ตอนที่ 2 : คุณชายสะอาดกับตัวมอมแมม
ตอนที่1
คุณชายสะอาดกับตัวมอมแมม
กระทู้หมื่นทิป
‘แฟนเป็นคนสะอาดเกินไปคะ ทำไงดี ช่วยด้วยคะ!!’
แฟนเราเป็นคนสะอาดม๊ากมากกกกกก ย้ำว่ามาก จนเราดูสกปรกไปเลยคะ คือมีเหตุการณ์นึงที่เราพาเค้าไปห้องเพื่อนเราคะ แล้วห้องเพื่อนเราก็รกมากเพราะพึ่งเอางานไปส่งมาเลยไม่ได้เก็บห้อง (เพื่อนเป็นสถาปนิก) ทีนี้พอแฟนเราเข้าไปเห็นเค้าก็ทำหน้ายี้ใส่เลยคะ เพื่อนเราหน้าเสียเลยส่วนเราก็ส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้เพื่อน แฟนเราพอเค้าเห็นห้องรกๆก็ไม่เข้าคะ เราเลยต้องขอโทษเพื่อนแล้วกลับ จริงๆมันมีอีกหลายเรื่องแต่ถ้าเราเล่าคงจะเป็นมหากาพย์ เลยขอยกตัวอย่างมาแค่เรื่องเดียว อยากขอคำแนะนำเพื่อนๆหน่อยคะว่าใครมีแฟนเป็นคนสะอาดแบบนี้จะมีวิธีจัดการยังไงค่ะ ทนไม่ไหวแล้วคะ เค้าสะอาดเกินปัยยยยยยยยย ฮรือออออออออ
ความคิดเห็นที่ 1
เราว่าก็ดีนะคะ แฟนเราก็เป็นคนรักสะอาดเหมือนกัน
ความคิดเห็นที่2
ผมก็เป็นคนรักสะอาดครับ บางทีแฟนผมก็บ่นว่าจะรักสะอาดอะไรนักหนา ผมก็ได้แต่เงียบแต่ในใจแบบอีนี่กูสะอาดก็ดีแล้วไม่ใช้เร้อะ /อ่า ลืมไปเมียนั่งอยู่ข้างๆ ลาล่ะครับ...
ความคิดเห็นที่3
จริงๆก่อนจะพาแฟนไปห้องเพื่อนก็น่าจะบอกให้เพื่อนเก็บของให้เรียบร้อยก่อนนะครับ จากคนรักสะอาด
.
.
.
.
.
ความคิดเห็นที่99
เจ้าของกระทู้ใช้ คะ/ค่ะ ให้ถูกด้วยคะ
ความคิดเห็นที่100
ตอบความคิดเห็นที่99ครับ ก่อนจะบอกเจ้าของกระทู้บอกตัวเองก่อนดีกว่านะครับ จากผู้ชายที่ใช้คะ/ค่ะถูก
นั่งอ่านงงๆฆ่าเวลารอไอ้กล้วยมันเอางานไปส่งอาจารย์ พอดีเลื่อนๆเฟซบุ๊คดูแล้วเจอเพื่อนสมัยเรียนมันแชร์มา ก็แบบเอ้อเอาหน่อยไหนๆก็ว่างเปิดดูสักหน่อยคงไม่เป็นไร นิสัยส่วนตัวก็ขี้เสือกอยู่แล้วไงใจผมรู้ดี
เห็นแค่หัวข้อก็แบบ...อะไรมันจะขนาดนั้นวะแค่แฟนเป็นคนสะอาด ใครๆเขาก็ชอบคนสะอาดอยู่แล้วป้ะ อ่านเนื้อหาสาระที่ผู้หญิงคนนั้นเขียนลงในหมื่นทิปก็เฉยๆอ่ะ ห้องรกๆใครมันจะไปอยากเข้า อ่ะผมคนนึงล่ะที่ห้องรกแต่ห้องตัวเองไงไม่ถือแต่กรณีที่เขาเขียนลงคือไปห้องเพื่อนเปิดประตูเข้าไป ป้าบเจอห้องรกเป็นผมผมก็ไม่เข้าอ่ะบอกเลย
