ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แล้วจะเป็นยังงัยต่อไป??
[นี่ฉันต้องคุยกับนายแบบนี้จริงๆ หรอ?]
“อือ”
[ยุ่งยากจะตาย ทำไมนายไม่ลองหัดคำผวนดูล่ะ]
“ยุ่ง”
[ฉันถามนายตั้งยาวยืดทำไมนายตอบสั้นจังอ่ะ]
“ขี้เกียจ”
[เออนี่... ฉันสงสัยมานานแล้วชื่อนายแปลว่าอะไรหรอ?]
“10 ยกกำลัง 24” การสนทนาที่เย็นชา เริ่มขึ้นมานานแล้ว และก็ยังคงความเย็นชาอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าฉันจะพยายามทำร่าเริงซะเท่าไร เค้าก็ทำหน้าแบบ เบื่อโลก เซ็งชีวิต คิดจะตาย -*- แล้วสักพักเค้าก็ลุกจากโต๊ะกินข้าว ไปไหน... ฉันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า ไร้มารยาทชิบเลย นึกจะลุกก็ลุกไปเลย น่าเกลียดชะมัด (เอ้า... ก็บ้านเค้านี่หว่า -*-)
“ยัดตดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!” เค้าหยุดเดิน แล้วก็เงียบ ฉันก็เงียบ นี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย
“ไอ้ยัดตดที่ว่าเมื่อกี้อ่ะ เรียกฉันใช่มั้ย” เค้าหันมาถามยิ้มๆ แต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว
วิ้วววว... วิ้วววว...
สายลมอ่อนๆ พัดมาจากส่วนไหนของบ้านก็ไม่อาจทราบได้ รู้แค่เพียงว่า หนาววววว... หนาวซะเหลือเกินนนน T^T
[ง่า อย่าเพิ่งโมโหดิ ก็แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ให้เขียนใส่กระดาษ แล้วเขย่าให้นายหันมาดู รึไง??] ยอตตะเงียบสักพักแล้วเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมอย่างเสียไม่ได้
“เทอจะเอาอะไรล่ะ??” ยอตตะถามเรียบๆ แต่สำหรับฉันมันแปลได้ว่า ‘ถ้าเรียกแบบไม่มีเหตุผลล่ะก็ ตายแน่!!’ ในระหว่างที่ฉันคิดอยู่ว่าจะต้องการอะไรดี เค้าก็ทำหน้าแบบผู้ชนะ ประมาณว่า ไหนล่ะเหตุผล... ชิ...
[ชั้นอยากกินน้ำ]
- เงียบ -
แหม... ฉันก็เข้าใจอ่ะนะว่าช็อก คือก็ฉันไม่รู้นี่นาว่าจะเอาอะไรดี ถ้าตอบไม่ดี เดี๋ยวมีเฮขึ้นมาก็ยุ่งอีก...
“อืมๆ เดี๋ยวเอามาให้ แล้วพรุ่งนี้อ่ะตื่นเช้าๆ หน่อยนะ ฉันจะพาเทอไปมหาลัยด้วย”
พรวดดดดดดดดดดดด...
ข้าวที่อยู่ในปากฉันพุ่งพรวดไปข้างหน้าอย่างเต็มรัก ซึ่งเป็นที่ที่ยอตตะนั่งเมื่อครู่พอดี นึกไม่ออกเลยแฮะ ว่าถ้าเค้ายังนั่งอยู่ตรงนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น...
“เป็นอะไรล่ะ แตงกวา ไม่อยากไปหรอ??”
[เปล๊า แค่ตกใจว่าหน้าแก่ๆอย่างนาย ยังเรียนมหาลัยอยู่อีกหรอ]
“... ฉันยังสงสัยเลยว่าอาภัพส่วนสูงอย่างเทอน่ะ เด็กมหาลัยจริงหรอ??”
