ตอนที่ 4 : คำขอของมอมแมม
ตอนที่3
คำขอของมอมแมม
โครงงานนรกยังคงเข้ามาหลอกหลอนพวกเราได้ทุกๆวิชา โดยเฉพาะถ้าหากคุณได้เรียนวิชาทั่วไปแล้วนั้นทำใจไว้เลยว่าเจอโครงงานแน่นอน ดีหน่อยที่โครงงานครั้งนี้มีกลุ่มมิ้งเข้ามาอยู่ด้วย ทำให้ไม่ต้องกังวลมากนักว่าจะไม่รอดเพราะมิ้งแม่งเก่งฉิบหายวายป่วง คือเกิดมาสวยดูดี นิสัยดีแล้วยังจะเก่งอีกอ่ะครับ
ตัดปัญหาเรื่องโครงงานไปแต่ก็ยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่านั่นก็คือพี่ชายมิ้ง ครับได้ยินไม่ผิดหรอก ขึ้นชื่อว่าหวงน้องสาวแล้วพี่แกก็เลยต้องมาตามมาเฝ้าน้องตลอดเวลาพวกเรานัดกันทำโครงงาน พี่ท่านก็ไม่ได้ทำอะไรมากหรอกครับนอกจากนิ่งนิ่งๆแผ่รังสีความน่ากลัวใส่พวกผมสี่สหายโดยเฉพาะไอ้ดินที่คาดว่าน่าจะได้รับรังสีนั้นเป็นพิเศษ สังเกตได้จากอาการปากสั่นมือสั่นแถมหน้ายังซีดเหมือนคนจะเป็นลมอีกเวลาโดนพี่ชายมิ้งมอง
แหม...ใครวะที่บอกว่าไม่กลัวพี่เขาเนี่ยกูอยากเจอหน้าไอ้คนๆนั้นจริงๆเลย ไอ้ห่าดินเอ๊ย!
จะหายใจหายคอโล่งหน่อยก็ตอนที่พี่ชายมิ้งลุกไปเข้าห้องน้ำเหมือนอย่างเช่นตอนนี้ที่พอพี่ชายมิ้งลุกไปพวกผมก็ถอนหายใจเฮือกเสียงดังจนมิ้งที่ก็คงรู้ว่าอะไรเป็นอะไรได้แต่นั่งขำพวกผมสี่คน
“ไม่ต้องเกร็งกันขนาดนั้นก็ได้ พี่ภัทรไม่ดุหรอก”
โอ๊ย! แม่คุณ ไม่ดุกับมิ้งคนเดียวน่ะสิแต่คนอื่นนี่แดกหัวได้คาดว่าพี่เขาคงแดกไปแล้วแต่น้องสาวสุดที่รักอยู่ด้วยก็คงทำได้แค่ส่งสายตาอำมหิตให้แล้วแผ่รังสีความน่ากลัวใส่แค่นั้น
พวกผมก็ทำได้แต่ยิ้มแหะๆส่งให้มิ้งส่วนไอ้ดินก็เข้าไปพูดคุยหยอดคำหวานใส่มิ้งหลังจากอัดอั้นมานานตอนที่พี่ชายเขาอยู่ด้วย ก็ตลกมันนะครับพอพี่ชายมิ้งไม่อยู่ก็แม่งดับเครื่องชนจนมิ้งเขินหน้าแดงหูแดงแต่พอพี่ชายมิ้งอยู่ไอ้ห่านี่นิ่งกว่าเพื่อนแถมหน้ายังซีดจนผมคิดว่ามันจะเป็นลม
“กูไปเข้าห้องน้ำนะพวกมึง” ผมหันไปบอกไอ้กล้วยกับไอ้หนึ่งที่กำลังช่วยกันแต่งเนื้อแร็ปกันอยู่ มันบอกว่าฝึกไว้เผื่อจะฟอร์มทีมไปแข่งซีซั่นหน้า ก็ฝากทุกคนด้วยครับว่าถ้าเจอมันอยู่หน้าจอก็รีบกดปิดได้เลยไม่ต้องเสียเวลาชีวิตดูพวกมันหรอกครับ ผมเตือนแล้วนะ
“เออๆ ฝากซื้อน้ำมาให้ด้วย มึงเอาม้ะไอ้หนึ่ง”
“เอาๆแต่ขอน้ำไม่เย็นนะมึง”
ผมพยักหน้ารับคำพวกมันที่ไม่ได้สนใจจะเอาเงินค่าน้ำมาให้ผมสักนิดแต่ก็ช่างเถอะผมเลี้ยงพวกมันได้อยู่แล้วล่ะครับแค่น้ำเปล่าเอง
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ผมจะเดินมาเข้าห้องน้ำแล้วมาเจอพี่ชายมิ้งกำลังยืนล้างมืออยู่ในนั้นด้วย ผมตั้งใจตามเขามาเพราะต้องการคืนผ้าเช็ดหน้าที่ได้เอากลับไปซักใหม่แล้วมั่นใจว่าครั้งนี้จะอาดเหมือนพึ่งซื้อมาใหม่ๆแน่นอน
