ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Magic Quest : Thunder Legend

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 : เปิดตำนานนักดาบสายฟ้า

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 64
      0
      22 ม.ค. 61

    Magic Quest Ep.1
    "เปิดตำนานนักดาบสายฟ้า"
          มันเป็นวันที่อากาศแจ่มใส ท้องฟ้าสีคราม แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องประกาย มี เสียงนกร้องเพลงที่แสนไพเราะ ดอกไม้ต่างเบ่งบานรับแสงอาทิตย์

          อาณาจักรพัลเลเทีย อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแถบภูมิภาคนี้ เป็นอาณาจักร ที่สภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูกและการทำเกษตรกรรมเป็นอย่างมาก อาณาจักรนี้แน่นอนว่าปกครองโดย พระราชาซึ่งทรงเมตตาและปรีชาสามารถปกครองไพร่ฟ้าประชาชนอย่างสันติสุขสืบเนื่องมาหลายทศวรรษ
          "เอาละ เท่านี้ก็น่าจะพอแล้วละนะ"
          เด็กหนุ่มอายุ 12 ปี สูงราวๆ 150 เซนติเมตร มีเส้นผมสีฟ้าครามที่ดูสดใส เมอร์ซี่เป็นเด็กหนุ่มชาวนาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านริมชานเมือง ชีวิตประจำวันของเมอร์ซี่ก็ไม่มีอะไรพิเศษมากมาย ตื่นเช้ามาก็ลุกไปตกปลาที่แม่น้ำในป่าพัลเลเทียแล้วค่อยกลับมาทานมื้อเช้ากับครอบครัวที่บ้าน พอช่วงสายๆก็มักจะไปตักน้ำหรือไปทำนาซึ่งเป็นสิทธิ์ของครอบครัวทันเดรียสหรือก็คือเป็นที่นาของครอบครัวเขาเองตอนเที่ยงก็กลับไปทานมื้อเที่ยงกับครอบครัว จากนั้นก็เป็นเวลาส่วนตัวที่เขาจะทำอะไรก็ได้ ออกไปเดินเล่นหรือซื้อของไม่ก็ไปเที่ยวกับเพื่อน
          วันนี้ก็เช่นกัน วันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 943 ย่างเข้าฤดูใบไม้ร่วงเมอร์ซี่ที่จัดการพื้นที่ทำนาเรียบร้อยเพื่อรอฤดูเพาะปลูกในปีต่อไปเขาก็กลับไปทานมื้อเที่ยงที่บ้านของเขา
          "อ๊ะ! พี่กลับมาแล้ว!"
          "พี่คะ ทานขนมปังก่อนสิคะ!"
          ครอบครัวของเมอร์ซี่ในตอนนี้มีคนอยู่ 4 คนด้วยกันคือตัวเขาเอง ดาห์เลียแม่ ของเขาซึ่งสุขภาพไม่ค่อยดีนัก และน้องชายกับน้องสาววัยป่วนของเขามิ้กกี้และมิลลี่ พ่อของเมอร์ซี่หายตัวไปจากบ้านนานมากแล้ว เป็นเวลาได้สี่ปีกว่าๆที่ไม่มีเขาอยู่ มิลลี่เชี่ยวชาญเรื่องสมุนไพรป่านานาชนิด ส่วนมิ้กกี้ก็รับหน้าที่ดูแลคอกสัตว์ที่อยู่ข้างบ้าน
          "เรียบร้อยแล้วสินะเมอร์ซี่"
          "ครับ คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร"
          "ดีแล้วละ ยิ่งเราเตรียมพร้อมเท่าไหร่ก็ยิ่งดีนะ ปีต่อไปก็คงจะไปได้ราบรื่นนะ"
          "ตราบใดที่ความอุดมสมบูรณ์ยังคงอยู่คู่พัลเลเทียแห่งนี้ ผลผลิตก็ต้องเจริญงอกงามได้ดีอยู่แล้วล่ะครับ"
          "นั่นสินะ"
          ...
          ช่วงบ่ายวันนั้น เมอร์ซี่ก็ยังคงออกไปเดินเล่นเหมือนอย่างที่เคยทำ
          "เมอร์ซี่!"
          "อ้าว! ไงเฟอร์เซี่ยน! ไงอาช!"
          "ออกมาเดินเล่นอีกแล้วสินะ"
          "ก็ประมาณนั้นแหละ"
          เฟอร์เซี่ยนและอาชเป็นเพื่อนสนิทของเมอร์ซี่มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ทั้งสามคนมักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอๆ เมื่อ 4 วันก่อนที่เป็นวันเกิดของเมอร์ซี่เองทั้งสามคนก็ไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้เช่นกัน
          เฟอร์เซี่ยนเป็นคนขุดเหมืองที่อาศัยอยู่กับพ่อของเขาแค่สองคน แม่ของเขาตาย ไปนานแล้ว บ้านของเขาเป็นร้านอุปกรณ์ต่างๆทั้งอีเต้อ พลั่ว จอบ ขวาน ค้อนไปจนถึงดาบหรือธนู เนื่องจากพ่อของเฟอร์เซี่ยนเป็นช่างตีเหล็กฝีมือดีแถมยังตีดาบดีๆได้เก่งมากด้วย บ่อยครั้งที่เห็นพวกนักรบ ทหาร หรืออัศวินแวะเวียนกันมายังร้านแห่งนี้ ไม่เว้นแม้แต่เหล่าขุนนางที่มาสั่งซื้ออาวุธชั้นเยี่ยม เป็นหลักประกันชั้นดีสำหรับร้านแห่งนี้ว่าสินค้ามีคุณภาพเป็นอย่างมาก