“อะ.... อะ.... อาใบ้!!!!!!!!!”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดเทอจะด่าฉันว่าไอ้บ้าอ่ะดิ เฮอะ... ทั้งๆที่ตัวเองเริ่มก่อนแท้ๆ” -*- ยังจะมาย้อนอีก ชิ ช่างเหอะฉันขี้เกียจเถียงกะนายนี่แล้ว พอทำใจได้แล้วก็เดินขึ้นไปข้างบนโดยมีเสียงของเค้าตะโกนไล่ตามหลังมาว่า
“ถ้าจะไปนอนน่ะ ห้องนอนอยู่ทางขวานะ เดินดีๆ ล่ะ อย่าให้ขาสั้นๆ เป็นอุปสรรคในการเดินนะ”
ฮึ้ยยยย... ไอ้หน้าแก่เอ๊ยยย ระวังเถอะ ฉันเอาคืนแบบที่นายไม่รู้ตัวเลย คอยดู!!!!!!
ร่างบางนอนอยู่บนเตียงที่แสนจะนิ่มสบาย แสงจันทร์สาดส่องเข้าในห้อง แม้เพียงน้อยนิด แต่ก็ทำให้ “เขา” มองเห็นใบหน้านวลได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ในยามปกติ เทอจะไม่เป็นเหมือนเคย แต่ในยามหลับ ไม่ว่าจะมองมุมไหน “เทอ” ก็คือ “แตงกวา” คนเดิมของเขา แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับ ผ้าห่มที่กองอยู่บนพื้น...
... นอนก็ดิ้นเหมือนเดิม ...
คิดพลางก้มลงไปหยิบผ้าห่มมาคลี่ออกแล้วนำมาคลุมร่างบางที่สั่นสะท้านไปด้วยความหนาว แล้วสาวเท้าออกจากห้องอย่างรวดเร็ว เพราะน้ำตาที่ผู้ชายอย่างเขาไม่ควรจะมีมันไหลออกมา... เขาเดินออกมาอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้รู้สึก หรือสังเกตเห็นเลยว่า หญิงสาวที่นอนรู้รับรู้ทุกสิ่งที่เขาทำลงไป
... ชิ ก็ใจดีเหมือนกันนี่หว่า แล้วทำไมต้องทำเย็นชากันด้วยน้า พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ ฮึ้ยๆๆๆ โมโหจริงๆเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เค้าอุตส่าห์มีน้ำใจพาเรามาอยู่ด้วย เขาเป็นอะไรเราจะไม่สนใจได้ยังไงล่ะเนอะ กลุ้มใจจัง ทำยังไงกับ “น้ำตา” ของเขาดีน้า ไอ้เราก็ ไม่สันทัดเรื่องปลอบใจคนซะด้วย แถมนี่ยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ปล่อยไปรึยังไง?? ถึงฉันจะอยากแกล้ง แต่ก็ เฮ้ออออ...
พอตัดสินใจเสร็จเทอก็ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วยันตัวลุกขึ้นอย่างเบาที่สุด และค่อยๆย่องไปที่ห้องนั่งเล่น เสียงเอี๊ยดอ๊าดของพื้นไม้ กลายเป็นเสียงเบาไปเลยเมื่อเทียบกับเสียงสะอื้นของคนที่อยู่ภายในห้อง ฉันเดินเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ในมือที่มีทิชชู่ที่หยิบติดมาจากในห้องยื่นออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เพราะรู้ว่าถ้าฉันพูดอะไรออกไปมันต้องเสียฟีลแน่ๆ (ไม่ใช่ความผิดฉันนี่หว่าที่พูดคำผวน -*-)
“เธอนั่งเป็นเพื่อนฉันก่อนได้มั้ย” ฉันพยักหน้ารับเบาๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆเขา เรานั่งเงียบกันอยู่อย่างนั้นจนผ่านไป 10 นาที เปลือกตาของฉันหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปิดลงในที่สุด แล้วสติของฉันก็หลุดลอยไป...
“เมื่อไหร่เธอจะกลับมาเป็นแตงกวาคนเดิม แล้วพูดสิ่งที่เธอติดข้างฉันไว้ซะทีนะ แตงกวา...”