“พี่ครับ” ผมเข้าไปยืนข้างๆเขาที่กำลังเช็ดมือด้วยกระดาษทิชชู่ซึ่งไม่ใช่ของในห้องน้ำแต่พี่แกพกมาเอง
“.....” เขาหันมามองผมแต่ไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงยืนจ้องพร้อมกับเช็ดมือตัวเองไปด้วยอย่างละเมียดละไม
ผมล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าที่เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อตรงอกออกมา พอเขาเห็นเขาก็เลิกคิ้วมองรอว่าผมจะพูดอะไร “ผมคิดว่าน่าจะสะอาดแล้วเลยเอามาคืนให้ครับ”
อยากจะเล่าให้พี่ท่านฟังเหลือเกินว่าผมลงทุนแช่ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กผืนเดียวนี้ไว้ข้ามคืน พอมาอีกวันก็ต้องมานั่งซักมือ ขยี้ๆจนเจ็บมือไปหมดไม่พอแค่นั้นนะผมยังอุตส่าห์แช่น้ำยาปรับผ้านุ่มไว้อีกคืนจะได้มีกลิ่นหอมๆติดผ้าคิดว่าคุณชายเขาน่าจะชอบ
ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าคืนให้พี่ภัทร พี่ภัทรยื่นมือมารับไว้ก่อนจะคลี่ผ้าออกจากกันทำท่าทางเหมือนกำลังหาคราบสกปรกบนผ้า พอเขาตรวจจนแน่ใจแล้วว่าสะอาดหมดจดก็เก็บผ้าเช็ดหน้าไว้ในกระเป๋ากางเกงของเขา
เห็นแล้วก็อยากจะยกมือขึ้นกราบกรานผงซักผ้าและการขยี้ขั้นเทพของตัวเองที่สามารถทำให้คุณชายพึงพอใจกับความสะอาดบนผ้าเช็ดหน้าได้ ไม่งั้นก็คงได้กลับเอาไปซักใหม่ให้คุณชายเขาอีกรอบอ่ะครับ
“ขอบคุณอีกครั้งนะครับสำหรับผ้าเช็ดหน้า” บอกขอบคุณเขาอีกครั้งพร้อมส่งยิ้มให้เขาที่ผงกหัวรับคำผมเบาๆ
“อืม”
เขาตอบรับแค่นั้นแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องน้ำไปแต่ผมก็เรียกรั้งพี่ภัทรไว้ก่อนเพราะอีกเหตุผลที่ผมเดินตามเขามาเข้าห้องน้ำคือเรื่องไอ้ดิน
พี่ภัทรมองหน้าผมแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถามว่า ‘มีอะไร’
“คือ...เอ่อ...”
คิดว่าตัวเองพกความกล้ามามากแล้วนะแต่เมื่อมีพี่ภัทรตัวเป็นๆมายืนอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ผมอดที่จะประหม่าและหวั่นกลัวไม่ได้
“มีอะไร?” เขาถามเสียงนิ่ง ท่าทียังคงนิ่งเฉยกับอาการอึกอักของผม เขาไม่ได้มีท่าทางรำคาญแต่กลับนิ่งรอฟังสิ่งที่ผมจะพูดอย่างใจเย็น
“คือ...” ผมสูดหายใจและเรียกกำลังใจจากตัวเองอีกครั้งก่อนจะเอ่ยพูดขณะที่จ้องตาพี่ภัทรอย่างแน่วแน่ “ผมอยากให้พี่ให้โอกาสไอ้ดินได้พยายามจีบมิ้งดูก่อนครับ”
ผมแน่ใจว่าพอผมพูดจบประโยคคิ้วของพี่ภัทรมันขมวดเข้าหากันและสีหน้าเขาดูไม่พอใจแต่ไม่นานก็คลายออกเป็นใบหน้าเรียบเฉยเหมือนในยามปกติของเขา
หลังจากที่เขาเงียบและมองหน้าผมอย่างพิจารณาอยู่นาน มุมปากเขาก็กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มแต่เป็นรอยยิ้มที่ผมบอกได้เลยว่าน่ากลัวฉิบหาย “เขาสั่งให้คุณมาบอกผม?”