          ส่วนอาชเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งตั้งแต่ยังเป็นทารก ข้างกายเขามีเพียงกระรอกจิ๋ว"ปิกะ"เป็นเพื่อนคู่ใจ เขามักจะร่อนเร่พเนจรไปทั่วเพื่อขโมยปัจจัยสี่หาเลี้ยงชีพแต่ก็ไม่เคยไปไกลกว่าพัลเลเทีย หลังๆมานี้มักจะมาหาเฟอร์เซี่ยนที่บ้านบ่อยๆ ก็ไม่รู้ เหมือนกันว่ามีจุดประสงค์อะไร แต่ก็คงจะแค่มาขออาศัยอยู่ด้วยละมั้ง เพราะหมอนั่นไม่มีบ้าน ชอบร่อนเร่พเนจรไปเรื่อยๆซะมากกว่า ไม่รู้ว่าเขาเป็นโจรหรือนักพเนจรกันแน่แฮะ
          "ช่วงนี้นายว่างรึยังไงเนี่ย มาเดินเล่นตลอดเลย"
          "งานส่วนตัวก็ทำไปแล้ว มันก็ไม่มีอะไรเหลือให้ทำสำหรับวันนี้แล้วนี่นา ถึงได้ออกมาเดินเล่นนี่ไง"
          "ถ้างั้นเดี๋ยวมาช่วยกันหน่อยได้มั้ยล่ะ"
          "หืม? ช่วยอะไรเหรอ?"
          "พักนี้ลูกนัตที่เป็นของโปรดของปิกะเริ่มจะขาดตลาดแล้ว ก็เลยอยากใหช่วยกันไปหาลูกนัตในป่าด้วยกันหน่อยน่ะ"
          "ได้อยู่แล้ว"
          "แน่นอน"
          ทั้งสามคนนั้นสนิทกันมาก ดังนั้นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้พวกเขาช่วยเหลือกันได้อยู่ แล้ว มันควรจะเป็นบ่ายที่สงบสุขของพวกเมอร์ซี่ในป่าพัลเลเทียที่อยู่นอกเมืองถ้าเกิด ว่าไม่เกิดเรื่องขึ้น
          "ช่วยด้วย!!! กองโจรหมวกดำบุก!!!"
          กองโจรหมวกดำ(The Black Hood) คือกองโจรอันแสนโหดเหี้ยมอำมหิตที่สร้าง ความวุ่นวายไปทั่วทั้งภูมิภาคใต้ของทวีปตะวันตก ระยะนี้พวกมันเริ่มบุกอาณาจักรที่รุ่งเรืองและปล้นระดมเขาไปทั่ว เป็นกองโจรที่แข็งแกร่งมากขนาดที่ว่ากองทัพหลวงยังรับมือลำบาก โจรจำนวนหนึ่งขณะนี้กำลังไล่ล่าแม่ลูกคู่หนึ่งที่กำลังลากรถเข็นที่คาดว่าจะเป็นผลผลิดจากที่นาตัวเองอยู่
          "อะไรนะ?! พวกหมวกดำเหรอ?!"
          "มาถึงนี่แล้วเหรอเนี่ย?!"
          เฟอร์เซี่ยนกับอาชเคยได้ยินกิตติศัพท์กองโจรหมวกดำเท่านั้น พึ่งจะเจอตัวจริงครั้งแรกจึงอยู่ในอาการช็อก
          "อย่ามัวแต่ยืนอยู่เฉยๆสิ ไปช่วยเขากัน"
          เมอร์ซี่เป็นคนดึงสติพวกเขากลับมาสู่โลกความจริง
          "พวกมันมีกันไม่กี่คนเราน่าจะเอาอยู่นะ"
          "จะ จริงด้วย เราเองก็ปล่อยให้ผู้ร้ายรุกเข้ามาในอาณาจักรเราไม่ได้นี่นา"
          "งั้นไปกันเถอะ!"
          ...
          "ว้าย!!!"
          ในที่สุดรถเข็นก็หยุดลงเนื่องจากถูกดาบเล่มใหญ่สีดำทมิฬปักเอาไว้
          "อย่าได้คิดจะหนีจากพวกเราเป็นอันขาด!!! จงจำเอาไว้!!!"
          "ปล่อยพวกเราไปเถอะ!"
          "เด็กน้อยอย่างเจ้าบังอาจมาร้องขอชีวิตทั้งๆที่วิ่งหนีพวกข้าแทบเป็นแทบตายงั้น เรอะ?! งั้นนอกจากผลผลิตพวกนี้ข้าจะเอาชีวิตของพวกเจ้าไปด้วย!!"
          "อย่า!"
          ฉึก
          เสียงดาบอันคมกริบกระทบเข้ากับด้ามของดาบไม้ในมือของเมอร์ซี่ มันบิ่นไป ระดับหนึ่งเนื่องจากถูกฟัน
          "กะ แกเป็นใคร?!"
          โจรประหลาดใจกับการปรากฏตัวของเมอร์ซี่
          "ก็แค่ชาวนาที่ผ่านทางมาเท่านั้นล่ะ"
          เด็กหนุ่มดึงดาบกลับมาแล้วเริ่มต่อสู้กับโจรคนนั้นพร้อมๆกับที่เฟอร์เซี่ยน,อาช และปิกะกำลังเข้าไปจัดการโจรที่เหลืออยู่และช่วยเหลือแม่ลูก
          ดาบไม้ของเมอร์ซี่เป็นสิ่งที่อาจารย์ของเขามอบให้มาในสมัยที่เขาและเพื่อนๆของ เขากำลังเรียนวิชาดาบกันอยู่ มันทำจากไม้เนื้อแน่นที่ถูกออกแบบมาให้ทนทานเป็น อย่างดี มันจึงรับคมดาบของจริงได้
          "ฉันไม่ยอมให้นาย มาทำลายความสงบสุขของคนที่นี่หรอก!"
          "เฮอะ เจ้าเด็กเมื่อวานซืนอย่างเจ้าเนี่ยนะจะมาลองดีกับข้า?!"
          ทั้งสองดวลเพลงดาบกันเพลงแล้วเพลงเล่า คมดาบไม้ปะทะกับสันดาบจริง คมดาบจริงปะทะกับสันดาบไม้ ทั้งสองคนฟาดฟันกันไปซักระยะจนดาบของเมอร์ซี่เริ่มเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ
          "เฮอะๆ ดูเหมือนดาบของเจ้าจะไม่ไหวแล้วนะเจ้าหนู"