แต่ครั้งนี้หญิงสาวกลับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด เลยแม้แต่น้อย...
วันรุ่งขึ้น ยอตตะเดินโซเซลงมาจากห้องนอนของเขา ทำให้แตงกวาส่งสายตามองเขาอย่างเป็นห่วง
[นายอยู่พักที่บ้านดีกว่ามั้ย ฉันว่านายคงไปเรียนไม่ไหวหรอก]
“เธอเป็นฉันหรือไงถึงรู้ว่าฉันไม่ไหวอ่ะ”
หนอยยย... ไอ้ตัวที่มันซึมๆเมื่อคืนหายไปไหนฟระ... ตอนนั้นออกจะน่ารัก มีอ้อนให้นั่งเป็นเพื่อนด้วย แล้วตอนนี้มันอะไรเนี่ยยยย หรือเมื่อคืนหมอนี่มันแปลงร่าง เมื่อคืนยิ่งเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงซะด้วย (นางเอกเราไปซะแระ -*-)
[ชิตามใจนายแล้วกัน] ฉันเขียนใส่กระดาษแล้วโยนให้เขาอย่างพาลๆ ก็คนมันโมโหนี่หว่า แล้วฉันก็เดินกระแทกเท้าขึ้นบันไดไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำ ผ่านไป 20 นาที ฉันก็นั่งอยู่บน ฟีโนครีมของยอตตะ
“พร้อมนะ เกาะฉันไว้แน่นๆล่ะ” เขาหันมาบอกฉัน แต่ฉันเชิดหน้าใส่เขาอย่างไม่สนใจ แต่แล้วคำเตือนสุดท้ายของเขาก็แทบทำให้ฉันรีบกระชับแขนที่เมื่อครู่เพียงจับเสื้อเขาไว้เฉยๆ ไปสวมกอดเขาทันที
“ถ้าเธอไม่เกาะฉัน ฉันจะจับมือเทอมาเกาะเองนะ” แง่งงงงงงงง... อีตาบ้านี่จะได้ใจเกินไปแล้วนะ ฉันบ่นในใจ ซึ่งขัดกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
... อย่าให้ถึงคราวฉันบ้างแล้วกัน ...
แต่แล้วหัวใจฉันก็แทบวูบไปอยู่ที่ข้อเท้าเมื่อตานี่บิดฟีโนซะตัวแทบหลุดออกจากรถ
“อาใบ้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” (ไอ้บ้า)
“ฉันไม่ได้เป็นบ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“เทศลุ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” (ทุเรศ)
“ฉันไม่ชอบฟังเทศน์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ป่อนยาอันนนนนนนนนนนนนนนนนนน” (ปัญญาอ่อน)
“ฉันสบายดี ไม่ต้องกินยา!!!!!!!!!!!!!!!!”
เวรกรรม คำด่าของฉันทำอะไรหมอนี่ไม่ได้เลยแฮะ รู้งี้ไม่ด่าดีกว่า ก็ตอนที่ฉันกับยอตตะตะโกนแข่งกะเสียงฟีโนนั่น สายตาหลาย 10 คู่ ก็หันขวับมามองพวกเราแบบตัวประหลาด ประมาณว่า “พวกเมิงทำอะไรกัน” -*-
... เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด ...
และแล้วช่วงเวลา นกละ (นรก) ของฉันก็หมดลงซะที เฮ้อออออ...
“ฉันไปเรียนก่อนนะ” เขาพูดกับฉันแล้ววิ่งไปทันที ทิ้งให้ฉันนั่งอยู่คนเดียว โดยที่ยังมีสายตาดูถูกดูแคลนส่งมาเป็นระยะๆ ชิ... แย่จริงๆเลย วันนี้มันวันอะไรกันฟระ แต่เอาเหอะ อย่างน้อยวันนี้ฉันก็ได้รู้ว่า ยอตตะ ไม่ชอบฟังเทศน์... -*-
To be continue >>
“อือ”
[ยุ่งยากจะตาย ทำไมนายไม่ลองหัดคำผวนดูล่ะ]
“ยุ่ง”
[ฉันถามนายตั้งยาวยืดทำไมนายตอบสั้นจังอ่ะ]
“ขี้เกียจ”
[เออนี่... ฉันสงสัยมานานแล้วชื่อนายแปลว่าอะไรหรอ?]