เลื่อนอ่านคอมเม้นเพื่อดูความคิดเห็นคนอื่นๆก็ต้องมาขำกับการใช้คะ/ค่ะอีก ว้อยยย พวกมึงนี้เขามาตั้งกระทู้ไม่ใช่มาหัดเขียนภาษาไทยป่ะ เอ้อ แต่ก็นะบอกตามตรงผมก็ขัดๆตาเหมือนกันแหละขนาดเป็นผู้ชายผมยังใช้ถูกเลยแต่แค่ไม่มีโอกาสได้ใช้เท่านั้นแหละ
“เป็นเหี้ยไรนั่งทำปากขมุบขมิบ”
“เสือกไรกู”
“อ้าวไอ้สัดดูพูดจาไม่น่ารักเลย”
“น่ารักที่หน้ามึงดิ”
ไม่ต้องตกใจครับนี่ก็เป็นบทสนทนาปกติธรรมดาของผมกับไอ้กล้วย ไม่ได้ทะเลาะกันไม่ต้องกลัวว่าจะเปิดมาแล้วเห็นผมต่อยมันเลย ไม่ใช่ครับไม่ใช่ ต่อยไอ้ห่านี่ไปก็เจ็บมือเปล่าๆ พอดีหน้ามันทั้งด้านทั้งหนาอ่ะครับ ผมไม่สู้หรอก
“ทำหน้าแบบนี้ด่ากูในใจอีกแล้วใช่มั้ย?” มันเอาแขนบึกๆของมันมาล็อคคอผม
“แอ่ก..” ลิ้นผมจุกปากตาเหลือกตาโปน เอาให้คนเดินผ่านไปผ่านมารู้ไปเลยว่าไอ้ผู้ชายหน้าหนานี่มันจะฆ่าผม
“ห่า อย่างกับจิ้งจกโดนตู้ทับ” มันปล่อย ทำท่าขยะแขยงเหมือนผมเป็นจิ้งจกจริงๆ
“สงสาร ทำไมมึงไม่ช่วยน้องงงงงง” ผมว่าแววตาเต็มไปด้วยความสงสารที่น้องโดนตู้ทับ
“คนประเภทไหนถึงได้เรียกจิ้งจกว่าน้อง”
“คนอย่างกูไง ทำไม? มีปัญหาไรกับกู”
“โอ๊ยยย กลัวแล้วครับกลัวแล้ว กูไม่กล้ามีปัญหากับคุณมึงหร๊อกกกก”
“ดี รู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร” กอดอกยิ้มอย่างพอใจที่อยู่เหนือกว่าไอ้กล้วยหอมจอมซน
“ไปๆไอ้พวกห่านั่นรอนานเดี๋ยวก็แหกปากด่าให้มึงกับกูอายกันอีก” ไอ้กล้วยเอาแขนพาดไหล่ลากผมลงจากตึกเพื่อไปหาพวกคนเหี้ย
ครับมันเหี้ยจริงๆ เหี้ยจนป๋าถามผมว่าเลิกคบพวกมันไม่ได้หรอลูกแต่ผมก็ยังเชื่อมั่นในมิตรภาพความเหี้ยและต่ำตมของพวกมันจึงคบกับพวกมันมาจนถึงปีสอง
เขาบอกว่าคนที่ศีลเสมอกันจะอยู่ด้วยกันได้
นั่นก็แปลได้ว่าผม...ก็เป็นคนเหี้ยไม่ต่างจากพวกมันเลย
“กว่าจะมา กูคิดว่าต้องจุดธูปเรียกแล้ว” ไอ้ดินเพื่อนต่างคณะมันทักพวกผมสองคน
“เอ้า! นี่มึงยังไม่จุดหรอวะไอ้ดิน กูก็เห็นไอ้กล้วยลอยมาเชียว” ไอ้ขี้ก้างที่กำลังพยายามดูดชานมไข่มุกมันมีชื่อว่าหนึ่งถามไอ้ดินขึ้น
“ตัวลอย?”