          เมอร์ซี่เริ่มเหงื่อตก
          "ฮึ่ย...ช่วยไม่ได้แฮะ!"
          ดาบไม้ธรรมดาๆเกิดประกายแสงสีฟ้าพวยพุ่งออกมาอย่างน่าประหลาด สีของมันดูงดงามยิ่งนัก
          "อะ อะไรกันน่ะ?!"
          "ย้ากกก!!!"
          ตวัดดาบเพียงครั้งเดียว ประกายแสงสายฟ้าก็ฟาดฟันทำลายดาบของคู่ต่อสู้และ สร้างรอยบิ่นไว้บนเกราะที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อของโจรคนนั้น
          "อั่ก!!!!"
          "แว้ก!!! ลูกพี่!!"
          "เป็นไรเปล่าลูกพี่!"

          โจรอีกสองคนเห็นหัวหน้าตัวเองกำลังเสียทีจึงรีบวิ่งเข้ามาหา
          "ถอยกันก่อน!"
          "คะ คร้าบลูกพี่!"

          ไม่นานนักโจรทั้งสามคนก็หายวับไปจากสายตาของทั้งสามคน
          ความจริงแล้วโจรทั้งสองคนที่เหลือนั้นต่างก็กำลังสู้กับเฟอร์เซี่ยนและอาชซึ่งทั้งคู่ ต่างก็เรียนวิชาดาบมาเหมือนกันกับเมอร์ซี่ ดังนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่จะสามารถพิชิตพวกเมอร์ซี่ทั้งสามคนลงได้อย่างง่ายดายตราบ ใดที่ยังเป็นแค่กลุ่มโจรธรรมดาไม่กี่คน
          "นี่ครับ ของที่ถูกปล้นไป"
          "ขอบใจจ้ะ..."
          "พวกพี่ชายเก่งที่สุดเลย!"
          "ไม่หรอกน่า ก็แค่เด็กบ้านๆธรรมดาเอง"
          "ยังไงก็ขอบใจมากนะจ้ะที่ช่วยพวกเราน่ะ นี่จ่ะของขอบคุณ"
          หญิงคนนั้นมอบถุงสามใบให้เมอร์ซี่และพรรคพวก
          "ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องลำบากก็ได้"
          "ไม่เอาน่าเมอร์ซี่ เขาอุตส่าห์ให้ก็รับไว้หน่อยเถอะ"
          "ขอบคุณมากนะครับ"
          เมอร์ซี่ตั้งใจจะปฏิเสธ แต่อาชก็ช่วยเกลี้ยกล่อมจนเมอร์ซี่ยอมรับไว้ ส่วนเฟอร์เซี่ยนก็ขอบคุณหญิงคนนั้นให้
          "โชคดีจังเลยนะที่ได้ของตอบแทนมาเยอะอย่างนี้เนี่ย"
          "เฮ้อ นั่นสินะ..."
          "นายมีปัญหาอะไรรึไงเมอร์ซี่ถึงไม่อยากรับไว้น่ะ"
          "เปล่าไม่มีอะไร ก็แค่..."
          เมอร์ซี่นั้นมีพลังสายฟ้าไหลเวียนอยู่ในร่างกายมาแต่กำเนิด บางครั้งเขาก็ไม่สามารถควบคุมพลังไว้อยู่ได้ ในสมัยเด็กๆเขาทำร้ายคนไปโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะพลังของเขามาหลายต่อหลายครั้ง พลังสายฟ้าที่เหมือนจะแข็งแกร่งและรุนแรงนี้จึงกลายเป็นปมด้อยในจิตใจของเมอร์ซี่ นี่ก็เป็นเวลากว่า 6 ปีแล้วที่เขาควบคุมพลังได้สำเร็จ แต่เขาก็ไม่อยากใช้มันถ้าไม่จำเป็น
          แต่กับการต่อสู้เมื่อครู่นี้เขาจำเป็นต้องใช้มันอย่างช่วยไม่ได้ พลังของโจรคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้านั้นมากเกินไป ต่อให้เหวี่ยงดาบมั่วซั่วแต่ถ้าโดนเข้าไปก็คงสาหัสเหมือนกัน ดาบไม้ของเมอร์ซี่ความจริงแล้วนอกจากจะเป็นไม้เนื้อหนาแล้วยังเสริมโลหะเข้าไปเป็นแกนกลางด้วย ดังนั้นจึงแข็งแรงและนำไฟฟ้าได้ นอกจากนี้ผลจากพลังของเมอร์ซี่ทำให้ดาบเสริมความแข็งแกร่งของตัวเองได้ ดังนั้นถึงจะดูซอมซ่อแต่ที่จริงแล้วแข็งแรงทนทานมาก
          "ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกไม่ดีกับพลังของเธอเองหรอกนะ"
          เสียงที่หนักแน่นเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านซ้าย เป็นเสียงที่ฟังแล้วน่าเกรงขามราวกับเป็นเสียงของผู้ยิ่งใหญ่
          "พะ พระราชา!"
          พระราชาพัลเลเทียนามว่าบร็อค ลูมิเนีย พระราชาผู้ยิ่งใหญ่ผู้ปกครองอาณาจักร พัลเลเทียแห่งนี้ พระองค์มักจะเสด็จเยี่ยมเยือนประชาชนด้วยพระองค์เองเมื่อทรงมี โอกาส ด้านหลังมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่อยู่สองนาย หนึ่งในนั้นร้องทักเมอร์ซี่ที่กำลังทำความเคารพพระราชาอยู่
          "ไม่ได้เจอกันนานนะเมอร์ซี่ ไม่สิ...แค่อาทิตย์กว่าๆเองมั้ง?"
          "อาจารย์แท็คเกิ้ล? มาทำอะไรที่นี่ครับ?"
          แท็คเกิ้ลเป็นหนึ่งในสองผู้บัญชาการหลักของอาณาจักร อีกทั้งเป็นข้ารับใช้คนสนิทของพระราชาและเป็นอาจารย์ของทั้งสามคน เป็นคนที่ใช้ดาบได้เก่งมาก มีวิชาดาบที่เก่งกาจ ผู้คนจำนวนมากต่างมาขอเป็นลูกศิษย์เขาเพื่อร่ำเรียนวิชาดาบ ชื่อเสียงของเขาระบือไปไกลแสนไกลแม้เขาจะยังอายุไม่เกิน 40 เลย เมื่อ 6 ปีที่แล้วเขาเป็นอาจารย์ดาบของทั้งสามคนรวมถึงเด็กๆจากหลายอาณาจักรอีกด้วย
          "ก็แค่ตามเสด็จพระราชามาเยี่ยมเยือนราษฎรเท่านั้นเอง"
          "แล้วก็มาหาอะไรมาหาอะไรอร่อยๆกินกันด้วยล่ะ"
          "เห้ยโอเล่!"
          นายทหารอีกคนที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดอีกคนพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงติดตลก จึงทำ ให้บรรยากาศแถวนั้นผ่อนลงสักเล็กน้อย
          "ข้าเห็นแล้วล่ะนะ เธอใช้พลังของเธอทำเรื่องดีๆนี่นา ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องรู้สึกไม่ดีเลยนี่"
          "คะ ครับ..."
          น้ำเสียงของเมอร์ซี่ฟังดูเหนื่อยๆชอบกล ไม่รู้ว่าเขารู้สึกดีขึ้นเพราะคำพูดของพระราชารึเปล่า
          "ไม่ไหวๆ คนที่จะปลอบหมอนี่ได้คงมีแต่'ยัยนั่น'ละมั้ง~"
          "เกี่ยวอะไร?"
          "อ๋อๆ ก็เขาเป็นเพื่อนสนิทนายไม่ใช่เหรอ ท่าทางจะสนิทกว่าพวกเราอีก"
          "ก็แน่ละ นอนในบ้านเดียวกันตั้งนมนานนี่เนอะ แต่ก็นะ 6 ปีแล้วสินะที่เธอกลับหมู่บ้านไปน่ะ"
          "เมอร์ซี่คิดถึงเด็กคนนั้นเหรอ?"
          "เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันคนละเรื่องกันเลยนะอาจารย์!"
          ทุกคนต่างพากันแซวเมอร์ซี่ใหญ่ เขาได้แต่ตอบกลับไปโดยไม่แสดงออกทางสีหน้าอะไรเลยจนดูเหมือนที่พูดมาเมื่อครู่เป็นเรื่องโกหก                                                                                                                              
    แต่มันเคยเป็นเรื่องจริง...

          "เอาน่า สักวันก็ต้องได้เจอกันอีก นายก็สัญญากับเธอไว้แบบนั้นนี่"
          "ก็บอกว่าเรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกันไงเล่า!"
          "แต่ว่านะ พวกโจรมันบุกเข้ามาได้ยังไงกันน่ะ"
          "นั่นสิ ทั้งที่จัดเวรยามรักษาการณ์อย่างแน่นหนาแล้วนะ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ ไปได้"
          "บางทีพวกมันอาจจะลอบปีนเข้ามาทางกำแพงเมืองหรือปลอมตัวเข้ามาก็ได้นะ ครับ"
          "นั่นสินะ...ถ้าเป็นแบบนั้นจะรอดมาได้ซักสองสามคนก็คงไม่แปลกอะไร"
          "เอาเป็นว่าเจ้าก็สั่งให้คนของเจ้าออกค้นหาตัวโจรพวกนั้นและจับกุมโดยเร็วที่สุดแล้วกันนะ"
           " "รับทราบพะยะค่ะ!" "
          "แล้วก็ขอบใจพวกเธอมากที่มาช่วยจัดการพวกโจรให้ พวกมันอาจจะหมายหัวพวกเธออยู่ กลับบ้านกันดีๆล่ะ"
          "ครับ"
          ณ ตอนนั้น ไม่มีใครรู้เลยว่า วิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ของพัลเลเทีย กำลังใกล้ เข้ามาทุกขณะ...