“10 ยกกำลัง 24” การสนทนาที่เย็นชา เริ่มขึ้นมานานแล้ว และก็ยังคงความเย็นชาอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าฉันจะพยายามทำร่าเริงซะเท่าไร เค้าก็ทำหน้าแบบ เบื่อโลก เซ็งชีวิต คิดจะตาย -*- แล้วสักพักเค้าก็ลุกจากโต๊ะกินข้าว ไปไหน... ฉันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่า ไร้มารยาทชิบเลย นึกจะลุกก็ลุกไปเลย น่าเกลียดชะมัด (เอ้า... ก็บ้านเค้านี่หว่า -*-)
“ยัดตดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!” เค้าหยุดเดิน แล้วก็เงียบ ฉันก็เงียบ นี่ฉันพูดอะไรออกไปเนี่ย
“ไอ้ยัดตดที่ว่าเมื่อกี้อ่ะ เรียกฉันใช่มั้ย” เค้าหันมาถามยิ้มๆ แต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว
วิ้วววว... วิ้วววว...
สายลมอ่อนๆ พัดมาจากส่วนไหนของบ้านก็ไม่อาจทราบได้ รู้แค่เพียงว่า หนาววววว... หนาวซะเหลือเกินนนน T^T
[ง่า อย่าเพิ่งโมโหดิ ก็แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ให้เขียนใส่กระดาษ แล้วเขย่าให้นายหันมาดู รึไง??] ยอตตะเงียบสักพักแล้วเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งที่เดิมอย่างเสียไม่ได้
“เทอจะเอาอะไรล่ะ??” ยอตตะถามเรียบๆ แต่สำหรับฉันมันแปลได้ว่า ‘ถ้าเรียกแบบไม่มีเหตุผลล่ะก็ ตายแน่!!’ ในระหว่างที่ฉันคิดอยู่ว่าจะต้องการอะไรดี เค้าก็ทำหน้าแบบผู้ชนะ ประมาณว่า ไหนล่ะเหตุผล... ชิ...
[ชั้นอยากกินน้ำ]
- เงียบ -
แหม... ฉันก็เข้าใจอ่ะนะว่าช็อก คือก็ฉันไม่รู้นี่นาว่าจะเอาอะไรดี ถ้าตอบไม่ดี เดี๋ยวมีเฮขึ้นมาก็ยุ่งอีก...
“อืมๆ เดี๋ยวเอามาให้ แล้วพรุ่งนี้อ่ะตื่นเช้าๆ หน่อยนะ ฉันจะพาเทอไปมหาลัยด้วย”
พรวดดดดดดดดดดดด...
ข้าวที่อยู่ในปากฉันพุ่งพรวดไปข้างหน้าอย่างเต็มรัก ซึ่งเป็นที่ที่ยอตตะนั่งเมื่อครู่พอดี นึกไม่ออกเลยแฮะ ว่าถ้าเค้ายังนั่งอยู่ตรงนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้น...
“เป็นอะไรล่ะ แตงกวา ไม่อยากไปหรอ??”
[เปล๊า แค่ตกใจว่าหน้าแก่ๆอย่างนาย ยังเรียนมหาลัยอยู่อีกหรอ]
“... ฉันยังสงสัยเลยว่าอาภัพส่วนสูงอย่างเทอน่ะ เด็กมหาลัยจริงหรอ??”
“อะ.... อะ.... อาใบ้!!!!!!!!!”