“หึ หน้าลอย”
ป้าบเข้าให้
ไอ้กล้วยโบกหัวไอ้หนึ่งที่หัวเราะขำกร๊ากกับมุขตัวเอง ขนาดโดนตบหัวจนสมองสั่นมันยังไม่ยอมหยุดหัวเราะเลย ผมล่ะยอมใจมันเลยจริงๆ
“ลอยเหี้ยไรล่ะ วันนี้กูทามาบางๆเหอะ” ไอ้กล้วยแก้ตัวแล้วนั่งลงข้างๆไอ้หนึ่ง
คือไอ้กล้วยเนี่ยมีพี่สาวเปิดร้านขายพวกเกี่ยวกับความสวยความงามอะไรงี้อ่ะครับ แล้วทีนี้พี่มันก็เลยให้มันทาพวกครีมอะไรไม่รู้เยอะแยะก่อนออกจากบ้าน บางวันมานี่นึกว่าแบงค์พันเดินได้ไม่รู้จะเทาไปไหน พอมันโดนแซวบ่อยๆก็เริ่มทาบางลงแล้วแต่ก็แอบลอยอย่างที่ไอ้หนึ่งว่าอ่ะแหละ
“แล้วนี่คณะมึงไม่มีที่ให้อยู่หรือไงถึงได้เสร่อมานั่งคณะกูอ่ะ” นั่งลงข้างไอ้ดินแล้วก็ถามมันต่อ เสนอหน้ามาได้ทุกวันอ่ะคณะกูเนี่ย มีอะไรดีนักหนาก็ไม่รู้
“ทำแมะ? กูจ่ายค่าเทอมแล้วกูจะนั่งตรงไหนก็ได้” ไอ้ดินลอยหน้าลอยตาพูดจนตีนผมกระตุกยิกๆอยากจะลอยไปอยู่บนหน้ามันบ้างจังเลย
“นี่มึงไม่รู้หรอไอ้ชินว่ามันมาส่องสาวคณะมึงอ่ะ?”
“กูต้องรู้ด้วยหรอ?” ผมทำหน้างงคือจริงๆนะผมจำเป็นต้องรู้ด้วยหรอ
“อ่ะจบเลยๆอีสัดกูไปต่อไม่ได้ มึงต้องอยากรู้สิไอ้ห่าชิน!!” ไอ้หนึ่งโวยวายกระทืบเท้ากับพื้นจนไอ้กล้วยต้องเกลี้ยกล่อมด้วยการโบกหัวมันไปอีกที
นิ่งเลยสิมึง
“เออๆกูอยากรู้ก็ได้วะ” พูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ก็อยากรู้ให้มันหน่อยถ้ามันงอแงเดี๋ยวมันจะโดนไอ้กล้วยตบหัวอีก ทีนี้คงได้พิการทางสมองจริงๆ
“มันมาส่องดาวคณะปีมึงอ่ะ” มันสะบัดคางไปทางทิศตะวันตก แม่ดาวคณะปีผมกำลังหัวเราะอ้าปากกว้างกับเพื่อนฝูง
“มิ้งเนี่ยนะ?” ไอ้กล้วยถามอย่างไม่เชื่อ ผมก็เช่นกัน
“อื้ออออ” ไอ้ดินพยักหน้าหงึกหงัก ทำหน้าเขินอายม้วนตัวเขินเหมือนกิ้งกือเลยไอ้สันขวาน
“มึงเอาภาพมันออกไปจากหัวกู๊วววววว!” ผมโวยวายพร้อมปิดตาส่ายหัวอย่างรับไม่ได้กับท่าทางของไอ้ดิน ขนลุกไปหมดแล้วโว้ยย!
“มึงชอบมิ้งจริงดิ ไอ้เวรแมนกว่ากูอีก” กล้วยมันว่าซึ่งผมก็เห็นด้วยทุกประการ
“นี่แหละมึงแม่ของลูกกู” ไอ้ดินมันว่าเพ้อๆ
“ลูกอะไร?” ไอ้หนึ่งที่นั่งดูดชานมไข่มุกจนติดคอไปรอบนึงแล้วเสนอหน้าถามขึ้น
“ลูกรอกมั้งสัด” ตอบพร้อมกับฝ่ามือหยาบๆของไอ้ดินตะปบลงบนหัวไอ้หนึ่งอย่างไม่ออมมือ ไอ้ห่าหนึ่งนี่มันก็ชอบหาเรื่องให้ตัวเองโดนทำร้ายร่างกายจริงๆ เป็นมาโซแน่ๆ
“สมควร” พวกเราผสานเสียงตอนไอ้หนึ่งมันเบะปากทำท่าจะร้องให้เพราะหัวระบม
“มาๆเข้าเรื่องต่อ”
“เออ แล้วไปไงมาไงถึงมาชอบมิ้งได้วะ?” ผมถามไอ้ดินที่ยังคงนั่งอมยิ้มอมขี้ฟันมองมิ้งด้วยตาหวานเชื่อมเห็นแล้วก็ชักจะกลัวแทนมิ้งแล้วเหมือนกัน
มันทำท่าคิด อย่างไอ้ห่าดินก็ชอบไปเรื่อยเอาไปเรื่อย ต้องถามไว้ก่อนเพราะมิ้งน่ะไม่ธรรมดา “ไม่รู้ว่ะ พอเห็นก็ชอบเลย”
“มึงรู้ใช่มั้ยว่าพี่ชายมิ้งอ่ะหวงมิ้งมาก” เสียงของไอ้กล้วยที่เขี่ยกล้วยออกจากเครปของไอ้หนึ่งทิ้งถามต่อ มันก็เป็นคนแปลกคนนึงชื่อกล้วยแต่ไม่ชอบแดกกล้วย
