที่น้องเอ่ยกับผม ผมยิ้มตามรอยยิ้มที่กว้างของเขา
“เก่งมากครับ”
“อื้อ วันนี้กลับห้องไปจะนอนจนถึงวันมะรืนเลย ชดเชยที่ไม่ได้นอนมาหลายวัน”
น้องพูดอย่างหมายมั่นและมีความตั้งใจ
“อยากไปไหนเป็นพิเศษไหม?” ผมเอ่ยถามเขา
น้องส่ายหน้า
“ไม่ไป เราอยากกลับห้องไปนอนมองเพดานนิ่งๆมากกว่า สอบเสร็จก็ไม่อยากทำอะไรเลยนอกจากนอน”
ผมยิ้มเอ็นดูและพยักหน้ารับความต้องการของเขา
“งั้นโอเคครับ หาอะไรกินก่อนค่อยกลับห้องแล้วกันนะ”
หลังจากที่พาน้องไปหาอะไรกินและปล่อยให้น้องไปพักผ่อนในห้อง ผมที่ตัดสินใจว่าคืนนี้จะออกไปข้างนอกกับกลุ่มเพื่อนจึงเดินเข้าไปหาพีในห้อง
สิ่งที่ผมเห็นในสายตาเป็นอย่างแรกเมื่อเปิดประตูห้องพีคือก้อนผ้าห่มที่ขดม้วนไปกับตัวคน เด็กน้อยของผมห่อตัวเองไว้ในผ้าห่มท่ามกลางอุณหภูมิความเย็นที่ค่อนข้างต่ำมาก ขนาดผมเดินเข้ามาความเย็นปะทะกับผิวก็ทำเอาขนลุกวาบ
“เปิดแอร์เย็นเชียว” ผมปิดประตูห้องเขาแล้วเดินเข้าไปหาคนที่นอนมองผมตาก็กระพริบปริบๆ
“กรมีอะไรหรือเปล่าจะเข้ามานอนด้วยกันเหรอ?”
เขาไม่ถามเปล่า ยังใจดีเอาตัวเองออกมาจากผ้าห่มแล้วจัดผ้าห่มมาให้ทางผมที่นั่งอยู่ข้างๆเขาบนที่นอน
ผมไม่ได้ปฏิเสธ รับผ้าห่มมาจากน้องแล้วเอาคลุมตัวเองไว้ ก่อนจะดึงรั้งเองของพีเข้ามาใกล้ๆเพื่อกอดเขาไว้รับไออุ่นจากผม
“พี่มาบอกว่าวันนี้จะไปกินเหล้ากับเพื่อนครับ”
“อือ ไปสิ วันนี้เราไม่ออกไปไหนอยู่แล้ว กรไปกับเพื่อนบ้างก็ได้”
“แต่เดี๋ยวนอนกับหนูก่อน สามทุ่มพี่ค่อยออกไป”
“ครับ”
น้องกระชับกอดผมและผมก็กระชัดเอาน้องเข้ามาแนบชิดมากยิ่งขึ้น
ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ทั่งผมและน้องไม่มีใครพูดอะไรออกมา มือของผมข้างหนึ่งลลูบหลังเพื่อกล่อมพีนอน อีกข้างก็ยังกอดเขาไว้แน่น
เวลาผ่านไปหลายนาทีผมก็เป็นคนที่เริ่มพูดขึ้น
“ปิดเทอมนี้อยากไปเที่ยวไหม?”
พีเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาปรือปรอยเหมือนคนที่กำลังจะหลับแต่ก็ฝืนเปลือกตาเอาไว้
“อยากไป ถ้ามมีกรเราก็ไป”
คำตอบของน้องยังคงน่ารักและน่าเอ็นดูเสมอ
“อืม พี่จะพาไป”
“ชวนวินไปด้วยไหม?”
“หนูอยากให้มันไปด้ยไหมล่ะ?”
“อือๆ ให้วินไปด้วยจะได้เที่ยวครบกลุ่ม”
“เดี๋ยวพี่ลองชวนมันให้”
“ไม่ต้องๆเดี๋ยวเราชวนวินเอง”
“เอาแบบนั้นก็ได้” ผมยอมเขาเพราะถ้าให้ผมไปคุยกับไอ้วินคงจะเถียงกันและคุยกันไม่รู้เรื่องแน่
“กรน่ารัก ขอบคุณนะ”
“ครับคนดี”
น้องยังคงเงยหน้าขึ้นมองและยิ้มให้ผม ผมโน้มหน้าลงไปกดจูบตรงริมฝีปากของน้องแล้วผละออกก่อนจะกดจูบย้ำอีกที ทำแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนน้องบอกให้พอผมถึงหยุด
“ปากช้ำหมดแล้ว”
“ยิ่งช้ำยิ่งน่าจูบ”
“พอแล้วกร ไม่เอาแล้วนะ”
“ไม่ทำก็ได้ครับ นอนเถอะ”
ผมล้มเลิกความตั้งใจที่จะฉกชิมริมฝีปากน้องเพราะพีเริ่มงอแง เวลาเขาง่วงนอนแล้วผมไปกวนพีก็จะงอแงะ ตื่นขึ้นมาเขาก็จะงอนผม บอกว่าผมกวนเขาจนเขานอนไม่พอ
ผมชอบเวลาเขางอนเพราะมันยิ่งน่ารัก ยิ่งตอนนี้ก็ยิ่งอยากให้งอนแต่ว่าผมอยากให้น้องพักผ่อนให้เต็มที่มากกว่าก็เลยล้มเลิกความตั้งใจและตัดสินใจที่จะไม่ทำให้เขางอแง