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดเทอจะด่าฉันว่าไอ้บ้าอ่ะดิ เฮอะ... ทั้งๆที่ตัวเองเริ่มก่อนแท้ๆ” -*- ยังจะมาย้อนอีก ชิ ช่างเหอะฉันขี้เกียจเถียงกะนายนี่แล้ว พอทำใจได้แล้วก็เดินขึ้นไปข้างบนโดยมีเสียงของเค้าตะโกนไล่ตามหลังมาว่า
“ถ้าจะไปนอนน่ะ ห้องนอนอยู่ทางขวานะ เดินดีๆ ล่ะ อย่าให้ขาสั้นๆ เป็นอุปสรรคในการเดินนะ”
ฮึ้ยยยย... ไอ้หน้าแก่เอ๊ยยย ระวังเถอะ ฉันเอาคืนแบบที่นายไม่รู้ตัวเลย คอยดู!!!!!!
ร่างบางนอนอยู่บนเตียงที่แสนจะนิ่มสบาย แสงจันทร์สาดส่องเข้าในห้อง แม้เพียงน้อยนิด แต่ก็ทำให้ “เขา” มองเห็นใบหน้านวลได้อย่างชัดเจน ถึงแม้ในยามปกติ เทอจะไม่เป็นเหมือนเคย แต่ในยามหลับ ไม่ว่าจะมองมุมไหน “เทอ” ก็คือ “แตงกวา” คนเดิมของเขา แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับ ผ้าห่มที่กองอยู่บนพื้น...
... นอนก็ดิ้นเหมือนเดิม ...
คิดพลางก้มลงไปหยิบผ้าห่มมาคลี่ออกแล้วนำมาคลุมร่างบางที่สั่นสะท้านไปด้วยความหนาว แล้วสาวเท้าออกจากห้องอย่างรวดเร็ว เพราะน้ำตาที่ผู้ชายอย่างเขาไม่ควรจะมีมันไหลออกมา... เขาเดินออกมาอย่างรวดเร็วจนไม่ทันได้รู้สึก หรือสังเกตเห็นเลยว่า หญิงสาวที่นอนรู้รับรู้ทุกสิ่งที่เขาทำลงไป
... ชิ ก็ใจดีเหมือนกันนี่หว่า แล้วทำไมต้องทำเย็นชากันด้วยน้า พูดแล้วก็นึกขึ้นได้ ฮึ้ยๆๆๆ โมโหจริงๆเลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เค้าอุตส่าห์มีน้ำใจพาเรามาอยู่ด้วย เขาเป็นอะไรเราจะไม่สนใจได้ยังไงล่ะเนอะ กลุ้มใจจัง ทำยังไงกับ “น้ำตา” ของเขาดีน้า ไอ้เราก็ ไม่สันทัดเรื่องปลอบใจคนซะด้วย แถมนี่ยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก แต่จะให้ทำยังไงล่ะ ปล่อยไปรึยังไง?? ถึงฉันจะอยากแกล้ง แต่ก็ เฮ้ออออ...
พอตัดสินใจเสร็จเทอก็ค่อยๆขยับตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วยันตัวลุกขึ้นอย่างเบาที่สุด และค่อยๆย่องไปที่ห้องนั่งเล่น เสียงเอี๊ยดอ๊าดของพื้นไม้ กลายเป็นเสียงเบาไปเลยเมื่อเทียบกับเสียงสะอื้นของคนที่อยู่ภายในห้อง ฉันเดินเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ในมือที่มีทิชชู่ที่หยิบติดมาจากในห้องยื่นออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เพราะรู้ว่าถ้าฉันพูดอะไรออกไปมันต้องเสียฟีลแน่ๆ (ไม่ใช่ความผิดฉันนี่หว่าที่พูดคำผวน -*-)
“เธอนั่งเป็นเพื่อนฉันก่อนได้มั้ย” ฉันพยักหน้ารับเบาๆ แล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆเขา เรานั่งเงียบกันอยู่อย่างนั้นจนผ่านไป 10 นาที เปลือกตาของฉันหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งปิดลงในที่สุด แล้วสติของฉันก็หลุดลอยไป...
“เมื่อไหร่เธอจะกลับมาเป็นแตงกวาคนเดิม แล้วพูดสิ่งที่เธอติดข้างฉันไว้ซะทีนะ แตงกวา...”