“ก็พอได้ยินมาบ้าง” มันอ้อมแอ้มตอบ สีหน้าหวาดๆให้เดามันคงรู้มาเยอะแน่ๆ
พี่ชายของมิ้งที่ว่าก็ใช่ว่าจะดังน้อยซะที่ไหน เผลอๆดังกว่าเดือนมหา’ลัยปีนี้ซะอีก พี่เขาเรียนอยู่ปีสี่แล้วอ่ะไม่ค่อยได้เจอหรอกแต่เวลามีหนุ่มๆมาตามจีบมิ้งงี้เจอได้ตลอดไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง เรียกได้ว่าโคตรพ่อโคตรแม่หวง อ้อ..อีกอย่างเขายังมีฉายาประจำตัวด้วยจากการที่คนในมหา’ลัยตั้งให้ก็คือ ‘คุณชายสะอาด’
เห็นหลายๆคนบอกว่าคุณชายเขาเป็นคนรักสะอาด ต้องดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเล็บ ความสกปรกคืออะไรพี่แกคงไม่รู้จักเพราะอาจจะไม่เคยสัมผัส เสื้อขาวสะอาดเรียบกริบจนพวกผู้หญิงยังอาย และอีกสารพัดสารเพสรรพคุณความสะอาดของคุณชายเขา ผมก็จำๆมาได้เท่านี้จากการได้ยินพวกผู้หญิงในคลาสพูดกัน
“กูบอกไว้ก่อนเลยนะมึงถ้าไม่จริงจังอย่าไปยุ่งดีกว่า” ผมเตือนมันด้วยความหวังดี กลัวเพื่อนจะตายก่อนวัยอันควร
“คนนี้กูจริงจัง” มันทำหน้ามุ่งมั่นพร้อมจะฝ่าด่านนรกของพี่ชายมิ้งเต็มที่
“พวกกูก็ขอเป็นกำลังใจให้มึงรอดจากฝ่าตีนพี่ชายมิ้งก็แล้วกัน” ไอ้หนึ่งที่เงียบไปนานพูดด้วยความเวทนาและให้กำลังใจไอ้ดินที่ยกมือสาธุรับคำอวยพร
“กูว่าพี่เขาคงไม่ทำอะไรมันหรอกว่ะ” พวกเราทำหน้างงกับประโยคของไอ้กล้วย เป็นไปไม่ได้หรอกที่พี่เขาจะไม่ทำอะไรคนที่เข้าไปยุ่งกับน้องสาวเขาอ่ะ
“ทำไมวะ?” ไอ้หนึ่งถาม
“ก็พี่เขาไม่แตะต้องของสกปรกอยู่แล้วไง กร๊ากกกกก ฮ่าๆๆ” ไอ้กล้วยตบเข่าฉาดหัวเราะเสียงลั่น แล้วหันหน้าไปยกมือตบเปาะแปะกับไอ้หนึ่งที่เป็นลูกคู่ของมัน
“ฆรวยย” ได้รางวัลจากไอ้ดินเป็นนิ้วที่อยู่จุดศูนย์กลางของนิ้วทั้งห้า
ไอ้ดินกับไอ้หนึ่งกลับคณะพวกมันตอนที่มิ้งเดินออกจากโรงอาหารไปแล้วห้านาที มันบอกจะตามไปดูว่าดาวคณะผมจะไปไหนต่อแต่ก็ต้องทิ้งระยะห่างไว้เดี๋ยวเหยื่อจะรู้ตัว ผมล่ะกลัวจริงๆว่ามันจะโดนพี่ชายมิ้งฆ่าเอาสักวัน เห็นว่าหวงน้องโหดใช่เล่นเลย
“ถ้าไอ้หนึ่งโทรมาให้ไปดูศพไอ้ดินกูจะไม่แปลกใจเลยว่าใครฆ่า” ไอ้กล้วยที่เดินขึ้นห้องเรียนกับผมบ่นพร้อมถอนหายใจ
“คงต้องภาวนาให้มันรอดล่ะนะ”
ตอนบ่ายผมไม่มีเรียนแต่ต้องเอาโครงงานมาให้อาจารย์ดูความคืบหน้าที่ห้องเรียนซึ่งอาจารย์บอกว่าจะมาเวลาไหนก็ได้ไม่เกินสี่โมง ตอนแรกผมก็นัดเพื่อนมาตอนสามโมงห้าสิบเก้าแต่พอดิบพอดีเพื่อนในกลุ่มมีธุระต่อตอนสามโมงเลยต้องนัดกันใหม่ให้มาตอนบ่ายโมงครึ่งที่ห้องเรียน
“คิดว่าต้องจุดธูปเชิญพวกมึงแล้วซะอีก” เพื่อนในกลุ่มมีนามว่าปกมันว่าประโยคคุ้นหูที่เหมือนพึ่งได้ยินมาไม่กี่ชั่วโมงก่อน
"ทำไมวันนี้กูกับมึงได้ยินประโยคนี้เป็นรอบที่สองแล้ววะ ร..หรือว่ากูกับมึงตายแล้วจริงดิไหนมึงลองตบกู....”