ส่ายหน้าระรัวพร้อมกับยกมือขึ้นมาส่ายอีกแรงเป็นการยืนยันหนักแน่นว่าสิ่งที่ผมพูดกับเขาเมื่อครู่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้ดินมันสักนิดเดียว “ผมแค่อยากช่วยเพื่อน”
“อืมแล้ว?”
“ผมอยากให้พี่ให้โอกาสมันได้พยายามดูก่อนและสุดท้ายผลจะเป็นยังไงคงขึ้นอยู่กับมิ้งที่เป็นคนตัดสินใจครับ”
พี่ภัทรพยักหน้าตามคำพูดของผม ทำให้ผมใจชื้นว่าเขาคงเข้าใจที่ผมพูดและจะไม่กีดกันไอ้ดินมันเหมือนที่เขาทำอยู่แต่ก็ต้องหน้าเหวอเมื่อเขาเอ่ยประโยคถัดมา
“เป็นความคิดที่ดีนะ” เขาก้าวเข้ามาใกล้ผมอีกหนึ่งก้าว จากนั้นจึงโน้มหน้าเข้ามากระซิบข้างๆหูผม “แต่ขอโทษด้วยผมคงทำตามที่คุณขอไม่ได้”
พี่ภัทรผละออกมายืนตัวตรงเหมือนเดิมแล้วยกยิ้มให้ผมและถึงแม้พี่ภัทรจะยกยิ้มน่ามองแค่ไหนแต่ประโยคของเขาแม่งไม่น่าฟังสำหรับผมเลยสักนิด
ผมคิดไว้อยู่แล้วว่าต้องได้ยินคำตอบประมาณนี้จากพี่ภัทรเลยทำได้เพียงพยักหน้าให้เขาอย่างจำยอมและไม่เซ้าซี้เขาต่อ
“ขอบคุณที่รับฟังคำขอของผมครับ” ถึงแม้พี่จะไม่ทำตามก็เถอะ ผมได้แต่พูดประโยคหลังไว้ในใจ
“อืม...ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว”
“ครับ”
ได้แต่ยืนมองพี่ภัทรเดินออกจากห้องน้ำไป เมื่อแผ่นหลังของเขาลับสายตา ผมก็ถอนหายใจกับตัวเองออกมาเฮือกโต การยืนอยู่กับพี่ภัทรเป็นอะไรที่โคตรกดดัน เหมือนเขามีรังสีอะไรสักอย่างที่ทำให้คนรอบตัวเขาต้องเกรงกลัวและประหม่าทุกครั้งที่ได้เข้าใกล้
ผมรอดมาได้ก็ถือว่าบุญมากโขแล้วครับ
ผมเดินกลับมาหาเพื่อนที่โต๊ะพร้อมถุงที่ใส่ขวดน้ำและถุงขนมอีกถุงใหญ่ ยื่นของทั้งหมดให้กล้วยที่ยิ้มหน้าบานรับไปจากนั้นก็หย่อนตัวนั่งลงที่เดิมของตัวเองไม่ลืมจะแอบเหลือบไปมองพี่ภัทรที่ไม่ได้สนใจอะไรนอกจากน้องสาวและหนังสือของเขาเอง
ติดว่าจะพอช่วยพูดหรือเจรจากับพี่ภัทรได้แต่ผิดคาดเมื่อเขาเพียงรับฟังแต่ไม่ได้เอาไปคิดที่จะให้โอกาสไอ้ดินมันเลย แต่ก็นะถ้ามิ้งมีใจให้ดินเหมือนกันก็คงจะดีเรื่องนี้จะได้ง่ายขึ้นกว่านี้เยอะเลย...มั้ง
“ไปส้วมแล้วทำไมมึงไม่ขี้วะ?”