แต่ครั้งนี้หญิงสาวกลับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด เลยแม้แต่น้อย...
วันรุ่งขึ้น ยอตตะเดินโซเซลงมาจากห้องนอนของเขา ทำให้แตงกวาส่งสายตามองเขาอย่างเป็นห่วง
[นายอยู่พักที่บ้านดีกว่ามั้ย ฉันว่านายคงไปเรียนไม่ไหวหรอก]
“เธอเป็นฉันหรือไงถึงรู้ว่าฉันไม่ไหวอ่ะ”
หนอยยย... ไอ้ตัวที่มันซึมๆเมื่อคืนหายไปไหนฟระ... ตอนนั้นออกจะน่ารัก มีอ้อนให้นั่งเป็นเพื่อนด้วย แล้วตอนนี้มันอะไรเนี่ยยยย หรือเมื่อคืนหมอนี่มันแปลงร่าง เมื่อคืนยิ่งเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงซะด้วย (นางเอกเราไปซะแระ -*-)
[ชิตามใจนายแล้วกัน] ฉันเขียนใส่กระดาษแล้วโยนให้เขาอย่างพาลๆ ก็คนมันโมโหนี่หว่า แล้วฉันก็เดินกระแทกเท้าขึ้นบันไดไปชั้นบนเพื่ออาบน้ำ ผ่านไป 20 นาที ฉันก็นั่งอยู่บน ฟีโนครีมของยอตตะ
“พร้อมนะ เกาะฉันไว้แน่นๆล่ะ” เขาหันมาบอกฉัน แต่ฉันเชิดหน้าใส่เขาอย่างไม่สนใจ แต่แล้วคำเตือนสุดท้ายของเขาก็แทบทำให้ฉันรีบกระชับแขนที่เมื่อครู่เพียงจับเสื้อเขาไว้เฉยๆ ไปสวมกอดเขาทันที
“ถ้าเธอไม่เกาะฉัน ฉันจะจับมือเทอมาเกาะเองนะ” แง่งงงงงงงง... อีตาบ้านี่จะได้ใจเกินไปแล้วนะ ฉันบ่นในใจ ซึ่งขัดกับใบหน้าที่ขึ้นสีระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด
... อย่าให้ถึงคราวฉันบ้างแล้วกัน ...
แต่แล้วหัวใจฉันก็แทบวูบไปอยู่ที่ข้อเท้าเมื่อตานี่บิดฟีโนซะตัวแทบหลุดออกจากรถ
“อาใบ้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” (ไอ้บ้า)
“ฉันไม่ได้เป็นบ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“เทศลุ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” (ทุเรศ)
“ฉันไม่ชอบฟังเทศน์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
“ป่อนยาอันนนนนนนนนนนนนนนนนนน” (ปัญญาอ่อน)
“ฉันสบายดี ไม่ต้องกินยา!!!!!!!!!!!!!!!!”
เวรกรรม คำด่าของฉันทำอะไรหมอนี่ไม่ได้เลยแฮะ รู้งี้ไม่ด่าดีกว่า ก็ตอนที่ฉันกับยอตตะตะโกนแข่งกะเสียงฟีโนนั่น สายตาหลาย 10 คู่ ก็หันขวับมามองพวกเราแบบตัวประหลาด ประมาณว่า “พวกเมิงทำอะไรกัน” -*-
... เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดด ...
และแล้วช่วงเวลา นกละ (นรก) ของฉันก็หมดลงซะที เฮ้อออออ...
“ฉันไปเรียนก่อนนะ” เขาพูดกับฉันแล้ววิ่งไปทันที ทิ้งให้ฉันนั่งอยู่คนเดียว โดยที่ยังมีสายตาดูถูกดูแคลนส่งมาเป็นระยะๆ ชิ... แย่จริงๆเลย วันนี้มันวันอะไรกันฟระ แต่เอาเหอะ อย่างน้อยวันนี้ฉันก็ได้รู้ว่า ยอตตะ ไม่ชอบฟังเทศน์... -*-
To be continue >>
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น