          ***


          "มีอะไรงั้นเหรอคะพี่?"
          "พอดีวันนี้มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ พวกโจรมันบุกเข้ามาถึงในอาณาจักรแล้วน่ะ"
          "จริงเหรอเนี่ย? น่ากลัวจังเลยนะ"
          "ไม่ต้องห่วงน่าแม่ พี่เมอร์ซี่อยู่ทั้งคน"
          ผมเพิ่งกลับมาถึงบ้านเมื่อตอนหกโมงเย็น ตอนนี้ครอบครัวทันเดรียสของเรากำลังทานมื้อเย็นกันอยู่ สตูว์เนื้อกับน้ำซุปนั้นกำลังถูกลำเลียงเข้าปากของแต่ละคนอย่างต่อเนื่อง
          "คิดว่าฉันจะทำได้ทุกอย่างรึไงน่ะหา?"
          "เอ้า! ก็พี่ทำนาก็เก่ง งานบ้านงานเรือน ก็ชำนาญ แถมยังใช้ดาบเก่งอีก แค่โจรพี่ก็น่าจะจัดการได้นี่นา"
          "จะเอาวิชางานบ้านไปสู้กับโจรเนี่ยนะ?"
          วินาทีที่มิ้กกี้นิ่งอึ้งเพราะการสวนกลับของเมอร์ซี่ คนที่เหลือก็ฮาออกมาเสียงดัง
          "แล้ววิชาดาบเนี่ยต่อให้เก่งแค่ไหนแต่ถ้าดาบหลุดมือมันก็เท่านั้นแหละ ถ้าพวกมันมากันหลายคนฉันก็ไม่ไหวนะ..."
          "ง่ะ..."
          บรรยากาศที่นั่นเรื่มมืดหม่น ตอนนั้นผมเลยต้องรีบพูดต่อเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
          "เฮ้ๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า ทหารของพระราชากับอาจารย์ก็ใช่ว่าจะเล่นๆนะ ถึงตอนนั้นพวกเขาคงจะมาช่วยเราเองนั่นล่ะไม่ต้องห่วงหรอก"
          "นะ นั่นสินะคะ..."
          "พี่นี่เล่นพูดซะใจหายใจคว่ำหมดเลย"
          "ก็นั่นน่ะซี้..."
          "แหะๆ โทษทีๆ"
          ปกติตัวผมจะเป็นคนขี้เล่นสลับกับจริงจัง เวลาปกติผมก็จะเป็นคนเรื่อยๆไม่ค่อยเอาจริงเอาจัง แต่ในยามคับขันผมก็เป็นผู้นำที่มากความสามารถ ทั้งสงบเยือกเย็นและพินิจพิเคราะห์สถานการณ์อย่างฉลาด คนรอบตัวผมมักจะพูดกันอย่างนั้นซึ่งผมเองไม่ได้คิดแบบนั้นเลย ยังไงซะผมมันก็เป็นแค่เด็กชาวนาธรรมดาๆนี่ละ ไม่ต้องไปนึกถึงผู้วิเศษทรงอิทธิฤทธิ์ที่ไหนหรอก สิ่งที่ผมมีต่างจากคนอื่นก็แค่พลังสายฟ้านี่เท่านั้นแหละ ใช้งานจริงก็ค่อนข้างจะควบคุมยากด้วยซ้ำไป
          ไม่เหมือนพวกนักเวทอย่างชนเผ่านิฮง รายนั้นจัดได้ว่าเป็นสุดยอดแห่งผู้อยู่ในเส้นทางแห่งเวทย์มนต์ นักเวทย์ชนเผ่านิฮงเจนจัดและเชี่ยวชาญพลังเวทย์เป็นอย่างมากทีเดียว ได้ยินมาเหมือนกันว่าพวกเขาอพยพมาจากดินแดนในซีกโลกตะวันออกจากประเทศที่มีสมญาว่า"อาณาจักรสุริยอุทัย"
          ว่าไปแล้วก็มีนักเวทย์นิฮงเคยทำนายเอาไว้เมื่อโบราณนานมาแล้วว่าอาณาจักรพัลเลเทียจะเข้าสู่มหาวิกฤติที่สุดที่อาณาจักรอันร่มรื่นชื่นสุขมาหลายช่วงกษัตริย์นี้จะเคยพบมา หากอัศวินในตำนานผู้ครอบครองดาบศักดิ์สิทธิ์อันทรงพลังอำนาจไม่สามารถทำภารกิจศักดิ์สิทธิ์ให้สำเร็จได้ในหนึ่งปี อาณาจักรพัลเลเทียจะล่มสลายและเวลาที่ภัยนั้นจะมาถึงหากวิเคราะห์ตามรายละเอียดในคำทำนายก็ตรงกับปีนี้พอดีที่มันจะเกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ผมก็ยังคิดไม่ตกว่าภัยพิบัติที่ว่านั้นมันคืออะไร แล้วงานศักดิ์สิทธิ์ของผู้กล้าหรือคนที่ผมควรจะเรียกอย่างให้เกียรติคนนั้นมันคืออะไรกันแน่แล้วทำไมถึงกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีพัลเลเทียถึงจะล่มสลาย ทุกอย่างล้วนแต่อยู่เหนือความสามารถในการทำความเข้าใจของผมเสียเหลือเกิน
          "รึว่าภัยพิบัติในคำทำนายจะหมายถึงพวกกองโจรหมวกดำกันน่ะ"
          "ไม่รู้สิครับแม่ พวกนั้นเป็นแค่โจรธรรมดาไม่น่าจะมีพลังวิเศษอะไรที่จะทำให้อาณาจักรตกต่ำขนาดนั้นหรอก"
          "พี่จำไม่ได้เหรอว่าในนิยายที่พี่ชอบอ่านนั่นน่ะ หัวหน้ากองโจรผ้าเหลืองมันก็มีวิชาอาคมนะ"
          "เออใช่! เรื่องที่พี่ชอบเล่าให้ฟังใช่มั้ย ที่ชื่อว่าสงครามสามแผ่นดินอะไรนี่ล่ะ"
          "นั่นมันตัวละครในนิยายไม่ใช่เรอะ"
          "พี่ก็เคยบอกนี่ว่านิยายนี่น่ะมีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง อย่างน้อยๆแผ่นดินจงกว่อก็เคยแบ่งเป็นสามจริงๆนี่"
          "ตำนานไม่ใช่สิ่งที่เชื่อถือได้เต็มร้อยหรอกนะ เผลอๆจะเชื่อไม่ได้มากไปกว่าครึ่งนึงด้วยซ้ำ"
          "แต่ก็ตั้งร้อยละสามสิบเชียวนะ"
          เมื่อไหร่บทสนทนาพิลึกๆนี่จะจบลงสักที ผมได้แต่คิดอย่างนั้นระหว่างสดน้ำซุป
          ...
          ดาวตกดวงหนึ่งแล่นผ่านท้องฟ้าไปอย่างรวดเร็ว ตัวผมที่มองดูจากหน้าต่าง ในห้องนอนใต้หลังคาของพวกเรานั้นไม่คิดฝันมาก่อนว่านั่นจะไม่ใช่ดาวตก
          โครม!!!
          เสียงอันกึกก้องสะเทือนไปทั้งแผ่นดินจนบ้านโทรมๆหลังนี่สนั่นหวั่นไหว
          "วะ หวา!!!"
          "แผ่นดินไหว!!!"
          "ไม่หรอก ไม่น่าใช่นะ"
          มิ้กกี้กับมิลลี่ต่างตกใจกันใหญ่ แม่เอง ก็ดูเหมือนจะตกใจเช่นเดียวกัน ผมรีบมอง ตามดาวตกนั่นไปจนมองเห็นเปลวเพลิง ลุกไหม้อยู่ที่สุดขอบสายตา
          "อ้าวเฮ้ย!!! ไฟไหม้!!!"
          "อะไรนะ!!! ลูกไฟตกลงมาเหรอ?!!"
          ชั่วพริบตานั้น ผมก็สังเกตได้ว่า ดาวตกหรือก็คือก้อนหินติดไฟก้อนใหญ่ต่างตก ลงมาอย่างไม่ขาดทราย แรงสั่นสะเทือน ครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้มิลลี่ถึงกับร้องให้ ออกมา
          "ทุกคน ไปซ่อนอยู่ในที่ปลอดภัยที่ชั้นล่างเร็วเข้า!"
          "แล้วมันตรงไหนละพี่ที่ปลอดภัยน่ะ?!"
          "ตรงไหนก็ได้ขอให้มันปลอดภัย!"