หันไปมองไอ้กล้วยงงๆที่จู่ๆมันก็สะกิดผมแล้วถามคำถามนั้นออกมา
“อะไรของมึง?” ถามมันกลับอย่างไม่เข้าใจ
“อ้าว? ก็กูเห็นมึงทำหน้าเหมือนไม่ได้ขี้นี่หว่า”
“สัด! ไม่ใช่”
“แล้วมึงเป็นอะไรวะ ทำไมถึงทำหน้าเหมือนคนไม่ได้ขี้แบบนั้น” ไอ้หนึ่งยื่นหน้าเข้ามาถามทั้งที่ยังมีขนมอยู่เต็มปากของมัน น่าเกลียดฉิบหายเลย
“ป่าว กูลืมซื้อเยลลี่มาเลยเซ็งนิดหน่อย”
จริงๆเรื่องนี้ก็ทำให้ผมเซ็งอีกเรื่องรองลงมาจากเรื่องพี่ภัทรเหมือนกันที่ลืมซื้อเยลลี่ของโปรดของตัวเองมาทั้งที่ก็เข้าร้านไปซื้อด้วยตัวเองแท้ๆ
เพื่อนในกลุ่มทุกคนของผมจะรู้ดีว่าถ้าหากวันไหนผมไม่ได้กินเยลลี่ก็จะมีอาการเซ็งๆไม่ก็หงุดหงิดคล้ายๆคนขาดของอะไรประมาณนั้นแต่ของผมเป็นอาการขาดเยลลี่ไม่ได้และจะหายก็ต่อเมื่อได้กินเยลลี่นั่นแหละ
“กูว่าแล้ว”ไอ้สองตัวมันพูดพร้อมกันแล้วตบเข่าฉาดเหมือนเดาไว้อยู่แล้ว ว่าแค่นั้นมันก็เลิกสนใจผมไปเพราะมันเป็นเรื่องปกติของผม
“แล้วนี่ไอ้ดินมันหายหัวไปไหนวะ?” ผมถามไอ้กล้วยกับไอ้หนึ่งเมื่อกวาดสายตาไปรอบโต๊ะและรอบบริเวณแล้วก็ไม่เจอเพื่อนอีกคน
“ไปหาอาจารย์ที่คณะว่ะ น่าจะเรื่องงานแหละมั้ง”
“มีปัญหาหรอวะ?”
“คงงั้น” พอไอ้หนึ่งมันตอบเสร็จก็หันไปแย่งขนมจากไอ้กล้วยมันต่อ
ผมเลิกสนใจพวกมันที่ตบตีแย่งขนมกันทั้งที่ยังเหลืออีกเยอะแยะในถุงให้พวกมันกินแต่พวกห่านี่มันบ้าครับ ถ้าไม่ได้แย่งกันกินจะกินกันไม่อร่อย
หันไปถามมิ้งว่ามีงานอะไรให้ช่วยมั้ยก็ได้งานมาทำสมใจและไม่ลืมเรียกให้ไอ้สองตัวที่เหนื่อยจากการแย่งขนมกันกินมาช่วยทำด้วย
กว่าจะได้แยกย้ายกันกลับก็เกือบๆสี่โมงเย็นโดยมีเพื่อนมิ้งเป็นคนขอตัวกลับก่อนฉะนั้นพวกเราจึงตัดสินใจเลิกทำและตกลงกันว่าควรแยกย้ายกันกลับได้แล้ว
ส่วนงานก็คืบหน้าไปพอสมควร คาบต่อไปคงต้องเอาให้อาจารย์ดูก่อนเผื่อจะมีอะไรให้แก้ไขหรือได้คำแนะนำจากอาจารย์เพิ่มเติมจะได้มาปรึกษากันว่าจะเอายังไงต่อดี
“พวกดินไปทานข้าวกับมิ้งกับพี่ภัทรกันก่อนมั้ย?” มิ้งเอ่ยถามพวกเราที่พอได้ยินก็หันหน้าปรึกษากันสองวินาทีก็ได้คำตอบ
“ไปครับ” แน่ล่ะว่าไอ้ดินมันต้องเป็นคนตอบคำถามมิ้งอยู่แล้ว ถ้าถามว่าทำไมมันถึงกล้าตอบเสียงดังฟังชัดอีกทั้งยังยิ้มหวานตาหวานส่งให้มิ้งอีกก็เป็นเพราะพี่ชายมิ้งไปเอารถที่จอดไว้อีกฟากยังไงล่ะครับจึงทำให้ไอ้คนที่กลัวพี่ภัทรฉิบหายมีความกล้าพูดกล้าคุยกับมิ้งขึ้นมา
มิ้งเธอยิ้มขำไอ้ดินและไม่ลืมยิ้มมาเผื่อแผ่พวกผมที่ยืนอยู่ด้วย “งั้นดินขับรถตามพี่ภัทรไปร้านอาหารได้มั้ยคะ พอดีเราจองโต๊ะที่ร้านไว้เรียบร้อยแล้วด้วย”
“ไอ้ได้มันก็ได้นะครับแต่ผมกลัวจะขับไม่ทันพี่ภัทรแล้วทำให้คลาดกันน่ะสิครับ ถ้าเกิดมีคนช่วยมานั่งบอกทางข้างๆให้ก็คงจะดี”