ไม่นานคนในอ้อมกอดที่คุยงุ้งงิ้งอยู่กับผมก็ผล็อยหลับไป เมื่อกี้พีกำลังพูดถึงเรื่องหนังสือสักเล่มที่เขาอ่านมันก่อนช่วงใกล้สอบ พีบอกว่ามันมีภาคต่อแต่ภาคต่อหาซื้อยาก เขาอยากได้แต่ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหน
พอพูดไปพูดมาเสียงน้องก็เงียบลง ผมก้มมองดูน้องอีกทีก็เห็นคนดีของผมหลับลงไปแล้ว
ผมไม่ค่อยมากินเหล้าร้านนี้สักเท่าไหร่ มันค่อนข้างจะเสียงดังและวุ่นวายแต่เพราะวันนี้อยากมาพบปะสังสรรค์กับเพื่อนบ้างถึงจะวุ่นวายผมก็คงต้องยอม
ผมเดินเข้ามาในร้าน นั่งหากลุ่มพวกไอ้เปลวไม่นานก็เจอพวกมันง่ายๆ พวกนี้ค่อนข้างกลุ่มใหญ่แถมเสียงยังดังโหวกเหวกโวยวายจนผมไม่ต้องโทรถามเลยว่านั่งตรงไหนกัน
“อ้าวเว้ย ไอ้คุณชายมันมาแล้วว่ะ”
ผมงงที่พวกมันชอบเรียกผมว่าคุณชาย ผมว่าผมก้ธรรมดาแต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไรพวกมัน ถ้าสบายใจอยากเรียกอะไรผมก็ไม่ขัด
ผมนั่งลงข้างๆไอ้เปลว ไอ้นี่มันเป็นคนที่เฮฮาชอบปล่อยมุกตลกไปวันๆแต่เพื่อนมักจะไม่ค่อยขำ มุกที่มันปล่อยมีแต่มุกกากทั้งนั้นเลย
เพื่อนคนนึงที่มีหน้าที่ชงเหล้าให้คนบนโต๊ะยื่นแก้วมาให้ผม ก่อนหน้านั้นผมบอกมันไปแล้วว่าเอาอ่อนๆเพราะวันนี้กะมากินให้หายอยากและไม่อยากเมากลับห้องไปหาน้อง
เรื่องสนทนาภายในวงเหล้าก็ยังคงเป็นเรื่องทั่วไป บางเรื่องก็ไร้สาระจนผมต้องถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ไอ้เปลวก็ขยันเล่นมุกแป๊กๆของมัน
พอมีคนนึงหลุดขำให้ มันก็ดีใจจนจะเป็นจะตาย ผมส่ายหน้าขำๆก่อนจะต้องตกใจเมื่อมีใครสักคนล้มลงมานั่งตักผมพอดี
“โอ๊ะ! ขอโทษค่ะ”
ผมมองหน้าเธอคนนั้นไม่ชัดเพราะแสงค่อนข้างสลัวและมืด อาจจะเป็นโชคร้ายที่ผมมาคนสุดท้ายและได้นั่งตรงริมๆมันจึงง่ายที่ใครก็ตามจะล้มลงใส่ผม
“ไม่เป็นไรครับ”
ผมพยายามจะดันเธอออกแต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมลุก ใอใของเธอเริ่มยุ่มย่ามกับตัวผม รอบโต๊ะของผมเต็มไปด้วยเสียงโห่แซวอย่างสนุกแต่ผมไม่สนุกด้วยสักนิด
“คือเรามึนๆนิดหน่อย ขอนั่งพักตรงนี้ก่อนได้ไหม?” ว่าจบเธอคนนั้นก็ซุกซบลงบนไหล่ผม
ผมที่เริ่มหงุดหงิดจึงดันตัวเธอออกจนกลายเป็นผลัก เธอล้มลงไปกองกับพื้นแต่ผมไม่สนใจที่จะช่วย เธอมารุ่มร่ามกับผมก่อนและผมก็รู้ดีถึงเจตนาว่าเธอต้องการอะไรจากผม เธอไม่ได้เมา กลิ่นเหล้าแทบไม่มีจะไปเมาอะไรกัน
“โทษทีผมไม่ใช่เก้าอี้ไม่ใช่จุดที่คุณต้องมานั่งพัก ถ้าคุณอยากมากก็ไปหาเอาโต๊ะอื่น”
ผมพูดอย่างหงุดหงิดก่อนจะหันไปหาเพื่อนในโต๊ะ
“กูกลับก่อน” ผมยื่นแบงค์พันไปให้ไอ้เปลว มันรับไว้และผมไม่สนใจเสียงเรียกผมอีก
ผมเกลียดการที่ต้องออกมาแล้วเจอเหตุการณ์แบบนี้ มันน่ารำคาญและน่าเบื่อ รู้แบบนี้ผมนอนกอดน้องอยู่ที่ห้องน่าจะดีกว่า
ผมกลับห้องไปด้วยอารมณ์ที่ยังหงุดหงิดไม่หาย
ไม่ได้สนใจว่าบนเสื้อของผมเองมีรอยลิปสติกที่ติดอยู่และจะทำให้เกิดปัญหายุ่งยากตามมาทีหลัง....
*******
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตายแล้วววว นี่จะเป็นจุดเปลี่ยนความสัมพันธ์แล้วรึเปล่าคะะะ น้องเองก็ดูเริ่มรุกบ้างแล้วนะคะ ฮือ ตื่นเต้นน