          "ก็แล้วตรงไหนล่ะ?!"
          "ลงห้องใต้ดินไปไป๊!!!"
          น้ำเสียงลนลานของมิ้กกี้ยิ่งฟังก็ยิ่งมีน้ำโหเลยเผลอตะคอกใส่ไป แต่เจ้านั่นกลับ รีบลงไปแต่โดยดี
          ระหว่างที่ผมกำลังจะลงไปนั้นเอง ลูกไฟดวงหนึ่งก็ตกลงมาใกล้ส่งผลให้เกิด แรงระเบิดมหาศาล
          "อ๊าาาากกกกก!!!"
          "เมอร์ซี่!!!"
          "พี่!!! เป็นอะไรรึเปล่า?!!"
          ผนังบ้านส่วนหนึ่งหายไปจากสายตา โชคดีที่ไม่มีอะไรสำคัญเสียหาย ตัวผม ตอนนี้ถูกตัดขาดจากพวกมิ้กกี้โดยสิ้นเชิง เนื่องจากเปลวไฟที่โหมกระหน่ำเข้ามา เรื่อยๆ
          "ไม่เป็นไร! รออยู่ตรงนั้นแหละ จะรีบไปตามคนมาช่วย!"
          "ครับ!"
          ฉันรีบวิ่งออกจากบ้านไปพร้อมกับดาบ ไม้คู่ใจ ไม่รู้ทำไมไม่นานนักก็เจอกับอาช และเฟอร์เซี่ยน
          "เมอร์ซี่! แย่แล้ว!"
          "ลูกไฟ! ลูกไฟเต็มไปหมดเลย!"
          "ไอ้พล็อตที่เหมือนนวนิยายนี่มันอะไรกันฟะเนี่ย..."
          เท่าที่ฉันเคยอ่าน นิยายแนวแฟนตาซี หลายเรื่องก็มีแต่เรื่องภัยพิบัติที่มาเยือน อย่างกระทันหันเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมา ตอนเริ่มหรือตอนใกล้จบก็ตาม
          "ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดใจเย็นอยู่นะ รีบหนีเร็วเข้าเถอะ! บ้านฉันพังเละหมด แล้ว!"
          "เดี๋ยวสิ มาช่วยกันก่อนได้มั้ย พวกน้อง ๆของฉันติดอยู่ในห้องใต้ดินหนีออกมาไม่ได้ ถ้าไฟลามเข้าไปละก็ต้องแย่แน่!"
          "อะไรนะ!"
          นาทีที่ฉันวิ่งออกมา เปลวเพลิงก็ลุก โชนอย่างน่ากลัว ถ้าปล่อยไว้นานๆมันต้อง ลามเข้าไปยังห้องใต้ดินแน่
          "ถ้าอย่างนั้นให้พวกข้าช่วยเถอะ!"
          "พะ พระราชา!"
          พระราชาแห่งพัลเลเทีย ราชาบร็อคและ ทหารจำนวนมากรวมถึงอาจารย์และท่าน โอเล่ต่างกำลังพยายามรับมือกับสถาน-การณ์ที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไป ทางไกนก็เห็นแต่ทหารในชุดเกราะสีเงินเต็มไปหมด ส่วนพระราชาบร็อคตอนนี้แต่งพระองค์ด้วยชุดเกราะสีทองเปล่งประกายอย่างสมพระเกียรติ ในพระหัตถ์ทรงถือดาบทองคำเล่มยาวที่สลักลวดลายอันวิจิตรตระการตาไว้ หากแต่มีคราบสีแดงเปรอะเปื้อนจนทำให้สูญเสียรัศมีไป
          "แท็คเกิ้ล! โอเล่! พวกเจ้าตามข้ามา ด้วยกันหน่อย! ไปช่วยพวกครอบครัวของ เมอร์ซี่ออกมา!"
          " "รับทราบ!!!" "
          ทั้งหกคนต่างวิ่งกรูกันไปยังบ้านของผมเพื่อช่วยน้องๆกับแม่ฉันออกมา
          "นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ขอรับ?"
          "พวกโจรบุกเมืองน่ะสิ"
          "อะไรนะขอรับ!!!"
          ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้เลย พวกโจรบุก อาณาจักรอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเอาซะดื้อๆ แถมความเสียหายที่เกิดขึ้นตอนนี้มันร้าย แรงเกินไปจนเกินกว่าจะเป็นแค่ภัยของ อาณาจักรธรรมดาๆ
          "เจ้าพวกนั้นมันใช้เครื่องยิงหินยิงลูกหินไฟเข้ามาในเมือง มิหนำซ้ำมันยัง เก็บดินปืนไว้ข้างในอีกด้วย! เพราะอย่าง นี้ล่ะความเสียหายถึงได้มากมายนัก"
          "พวกเรา ถึงบ้านเมอร์ซี่แล้ว!"
          ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคุยเล่น สิ่งที่ต้องทำคือทำลายซึ่งศัตรูและช่วยพลเรือนที่ติดอยู่ในซากสิ่งก่อสร้างออกมา นั่นคือ อุดมการณ์อันแน่วแน่ของพระราชาและ ท่านอาจารย์
          "คุณนายทันเดรียส! ไม่เป็นไรนะ ครับ?!"
          "อะ ค่ะ!"
          "พี่จ๋า~!" "พี่ครับ~!"
          "ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่นี่แล้ว!"
          ในที่สุดก็ช่วยพวกเขาออกมาได้ แต่ บ้านของเราก็เละไปซะแล้ว ในระหว่าง ที่กำลังดีใจก็มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีก จนได้
          "เฮ้! พวกแก หยุดนะ!"
          พวกโจรกลุ่มใหญ่บุกเข้ามาอย่าง กระทันหัน หัวหน้าคราวนี้ถือดาบเล่มใหญ่ ที่ดูจะอันตรายกว่าของหัวหน้าคนที่เจอเมื่อ เช้า ดาบนั้นเปล่งประกายเป็นสีแดงเพลิง ตรงเข้าจะฟาดฟันพวกเรา
          "ออกมาแล้วสินะไอ้โจรร้าย!"
          "บังอาจมาทำลายเมืองของข้านะ!"
          พระราชาและทหารองครักษ์ทั้งสองชัก ดาบเตรียมต่อสู้ ในขณะที่พวกน้องๆกลัว กันจนตัวสั่น วินาทีนั้นผมก็ตัดสินใจว่าตัว เองควรจะทำอะไรในสถานการณ์อย่างนี้
          "เฮ้! เฟอร์เซี่ยน อาช!"
          " "อะไร?" "
          "พาครอบครัวของฉันหนีไปให้ไกลที่สุด ไปหลบอยู่ในที่ปลอดภัยซะ"
          "ที่ปลอดภัยน่ะมันที่ไหนล่ะ?"
          "รีบไปเหอะน่า!!!"
          "ละ แล้วพี่ล่ะ?!"
          ผมหันหลังให้มิ้กกี้และมิลลี่ หยิบดาบ ของตัวเองออกมาจากฝัก ดาบไม้ของผม อยู่ในท่าเตรียมต่อสู้
          "ฉันจะจัดการกับเจ้าพวกนี้เอง"
          ทุกอย่างหยุดนิ่ง บรรยากาศตึงเครียด แบบที่ไม่อาจมาพูดล้อเล่นได้ พระราชาเข้า ใจะงปณิธานของผมจึงรับสั่งหนึ่งในทหาร ของพระองค์
          "โอเล่! เจ้าจงคุ้มครองพวกเฟอร์เซี่ยน พาครอบครัวเมอร์ซี่และพลเรือนคนอื่นๆ ในพื้นที่นี้ไปอยู่ในที่ปลอดภัยให้หมด!"
          "รับทราบพระเจ้าค่ะ!"
          "แท็คเกิ้ล เจ้าอยู่ที่นี่กับข้า ต่อสู้กับพวกโจรที่นี้พร้อมกับเมอร์ซี่!"
          "รับทราบ!"