ผม ไอ้กล้วยและไอ้หนึ่งหันมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมายพร้อมกับทำหน้าซังกะตายใส่กันเมื่อได้ยินประโยคของไอ้ดินที่ให้หมามาฟังยังฟังออกเลยว่ามันตอแหล
คนอย่างมันเนี่ยนะจะขับไม่ทันพี่ภัทรแล้วกลัวจะคลาดกันอีก โอ๊ย! ไม่อยากจะพูดแต่ขอพูดหน่อยเถอะครับว่าอย่างไอ้ห่าดินไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกในเมื่อมันขับรถเร็วยิ่งกว่ารถเมล์สายแปด ทั้งปาดทั้งแซงจนกลัวว่าสักวันตำรวจจะเอาหมายจับไปให้มันถึงบ้าน ไม่มีทางเลยที่มันจะขับไม่ทันและคลาดกับพี่ภัทรได้เลยอ่ะครับ
“จริงด้วย มิ้งลืมคิดเลย”
นี่ผมเริ่มจะเข้าใจละว่าทำไมพี่ภัทรถึงได้หวงมิ้งมากมายขนาดนั้น ก็ดูมิ้งสิครับใครพูดอะไรก็เชื่อเขาไปหมดเลย ขนาดหน้าตาตอแหลที่สุดในปฐพีของไอ้ดินมิ้งยังเชื่อเลยอ่ะครับ
“ถ้างั้น...” ไม่ทันไอ้ดินมันจะพูดจบมิ้งก็เอ่ยขัดขึ้นเสียงมันก่อน
“พี่ภัทรมาพอดีเลยค่ะ”
คุณชายทำหน้างงเมื่อโดนน้องสาวของตัวเองทักแบบนั้นตอนเดินมาถึงแต่เขาก็ปั้นหน้ายิ้มแล้วถามน้องสาวขึ้นเสียงนุ่ม นุ่มกว่ามาร์ชเมลโล่ก็เสียงพี่ภัทรเขานี่แหละครับแต่ต้องเป็นพี่ภัทรที่อยู่กับน้องสาวเท่านั้นนะกับคนอื่นอย่าหวังเลยครับ พวกผมโดนกันมาหมดแล้ว
“มีอะไรครับหืม?”
“มิ้งชวนพวกดินไปทานข้าวด้วยกันกับเราค่ะ”มิ้งยังพูดไม่ทันจบประโยคพวกผมก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจอกับสายตาอาฆาตของพี่ภัทรที่ตวัดมามองพวกผมก่อนจะหันกลับไปทำให้พวกผมหายใจหายคอได้สะดวกตอนมิ้งพูดต่อ “ดินเขาไม่รู้จักร้านอาหารค่ะ มิ้งเลยจะให้ดินขับรถตามพี่ภัทรไปแต่ก็กลัวจะขับไม่ทันจนคลาดกัน”
“แล้วยังไงครับ?”
“มิ้งเลยคิดว่าจะไปนั่งรถดินเพื่อบอกทางค่ะ”
“ไม่ได้!”
พวกเราสี่คนพากันสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อได้ยินคำตอบของพี่ภัทร เป็นคำประกาศิตที่ไม่มีใครจะสามารถโต้แย้งคำของพี่ภัทรได้แม้กระทั่งมิ้งก็ตาม
“อ...เอ่อไม่เป็นไรก็ได้ครับ เดี๋ยวผมขับรถตามพี่ไปก็ได้ครับ มิ้งไม่ต้องมานั่งกับผมก็ได้” ไอ้ดินมันพูดขึ้นมาเสียงสั่น ทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้เต็มแก่
พี่ภัทรไม่ได้คิดจะสนใจไอ้ดินที่พูดเลยสักนิดเมื่อเขาหันหน้าไปทางมิ้งแล้วพูดกับน้องสาวตัวเองโดยมีพวกผมที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากพวกเขานักก็ได้ยิน
“พี่จองโต๊ะไว้แค่สองที่ ถ้าพวกเขาไปพวกเขาก็ไม่มีที่นั่ง”
อ่า...นี่สินะเหตุผลของคำว่าไม่ได้ของพี่ภัทร ไม่ใช่หมายถึงว่าให้มิ้งไปนั่งบนรถไอ้ดินไม่ได้แต่หมายถึงว่าพวกผมจะตามเขาไปกินข้าวด้วยไม่ได้ต่างหากล่ะ
ร้ายกาจ!