เพี๊ยะ!!
ไอ้รองที่อยู่ใกล้ๆไอ้กล้วยกมือฟาดเข้าที่แก้มไอ้กล้วยจนหน้ามันหันไปอีกทางทั้งที่มันยังพุดไม่จบประโยค
“ยังไม่ตาย” ตบเสร็จก็พูดหน้านิ่งๆแล้วก้มลงไปพิมพ์ยิกๆบนโน๊ตบุ๊คมันต่อ เออ ชอบว่ะ
“ไอ้สัดรองกูพูดเล่นมั้ยล่ะ!” ไอ้กล้วยโวยมือกุมแก้มตัวเองทำหน้าจะร้องให้ ถ้าเอามือมันออกนี่คงด้เห็นรอยนิ้วมือทั้งห้าของไอ้รองแน่ๆ
“อ้าวหรอ โทษที” มันบอกแบบนั้นแต่คนมองมองยังไงก็ดูกวนตีนอยู่ดี
“สัด!!” ด่าเขาแล้วเสือกไปนั่งข้างเขาอีกไอ้เวร
ผมส่ายหัวมองไอ้กล้วยที่ยื่นหน้าไปกวนไอ้รองที่กำลังพิมพ์งานจนโดนมะเหงกไปอีกทีแต่เสือกเจ็บแล้วไม่จำเพราะมันยังคงกวนไอ้รองไม่เลิก
ผมเลิกสนใจไอ้กล้วยแล้วเดินไปนั่งลงข้างไอ้ปกที่ยักคิ้วส่งมาให้ผม
“รอกลุ่มนั้นเสร็จเราก็เข้าไปหาอาจารย์เลย กูอยากกลับเต็มที่ละ” มันว่าแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันที
ส่วนผมก็นั่งเลื่อนโทรศัพท์แก้เซ็งเพื่อรอเวลาเอางานไปให้อาจารย์ดูก่อนเสียงของไอ้รองจะดังขึ้นทำให้ผมต้องเงยหน้าไปมองมัน
“แฟรชไดรฟ์อยู่กับใครวะ?” ทุกคนนิ่งคิดแม้กระมั่งไอ้ปกที่ฟุบหน้าเมื่อกี้ก็เงยหน้าขึ้นมาก่อนสายตาทุกคู่จะจับจ้องมาที่ผม
“มึง...ไอ้ชินกูจำได้ว่าให้มึงเก็บไว้” ไอ้ปกชี้มาทางผมหลังจากมันเช็ดขี้ตาเสร็จแล้ว
ผมทำหน้าคิด อ่า...อยู่กับผมหรอวะทำไมผมจำไม่ได้อ่ะ
“ทำหน้าแบบนี้คือมึงลืมใช่มั้ยไอ้สันขวาน?” อยากจะด่าไอ้กล้วยให้เงียบเพราะกำลังใช้ความคิดอยู่แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้าส่งให้มันเป็นคำตอบ
“โธ่ไอ้ห่าชินเอ้ยย!” เพื่อนทั้งสามมันประสานเสียงด่าผมอย่างกับโอเปร่า ถ้ามีแก้วในห้องนี่แตกไปหลายใบแล้วนะ
“อ้อ...กูจำได้ละอยู่บนรถไอ้ดิน”ผมว่าดีดนิ้วดังเป๊าะประกอบ
“งั้นก็รีบไปเอาเลยมึง กลุ่มนี้น่าจะอีกนาน”
“แต่กูไม่มีรถ” ผมว่า
“กูก็ไม่มีเมื่อเช้าพี่สาวมาส่ง” ไอ้รองชิงบอกแล้วกลับไปสนใจโน๊ตบุ๊คมันต่อ
ผมมองหน้าไอ้กล้วย มันยิ้งแห้งเพราะมันก็มากับผมนี่แหละครับ
“กูมี” ไอ้ปกยกมือตอบเหมือนตอบคำถามในห้องเรียนเลยสัด
“เอองั้นเอารถมึงแล้วกัน”
“แต่วันนี้กูปั่นจักรยานมานะ”