          ในที่สุดพวกโจรกลุ่มใหญ่ก็หยุดอยู่ตรง หน้าของฉัน หัวแถวกวัดแกว่งดาบประกาย ไฟนั่นเล็กน้อยแล้วตวาดใส่เสียงดัง
          "ฮ่าๆ พวกแกคิดจะสู้กับข้าอย่างนั้น เหรอ?"
          "แน่อยู่แล้ว! ข้าไม่ยอมปล่อยให้เจ้ามาสร้างความเดือดร้อนให้อาณาจักรของข้าไปมากกว่านี้หรอก"
          ในจังหวะอันตึงเครียดนั้น ผมได้ก้าว ออกไปอยู่ตรงหน้าพวกโจร
          "แกสินะ...ที่เป็นคนสั่งให้ยิงลูกไฟพวกนี้เข้ามา"
          "ถ้าใช่แล้วจะทำไม?"
          "บังอาจมารบกวนเวลานอนของฉัน อภัยให้ไม่ได้!"
          "โกรธด้วยเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ?"
          ผมพุ่งเข้าไปหาเจ้าโจรคนหน้าสุดด้วย พลังทั้งหมดที่ผมมี
          "เดี๋ยวก่อน! ตั้งสติไว้ก่อนเมอร์ซี่!"
          "ผมมีสติดีอยู่แล้วน่า!"
          จังหวะนั้นเองที่ดาบเล่มใหญ่นั่นฟาด ลงใส่ตัวผมอย่างแรง แต่ผมก็ไปปรากฏตัว อยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่ก่อนจะฟันลงมาถึง แล้ว
          "ย้ากกกก!!!"
          "ฮะ! เฮ้ย!!!"
          หัวหน้าโจรหลบดาบของผมไปอย่าง ง่ายดาย ไม่เคยเห็นใครที่เร็วขนาดนี้มา ก่อน
          "ฮึ มีฝีมือเหมือนกันนี่หว่า ข้าชื่อฮิโนะ ขุนพลแห่งกองโจรหมวกดำ ขอท้าดวลกับแก!"
          "ฉัน เมอร์ซี่ เด็กชาวนาธรรมดาขอรับคำท้า"
          "เป็นคำประกาศตัวที่ห่วยแตกมาก..."
          "แล้วจะให้พูดว่า 'ข้า! ผู้กล้าในตำนาน เมอร์ซี่ ทันเดรียส ขอตัดสินโทษที่เจ้า ทำลายอาณาจักรแห่งนี้จนสิ้น ณ บัดนี้!'รึ ยังไงกัน"
          "ก็แค่ไม่คิดว่าคนที่เข้าใกล้ตัวข้าได้ ขนาดนี้จะเป็นเด็กชาวนากระจอกๆนี่หว่า"
          "ฝีมือตกสินะแกน่ะ"
          "หุบปากไปเลย!"
          เพียงดาบแรกที่ฮิโนะฟันลงมา ประกายเพลิงอันโชติช่วงก็ตัดผ่านดาบของผม ไปอย่างไม่ใยดี
          "ดะ...ดาบ!"
          ไม่มีใครเคยตัดดาบผมจนขาดเป็นสอง ท่อนขนาดนี้มาก่อน ผมตกใจกับสถาน-การณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นอย่างมาก
          "ฮะฮ่า...ตอนนี้แกไม่มีดาบแล้ว งั้นก็ตายซะเถอะเจ้าหนู!"
          "ฮึบ!!!"
          "พระราชา!"
          พระราชาเข้ามารับดาบของฮิโนะแทน ผม นักรบผู้ทรงพระปรีชาสามารถอย่าง พระองค์ไม่มีทางที่จะถูกเล่นง่ายๆอย่างแน่นอน ผมเชื่ออย่างนั้นเมื่อผมได้เห็นภาพ นั้นเกิดขึ้นตรงหน้า
          "เมอร์ซี่! อย่าเพิ่งช็อคเพราะตัวเองแพ้จนลืมสถานการณ์ตอนนี้ไปสิ"
          "ผมไม่ได้ช็อคเพราะผมแพ้หรอกครับ"
          "อ้าว? แล้วเมื่อกี้นิ่งไปทำไม"
          "ก็แค่กำลังเสียดายดาบเท่านั้นเอง"
          "นี่ห่วงดาบมากกว่าชีวิตตัวเองเรอะ?!"
          "ใครว่าละคร้บ?!!"
          พระราชากำลังพยายามต่อต้านฮิโนะ อย่างสุดความสามารถ ดาบของพระองค์นั้น เปล่งประกายเป็นสีเหลืองทองอย่างที่ไม่ ค่อยได้เห็นนักเข้าฟาดฟันกับลำแสงสีแดง เพลิงอันเกรี้ยวกราดของหัวหน้าหน่วย ของกองโจรหมวกดำ
          ระหว่างที่กำลังคุยกับอาจารย์ อยู่ๆเขาก็ หยิบดาบในฝักให้ผมเล่มนึงก่อนจะพูดต่อไป
          "ถ้าเสียดายนักก็เอาดาบนี่ไปใช้ซะ!"
          "เอ๊ะ นี่มันดาบจริงไม่ใล่เหรอครับ?!"
          "ก็ดาบจริงนะสิ! สถานการณ์อย่างนี้ยัง จะใช้ดาบไม้อีกเรอะ?!"
          ในขณะที่ผมกำลังจะรับดาบนั้นมานั่นเอง
          "ข้าไม่ยอมให้แกได้ดาบหรอก!"
          ใครจะไปนึกว่าเจ้าหัวหน้าโจรนั่นจะมีแส้ด้วย มันตวัดแส้แย่งดาบในมือของท่าน อาจารย์ไปอย่างง่ายดาย
          "วะฮ่าๆ เท่านี้ข้าก็มีของดีมาอยู่ในมือ แกเสร็จข้า...อ่าว เอ๊ะ?!"
    เจ้าโจรนั่นเพิ่งจะสังเกตว่าที่แย่งมาได้ นั้นเป็นแค่ฝักของดาบเท่านั้น ส่วนดาบ ของจริงนั้น...
          "ดาบอยู่นี่ต่างหากเล่า~"
          "เฮ้ย?!" "เฮ้ย?!"
          "เอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!!"
          เพียงชั่วพริบตาเดียวที่ดาบถูกชิงไปจากมือของอาจารย์แท็คเกิ้ล ผมก็หยิบดาบนั้นออกมาจากฝักได้ทันท่วงที
          มันเป็นดาบที่ทำจากโลหะ ด้ามดาบมี สัญลักษณ์สายฟ้าประดับอยู่สายหนึ่ง ปลาย ด้ามเป็นสีเหลืองทอง ส่วนปลายของกำบังดาบนั้นแยกออกไปสองข้างและตั้งประกบไปกับตัวดาบ ปลายของส่วนนั้นไม่เท่ากัน ข้างหนึ่งสั้นกว่าอีกข้างหนึ่งและทั้งสองฝั่ง ต่างงอตวัดออกไปด้านข้างทั้งคู่ ด้ามดาบเป็นสีเงินเปล่งประกายเงางามมีคมทั้งสองด้าน ควรจะเรียกว่ากระบี่มากกว่าจะเป็น ดาบนะเนี่ย คงเพราะคมข้างหนึ่งทื่อกว่าเล็กน้อยละมั้ง
          "ชื่อของมันคือดาบไรริวยังไงล่ะ"
          "นี่น่ะเหรอดาบ มองทีแรกนึกว่ากระบี่ นะเนี่ย..."
          "แก...เอามานี่!!!"
          ดาบที่เหมือนจะเป็นของล้ำค่านั่นกำลังจะถูกชิงไปอีกครั้งด้วยแส้นั่น แต่ผมก็ตวัดดาบนั่นกลับไป
          "ดูจะเป็นดาบที่ดีเลยแฮะ ไม่ค่อยหนัก แถมท่าทางทนทานอีก"
          แน่นอนว่าจอมโจรอย่างฮิโนะเมื่อ พลาดไปครั้งหนึ่งย่อมไม่ยอมหยุดอยู่แค่ นั้นแน่ คราวนี้จอมโจรบุกเข้ามาด้วยตัว-เอง ฟาดดาบอันเปล่งประกายสีแดงเพลิง น่าเกรงขามนั่นลงมาอย่างแรง
          "ฮึบ! ครั้งนี้ไม่ให้หักหรอกน่า!"
          "แน่อยู่แล้ว! ถ้าหักอีกข้าก็อดเซ่!"
          "ย้ากกกกก!!!"
          การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ดาบที่ผมเคยจับไว้มือเดียวตอนนี้ต้องจับไว้ด้วยมือทั้งสองข้างที่มีเพื่อดึงพลังออกมาให้ได้ มากที่สุด
          "ตายซะเถอะไอ้หนู!"
          "ถ้าฉันตายใครจะดูแลครอบครัวฉันล่ะ?!"
          "เรื่องของแกโว้ย!"
          ไม่มีช่องว่างพอจะให้พระราชาหรือ อาจารย์เข้ามาแทรกได้เลย การต่อสู้นั้น รุนแรงและดุเดือดมากจนแทบจะไม่สามารถคุมสถานการณ์ไว้ได้ จังหวะนั้นเองที่ มีทหารนายหนึ่งวิ่งเข้ามาทางนี้อย่างรีบ-ร้อน ท่าทางบาดเจ็บสาหัสทีเดียว
          "เกิดเรื่องใหญ่แล้วพระราชา!!!! ลูกแก้วถูกขโมยไปจากแท่นศักดิ์สิทธิ์แล้ว ขอรับ!!!!"
          "อะไรนะ?!"
          "เป้าหมายของมันคือสิ่งนั้นเองรึ!"
          อาจารย์ท่าทางตกใจเป็นอย่างมาก พระ ราชาเองก็ดูตกใจไม่ใช่น้อย วินาทีที่ผมละ ความสนใจจากฮิโนะ เจ้านั่นก็กระโดด ออกไปทันที
          "วะฮ่าๆๆ! เป้าหมายที่ข้ามาที่นี่เสร็จสิ้นลงแล้ว ลาล่ะ!"
          "เดี๋ยวก่อน!!!"
          ผมเข้าไปรั้งไว้ไม่ทัน เจ้านั่นหายไป ในระเบิดเปลวเพลิงอันรุนแรงที่ถูกทิ้งลง พื้นก่อนหน้านั้นดูคล้ายนินจาที่หายตัวด้วย ระเบิดควัน
          ...
          บ้านเมืองพังพินาศ ซากปรักหักพังของ ปราสาทพระราชานั้นเสียดแทงจิตใจของ ผู้คนยิ่งนัก กองโจรบุกเข้ามาในอาณาจักร อย่างรวดเร็วและรุนแรงจนไม่อาจต้านทานอะไรได้เลย...
          "บ้าเอ้ย! ปล่อยมันหนีไปจนได้"
          พระราชาอุทานอย่างเจ็บแค้น
          "เรื่องนั้นช่างก่อนเถอะขอรับ เห็นว่า ลูกแก้วอะไรหายไปไม่ใช่เหรอครับ? เป็น ของสำคัญงั้นเหรอครับ?"
          "นั่นล่ะคือความลับของความยิ่งใหญ่ และความเจริญอุดมสมบูรณ์ของเรา แท่น บูชาที่อยู่รอบๆอาณาจักรทั้งสิบสองแท่นจะ มีลูกแก้วฝังอยู่แท่ละหนึ่งลูก ลูกแก้วพวก นั้นจะคอยส่งพลังเพื่อปกครองอาณาจักร ของพวกเรา"
          "ถ้าอย่างนั้นอาณาจักรของเราก็..."
          "ตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะ"
          "ไม่จริงน่า..."
          ทั้งเฟอร์เซี่ยนและอาชต่างทำหน้าซีด เผือดไปพร้อมๆกัน แม่กำลังกอดกับพวก น้องๆด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
          "ลูกแก้วก็ถูกขโมยไป บ้านเมืองก็พัง พินาศ อาณาจักรนี้คงจะล่มสลายในไม่ช้า แล้วล่ะ..."
          "มีทางไหนจะช่วยได้มั้ยครับอาจารย์?"
          "ก็คงต้องไปตามเอาลูกแก้วทั้งสิบสอง นั่นกลับคืนมา ขอแค่มีสิ่งนั้น อย่าว่าแต่จะ คืนชีวิตให้ผืนแผ่นดินนี้เลย จะซ่อมแซม อาณาจักรให้กลับมารุ่งเรืองดังเดิมก็ยังได้"
          "ลูกแก้วนั่นทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ..."
          อาณาจักรทั้งอาณาจักรจมลงสู่ก้นบึ้ง แห่งความสิ้นหวังไปพร้อมๆกัน เวลาอย่าง นี้ผู้กล้าในตำนานไปมัวหลบอยู่ที่ไหนกัน ฉันเองก็ไม่รู้ แบบนี้คงทนรออยู่เฉยๆไม่ ได้แล้วล่ะ ผมรวบรวมความกล้าพูดในสิ่ง ที่เหนือความเข้าใจของคนรอบข้างเป็น อย่างมาก
          "ผมจะไปนำมันกลับมาเอง!"
          "อะไรนะ?!"
          "ไม่ไหวหรอก พวกโจรหายไปจาก บริเวณนี้กันหมดแล้ว เบาะแสก็แทบจะ เป็นศูนย์ แล้วอย่างนี้จะไปหาเจอได้ยัง ไง"
          ทั้งราชาและอาจารย์ต่างตกใจที่ผมพูด อย่างนั้นออกมา อาจารย์พยายามรั้งไว้ไม่ ให้ผมไป ผมจึงยื่นคำขาดกับอาจารย์
          "แต่ถ้าขืนมัวแต่รอให้ผู้กล้าที่ไม่รู้จะมี อยู่จริงมั้ยไปนำมันกลับมาอาณาจักรนี้ต้องแย่แน่ๆ ไม่ว่ายังไงผมก็จะไป ดีกว่าอยู่รอ ความล่มสลายจริงๆของอาณาจักรนี้อยู่เฉยๆอย่างนี้แน่"
          "เมอร์ซี่ เอาจริงเหรอ?"
          "มันอันตรายนะ! ให้อาจารย์หรือใคร ไปแทนก็ได้นี่"
          คราวนี้พวกเฟอร์เซี่ยนและอาชเป็น ฝ่ายรั้งผมไว้บ้างในขณะที่พระราชาและ อาจารย์ต่างตกตะลึงกับบางอย่างจนไม่อาจ พูดอะไรออกมาได้
          "สถาบันกษัตริย์คือสิ่งสำคัญในการรวบ รวมผู้คนให้เป็นปึกแผ่น ดึงผู้คนขึ้นมาจาก ก้นบึ้งแห่งความสิ้นหวัง ในเวลาอย่างนี้ก็ ควรที่จะอยู่ที่นี่เพื่อปลอบประโลมประชาชน เพราะงั้นคนที่ควรจะไปก็ควรจะเป็นคนที่ ไม่มีหน้าที่อะไรในการบูรณะบ้านเมืองสิ จริงมั้ย?"
          "พี่จะไปจริงๆเหรอ..."
          คราวนี้มิลลี่เริ่มสะอึกสะอื้น แม่กำลังจับ บ่าเพื่อปลอบประโลมเธออยู่ ในจังหวะนั้นเอง
          "ไปเถอะพี่!"
          บรรยกาศรอบข้างเงียบสงัดราวกับเสียง เล็กๆของมิ้กกี้หยุดเวลาไว้
          "ผมเชื่อว่าถ้าเป็นพี่ต้องทำสำเร็จได้ แน่ๆ"
          "ชะ ใช่แล้วค่ะ! ถ้าเป็นพี่ละก็ ไม่ว่ายัง ไงพี่ก็ต้องทำหน้าที่นี้ได้สำเร็จแน่ๆ ไม่ ต้องรอผู้กล้าในตำนสนอะไรนั่นหรอก แค่ พี่คนเดียวก็พอแล้ว!"
          ในที่สุดมิลลี่ก็เลิกร้องให้ พยายามจะ พูดให้กำลังใจผมเท่าที่จะทำได้
          "จริงด้วย ในบรรดาพวกเรานายเก่งที่สุดนี่นา"
          "ถ้าเป็นนายละก็เจอพวกโจรเป็นกองทัพก็คงไม่หวั่นแน่"
          นั่นก็พูดเกินไป ผมจำเป็นต้องได้รับการอนุญาติจากพระราชาจึงจะสามารถไปได้
          "พระราชา..."
          "..."
          พระราชานิ่งเงียบไปพักหนึ่งราวกับจะ ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ในที่สุดพระองค์ก็ ตรัสออกมา
          "ข้าอนุญาติ จงนำลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสองกลับคืนสู่อาณาจักรให้ได้!"
          "ขอบพระทัยพะยะค่ะ!"
           ...