“จริงด้วยสิ มิ้งก็ลืมถามพี่ภัทรเลยว่าจองไว้กี่ที่” มิ้งเหมือนพึ่งคิดได้จึงพูดขึ้นและหันมายิ้มแหยๆส่งให้พวกผมที่ยืนทำหน้าเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ใกล้ๆ “มิ้งขอโทษนะ พอดีมิ้งไม่รู้ว่าพี่ภัทรจองไว้แค่สองที่”
“มะ...ไม่เป็นไรหรอกครับ ไว้โอกาสหน้าก็ได้ครับ” ไอ้ดินมันตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะคำว่าไว้โอกาสหน้าของมันทำให้พี่ภัทรตวัดสายตามาจ้องหน้ามันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
สงสารไอ้ดินมันนะครับแค่มันก็คงต้องยอมรับชะตากรรมไปถ้ามันยังคงคิดที่จะจีบมิ้งอยู่อย่างนี้ ผมเชื่อว่าวันข้างหน้ามันจะเจอศึกหนักกว่านี้แน่ๆ
"ขอโทษด้วยนะทุกคน งั้นไว้โอกาสหน้าเนอะ” อยากจะเนอะกับมิ้งเหมือนกันครับถ้าไม่ติดว่าสายตาพี่ชายมิ้งห้ามไว้ก่อน
มิ้งก็ดูรู้สึกผิดกับพวกผมที่ไม่สามารถไปกินข้าวด้วยกันได้ ผิดกับพี่ชายของมิ้งที่ยังคงยืนนิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรกับคนอื่นๆเขา แต่ก็นะพี่เขาก็ไม่ได้ทำผิดอะไรสักหน่อยนี่หว่าแค่จองโต๊ะไว้สองที่เองไม่เห็นจะผิดเลยนี่เนอะ
“ครับ ไม่เป็นอะไรหรอก มิ้งกับพี่ภัทรก็ทานข้าวกันให้อร่อยนะครับ” ผมตอบแทนไอ้ดินที่เริ่มทำตัวซึมเหมือนส้วมไปแล้ว
“จ้า งั้นมิ้งกับพี่ภัทรไปแล้วนะ ทุกคนก็กลับดีๆล่ะ”
“ครับ เช่นกันนะ”
พวกผมยกมือไหว้พี่ภัทรที่ทำเพียงพยักหน้ารับนิ่งๆเหมือนอย่างเคย จากนั้นก็โบกไม้โบกมือให้กับมิ้งที่โบกมือและส่งยิ้มลาให้พวกเรา พอเห็นท่าทางแบบนั้นของพี่น้องทั้งสองคนก็อดจะคิดไม่ได้ว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องกันจริงๆหรือเปล่าวะ ทำไมถึงได้ต่างกันมากมายขนาดนี้ อีกคนหนึ่งก็ยิ้มเก่ง ส่วนอีกคนก็หน้านิ่งเก่ง
โคตรต่างกันเลยครับ
“ไงพวกเราจะเอาไงต่อ?” เมื่อรถของพี่ภัทรหายไปจากสายตาพวกเราก็หันกลับมาปรึกษากันว่าจะไปไหนหรือเอายังไงต่อดี
“ไงมึงไอ้ดิน อยากไปเลียแผลใจที่ไหนว่ามา?” ไอ้กล้วยตบบ่าไอ้ดินที่ยังคงซึมไม่หาย
“จิ้มจุ่มก็แล้วกัน”
เมื่อได้รับคำตอบพวกเราก็พากันยกโขยงไปขึ้นรถไอ้ดินไปร้านจิ้มจุ่มเจ้าประจำเพื่อพาไอ้ดินไปเลียแผลใจของมันที่นั่น
แผลหายเมื่อไหร่ก็ค่อยมาว่ากันใหม่ว่าจะเอายังไงต่อไปดี...
TBC....
แท็กเงียบเหงาเหลือเกิน อิอิ มาเล่นแท็กกันได้เด้ออ่านตลอดนะ #นิยายคุณชายสะอาด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

"หน้าตาน่ากลัว" คำว่าน่ากลัวสะกดอย่างนี้น้า