“เหี้ย!” อุทานเสียงดังแต่คงดังไม่ถึงอาจารย์เพราะไม่ได้ยินเสียงด่าและสายตาอาฆาต
“ไม่เหี้ยหรอกมึง สุขภาพดีประหยัดน้ำมันด้วย” ยังจะมีหน้ามาบอกสรรพคุณกูอีก ถ้าประเทศไทยไม่ร้อนนรกแตกแบบนี้ผมจะไม่บ่นเลย
“เออๆกูไม่มีทางเลือกนี่หว่า”
ผมว่าเซ็งๆสุดท้ายก็ต้องเดินไปจูงจักรยานที่ไอ้ปกมันเรียกว่าน้องฟ้าออกมากจากลานจอดจักรยานข้างคณะ
ปั่นจักยานไปก็ภาวนาอย่าให้โซ่หลุดก่อนจะถึงจุดหมาย ยิ่งเสียงดังเหมือนจักรยานจะพังก็ยิ่งระแวง นี่ถ้าผมเดินมาคงถึงคณะไอ้ห่าดินไปแล้ว
“เหี้ย!” ไม่รู้ว่าวันนี้พูดคำนี้ไปกี่ครั้งแต่ครั้งนี้เหี้ยจริงๆปาดหน้าผมไปเมื่อกี้เลย ไอ้ฉิบหายเดินปาดหน้ากูเหมือนสวนสาธารณะเลย
หลังจากน้องเหี้ยเดินเตาะแตะไปยังอีกฝั่งแล้วผมก็ปั่นจักรยานต่อแต่ครั้งนี้สิ่งที่ผมภาวนามาตลอดทางว่าอย่าให้เกิดมันก็เกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ขับห่างน้องเหี้ยได้ไม่ถึงสิบเมตร
“เชี่ยปกทำกูซวยแล้วไง” ก้มมองโซ่จักรยานที่หลุดแล้วก็ต้องกุมขมับ อะไรมันจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้วะ
ผมเอาจักรยานมาจอดหน้าคณะนิติศาสตร์ที่สามารถเห็นนักศึกษาเดินถือประมวลว่อนกันเต็มคณะ นั่งยองๆแล้วก้มลงมองโซ่ที่หลุดอีกรอบก็ได้แต่บ่นส่วนมือก็เอาโซ่กลับเข้าที่เหมือนเดิมจะได้ปั่นไปหาไอ้ดินสักที
แดดแม่งก็จะร้อนไปถึงไหนก็ไม่รู้ทำไมไม่หัดเกรงใจกันบ้างวะ เหงื่อก็ไหลตั้งแต่หน้าผากยันคางหยดติ๋งๆอย่างกับน้ำรั่วเลยเผลอเอามือที่จับโซ่ดำๆเช็ดโดยไม่ได้รู้เลยว่าหน้าจะดำเป็นปื้น
“โฮ่ หวังว่ามึงจะไม่หลุดอีกนะ” ผมคุยกับน้องฟ้าจักรยานไอ้ปกตอนที่ใส่โซ่เสร็จแล้วแต่ก็ต้องตกใจเมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นใครบางคนที่พึ่งนินทาไปเมื่อตอนเที่ยง
เขามองหน้าผมที่นั่งยองๆมองหน้าเขาด้วยสายตาที่ผมไม่รู้ว่าเป็นสายตายังไงเพราะมองไม่เห็นด้วยความที่สายตาสั้นหนึ่งร้อยห้าสิบ
ผมอ้าปากจะถามเขาว่าเขามีอะไรกับผมหรือเปล่าแต่ก็ไม่ทันเมื่อเสียงนุ่มๆของเขาเอ่ยขึ้นมาก่อน
“มอมแมม”
ตลกไร้สาระไปวันๆ
#นิยายคุณชายสะอาด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

น่ารักก
แอบรอเธออยู่นะจ๊ะ