          การเดินทางของผมจะเริ่มจากนี้เป็นต้น ไป ดาบไม่ของผมหักไปแล้วจึงจำเป็นต้อง ใช้ดาบไรริวที่อาจารย์ให้มาเป็นอาวุธหลัก ผมเก็บดาบนั้นเข้าฝักและตระเตรียมของ ออกเดินทางไปแทบจะในทันที
          "ลาก่อนนะพี่!!!"
          "กลับมาให้ได้นะ!!!"

          "ลาก่อน!!! ฉันจะกลับมาอย่างแน่ นอน!!!"
          ผมหันกลับมาตอบกลับคำอำลาและเดิน จากบ้านเกิดเมืองนอนของผมมุ่งไปสู่โลก กว้าง
          "อย่าลืมตามหาเด็กคนนั้นให้เจอนะ!"
          "มันไม่ใช่ประเด็นหลักโว้ย! แล้วเด็กอ่อนแออย่างนั้นคงไม่น่าจะเจอง่ายๆหรอก!!!"
          หันกลับมาตะคอกอาชเสร็จผมก็หันหลัง กลับไป และออกเดินทางจริงๆซะที
          ...
          พระราชาและอาจารย์ต่างยืนมองดูผม เดินจากไปจนสุดสายตา
          "ไม่มีใครบอกเจ้านั่นใช่มั้ย? ว่าดาบนั่น เป็นดาบวิเศษของผู้กล้าในตำนานที่มีแต่ ผู้กล้ากับผู้ที่ถูกเลือกโดยผู้กล้าจะใช้มันได้"
          "ไม่ได้บอกหรอกขอรับ ขืนบอกไปเจ้า นั่นคงไม่ยอมเอาดาบนั่นไปด้วยแน่ ปล่อย ให้เป็นอย่างนี้คงจะดีที่สุดแล้วล่ะ ยังไงเขา ก็เป็นผู้กล้า ถึงจะไม่รู้ตัวก็เถอะยังไงซะก็ เหมาะสมแล้วที่จะใช้ดาบนั่น"
          "นั่นสินะ ขอให้เธอทำงานนี้ให้สำเร็จนะ เมอร์ซี่..."


    [ตัวอย่างตอนต่อไป]

          "พอแค่นั้นล่ะเจ้าพวกมนุษย์!!!"
          เหล่ามังกรเริ่มมารวมตัวกัน บนฟากฟ้า มีเงาทะมึนจำนวนมหาศาลที่ดูจะตัวเล็ก กว่าจ้าวมังกรเล็กน้อย
          "มะ มังกร..."
          "หัวหน้า! รีบหนีกันก่อนเถอะ!!"
          "หึ! ก็ได้ จะได้ไปรายงานเรื่องลูกแก้ว ให้ท่านผู้นั้นรู้ด้วย เจอกันครั้งหน้าแกไม่ รอดแน่'เมอร์ซี่ ทันเดรียส'!!!"


    วันที่ลง : 10/12/59

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×